แด่มิ่งมิตร...ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคนธรรมดา และทำให้ฉันรู้สึกตัวว่า... "โชคดีที่เข็มนาฬิกา...ยังหมุนไปข้างหน้าทุกวัน" "เธอคือมิ่งมิตร" ที่มาต่อเติมความคิดและความฝัน เป็นทั้งความดีงามในปัจจุบัน "และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป" มีถ้อยคำมากมาย อยากจะบรรยายความรู้สึก แทนทุกถ้อยในส่วนลึก แทนทุกความคิดนึกในหัวใจ ขอบคุณทุกความปรารถนาดี วันเวลาที่มีช่างสดใส เราต่างร้อยเรียงความห่วงใย ส่งผ่านกำลังใจไปถึงกัน ถ้าพรุ่งนี้ฉันไม่อยู่ อยากให้รู้แค่ช่วงสั้นๆ ไม่ได้ทำให้เราหลงลืมกัน มิตรภาพเหล่านั้น... " ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง" วันหนึ่งเจ้าความเหงา อาจตามเราทุกหนแห่ง จนรู้สึกเหมือนถูกแบ่งพื้นที่หัวใจแหว่งเว้าไป นั่นแหละคือ"ความรัก" ที่ชวนชักความหวั่นไหว ให้เข้ามาเกะกะใน...โลกส่วนตัวของใครต่อใครหลายคน เหมือนเช่นฉันและเธอ มิ่งมิตรที่เจอช่วงชีวิตนี้ เธอเป็นส่วนหนึ่งของวันดีดี ทั้งๆก่อนหน้านี้... ฉันหวงแหนชีวิตเที่มีเดิมๆ ขอบคุณที่เข้ามาแต่งเติม มาช่วยเพิ่มสีสัน ให้แต่ละนาทีแต่ละวัน.... ฉันรักคำว่า"ปัจจุบัน"กว่าสิ่งใด
ถนนแห่งศรัทธา มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือพรมแดงเสมอไป บ่อยครั้งที่ต้องข้ามผ่านขวากหนาม และหลายคราถนนเส้นนี้ก็เต็มไปด้วย อิฐ หิน ปูน ทราย หรือก้อนกรวด ทำให้ยากลำบากต่อการเดินทาง แต่ถนนเส้นนี้ "ไม่มีทางตัน" จุดหมายปลายทางไม่มีที่สิ้นสุดตราบใดที่ลมหายใจไม่หยุดฤาอ่อนล้า เดินทางต่อไปเถิด"คนกล้า" ฉายแสงแห่งความศรัทธาส่องลงมาปลอบประโลมใจ วันใดใจหดหู่ คลับคล้ายอยู่อย่างโดดเดี่ยว ท่ามกลางสายน้ำเชี่ยว โปรดเถอะเหลียวมองกลับมา ยังมีคนอีกมาก เขาอยากฝากถึงคนกล้า อย่าหมดแรงศรัทธาตราบชีวายังคงมี ================================= คำกลอนสอนใจจากท่านอ.พุทธทาส โลกเปรียบศาลาให้อาศัย โลกนี้เปรียบ ศาลา ให้อาศัย ประเดี๋ยวใจ ผ่อนพัก แล้วจักผัน ทางที่ดี เมื่อพราก ไปจากมัน ควรสร้างสรร ส่งเสริม เพิ่มคะแนน เมื่อเราได้ เกิดมา ในอาโลก ได้พ้นโศก พ้นภัย สบายแสน จึงควรสร้าง สิ่งชอบ ไว้ตอบแทน ให้เป็นแดน ดื่มสุข ขึ้นทุกกาล คุณความดี ของท่าน กาลก่อนก่อน ที่ท่านสอน ไว้ประจักษ์ เป็นหลักฐาน เราเกิดมา อาศัย ได้สำราญ ควรหรือผ่าน พ้นไป ไม่คำนึง ฯ ================================= มอง-มอง-มอง มองอะไร มองให้เห็น เป็นครูสอน มองไม้ขอน หรือมองคน มองค้นหา มองเห็นความ เสมอกัน มีปัญญา มองเห็นว่า ล้วนมีพิษ: อนิจจัง มองทุกข์สุข ก็จงจ้อง มองให้ดี มองว่าเป็น อย่างที่ คนเราหวัง มองว่าเป็น ตามปัจจัย ให้ระวัง มองจริงจัง ก็จักเห็น เป็นธรรมดา มองโดยนัย ที่มันสอน จะถอนโศก มองเยกโยก มันไม่สอน ร้อนเป็นบ้า มองไม่เป็น โทษผีสาง นางไม้มา มองถูกท่า ไม่คว้าทุกข์: มองถูกจริง! ================================= จะดูโลกแง่ไหนดี? จงดูเถิด โลกนี้ มีหลายแง่ ดูให้แน่ น่าสรวล เป็นชวนหัว หรือชวนเศร้า โศกสลด ถึงหดตัว ดูให้ทั่ว ถ้วนความ ตามแสดง จะดูมัน แง่ไหน ตามใจเถิด แต่ให้เกิด ปัญญา มาเป็นแสง ส่องทางเดิน ชีวา ราคาแพง อย่าให้แพลง พลาดพลั้ง ระวังเอย ฯ ================================= http://www.watkoh.com/data/budha_dasa/to_dhama.html
นกเงือก นับได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ของป่า เพราะธรรมชาติของนกเงือกนั้นเป็นนกขนาดใหญ่ ออกหากินไกลในบริเวณป่าที่มีความหลากหลายของพืชพันธุ์และอาหารอย่างสมบูรณ์เช่นป่าดงดิบ นอกจากนี้ ชีวิตคู่ของนกเงือกยังแสดงถึงความเป็นรักแท้ ผัวเดียวเมียเดียว นกเงือกนั้น เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว มันจะเที่ยวบินตามหารักแท้เหมือนที่พวกเราหลาย ๆ คนกำลังตามหากันอยู่ โดยตัวผู้จะเป็นฝ่ายเที่ยวบินตามหาตัวเมียที่เป็นที่รัก หลังจากบินอยู่นาน นกเงือกตัวผู้ก็ได้พบกับนกเงือกตัวเมียที่นกเงือกตัวผู้คาดหวังว่าคงจะเป็นรักแท้ นกเงือกตัวผู้เที่ยวบินหาอาหารต่าง ๆ หลายชนิด มาให้ตัวเมียเพื่อหวังจะได้ครองใจจากตัวเมีย บินไปครั้งแล้วครั้งเล่า และแล้วนกเงือกตัวเมียก็รับอาหารที่ตัวผู้เสนอให้ นั่นหมายความว่าตัวเมียตกลงปลงใจที่จะเป็นรักแท้ของตัวผู้ แล้ว สิ่งต่อไปก็คือการหาบ้านน่าอยู่สักแห่ง ที่จะเป็นเรือนหอใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข ซึ่งโดยธรรมชาติของนกเงือกถึงแม้จะมีปากที่ใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถเจาะโพรงไม้เองได้ ต้องอาศัยโพรงที่อาจจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของต้นไม้ หรือที่เกิดจากการเจาะหาน้ำผึ้งของหมี หรือจากการเจาะของนกบางประเภทเพื่อกินแมลง เมื่อตัวเมียพอใจกับรังตัวผู้นำเสนอ ตัวเมียจึงยอมให้ผสมพันธุ์ แล้วนกทั้งคู่ก็จะช่วยกันหาเศษใบไม้ใบหญ้ามาสร้างรังเพื่อรอต้อนรับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก และเมื่อพร้อมที่จะวางไข่ นกเงือกตัวเมียก็จะเข้าไปอยู่ในโพรงไม้นั้นแล้วใช้โคลนผสมมูลของมันทำการฉาบปิดปากโพรง โดยจะเหลือช่องเล็กๆ พอที่จะให้นกตัวผู้สามารถนำอาหารมาป้อนได้เท่านั้น และในช่วงนี้แม่นกก็จะสลัดขนตัวเองเพื่อให้ความอบอุ่นกับลูกน้อย ในช่วงนี้พ่อนกจะต้องทำหน้าที่อย่างหนักในการหาอาหารเพื่อมาป้อนแม่นกและลูกนก การแก่งแย่งอาหาร ผลไม้ที่นกกก นำไปเลี้ยงลูก และ นกตัวเมีย ก็เป็นอาหารของสัตว์และนกที่กินผลไม้ ด้วยเช่นกัน เช่น ชะนี ลิง กระรอก นกโพระดก นกเขียวคราม นกเปล้าชนิดต่างๆ นกมูม นกขมิ้นท้ายทอยดำ เป็นต้น เนื่องจาก นกกก เป็นนกเงือกขนาดใหญ่ จึงต้องการอาหารปริมาณมากในแต่ละมื้อ ยิ่งในฤดูเลี้ยงลูกอ่อนแล้ว พ่อนกต้อง หาเลี้ยงถึง 3 ปาก ถ้าต้นผลไม้อยู่ห่างไกลมาก การบินไปกลับเพื่อนำอาหารไปที่รังวันละไม่น้อยกว่า 12 เที่ยวต่อวัน เป็นภาระที่นกกกตัวผู้ เหน็ดเหนื่อย น่าสงสารอย่างยิ่ง ระยะที่แม่นกยังฟักไข่อยู่ อาหารที่พ่อนกนำมาป้อน จะเป็นผลไม้เป็นหลัก แต่เมื่อลูกนกฟักจากไข่ อาหารที่นำมาป้อนจะต้องเป็นโปรตีน ที่ลูกนกต้องการเพื่อสร้างความเจริญ เติบโต อาหารที่พ่อนกนำมา จะประกอบด้วย แมลง กิ้งก่า ตุ๊กแกป่า จิ้งจก จักจั่น ตะขาบ บางครั้งพ่อนกนำอาหารซ้ำกันมาป้อน แม่นกอาจจะรับแล้วโยนทิ้งต่อหน้าต่อตา เป็นสัญญาณเตือน พ่อนกว่า ถึงเวลาต้องเปลี่ยนชนิดอาหารแล้ว นกกก ปกติกินอาหารได้ทั้งผลไม้ และ เนื้อสัตว์ จากการวิจัย นกเงือกที่อุทยานฯ เขาใหญ่ พบว่า นกกกกินผลไม้อย่างน้อย 60 ชนิด กินสัตว์ชนิด ต่างๆ 70 ชนิด นกเงือกบางชนิดเช่น นกเงือกสีน้ำตาล ชอบกินแมลง มากกว่า ผลไม้ แต่นกเงือกกรามช้างปากเรียบ ชอบกินผลไม้เป็นหลักเป็นต้น ไม่ใช่เหมาเอาว่า นกเงือกทุกชนิดชอบกิน ลูกไทร เพราะนกเงือกบางชนิด ก็ ไม่กินลูกไทร แม้แต่อาหาร ก็ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของป่าที่มันอยู่ ว่ามีพืชอาหารชนิดใด นกกก ชนิดที่อยู่ทางภาคใต้ ก็ กินอาหารแตกต่างไปจาก นกกก ที่อยู่ทางภาคตะวันตก เป็นต้น ======================================================== ถ้าในช่วงนี้พ่อนกถูกจับหรือถูกทำร้าย นั่นก็หมายความว่าไม่ใช่แค่เพียงพ่อนกเท่านั้น แต่มันหมายถึงแม่นกและลูกนกก็จะต้องตายตามไปด้วยเช่นกัน ======================================================== เมื่อลูกนกเริ่มโตและขนใหม่ของแม่นกพร้อมแล้ว ก็จะทลายปากโพรงออกมาเพื่อช่วยหาอาหารอีกแรงหนึ่ง ปัญหาที่เกิดขณะตัดสินใจออกจากรัง การออกจากรังมิใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไป สำหรับลูกนกกก เพราะในเมื่อ แม่ของมัน ออกจากรังไปก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อช่วยพ่อของมันหาอาหารมาเลี้ยงลูก เพราะลูกนกไม่เคยมี ประสบการณ์ การแทรกตัวออกมาจาก ที่แคบๆมาก่อน และบางรังบางครั้ง พื้นรังก็อยู่ต่ำกว่าปากโพรง มากกว่าปกติ ครั้งหนึ่ง ที่พื้นรังต่ำมาก ลูกนกต้องตะกายปีนขึ้นมา มันได้แต่เพียง ยื่นหัวและปีกข้างหนึ่งออกมาได้เท่านั้น ลูกนกต้องตะเกียกตะกาย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แบบนี้อยู่ถึง 2 วันจึงแทรกตัวออกมาได้สำเร็จ ซึ่งความพยายาม นี้พ่อแม่ของมันได้แต่เฝ้าดู และให้กำลังใจ แต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ เป็นการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดครั้งแรกของมัน เมื่อนำตัวออกมาได้ เนื้อตัว ของมันสกปรก มอมแมม ไปหมด แต่คนที่เฝ้าดูอยู่ก็รู้สึกโล่งอก และยินดีที่มันทำได้สำเร็จ วิถีชีวิตประจำวัน เมื่อออกจากรังแล้ว ลูกนกกก จะยังคงโผบินไปมาอยู่ตามกิ่งไม้ใกล้ๆรังอยู่ราว 1 สัปดาห์ จากนั้นจึงบินตามพ่อแม่ของมันไปเข้าฝูงเดียวกับพ่อแม่ของมัน พ่อแม่ยังตามคอยป้อนและพาไปหาอาหารอยู่ราว 4 - 6 เดือน หรือจนกว่าจะเริ่ม เข้า ฤดูผสมพันธุ์ทำรังรอบใหม่ ลูกนกกกวัยรุ่นจึงจะแยกไปเข้ารวมฝูงกับนกวัยเดียวกัน แต่ก็ยังอยู่ในฝูง ของนกกกที่โตแล้ว ซึ่งอาจเป็น ครอบครัว ใหม่มิใช่ฝูงเดียวกับพ่อแม่ของมันก็ได้ นับได้ว่าชีวิตรักของนกเงือกเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และเป็นการแสดงออกของความรักที่แท้จริง ที่สรรพสิ่งสร้างสรรค์ได้สะท้อนให้เราเห็นถึงวิถีแห่งการดำรงอยู่ของความรักที่แท้จริง นอกจากความรัก และความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของนกเงือกแล้ว นกเงือกยังเป็นสัตว์สำคัญที่เป็นตัวแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าที่มันอาศัยอยู่ เพราะมันจำเป็นจะต้องสร้างรังในโพรงต้นไม้สูง แข็งแรง ในป่าทึบ และด้วยความหลากหลายของการกินอาหาร นกเงือกจึงเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงดุลยภาพต่างๆ ในสังคมป่าเขตร้อนให้คงอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง นกเงือกอาจมีอายุยืนยาวได้ถึง 30 ปี แต่ละตัวสามารถช่วยกระจายเมล็ดพันธุ์ไม้มากกว่า 100 ต้น/สัปดาห์ หากไม้เหล่านี้สามารถเจริญเป็นไม้ใหญ่ได้เพียง 5 เปอร์เซ็นต์ หนึ่งชีวิตของนกเงือกจะสามารถปลูกไม้สำคัญของป่าได้ถึง 500,000 ต้น ดังนั้นความรักของนกเงือก จึงไม่ใช่เพียงเพื่อขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนให้กับสายพันธุ์ของมันเองเท่านั้น มันกลับเผื่อแผ่ความรักของมันให้กับป่า ให้กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวของมัน ซึ่งมนุษย์เราก็ได้รับประโยชน์จากความรักนั้นในทางอ้อมจากความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ นกเงือก เรียกอีกอย่างว่า "นกกก" เกี่ยวกับความฉลาดของนกกก เป็นที่สังเกตได้ว่า นกกก จำคนได้แม่น มันจะจำได้ว่า ใครที่เคยให้ อาหารมันบ่อยๆ หรือ ใครที่ชอบแกล้งมัน เช่น โยนก้อนหินใส่ หรือ ใช้ไม้ไล่ตีมัน คุณคงเคยได้ยิน นกกกกำพร้า ตัวผู้ที่ชื่อ "แนนซี่ " ที่เคยเลี้ยงปล่อยบินอิสระอยู่ที่อุทยานฯ แก่งกระจานได้ ใคร หรือ เจ้าหน้าที่คนที่เคยให้อาหารมันบ่อยๆ พอเห็นหน้า มันจะบินเข้ามาหา ทำท่าทางประจบอ้อนขอของกินทีเดียว เล่ากันว่าเคยมีนักท่องเที่ยวผู้หญิงสวมแว่น ใส่เสื้อสีแดงคนหนึ่ง เอาไม้ หรือ ก้อนหินขว้างมันจนเจ็บ ปรากฎว่าหลังจากนั้น ถ้าเห็นผู้หญิงสวมแว่น หรือ สวมเสื้อสีแดง มันจะตั้งตัวเป็นศัตรู คอยไล่จิกตีอยู่เสมอ ในการทำวิจัยเรื่องนกเงือก ที่เขาใหญ่ นกกก จะจำบังไพรที่นักสำรวจทำไว้ได้ มันจะคอยดูถ้าเห็น นักสำรวจ เดินมาใกล้บังไพร ที่ทำไว้ใกล้รัง มันจะส่งเสียงขับไล่ และ ใช้ปากคาบกิ่งไม้แห้ง หรือ หักกิ่งไม้สดที่มีใบติดอยู่โยน ใส่ เพื่อไล่ไม่ให้เข้าบังไพร ซึ่งมันถือว่าไปรบกวน หรือ คุกคาม รังของมันทีเดียว อีกเรื่อง คือ ความสามารถในการนับ สังเกตกันว่า มันจะรู้ว่า มีคนเดินมาเข้าบังไพรกี่คน ถึงแม้จะแกล้งเดินหนีไปบ้างเมื่อมันขับไล่ เพื่อให้มันตายไจว่าคนไปหมด แล้ว แต่ก็หลอกมันไม่สำเร็จ เพราะมันจะ ยังคงมีท่าที ส่งเสียงร้องขับไล่อยู่ เหมือนมันจะนับได้ว่า คนที่มากี่คน และ กลับออก ไปกี่คน มันจะรู้ว่ายังมีคนเหลืออยู่ในบังไพร แสดงว่าศัตรูที่มันถือว่าคุกคามรังยังคงอยู่ จึงตั้งหน้าตั้งตาไล่ ไม่ยอม เลิก ========================================= ติดตามอ่าน บทความเรื่องราวชีวิตของนกกก หรือ นกเงือกอย่างละเอียดได้ที่เว็บเหล่านี้ค่ะ http://atcloud.com/stories/36682 http://pamame.com/sopon http://atcloud.com/stories/89790 http://mckazine.exteen.com/20080407/entry http://www.chiewlarncamping.com/forum/index.php?topic=27.0 ขอบคุณทุกแหล่งข้อมูลที่เก็บรวบรวมชีวิตนกเงือกและรูปภาพต่างๆให้พวกเราได้ศึกษากันค่ะ =========================================
ณ.ที่สถานีดับเพลิงแห่งหนึ่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เจ้าหน้าที่ : สวัสดีครับสถานีดับเพลิงครับ หญิงสาว : มีผู้ชายคนหนึ่งมายืนดูหนูหลายครั้งแล้วค่ะเขาเข้ามาพยายามปีนขึ้นหน้าต่างห้องของหนู เจ้าหน้าที่ : นี่ คุณโทรมาผิดที่แล้วนี้สถานีดับเพลิงนะ หญิงสาว : ไม่ผิดหรอกค่ะ คือหนูอยากได้บันไดยาว ๆ นะค่ะเพราะห้องของหนูมันสูง เจ้าหน้าที่ : !!!!! ...ซื้อเอง... ตำรวจจับผู้ร้ายได้คนหนึ่ง กำลังจะพาไปโรงพัก แต่เผอิญตำรวจอยากสูบบุหรี่ ผู้ร้ายจึงบอกว่า ผู้ร้าย: เดี๋ยวผมไปซื้อให้ครับ ตำรวจ: แกคิดว่าฉันโง่รึไง ถ้าแกไปซื้อแกก็หนีสิ แกรออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันไปซื้อเอง ^^" ...วิธีซื้อของให้แฟน... "ผมจะซื้อรองเท้าให้แฟนผมสักคู่ครับ" ชายหนุ่มบอกพนักงานขายสาวสวย "แฟนคุณใส่เบอร์อะไรคะ" พนักงานสาวถาม "เอ.. ไม่รู้แฮะ ผมลืมถามเธอ" "ลองดูเท้าฉันก็ได้ค่ะเท่านี้หรือเปล่า ลองจับดูก็ได้นะคะจะได้กะขนาดถูก" พนักงานสาวถอดรองเท้าให้ชายหนุ่มคลำ เพื่อกะขนาด "ผมว่าขนาดเดียวกันนะ" ชายหนุ่มบอกหลังจากคลำไปได้สักครู่หนึ่ง ตกลงวิธีการของพนักงานสาวได้ผล เธอขายรองเท้าได้คู่หนึ่ง "อยากซื้ออะไรอย่างอื่นไปฝากแฟนอีกหรือเปล่าคะ" เธอถาม ชายหนุ่มหรี่ตาเจ้าเล่ห์ "เอ่อ.. ผมอยากได้ยกทรงกับกางเกงในสัก 2-3 ตัวน่ะครับ ...ห้ามรบกวน... คณะทัวร์กลุ่มหนึ่งนั่งรอหนุ่มบ้านนอกเพื่อนร่วมคณะที่จนแล้วจนรอดก็ไม่โผล่มาสักที ทั้งๆที่เลยเวลานัดมา 30 นาทีแล้ว ด้วยความสงสัย ไกด์สาวจึงโทร.ถามขึ้นไปตามที่ห้องพัก... " คุณจะไปหรือเปล่า เรานั่งรอกันมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ" ไกด์สาวกรอกเสียงไปอย่างฉุนๆ " โอย..ดีใจจังเลยที่คุณโทร.มา ช่วยผมหน่อยเหอะ ผมออกจากห้องไม่ได้ " หนุ่มบ้านนอกวิงวอน " เกิดอะไรขึ้นคะ " ไกด์สาวตกใจ " ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ในห้องนี้มีประตูอยู่ 3 บาน บานหนึ่งเป็นประตูห้องน้ำ บานหนึ่งเป็นประตูตู้เสื้อผ้า ส่วนอีกบานผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ผมไม่กล้าเปิด เพราะมีป้ายแขวนไว้ว่า "ห้ามรบกวน " ...อึราดแน่ๆ... ณ.ห้างสรรพสินค้าชั้นนำแผนกเครื่องเพชรคุณนายทัดทรวงกำลังยืนเลือกแหวนเพชรอยู่ ทันใดนั้นคุณนายทัดทรวงก็ได้เหลือบไปเห็นแหวนวงหนึ่ง...ซึ่งสวยงามมาก เธอจึงรีบก้มดูจนลืมระวังตัว เผลอผายลมออกมาด้วยความอายเธอจึงรีบหันซ้ายหันขวาปรากฎว่าบริเวณนั้นไม่มีใครผ่านมา จะมีก็เพียงเจ้าของร้านเพชรที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น ด้วยความเขินคุณนายทัดทรวงจึงรีบถามไปทันทีว่า เอ่อ..แหวนวงนี้ราคาเท่าไหร่คะ เจ้าของร้านเพชรตอบมาทันทีว่า "แค่คุณเห็นความงามของแหวนวงนี้ยังตดแตก แล้วถ้ารู้ราคาของมันคุณคงอึราดแน่ๆ ...อายุยืน... สุรศักดิ์มายืนรอแฟนที่ห้างแห่งหนึ่ง เขารอแฟนนานมากจึงคิดจะไปล้างหน้า หลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำเขาก็เหลือบไปเห็นเด็กวัยรุ่นกำลังนั่งกินช็อกโกแลค ทอฟฟี่ น้ำอัดลม เขาจึงเดินเข้าไปเตือน สุรศักดิ์ : น้อง น้องรู้ไหมว่าของพวกนี้ไม่มีประโยชน์ เด็กวัยรุ่น : รู้เพ่ ก็ผมกินประจำ สุรศักดิ์ : อ้าว แล้วน้องไม่เป็นไรหรือ เด็กวัยรุ่น : ปู่ผมอายุ 100ปี สุรศักดิ์ : ปู่น้องกินของพวกนี้ประจำเหมือนกันเรอะ เด็กวัยรุ่น : ป่าว สุรศักดิ์ : แล้วเอาปู่มาอ้างทำไม เด็กวัยรุ่น : ปู่ผมไม่เคยยุ่งเรื่องชาวบ้าน อายุเลยยืน สุรศักดิ์: ???????? ...สัตว์อะไรที่เธอชอบ... คุณครูคุยกับเด็กนักเรียนอนุบาล 1 ระหว่างคอยผู้ปกครองมารับกลับบ้าน "ที่บ้านหนูเลี้ยงสัตว์อะไรบ้างคะ" คุณครูถาม "มีหมาแค่ตัวเดียวค่ะ แต่ข้างบ้านเขาเลี้ยงตั้งหลายอย่างค่ะ มีนก แมว ชะนีก็มีค่ะ" หนูน้อยเล่า "แล้วหนูชอบอะไรมากที่สุดคะ" "ชอบนกกับปลาสวยๆ คะ" "เหรอคะ แล้วคุณพ่อคุณแม่ละคะชอบอะไร" ครูถามต่อ "คุณพ่อชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบสัตว์อะไรซักอย่าง.." หนูน้อยส่ายหน้าเมื่อพูดถึงคุณพ่อ "ส่วนคุณแม่.. เห็นคุณพ่อพูดอยู่เรื่อยเลยว่าคุณแม่ชอบแรดค่ะ.." ======================================== http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1391426 ======================================== ...แทนได้ไหม... เมื่อผู้จัดการถึงแก่กรรมลงในงานศพขณะที่กำลังนำร่างของผู้จัดการใส่เมรุ เพื่อจะทำพิธีฌาปนกิจ ผู้ช่วยผู้จัดการสบโอกาสตอนที่กำลังบรรจุศพ แอบแย็บๆกระซิบถามกับประธานบริษัท ผู้ช่วยผู้จัดการ : เอ่อ?.ท่านประธานครับ ไม่ทราบว่าจะให้ผมแทนผู้จัดการคนเก่าจะได้ไหมครับ ? ประธาน : จะเอางั้นเหรอ !? ไม่รู้สิ คุณลองไปติดต่อสัปเหร่อดูละกันว่าเขาจะยอมหรือเปล่า ...เส้นเล็กแห้ง... มีหนุ่มอารมณ์กวนคนหนึ่งได้ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านแห่งหนึ่ง?? พอไปถึงก็จัดการสั่งทันที "เอาข้าวราดแกง? อะไรก็ได้ มาจานหนึ่ง" พอพูดจบซักพักเจ้าของร้านก็ยกจานข้าวมาเสิร์ฟ เจ้าหนุ่มเห็นจานข้าวของตัวเอง ก็เลยแกล้งแหย่เจ้าของร้านเล่นๆ ว่า "เฮียๆ ฉันสั่งข้าวราดแกงนะ ไม่ใช่แกงราดข้าว" เฮียเจ้าของร้านจึงถามคืนไปว่า "ร้านไหนวะที่ทำแบบนั้น" วันต่อมาเจ้าหนุ่มคนเดิมเข้าไปนั่งร้านเดิมและที่เดิมด้วย แล้วก็สั่งอาหารเช่นเดิม "เส้นเล็กแห้งจานหนึ่ง" สักพักเฮียเจ้าของร้านคนเดิมก็เอามาเสิร์ฟ เจ้าหนุ่มมองไปที่ชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเองแล้วต้องตาโตด้วยความประหลาดใจ "เฮ้ย เฮียทำไมไม่ลวกเส้นให้อั๊วล่ะ" "อ้าว ก็เอ็งสั่งเล็กแห้งนี่หว่า เกิดว่าอั๊วลวก เส้นมันก็เปียกซิวะ" ^^" ======================================== http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1391843 ========================================
และแล้ววันโลกแตก เอ้ย วันที่เข็มขัดสั้นก็มาถึง อิอิ "ฮ้าโหลๆ เจ่เจ้อยู่ไหนเนี่ยะ? วาวนสองรอบแล้วนะดิโอลสยามพลาซ่าน่ะ อย่าให้ถึงรอบที่สามนะ จะเอาธูปเทียนปักที่สะดือจุ่นๆของเจ้ อิอิ " "วุ้ย ก็เจ้ยืนรอตรงไก่ไม่มีกระดูกไงหล่อน " เจ้แว้ดกลับมา "ไรว๊า? ไก่ม่ะมีกระดูก "ยิหวา งง พลางเกาหู เอ้ย เกาหัวแกรกๆ อย่างชนิดที่ไม่กลัวว่าเห็บจะกระโดดลงมาเกาหลังไล่ หุหุ แต่แล้วด้วยปัญญาอันเฉัยบแหลมปาน ธนพร เอ้ย ปานหวีเสนียด ยัยวาก็นึกได้ว่าไก่ไม่มีกระดูก นี่เลย ใช่แล้ว..... " ร้านฟัชซ่า ฮัท ใช่ป่ะเจ้ ?" ยัยวา หล่อนมั่นมากนะนั่น คำตอบนั้น "แป่ววววว...โอยๆอยากตายๆๆ น้องสาวช๊านนน ไก่ม่ะมีกระดูกก็ เคเอฟซี ไงว๊า " แอบเห็นว่าเหมือนเจ้จะคลักยาหม่องตราลิงถือหาง เอ้ย ตราลิงถือ ลูกท้อออกมาสูดดม อิอิ "อ้าว โทษทีเจ้ บ้านนอกเข้ากรุงก็งี้ นานๆที 555" วา ยอมรับ อิอิ ตัดฉับมาหน้าร้านไก่ม่ะมีกระดูกของเจ่เจ้มัสลิง เอ้ย มัสลิน " สวัสดีคะเจ่เจ้ " วาทักทายไหว้สวัสดีผู้อาวุโสกว่า อิอิ " หวัดดีฮะเจ้า " แว๊กกกก....ผิดคิว ผิดที่แล้วล่ะเจ้ (ดูๆ ดูเจ้มังเล่งมุขนี้) "แว๊กกก ว๊ากกก ปล่อยตรุ๊ ปล๊อยยยก่อนจิเฟร้ย ขนลุก สยองเอ้ย สยิวกิ๊วส์" เจ่เจ้เล่นคลุกวงในกอดๆๆๆ กอดซะเขินเลย อิอิ คนนะไม่ใช่แมว ที่จะเขินไม่เป็น 5555" (ถ้าโดดขี่คอได้ เจ้คงทำไปแว้ววว) เข้าเรื่องดีกว่า ออกทะเลหลายเพ-ลาแล้วล่ะ อิอิ ฉางน้อยเหลียวซ้าย อ่ะ ไม่มี มองขวา อ่ะ ไม่มา เปิดดูใต้พรม สะบัดพรี่บๆ "เอ...มังหายไปไหนหว่า ไม่มา ไม่มี ไม่เห็น ? " ฉางน้อยงง "ยัยวา ทำอะไรน่ะ มุดหาอะไรลูก?" เจ่เจ้งงตามล่ะซี้ บอกก็กลัวน่ะซิ อิอิ "หาไอ่พี่ลิงอ้อยมัง มังบอกจะมาด้วยนี่นา" "โถ คงหาเจอหรอกนะลูกนะ หุ่นอย่างไอ่ลิงอ้อยของหนูน่ะ ยิ่งหาใต้พรมด้วยแล้ว หุหุ " เจ่เจ้ส่ายหน้าด้วยความ.......(โปรดเติมคำในช่องว่างตามใจชอบ) ก. ด้วยความเอ็นดู ข. ด้วยความหมั่นเขี้ยว ค. ด้วยความหมั่นไส้ ง. ด้วยความหมั่นโถ(ร้อนๆเลยจ้า) จ. ผิดทุกข้อ "เจ้อย่ามองวาด้วยสายตางี้ซิ ฟ้องนายแม่เลย" ขิๆ ตัดฉับมาฉากที่ 2 ด้วยความว่องไวสมเป็นวอก อิอิ "เออ ไอ่ฝนเหรอ ตอนนี้แกรอยู่ตรงไหนเนี๊ยะ ?" วาถามพิกัดที่นัด กับลิงฝน "เออ ไอ่ลิงเหรอ ตรูรอแกรกะพี่มัสตรงป้ายรถเมล์หน้าตึก...นี่ไง" "ถามซิใส่เสื้อสีอะไร หุ่นฉบับกระเป๋าจริงๆน่ะเหรอ อิอิ " เจ่เจ้ไม่วายแทรกกลางอากาศ "ตอนนี้ทั้งป้ายรถเมล์มีตรูยืนอยู่คนเดียว" ฝนทำเสียงออด "เหรอ ทำไม มีไรเหรอ ?" ความอยากรู้ก็ถามซิเนอะ " ตอนแรกอ่ะนะ ป้ายรถเมล์นี้ผู้คนก็เยอะอยู่หรอก แต่พอตรูเดิน ออกมาเท่านั้นแหละแกรเอ้ย พวกเขาเหมือนผึ้งแตกฮือออกจากรัง กันเลยฟร่ะ" "ก็ผมตรูอ่ะจิ ทรงพัดโบก พร้อมที่จะกวาดเอาคนข้างๆไปเมื่อไหร่ ก็ได้อ่ะแกร" แนะ.. มังยังมีมุขอีก อิอิ ราชรถเกยเทียบท่าโดยสารถีนาม มัสลิน " ฝน ตะกายขึ้นรถเลยแกร ดีๆล่ะ" ฉางน้อยไม่วายขอเหน็บนิกๆโหน่ยๆ " สวัสดีคร๊า พี่มัส..ตัวจริงสวยกว่าในรูปนะคะนี่" หวัง200 ละซี่ " สวัสดีจ้า แหม หนูฝนนี่น่ารักนะนี่ ตัวนิดเดียว ปากนิด จมูกหน่อย" เจ่เจ้ชมไอ่ลิงมัง " จมูกหน่อย เพราะมังไม่มีดั้งไงเจ้ " เสียงเหมือนเด็กขี้อิจฉาแทรกเข้ามา " พี่มัสๆๆ ดูซิ ไอ่ลิงวา มังว่าฝนไม่เหลาดั้งอ่ะ" ลิงฝนโวยวายหาพวก "หนูฝนแค่ไม่มีดั้งให้เหลาต่างหาก " เจ้ยยย โทษทีนะลูก เจ่เจ้คิดดังไปนิ๊ดนึง อิอิ " อ่ะ ทักทายกันซะเด็กๆ" ( ทำยังกะต่ะเองเป็นผู้ใหญ่นักนี่ ชิๆ) "ไอ่ลิงฉาง ตรูจะเตะตรูดมังก่อง คอยดู" แววตาอำมหิตส่อเค้าลางๆ " แต่ตอนนี้ตรูขอเคาะหัวมังก่องสองที ไหนหน้าผากมาจิ" ยิหวาก็จ้อง เอาคืนไอ่ลิงฝนก็น่าร๊าก ยื่นหน้าผากหัวเหม่งๆมาอย่างง่ายดาย 555 สงสัยเคลิ้มกับความฮาม เอ้ย ความงามของเจ้มัส อิอิ เลยเคาะกะโหลกไปซะ 2 โป๊ก ฮ่า..ฮ่า... แล้วเสียงนกกระจอก เอ้ย เสียงลิงสามตัวก็แข่งกันดังเซ็งแซ่กันลั่นในรถ แต่แล้วฝน(จากฟ้าจริงๆ)ก็เทกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทำเอาสามลิงมองหน้ากันประมาณว่า เอาไงดีหว่า... " อืมม์ แวะกินข้าวที่เซ็งทั่ง ก่อนแล้วกันนะเด็กๆดีไหม?" เจ้ใหญ่เสนอ " ดีค๊า.." เสียงสองลิงผู้น้องประสานขึ้นมาพร้อมกัน อิอิ คุยกันเพลิน ไม่มองไหนเล๊ยทั้งสามคน รู้เพียงแค่ว่า เส้นทางนี้ เหมือนคุ้นๆกะที่ผ่านมาเมื่อต่ะกี้ " หวาย ตายแล้วพี่มัสขา ฝนลืมดูเส้นทางค่ะ คุยเพลินไปนิกนุง" (ไม่นิดหรอก เจ้ขับวนแค่สองรอบเอ๊งงง น้ำมันเต็มถังวนทั้งวันยังได้) " ไม่เป็นไรหรอกลูก คนเราย่อมมีวันผิดพลาดกันได้(แต่อย่าให้มีวน รอบสามนะเฟร้ย..อิอิ) "ไหง ได้ยินเสียงกร่อดๆ ใครกัดฟันเล่นฟระแกร" (ไอ่ฝนส่งโทรจิตคุยกับไอ่วา) "แกรลองหันขวาดิเฟร้ยไอ่ลิงฝน"(ไอ่ลิงสุราษฎร์ส่งกระแสจิตตอบกลับมา) เจ่เจ้กัดฟันพูดปลอบเหมือนมอดกัดไม้ (เหมือนไม่ค่อยประชดใช่ป่ะคะเจ้ อิอิ) ในที่สุดสวรรค์มีตา (แม้จะหาแววไม่ค่อยเจอ) ฝนหยุดตก ท้องฟ้าเปิด แจ่มใสสว่างโล่งอากาศเป็นใจ(ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเป็นต่อ) เจ่เจ้หามุมตึก เอ้ย หามุมที่จอดรถได้แล้ว ก็ลงมากอดกันสามตัว 555 "เฟร้ย เฮ้ย ใครเตะตรูดตรูฟร่ะ" แล้วฉางน้อยก็ถึงบางอ้อ "ไอ่ฝน แกรตายยย อย่างนี้มังต้องเอาคืน" " ป๊าบบบบ" แค่ครั้งเดียวก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากตรูดถึงหัว คาดคะเนว่า วัดแรงสั่นสะเทือนได้ประมาณ7.6 ริกเตอร์ หะเอิ๊ก หะเอิ๊ก ( เกี่ยวกันป่ะเนี่ยะ เนอะ) "ไอ่ฝน ตรูจะเตะแกรไปเหน็บกะฝากระโปรงรถเจ่เจ้แล้วนะ แต่เกรงใจฟร่ะ อิอิ" "โห ไอ่ลิงนี่ ตรีนหนักชิกเหยเลยพี่มัส" แน่ะมีฟ้องเจ่เจ้อีก รู้ป่าว เจ่เจ้เป็นพวกใคร ของฉางน้อยคนเดียว ปล่อยให้แกรมารู้จักกะเจ้ ก็บุญเท่าไหร่แล้ว ทำอวดดีอีก แน่ะ เชอะๆๆ คนชื่อ ฉางน้อย อยู่ในใจเจ่เจ้มาตลอดแล้วคนเดียวด้วย ขอบอก วะฮะฮ่า.. ไอ่ลิงฝนลมออกหูเข้าคลุกวงในทั้งๆที่มินิโหลดแต่อาศัยใจสู้ อิอิ มีหรือที่ยัยวาจะยอม " หยู๊ดดด หยุดกัดกันเลยสองลิงนี่ ไปเที่ยวกันดีกว่าลูก" เจ่เจ้มาห้ามทัพ ศึกนี้ใหญ่หลวงยิ่งนัก หุหุ "ดีนะ เจ่เจ้มาห้ามซะก่อน ไม่งั้นอาจมีคนเห็นซากลิงกระเป๋า ตากแห้งอยู่ลานจอดรถก็เป็นได้ " หุหุ ยัยวาเอ้ยยย " เชอะ ฝากไว้ก่องเถอะไอ่ลิงฉาง" ยังๆ ไอ่มินิโหลดยังไม่สำนึก ทำเท่เอานิ้วชี้จิ้มที่จมูกเหมือนยิ่งยง ยอดบัวงามยังไงยังงั้น " อุ๊ย..พี่มัส " ลิงกระเป๋าครวญคราง " เป็นอะไรคะลูก?" " ฝนจิ้มผิดอ่ะ ดั๊นไปจิ้มตาตัวเอง " " อ่อ สมน้ำหน้าแล้วล่ะหนูฝน" เหมือนจะซ้ำเติมอยู่กรายๆ อิอิ แล้วลิงสามตัวก็พร้อมใจกัน vote yes ( ชักจะเสียวสันหลังวาบๆแฮะ) ผลสรุปออกมาคือ ปากเกร็ด เอ้ย เกาะเกร็ด " ไอ่ฝน แกรอ่ะเจ้าถิ่น นำทางดิ๊" วาผลักหลังสหายนำหน้า " เออฟร่ะ ตรูยิ่งถนักชำนาญ(หลง)ทางซะด้วยซิ แหะ..แหะ.." เสียงอ่อยๆเชียวแกรลิงฝน " เอางี้ พี่จัดการเอง น้องๆอย่าต้องเป็นห่วง" เจ่เจ้ส่อประกายตา เจ้าเล่ห์ออกมาเจ่เจ้สะบัดตรูด ส่ายก้นจ้ำอ้าวๆ ทำเอาน้องลิงต้องวิ่งตาม " เอ่อ คุณพี่คนสวยขา พวกเราสามคนจะไปเกาะเกร็ดต้องไปทางไหน ยังไงคะ พวกหนูไม่เคยมากันเลยคะ" น้านนนนน เอากะเจ่เจ้ตรูซิ ..ปากเป็นเอก เลขเป็นโทจริงๆ (แล้วเป็นต่อเป็นของใครกันนะ) สุดท้ายสามลิงได้ตั๋วนำเที่ยวลงเรือคนละใบ ราคาใบละ 60 บาท ด้วยความ อนุเคราะห์จากเจ้ใหญ่ หน้าตั๋วเขียนระบุว่า เกาะเกร็ด- คลองขนมหวาน เหล่าสามลิงวี๊ดว๊ายกระตู้วู้เหมือนกระซู่หัดบิน( แล้วจะบินขึ้นไหมเนี่ยะ) จุดแรกที่เรือนำนักท่องเที่ยวกว่า 50ชีวิตมาปล่อยที่บ้านหลังหนึ่งเป็น บ้านที่สาธิต(ไม่เกี่ยวกับวงศ์หนองเตย)การทำขนมหวานโบราณแบบไทยๆ แต่พวกสามลิงหาสนใจสิ่งรอบข้างไม่ เพราะสายตาพวกเรานั้นสอดส่ายหา ของกินรองท้อง "นั่นๆไข่เป็ดต้มใบใหญ่ๆ น่ากินเนอะเด็กๆ" เจ่เจ้สายตาเหมือนจะดีมากๆ "ฮ่วยย ไข่เป็ดที่ไหน๊ นั่นมัน ซาละเปา " ลิงฝนโต้แย้ เอ้ย แย้ง " อ้าว เหรอ ตรูมองไงเป็นไข่เป็ดฟร่ะเนี่ยะ งง " อิอิ " เด็กๆ คนละกี่ฟอง เอ้ย กี่ใบคะ " เจ่เจ้ถาม " 3 ค่ะ สองลิงตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แล้วมองหน้ากัน หัวเราะคิกคักๆ หลังจากได้ซาละเปาในกล่องโฟมใบโตมาแล้ว (แต่คนละ 3 ลูก ย้ำนะ) 5555 พวกเราก็มานั่งแทะ เอ้ย นั่งกินอย่างอร่อย มีน้ำเป๊บซี่อร่อยๆใน ภาชนะเครื่องปั้นดินเผา ทันใดนั้นแว่วๆเหมือนมีเสียงจาก มารคอหอยลอยตามลม " ไอ่ลิงๆ " คำแรก ตรูรู้แระว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป " หือ มีไร " ปากก็เคี้ยว แต่ก็ยังถาม มือก็แกะกระดาษห่อซาละเปา " แกรรักตรูไหมอ่ะ " เอาละวุ้ย มังเริ่มเข้าเรื่องแระ " เออ มีไร ตรงๆ อย่าอ้อม ตรูรำคาญ" ยัยวาถามกลับแต่ในใจเริ่ม หวาดระแวงเหมือนจะสูญเสียซาละเปา 2 ลูกที่ยังกินไม่หมด "พี่มัสเคยสอนพวกเราใช่ป่ะว่ามนุษย์ที่จะเป็นสัตว์ประเสริฐได้นั้น ต้องรู้จักการให้ แบ่งปัน เราต้องรักกัน มีอะไรต้องแบ่งปันกัน อย่างก อย่าหวง ต้องเอื้อเฟื้อแก่คนอื่น ให้ทุกอย่าง ไม่ว่าการ ให้อภัย หรือแม้แต่การให้สิ่งของ เช่น แกรให้ซาละเปาที่เหลือ 2 ลูกนั้นแก่ตรู ส่งมาซะดีๆแกรไม่อยากเป็นสัตว์ประสริฐหรือว๊าไอ่ลิง" " เฟร้ย ไอ่ลิงฝน แกรเข้าใจไรผิดป่ะเนี่ยะ ซาละเปากับการให้คน ละเรื่องกันเฟร้ย" ยิหวาโวยวายขึ้นมาบ้าง " คนเรานะไอ่ลิงฝน มีเท่ากันหมดแหละ ไม่ว่าอะไรก็ตาม อย่างซาละเปาเนี๊ยะเจ้ซื้อให้คนละ 3 ลูก ก็เท่ากันแล้วไงยังจะ ตะกะละ ของคนอื่นอีก" " อะไรของแกรฟร่ะไอ่ลิงฉาง ตะกะละ" ฝนงง " ชัดๆสั้นๆ ตะกละ ไง 555 " " เอาล่ะเด็กๆน้องๆสองลิงอย่าเพิ่งแทะหูกัน เอ้ย อย่าเพิ่งกัดกันคะ กินให้อิ่มแล้วฟังเจ่เจ้พูดนะคะ " ป๊าดดด เจ่เจ้มาโหมดหวานนี่นา หน้านิ่งๆ " การเอื้อเฟื้อ การแบ่งปัน การให้ คือความหมายเดียวกันคะ อย่างเช่นว่า บางสิ่งบางอย่างเรามีพอเพียงแล้วในชีวิตนี้ เราก็มีใจคิดดี เมื่อคิดดี เราก็ทำดีกับคนรอบข้าง" "คำว่า คน อย่าคิดเพียงว่า แบมือรับอย่างเดียว เราต้องยื่นมือช่วยเหลือ คนอื่นที่ด้อยกว่าเรานะคะ อีกอย่างเรามีพอแล้วอย่าเป็นคนทะเยอทะยาน อย่าคิดทำการใดที่เกินกำลังกายและกำลังทรัพย์ที่มีอยู่ของเรา หนูสองคนต้อง เป็นคนที่รู้จักคำว่า พอ " "พวกหนูรู้ไหม พวกหนูเป็นคนที่มีความคิดดีมากๆ คิดในสิ่งดีๆ มองโลก ในแง่ดี มองอะไรก็สวยงามไปหมด อยากให้พวกหนูทำตัวให้น่ารัก สดใสอย่างนี้ตลอดไป" "อย่าไปคิดว่า ตัวเองไม่สวยไม่รวย มีไม่เหมือนคนอื่น อย่าคิดว่าฉันต้องดี ต้องเด่น ต้องเป็นคนดัง ต้องมีอะไรที่เหนือคนอื่น " "ถ้าหนูคิดแบบนี้จิตใจก็ไม่สงบ ไม่มีความสุขเพราะใจต้องแต่เอาเปรียบ กอบโกย เห็นแก่ตัว คอยที่จะเอาชนะคนอื่นเรื่อยไป จ้องแต่จะหยิบ ผลประโยชน์มาเป็นของตนเอง จิตใจหนูน่ะดีงามแล้ว อย่าให้จิตใจ หยาบกระด้างเพราะมีความคิดที่ไม่ดีงามนะคะ" "ถ้าหนูๆกระทำตัวแบบนี้สักวันนะคะ คนรอบข้างมีแต่คอยจะหนีห่างไปที ละคนๆสุดท้ายหนูจะไม่เหลือใคร ในที่สุดหนูจะไม่มีมิตรแท้ และจะไม่รู้จัก คำว่า เพื่อนแท้ ไม่รู้จักคำว่า คุณค่าของการให้" "ให้ใจมีความสุขกว่าการให้วัตถุสิ่งของที่จับต้องได้นะคะ.. หากจะเลือกคบใครเป็นเพื่อน เราก็ใช้ใจแลกใจใช่ไหมคะ อย่าคบเพียงเพราะเพื่อนคนนั้นรวยมีสังคมที่หรูหรา " " ซ๊าธุ๊ๆๆ. เจ่เจ้อ่ะ สอนวาในบ้านอย่างเดียวไม่พอ มาสอนนอกบ้านอีกอ่ะ เบื่อตายชักสอนซ้ำซากก่อนนอนทุกคืน " ยัยวา ทะลุกลางปล้อง อิอิ " ไอ่ลิง แกรอย่าขัดซิ ตรูกำลังฟังเพลินๆ แหม๋ แกรนี่ " "ยัยช้างน้อย ดื้อเหรอเราน่ะ ฟ้องพี่ชายใหญ่เลยนี่" "เค้าก็จะฟ้องหม่ามี๊กลับว่า เจ่เจ้อ่ะดุเค้าด้วยอ่ะ ลองซี๊หม่ามี๊จะรักใคร กว่ากัน ยัยช้างน้ำ เอ้ย ฉางน้อยยื่นไม้ตาย " โอเคๆ สรุปนะคะ ให้ลิงสองตัวป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้วนะ เจ้ชอบ ความคิดที่งดงามของหนูสองคนเสมอ อ่อ บอกไอ่ลิงอ้อย เทียนหยด ด้วยนะว่าเจ่เจ้คิดไงกับกลุ่มลิงๆ" " เฮ้อออ จบสักที" ยัยวาแอบบ่นเบาๆแต่จงใจให้ใครบางคน ได้ยินเต็มสองหู อิอิ " ไอ่ลิงวา แกรอยากมีความสุขของการให้ม่ะ" ลิงฝนพูดพร้อมกับ แบมือมาตรงหน้า " ไม่ให้เฟร้ย ตรูยังไม่อิ่ม" และแล้วซาละเปาสองลูกก็เข้าไปอยู่ใน กระพุ้งแก้ม ซ้าย ขวาข้างละลูก หุหุ ทำไปด๊ายยยย "อ่อ อีกอย่างนะคะเด็กๆ บางสิ่งบางอย่างอาจมีไม่เท่ากัน แต่เวลาคะ คนเราเกิดมามีเวลาเท่ากัน ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน เพียงแต่ว่า คนเราแต่ละคนนั้นจะใช้เวลาได้คุ้มค่ามากแค่ไหน แล้วจะมีใคร สักกี่คนที่รู้คุณค่าของเวลา พวกหนูเข้าใจใช่ไหมคะ?" "โห เจ้เทศนาซะ พาลจะกินไม่ลง" ยัยวาแย้ง "จะกินลงที่ไหนย่ะหล่อน ก็ซาละเปาสามลูกลงไปนอนยิ้มใน พุงหล่อนแล้วนี่ยะ" แหมๆ เจ่เจ้นี่ล่ะก็ ไม่ยอมลงให้น้องนุ่งมั่งเล๊ยยย "แหะ..แหะ.. อิ่มเนอะฝนเนอะ อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งพุง อิ่มจังตังค์อยู่ครบ" " อ้าว ไอ่ลิงฝน ทำไมนั่งทำหน้ามุ่ยอ่ะ เจ้ๆ ดูมังนั่งทำปากจู๋เหมือน ปลาบู่ชนสันเขื่อนงั้นแหละ " ฉางน้อยถามสหายรักแห่งข้าฯ "เปล่าหรอก ตรูแค่คิดว่า ทำไมเนอะ คนเราไม่รุ้จักคำว่า " พอ " คนเขาหยิบยื่นให้ ยื่นมือให้ความช่วยเหลือหลายอย่าง แต่มนุษย์บางคน ทำไมไม่พออีก มีแต่แบมือขออยู่เรื่อยๆกอบโกย ทำให้กลายเป็นคน เห็นแก่ตัว" "นี่ไง คำนี้ คำว่า พอ ทุกคนไม่มีความพอหรอกหนูฝน เพราะไม่พอไง เขาเลยต้องทะเยอทะยานพยายามไขว่คว้ามาให้ได้ ให้มีเหมือนคนอื่น บุคคลแบบนี้สมควรหลีกห่างนะคะเด็กๆ" "เจ้เชื่อว่า หนูสองคนมีความคิดความอ่านที่ดีกว่าผู้ใหญ่บางคนเยอะเลย เจ้เชื่อว่า หนูสองคนเลือกคบคนเป็น ใช่ไหมคะ จงรักษาความดีของหนู สองคนไว้นะลูก" ตัดฉับมาฉากที่ ครัวขนมหวานคุณแอ๊ว อิอิ อุ๊ย มีนักพากต์เสียงหล่อ ด้วยอ่ะเจ้หน้าตาไม่สำคัญแต่เสียงนั้นหล๊อหล่อ ทำเอาเจ่เจ้ใจสั่น สะท้านทรวง อ่อนระทวย(คำนี้เหมือนคุ้นๆนะเนี่ยะ) อิอิ ( อันนี้เจ่เจ้ฝากบอกมา 5555) (ก๊อปคำพูดนี้ไว้ ยัยวาจะนำไปฟ้อง เฮียให้หมด 5555) " เอ่อ ..คุณพี่คะ ขอถ่ายได้ไหมคะ?" เจ่เจ้เราเสียงหวานเลยวุ้ยคะ " อ่อ ตามสบายครับ ห้องน้ำอยู่ด้านหลังครับผม" นักพากต์ผู้แสนซื่อ ในคำพูด 555 " แว๊กกก เอ่อ หมายถึง ขอถ่ายรูปคู่กับคุณพี่นักพากต์เสียงหล่อน่ะคะ" เจ่เจ้แอบทำตาลังถึง เอ้ย แอบทำตาซึ้ง เค้าเห็นน่ะ ฟ้องเฮียๆ " อ่อ ได้ซิครับ... อย่านั่งครับ มายืนข้างๆผมนี่.." คุณพี่ของเจ่เจ้หวังดี บอกว่า ให้ยืนไม่ต้องนั่ง " ยืนครับ ยืน " คุณพี่ตอกย้ำสาวร่างเหล็ก เอ้ย ร่างเล็กอีกรอบ " ก็(ตรู)ยืนแล้วนี่ไงคะ สูงได้แค่เนี๊ยะ" เจ่เจ้น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ ในชะตากรรม 555 "พี่มัสๆ เขย่งเลยพี่ เขย่งอีก สูงๆ" เจ้าลิงฝนก็หวังดี(แต่ประสงค์ ร้ายหรือเปล่า) ฝนตะโกนออกไปไม่ดูตาม้าตาเรือ เพราะมัวแต่ก้มดูว่า เจ่เจ้ เขย่งแล้วยังสูงได้(แค่นี้เองเหรอ ฮ่า..) จุดสุดท้ายที่เรือใหญ่นำเที่ยวนำพวกเราไปปล่อยเกาะ(เกร็ด) คือชุมชนเครื่องปั้นดินเผา มีทั้งขายของที่ระลึก ชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ สินค้าแฮนด์เมดงานไม้ทำจากมือล้วนๆ เจ่เจ้ซื้อแจกันไม้ทรงสูง(ความสูงประมาณลิงฝนเล๊ยยย) เห็นใจมังจะทำปากดี มังคงลากมากกว่าถืออ่ะนะ อิอิ เลยบอกว่า มา ตรูถือให้ดีกว่ามั้ง อิอิ...รอบที่ 3 ที่สามลิงวิ่งไปวิ่งมา " แว๊กก ลืมเลย เขาให้เราเดินนานแค่ไหนเนี๊ยะตรงนี้" เจ่เจ้นึกได้ สามลิงตาลีตาเหลือกวิ่งหาเรือลำนั้น " เรือตรูหาย เรือตรูอยู่ไหน ????" ท้ายสุดคงมีคนทนเห็นความซื่อ(บื้อ) ของสามลิงไม่ได้เลยบอกว่า ตรงนี้เป็นจุดสุดท้ายที่เรือนำสามลิงมาปล่อยให้หากินเอง เอ้ย ให้เดินเล่นกันเองและ หาทางกลับบ้านใครบ้านมัง....สามลิงก็เลย ถึงบางอ้อ หุหุ พวกเราเลยลั๊นลาเดินชมสินค้าต่างๆสองข้างทาง ซ้ายขวาละลานตา ชวนซื้อ ใครใคร่ซื้อ ซื้อ ใครใคร่กิน กินทั้งไอติม ทั้งเมี่ยงคำ ทั้งผลไม้แช่อิ่ม ต่างก็ไปนอนกระจุกตัวในท้องของแต่ละคน หุหุ (ทำไงได้ แต่ละคนวัยกำลังกินกำลังนอน ถึงเวลาจะกินก็ไม่ได้นอน จะนอนก็ไม่ได้กิน) เดินเข้าซอยนั้น ออกซอยนี้ ทะลุไปยังตรอกปู๊นนนน ตาไปสะดุด ฝาบ้านหลังหนึ่งชื่อว่า " บ้านเลขที่ 1 " โอ้ พระเจ้าช่วยกล้วยตาก สุดยอดมาก สามลิงเดินเข้าไปโดยมิได้นัดหมาย " โอเลี้ยง 2 ชามะนาว 1 ค๊า " สรุป น้ำ3แก้ว แต่นั่ง3ชั่วโมงในร้าน นั่งดื่มด่ำธรรมชาติ แมกไม้สายลม พฤกษากลางไพร ธรรมชาติที่ หายากในเขตรอยต่อของเมืองกรุง ขอบคุณ คุณลุงเจ้าของร้านที่ไม่เก็บตังค์ค่าเก้าอี้เพิ่ม ขอบคุณที่ ไม่ทำตาเขียวปั๊ดใส่พวกเรา อิอิ พวกเราเดินเอ้อระเหยลอยชาย กันหลายรอบพอสมควร รอบสุดท้ายแล้วเชียว " คุณคนสวยจ๊ะ เห็นหลายรอบแล้ว ขอเบอร์โทรหน่อยได้ไหมจ๊ะ ? " เอาละวุ้ย เจอลุงปากหมาน เอ้ย ปากหวานเข้าแล้วเจ่เจ้เรา ทั้งๆที่เดินเลยไปแล้ว แต่เจ่เจ้ชะงักกึก สะดุดกับคำว่า คนสวย อิอิ เลย ย้อนกลับมาอีก " หวัดดีคะเฮีย ขายดีไหมคะแต่ละวัน ว่าแต่ว่า ขายอะไรกันละเนี่ยะ" เจ่เจ้ปากใช่ย่อย 555 " ขอเบอร์หน่อยได้ไหมจ๊ะ ? " ลุงเจ้าของร้านยังไม่ลืมคำถามแรก " เบอร์รองเท้าได้ป่ะคะลุง" 1 ใน 3 ตอบแล้วก้มหน้างุดมุดซอกจั๊กแร้ ของเจ่เจ้ กลัวลุงหักคอต่างหาก อิอิ " เฮ้ย นี่ไง ไอ่ลิง ร้านแฟนฉัน " ลิงฝนตื่นเต้น " ห๋า ลุงคนนี้น่ะเหรอ แฟนแกร ไอ่ลิงฝน แก่กว่าแฟนตรูอีกง่ะ " ยัยวาสะดุ้ง " เฟร้ย ไอ่บร้า ชื่อร้านแฟนฉันเฟร้ย ขายขนมโบราณไง " ลิงฝนสะดุ้ง กว่าคนถามซะอีก อิอิ " อ่อ แล้วไป เออ แล้วแกรเคยมาเหรอ ถึงได้รุ้จักอ่ะ? ยิหวา สงสัย " ป่าว ตรูหันไปเห็นป้ายชื่อร้านไง แฟนฉัน " แหะ..แหะ.. ไอ่ลิงเอ้ยยยย " เฮียขา ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ " เจ่เจ้นำทาง "ได้ซิครับสำหรับคนสวย นี่ครับนามบัตร โทรได้ตลอด ยกเว้นตอนเมีย ให้ไปหุงข้าว " พวกเราจากลาเกาะเกร็ดมาด้วยความเสียดายเวลาที่มีน้อยนิด แต่ยังไงซะสามลิงก็จากลาเพื่อไปเจอกันใหม่เกาะเกร็ดวันหน้า สัญญานะ สัญญา เก็บตก... ณ.ร้านหนังสือซีเอ็ด ห้างเซ็งคะทั่ง สาขาไหน ไม่บอก อิอิ คุณจะเห็นสองลิงนั่งสุมหัวเลือกหาซื้อหนังสือกันอย่างน่ารัก(คิดว่างั้นนะ) เหมือนมีพี่สาวคนโตคอยดูแลน้องๆ น่ากลัวตรงนั่งสุมหัวกันนี่แหละ กลัวว่าหากผมพันกันจะแกะออกไหมเนี๊ยะ เออนะ คิดเล่นๆ หากยุงหรือแมลงวันบินหลงเข้าไปจะหาทางออกเจอไหมนะ ฮ่า.. สุดท้าย ได้หนังสือมาคนละ 3 เล่ม... ไว้ค่อยแลกเปลี่ยนกันอ่านเนอะ ลิงเนอะที่สุดท้ายที่เรานั่งคุยกันคือ ร้านก๋วยเตี๋ยวสยาม ... อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ อิอิ (ไม่อยากบอกเล๊ยย ได้โบนัสพิเศษเพิ่มอีกต่างหาก จุ๊ๆๆ อย่าเอ็ดไปล่ะ 555) เจ่เจ้ ขอบอกก่อนเลยนะ โบนัสส่วนนั้นไม่เกี่ยวกับเงินแต่ละเดือน ของฉางน้อยนะ อย่าๆ มาอุ๊บอิ๊บกับเค้าน๊า จะฟ้องหม่ามี๊ด้วย ว่าแต่ว่า เดือนนี้เบิกเพิ่มได้ไหมอ่ะ ถ้าไม่ให้เค้าน๊า จะไปคุยกะ พี่ชายใหญ่เองล่ะแล้วเจ่เจ้จะหนาววววว หุหุ.... วันนี้สามเราจากลากันด้วยรอยยิ้มและคราบน้ำลาย เอ้ย น้ำตา นิกๆโหน่ยๆ ฮ่า... ณ.ถนนเข้าซอยหมู่บ้านแห่งนั้น หากคุณผ่านเส้นทางนั้น คุณจะเห็นสาว(เหลือ)น้อยหุ่นลิงกระเป๋า ปั่นจักรยานคู่ใจ หอบของพะรุงพะรัง แฮ่กๆ เซซ้าย เซขวา สาวน้อยผู้มีผมทรงพัดโบก เอ หรือว่า ทรงกระบังลม หน๊อ ไม่แน่ใจ นั่นละ เธอคนนั้น เพื่อนฉันเอง 5555 ขอบคุณเจ่เจ้ที่มีวันนี้ด้วยกัน จำได้ไหม สัญญาของลิงว่าไง อิอิ ... "เพื่อน คือ คนเคยเป็นคนแปลกหน้ากันและกัน แต่วันนี้มังมาเตะตรูด ตรูได้อย่าง สนิทใจ " 55555 เรื่องโดย... ฉางน้อย ภาพประกอบเรื่อง...โคลอน ผู้อยู่เบื้องหลัง...เจ่เจ้มัสลิน พิสูจน์อักษร.....เทียนหยด ^ ^ ^ ทีใครทีเผือก...อิอิ