28 เมษายน 2557 17:09 น.

สังคมก้มหน้า

โคลอน

557000000295001.JPEG
ในยุคหลังสังคมต่างก้มหน้า
ไม่สบตาพิศพักตร์ประจักษ์จิต
เหมือนไม่มีสายใยในความคิด
เลยต้องปิดหน้าต่างระหว่างใจ
วันนี้ขอสะกิดสะเกาหน่อย
เพราะนั่งคอย"คนเรา"เอาใจใส่
แต่เหมือนขาดถ้อยถามความห่วงใย
ทั้งที่ใกล้แค่เอื้อมเอือมระอา
เอาแต่ยิ้มจิ้มจออุตลุด
เสียงไลน์หยุดทุกสิ่งทิ้งตรงหน้า
จ้องเฟสบุ๊ค ไอจี แบบหยีตา
แถมโพสท่าเป๊ะเว่อร์..เฮ้อ!เวรกรรม
ก่อนจะกินต้องโชว์ปั๊ดโธ่เอ๋ย
สั่งให้เฉยก่อนนะอย่าเพิ่งหม่ำ
ก็คนหิวกิ่วท้องลองสักคำ
ถูกขย้ำหน้าหงิกจิกสายตา
ทนไม่ไหวแล้วเหวยเฉยคงแย่
ต้องมาพ่ายแพ้ให้ไอโฟนห้า
จำต้องถอยซัมซุงรุ่นใหม่มา
ให้สังคมก้มหน้าจ้องตาเรา(๕๕๕)
10 ตุลาคม 2556 10:46 น.

Writeอักษร

โคลอน

ไร้ถ้อยคำข้อความติดตามข่าว ไร้เรื่องราวเรียงร้อยน้อยเหตุผล ไร้วรรคตอนกลอนกานท์พาลชอบกล ไร้ผู้คนคุ้นเคยละเลยไป

อักษรเก่าย้อนอ่านวันวานเขียน อักษรเปลี่ยนเวียนวนระคนไหว อักษรสูงกลางต่ำจะทำไง อักษรใจสื่อสารเนิ่นนานมา

ไร้รอยยิ้มแย้มเยือนบนเรือนรักษ์ ไร้รอยหยักเสียจังชวนกังขา ไร้รอยต่อถึงกันวันเวลา ไร้ศรัทธาความคิดสู่ทิศทาง

อักษรใส่ตะกร้านำมาส่ง อักษรบ่งพิกัดสะบัดหาง อักษรวาดลวดลายมิวายวาง อักษรพรางอยู่ไยจบไม่ลง

เกือบร้างไร้อักษรแต่ก่อนมา เกือบหายหน้าลืมไปไม่ไหลหลง เกือบหมดสิ้นศรัทธาความมั่นคง เกือบปลดปลงอักษรมิย้อนคืน

จึงหวนหาความสุขเข้าปลุกปลอบ จึงแหวกกรอบละเลยดั่งเคยฝืน จึงมีวันวันนี้ที่หยุดยืน จึงหยิบยื่นคมคำอยู่ลำพัง

เธอคงเห็นรอยยิ้มที่อิ่มอุ่น เธอคงคุ้นทุกยามด้วยความหวัง เธอคงเหลือไมตรีทุกที่ยัง เธอคงนั่งอยู่ในหัวใจเดิม  

25 มิถุนายน 2556 10:02 น.

เกี่ยวคำกลอน

โคลอน

เกี่ยวอักษรกลอนคำกำตะขอ
มาเรียงรอ ความหมายขยายใส่
ห่ออารมณ์ห่มรักมาพักใจ
ผูกโยงใย...สายจิตมิตรไมตรี
เก็บอักษรลอยคว้างอยู่กลางฟ้า
ใส่ตระกร้า ใบเก่า ของเรานี้
เรียงร้อยคำจำจดพจน์วจี
ต่อวลีปรุงรสเป็นบทกลอน
ฉวยเอา “รัก”และ“ยิ้ม”มาพิมพ์เล่น
สระเด่น เสริมลักษณ์แหล่งอักษร
ปะติดต่อ เติมแต่ง  แบ่งปันพร
จับโยนย้อน ขึ้นฟ้า นภาคืน
เมื่อมิตรมองท้องฟ้าทุกคราพบ
มิรู้จบ พรฟ้า ระดาดื่น
หากมีวันใดเจ็บเก็บกล้ำกลืน
เกี่ยวถ้อยใจ หยัดยืนขึ้นเบิกบาน
ปล่อยถ้อยคำล่องลอยคอยคนคว้า
ด้วยแรงรักศรัทธา...อธิษฐาน
ระเรื่อแรงแสงดาว ราวสัญญาณ
จากบทกานท์แห่งกลอนย้อนคำนึง
เกี่ยวอักษรกลอนคำกำตะขอ
กระพริบรอข้อความยามคิดถึง
หากเธอเหงาเศร้าทุกข์เหมือนถูกตรึง
ดาวกลุ่มหนึ่งยังคอยลอยที่เดิม
9 มิถุนายน 2556 00:03 น.

วิถีชาวนา

โคลอน

@ วิถีชาวนา @  

 

@ พันธุวงศ์ พงศา เพียงหญ้าต่ำ

แต่ค่าล้ำ สำคัญอนันต์ผล

เป็นพืชพันธ์ธัญญาชีวาชนม์

ของผู้คนทุกแหล่งแห่งแผ่นดิน

 

@ ต้นกล้าฝัง...ฝั่งผืนลงพื้นนา

พิรุณพา...หยาดหยดรินรดถิ่น

ผลิช่อรวงพวงแผกแต่แรกริน

ชะโลมจินต์...ตั้งท้อง ทุ่งทองรวง

 

@ สุขใดเท่าเหล่าชนคนแบกไถ

ชมช่อใบ...ไหวล้อ รอเรียวร่วง

คอยคมเคียว เกี่ยวขอ เก็บช่อพวง

ทุ่งแดนสรวง สีทอง ของชาวนา

 

@ ลืมตาตื่นขึ้นดูแต่ตรู่เช้า

เห็นทุ่งข้าว ล้อแรงเล่นแสงฟ้า

เป็นสีเหลืองเรืองรองดั่งทองทา

จากต้นกล้าเติบแกร่งด้วยแรงใจ

 

@ จูงเจ้าทุยลุยทางไปถางเก็บ

ปลายเชือกเหน็บ...ผูกรัดมัดทุยไว้

เริ่มถอนหญ้าคาแทรกชำแรกใบ

กำจัดไข่เชอรี่ที่รุกราน

 

@ ฤดูคล้อยร้อยไร่ใกล้เก็บเกี่ยว

ลับคมเคียว...เทียวออกไปบอกขาน

ผองพี่ป้าน้าลุงมามุงงาน

ขอไหว้วาน...ลงแขกมาแลกแปลง

 

@ บูชาบุญ คุณแม่พระโพสพ

ประนมนบ...เสาตั้งตรงฝั่งแสง

ตะวันออกดอกไม้ด้ายขาว-แดง

ทั้งของแห้งคาวหวานพานหมากพลู

 

@ อีกยามวนม้วนมาบูชาให้

พร้อมเมรัย ขวดตั้งวางหมวดหมู่

จุดธูปหอมพร้อมเทียนเพียรพรั่งพรู

กล่าวคำบูชาธรรม...นำถวาย

 

@ ขอสู่ขวัญวันศรีเป็นศรีฤกษ์

บายศรีเบิก...บอกบุญพระคุณร่าย

รับขวัญข้าวกล่าวจบแล้วนบกาย

น้อมจิตไหว้...รับขวัญและอันเชิญ

 

@ สู่บายศรีเครื่องเซ่นสังเวยสู่

สถิตอยู่...เป็นขวัญแลสรรเสริญ

จงปกคลุมคุ้มครองให้ผองเพลิน

ได้จำเริญ...ปลูกข้าวเลี้ยงชาวไทย

 

 

@ ชะตากำหนด @

 

@ กสิกรรมนำพาชะตาเมือง

เหมือนรุ่งเรือง...เมืองทองที่ผ่องใส

อุดมแสนแดนดิน...ทุกถิ่นไป

แต่ยากไร้...ข้าวกินในถิ่นตน

 

@ หนึ่งเมล็ดข้าวเปลือกเลือกไม่ได้

ปลูกแทบตายขายถูกปลูกให้ผล

กับโรงสีที่ถือกระบือกล

ทดแรงคน...อย่างนี้ไม่มีจาง

 

@ จะกี่เกวียนกี่ตันมันก็กด

ชาวนาอด ลืมตาอ้าปากค้าง

มันรวมตัวฮั้วกันฝันอำพราง

เป็นนายจ้าง จ้างถูกปลูกให้มัน

 

@ ถูกหลอกขายที่นาให้มันหมด

อัปยศ...หมดสิ้นแผ่นดินฝัน

ไร้ดินแดนแผ่นเดิมจะเริ่มวัน

ดั่งโทษทัณฑ์...ฝันร้ายเมื่อขายดิน

 

@ ของปู่ย่าตาทวด...เพียงอวดรวย

เหมือนถูกหวย...ด้วยทรัพย์ที่พับถิ่น

โฉนดโยนโอนย้ายตอนขายกิน

พอหมดสิ้น...เงินถือคือหมดตัว

 

@ กี่ชาวชนคนไทยใจชาวนา

นี่หรือคือ ศรัทธา...ค่าฝังหัว

กสิกรร้อนหลังที่ฝังกลัว

ถูกความชั่ว...ทำนาบนหลังคน

 

@ ตกเป็นทาสขาดอิสระไร้

เสรีใดใคร่จัดมาวัดผล

ประชาธิปไตย...ไยชอบกล

ยังต้องมนต์...สะกดกำหนดทาง

 

@ ให้เดินไปตามกรรมด้วยคำผิด

ข้าวหนึ่งลิตรก่อนหุงในยุ้งฉาง

คือข้าวถุงหุงซื้อเป็นมื้อวาง

มองกองฟาง...รันทดหมดสิ้นแรง

 

@ มิอาจเรียกคืนผืน...แผ่นดินปู่

มิอาจอยู่ถ้าฝนดลดินแล้ง

มิอาจทิ้งถิ่นไว้ไปจำแลง

มิอาจแย้งความทุกข์เรียกสุขคืน

 

@ จึงยังคงคือคนชนชาวนา

รอเมตตา ฟ้าฝนบนดินชื้น

อุทกท่วมอ่วมช้ำก็กล้ำกลืน

น้ำน้อยฝืนยืนช้ำระกำไป

 

@ ในชะตาหาดีที่สุดทาง

บนโลกกลางเสรีที่สุดใช้

อะไรหนอขอรู้บ้างได้ไหม

ว่าเมื่อไหร่...เสรีจะมีจริง

 

@ มองทุ่งทองรองเรืองกับเมืองใหญ่

สุดหัวใจ...ให้ชี้ว่าดียิ่ง

ต้องตอบข้างต่างฝ่ายต่างพึ่งพิง

มิอาจทิ้ง...สำคัญของมันเป็น

 

@ อันคนเมืองเรืองไกรในโลกหล้า

อยู่ใต้ฟ้าเดียวกันยังฝันเห็น

อากาศร้อนนอนแผ่ในแอร์เย็น

ถ้าลำเค็ญคงมีแต่ชีวา

 

@ แต่ชีวิตผิดบทกำหนดรู้

หนทางอยู่ สู้ไปสิ่งใดหา

ไม่สุขจริงสุขจิตอนิจจา

เพราะไขว่คว้าไม่หยุดจนสุดทาง

 

@ อันบ้านนอกคอกนาที่ว่าไร้

กลับมีใจ ให้กัน สวรรค์สร้าง

ได้ชื่นเช้าเหล่าธรรมชาติวาง

แต่ถูกกางชะตาพาผิดเดิน

 

@ จากเหล่าพรรคเหล่านักธุรกิจ

ที่แผ่พิษฤทธาพาขัดเขิน

ให้ความอยากลากฉุดประดุจเชิญ

เอาจำเริญบนเสื่อมไปเชื่อมกรรม

 

@ จึงตกเป็น ทาสา ที่นาไร่

ต้องวิ่งไล่...ความเสื่อมที่เหลื่อมล้ำ

มาเนินนานพานผลบนทรงจำ

มิอาจทำ...ตามสิทธิ์ลิขิตฝัน

31 พฤษภาคม 2556 12:32 น.

เศษข้าว

โคลอน

  เก็บข้าวหล่นบนพื้นกลืนลงท้อง
  เติมเต็มห้องหัวใจที่ไห้โหย
  กินแก้มตุ่ยตุ้ยเคี้ยวรีบเกี่ยวโกย
  อยู่ได้โดยโดดเดี่ยวแม้เดียวดาย

 ไร้บ้านพักรักพิงจะอิงอุ่น
 มีไม้หนุนแทนหมอนนอนท่ามสาย
 ลมพัดผ่านพล่านพลิ้วถึงผิวกาย
 หนาวปางตายแต่ต้องมิร้องครวญ

 บางคืนฝนกระหน่ำจำฝังจิต
 เดือนมืดมิดมัวหม่นทนกำสรวล
 ปลุกปลอบขวัญวันล้าฟ้าแปรปรวน
 ดั่งโซ่ตรวนตอกตรึงขึงชะตา

 แม้ตกกรรมต่ำเตี้ยติดเรื่ยพื้น
 ต้องฝึกฝืนขืนแรงให้แกร่งกล้า
 รอดคือหวังฝั่งหนผลนำพา
 ขอสู้ฟ้าพาตน พ้นโพยภัย

 จะเติบตนบนทางที่ร้างสิทธิ์
 มุ่งลิขิตหนทางสว่างใส
 เศษข้าวน้อยคอยย้ำกำลังใจ
 ไม่ให้ใครมองเห็นเป็นเศษคน
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโคลอน
ไม่มีข้อความส่งถึงโคลอน