28 มกราคม 2548 11:45 น.

ตัวหนังสือของผมทุกๆตัวมีชีวิตเสมอ

โกเต็ก

สังคมๆหนึ่งไม่บอกใครๆเขาก็รู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้.......................................
การเขียนเรื่องสั้น กลอน หรือ งานเขียน อะไรสักชิ้นหนึ่งไม่บอกใครๆเขาก้รู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้...........................................................................
หรือแม้แต่ช่วงชีวิตของใครสักคนหนึ่งไม่บอกใครๆเขาก็รู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้................................................................................
             
แล้วในเมื่อเราต่างก็รู้ว่าเป็นแบบนี้ เราไม่มีทางที่จะหนีสิ่งเหล่านี้ได้เลย เพราะเพียงแค่คิดที่จะหนี เราก็น่าจะรู้สึกตัวได้อย่างทันทีว่า เราเป็นคนที่ไม่มีนำใจใสๆเลย หากวิ่งหนีไปซะเสียวันนี้รู้ใช่ปะว่าเราเอาตัวรอดได้สบาย มีชีวิตที่สบายๆรออยู่ข้างหน้า แต่คนข้างหลังหละ แม้ไม่ใช่ลูกใช่เมียใช่ญาติของเรา
แต่อย่างน้อยๆเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนเรา แคบลงมาหน่อย ก็คนไทยเพื่อนเรานี่เอง
 แล้วในเมื่อเรารู้ตัวเราว่าเราเป็นคนดีไม่ใช่คนเลว แล้วในเมื่อเรารู้ตัวว่ากลอนเราดีกลอนเราไม่เลว แล้วในเมื่อเราต่างก็รู้ว่าช่วงชีวิตเรามีทั้งดีทั้งไม่ดี
 แล้วทำไมพวกเราถึงต่างหันหลังให้กับสิ่งไม่ดีที่เลวแบบนั้น สิ่งที่หยาบที่คายแบบนั้น หากแต่เพียงสิ่งที่ดีที่เลวนั่นก็คือชีวิตๆหนึ่งที่ต้องการ ความรัก ความเอาใจใส่ไม่ต่างกัน ในเมื่อ กู คือคนเลว ฉันเป็นคนดี เฮี้ยมันก้าวร้าว ขอบใจ คือสุภาพ ลำบากคือยำแย่ สบายคือ สดใส
 แล้วหากคำว่ากูเปรียบเสมือนชีวิตเด็กวัยรุ่นที่ติดยา 
 คำว่า ฉัน เปรียบเสมือนเด้กน้อยที่เชื่อฟังพ่อแม่
เฮี้ยเปรียบเสมือน โจรโดเที่ยวทำลาย
ขอบใจเปรียบเสมือนนักบุญที่แสนดี
ลำบากก็ไม่ต่างกับคนจนผู้หาเช้ากินคำ
แล้วก้สบายก็คือเสี่ยๆนั่นเอง

       ขอให้ทุกคนจงเอาใจใส่สิ่งที่ไม่ดีและสิ่งที่เลวๆให้มากๆ อย่าด่วนตัดสินเขาเพียงแค่ความเลวของเขา ให้เริ่มตัดสินเขาเมื่อ เขาเป็นคนดีแล้วเท่านั้น
                              ขอบคุณครับ				
27 มกราคม 2548 21:04 น.

แม่ของผมมี2คนครับ

โกเต็ก

พอก้าวลงจากรถโรงพยาบาล ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนก๊อปเอามาจากหนังจากละครไม่มีผิด 
รีบยกคนไข้ขึ้นเตียงพร้อมๆกับอุปกรณ์ช่วยชีวิต กันญาติไม่ให้เข้าห้องผ่าตัด  ทุกช่วงทุกวินาทีตอนนี้วุ่นสุดๆ 
ไม่มีวินาทีไหนแน่ๆที่ไม่สำคัญ นอกจากเหตุการ์ณที่ผมกำลังเล่านี้ มันเป็นเพียงหนังเป็นเพียงละครเท่านั้น
               ก่อนหน้านี้สัก 3 ชั่วโมง ผมและเพื่อนๆน้องๆกลุ่มใหญ่ ยังกระโดดเล่นนำอย่างสนุกสนาน
 ทั้งๆที่เวลานั้นมันน่าจะเลยเวลาเล่นน้ามของมนุษย์มนาไปแล้ว 2 ทุ่มกว่าๆเห็นจะได้ 
              หนึ่งอ้าย น้าพัดรถจนตี่สะพานบ้านร้อง แม่อ้ายวานบ้าอิ้วไปส่งไปผ่อน้าพัดตี่โรงบาลปุ้น 
            แล้วเป็นจะไดพ่อง
            แม่หลวงก้บ่ฮู้แหละ นี่แม่อ้ายฝากบ้าก้องไว้นี่ แม่อ้ายบอกว่าถ้าหนึ่งมาฮื้อไปโตยหาตี่โรงบาล
       พอเล่นนำเบื่อผมก็กลับบ้านพร้อมๆกับเจ้ารถมอเตอร์ไซคันเก่าของผม จำได้ว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกจนตัวสั่นเลยหละ
แต่ไอ้บทสนทนาของ ยายและผมข้างบนก่อนหน้านี้ ถึงแม้ไม่เปียก ถึงแม้ไม่เย็นเท่ากับเสื้อผ้าชุดนี้ของผม 
แต่คำพูดสั้นๆเหล่าของยาย ก็เพียงพอเลยหละที่จะเล่นเอา หลานชายคนนี้สั่นไปทั้งเนื้อทั้งตัว
 สัก 5 นาทีได้มั้งจากบ้านถึงโรงพยาบาล แล้วก้พบกับ แม่ของผม ดูเธอสั่น ตาลอยพูดอะไรไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย
         หมอว่าจะเอาน้าพัดส่งโรงบาลเวียง ตอนนี้น้าพัด ยังบ่ฮู้ซึกตั๋วเตื่อ ยามแม่จะปิกบ้านก่อนหนา ไปเอาครัวก่อน
จะได้โตยน้าพัดไปเวียงกับรถโรงบาลหนี้
          เป็นหยังและแม่ยามจะไดหนึ่งไปโรงบาลเวียงโตยรถโรงบาลหนี้ก่ได้แม่ก่อยโตยไปทีหลัง
          เออจะเอาจะอั้นก่ได้ ........
         หลังจากยื่นกุญแจรถให้แม่ผมก็รีบตรงไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทันที ผมกวาดสายตาไปทั่วห้อง และคงจะด้วย
อาการสั่นและตื่นของผมด้วยแหละจึงทำให้ ผมยังมองไม่เห็น น้าสาวของผม ที่เห็นก็ผัวขี้เมาของเธอที่นอนทำแผลอยู่
ที่เตียงด้านติดประตูทางเข้าเท่านั้น และก็......หญิงแก่ๆที่ถูกล้อมไปด้วย ทั้งหมอ ทั้งพยาบาล แวปแรกที่เห็นคือเท้า
ของหญิงแก่ๆ ดูเหี่ยวๆและซีด มีคราบเลือดเปรอะอยู่พอสมควร และก็ด้วยคราบเลือดนี่แหละที่ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า
หญิงแก่คนนั้น ไม่แน่อาจจะเป็นน้าของผม ที่พึ่งถูกรถชนมาหยกๆ
         ศรีษะที่ถูกพันด้วยผ้าขาวจนเกือบจะกลายเป็นสีแดงอยู่แล้ว ปากที่เปรอะไปด้วยเลือด 
พร้อมๆกับสายอะไรสักอย่างที่ถูกสอดเข้าทางช่องปากเพื่อดูดเอาเลือดหรือเสมหะออกมา 
และใบหน้าที่มีทั้งบาดแผลและเลือด นี่แหละคือสภาพใบหน้าของเธอ ที่ผมสัมผัสได้และจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้
         ด้วยสภาพของร่างกายและเสื้อผ้าชนิดหมาน้อยตกนำ ได้เดินทางมากับรถโรงบาลจาก อำเภอปัว สู่
อำเภอเมือง อำเภอที่น่าจะพร้อมกว่า หากนี่คือหลทางรอดของน้าผมแม้ก่อนการณืผ่าตัด หมอคนนั้นจะบอกว่าโอกาส
รอดมีไม่ถึง 10เปอร์เซน เรารอช้าไม่ได้ สมองซีกซ้ายของคนไข้ถูกกระทบกระเทือนแรงมาก เราต้องรีบผ่าตัด
นี่แหละคือ คำพูดของหมอที่ผมพอจะสรุปและจำได้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 
         หลังจากผมจรดปากกาเซ็นยินยอมมอบชีวิตน้าของผมให้หมอแล้ว จำได้เลยหละว่า ตอนนั้นผมไม่แน่ใจจริงๆ
ว่าผมทำถูกหรือผิด ผมคิดผิดหรือปล่าวที่เซ็นตกลง แทนที่จะรอให้แม่ของผมมาก่อนเผื่อเธอจะคิดหาทางส่งน้าของ
ผมไปโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้ โรงพยาบาลที่มันจะบอกผมได้ว่าโอกาสรอดมีมากกว่า10เปอร์เซน
           ผมกลัวจริงๆมันไม่เหลือความแน่ใจ มั่นใจ หรืออะไรใดๆทั้งนั้น
         พอแม่และเพื่อนบ้านพวกที่อยากมาดูอาการของน้าผมมาถึง จากอาการที่รีบเร่ง รีบร้อน ก่อนที่จะฟังผมอธิบาย
เรื่องทุกอย่าง แต่หลังจากนั้น ทุกคนต่างได้แต่นั่งทำใจไว้ร่วงหน้า คอตก พูดไม่ออก และ ร้องไห้ 
        หลังจากนั้นสัก 2 ชั่วโมง ก็เหลือแต่ผมกับแม่เท่านั้นที่รอดูอาการของน้าผม 
เพราะหลังจากการผ่าตัดจบสิ้นทุกๆคนที่มาเยี่ยมก็กลับไป เหลือไว้แต่ คำพูดปลอบใจเล้กๆน้อยๆที่ฝากไว้ให้ผมกับแม่
        เวลาสักตีสี่เห็นจะได้ ผม สะดุ้งตื่นขึ้นมา 
เงียบ เท่านั้นแหละที่สำผัสได้ แม่ไปไหนก้ไม่รู้ หารอบๆก้ไม่เจอ เดินหาสักพัก ก้พบเธอกำลังคุยโทรศัพท์ ผมรีบ
เดินเข้าไปหาเธอ เธอไม่รู้ด้วยซำว่าผมกำลังเดินเข้าไปหาเธอ ทั้งๆที่ขณะนั้นโรงพยาบาลเงียบมาก เหตุผลหนะเหรอ
เธอ ร้องไห้  และที่สำคัญที่สุดผมไม่เคยเห็นเธอร้องมากไห้แบบนี้เลย ผมพึ่งรู้ว่าคนที่รักน้าผมคนนี้มากที่สุดก็คือพี่สาว
ของเธอคนนี้นี่เอง
         ไม่มีใครเชื่อแน่ๆหากจะไปบอกว่า พี่สาวคนนี้ รักน้องสาวคนนี้มากที่สุดมากกว่าใครๆจะรักแต่ถ้าไปบอกว่า
น้องสาวคนนี้ของเธอรักหลานชายคนนี้มากที่สุดเชื่อแน่ว่าใครๆก็จะตอบว่า ใช่  แต่เหมือนสิ่งที่ทุกคนแสดงออกมันตรงข้าม
แม่ไม่เคยแสดงออกมาว่ารักน้องสาวคนนี้มากถึงขนาดนี้ ผมไม่เคยมีท่าทีว่ารักเธอกลับเลยแม้แต่น้อยทั้งๆที่ใครก็รู้
ว่าผมนี่แหละคือคนที่น้าสาวคนนี้รักมากที่สุด 
และที่สำคัญ คุณรู้ไหมว่านี่มันคือรักจากผู้หญิงคนนึงที่ใครๆต่างบอกว่า  เธอไม่เต็ม
       ตั้งแต่เด้กมาแล้ว ที่ผมรู้จักกับเธอ น้าสาวผมนี่แหละ จำไม่ได้ด้วยซำว่ารู้จักกับเธอตอนไหน ญาติๆมักจะบอกว่า
เธอหนะชอบหอมแก้มผม กอดผม เล่นกับผม และทำทุกๆอย่างเพื่อจะให้ผมยิ้มเพื่อให้เธอได้ยิ้มเวลาที่ผมยิ้มเพราะเธอ
  พอเริ่มจำความได้ ใช่ เธอมักจะตามใจผมแทบทุกอย่าง ชอบมาคุยด้วย มาเล่นด้วย หาอะไรอร่อยๆมาให้ทาน จน.....
จนผมลำคาญเธอมาก พูดไม่ดีกับเธอ ไม่เคยเรียกเธอว่าน้า ผัด นี่แหละที่ผมใช้เรียกเธอ       
เหมือนเธอรู้ แต่ไม่เคยแสดงอาการน้อยใจออกมาเลยที่ผมไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอ เธอคงอยากมีลูกไว้ให้เธอรักและพร้อม
ที่จะรักเธอกลับมั้ง เธอจึงตัดสินใจแต่งกับหนุ่มขี้เมาจากพะเยา ใช้เวลารู้จักกันไม่ถึง5 เดือนเขาและเธอก็มีลูก บ้าก้อง
ที่คุณเห็นตั้งแต่ต้นนั่นแหละ ลุกรักของเธอเอง
       ชีวิตหลังแต่งงานและมีลูกของเธอ มีแต่คำว่าแย่ คำว่าเน่า คำว่าเลิก อยู่ตลอดเวลา เธอทำงานหนักเพื่อเลี้ยงผัว
ขี้เมาที่ไม่ยอมแตะอะไรเลย และลุกน้อยที่เธอรัก เธอจะไม่ยอมเลยหละ
เวลาที่ใครๆมานินทาเธอว่าเธอโง่ที่แต่งงานกับคนที่รู้จักกันไม่ถึง 3 เดือนเธอจะด่าจะว่าแบบไม่อายใคร ไม่แน่นะบางครั้ง
อาจมีใช้กำลังส่วนวิธีการเลี้ยงลูกของเธอหนะหรอ เช้ากินนม กลางวันนอน ก็ไม่เห็นแปลก แต่ด้วยอาการ
ที่ใครๆเรียกเธอว่าไม่เต็มนี่แหละกลายเป็น สิ่งสำคัญที่ทำให้ผมไม่เคยเห็นเด้กน้อยคนไหนที่อายุเท่าหลานของผมฉลาด
มี่ความกล้าที่จะคิดที่จะพูดเท่ากับหมอนี่เลย ชอบเล่นกับลูกแปลกๆ ชวนให้ลุกคุยหัวเราะแบบแปลกๆ ชอบทายปัญหา
ลูกตั้งแต่เขายังไม่เกิด มิหนำซำจะโกรธลูกอีกต่างหากเวลาลุกไม่ตอบ ชอบชวนลูกเต็นรำแบบแปลกๆชนิดไม่อายใคร
กลางตลาด    ทั้งหมดที่ว่าแปลก ที่ว่าเหมือนไม่เต็มเหล่านี้ อาจจะไม่ใช่ หากเรามาเห็นลูกที่ถูกเลี้ยงด้วยแม่แบบนี้
วางแผนได้แบบนี้ เดินไปบอกแม่ว่า พ่อขอเงินกินเหล้า สักพักก็เดินไปบอกพ่อว่า แม่ให้มาเอาเงินที่พ่อไปซื้อขนม
ทั้งๆที่ท้ายที่สุดแล้วผลมาเฉลย ว่าลูกรักของเธอ เดินไปซื้อขนมมาแจกให้เพื่อนๆของมัน ทั้งๆที่มันอายุประมาณ 3ขวบ
กว่าๆมั้ง แต่เพื่อนๆมันหนะหรอ ป.1 ป.2แทบทั้งนั้น ที่สำคัญในกลุ่มคล้ายๆกับจะเป็นลูกน้องมันด้วยซำ
จากทั้งหมด เลยกลายเป็นสิ่งที่ไม่แปลก ที่จะเห็นพวกแม่ค้าพ่อค้าในตลาดรักเธอและลูกมาก
   เธอหมดสติไปแล้วหลังจากการผ่าตัด ไม่มีแล้วจะยิ้ม จะหัวเราะ จะคุย เสียงของเครื่องช่วยหาย
ใจเท่านั้นที่ดังออกมาจากตัวเธอ หน้าที่ของเธอดูเหมือนจะหมดไปแล้วบนโลกใบนี้ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วย
ตัวเองแบบนี้ จะเดิน จะวิ่ง จะคุย ก้ไม่มีทาง ............อาบนำ ใช่แล้วหละครับเธอยังอาบนำได้ เพียงแต่เธอแค่ยืมมือของผม
และพวกพี่ๆพยาบาลเท่านั้น เธอคอยหันหลังให้ผมเช็ดตัว เธอไม่บ่นด้วยซำเวลาผมเผลอทำนำเข้าหูเธอ เธอนั่ง เธอนอน
เป็นเด็กน้อยตัวขาวๆ ให้ผมและพี่ๆพยาบาลอาบนำได้โดยง่ายที่สุด ผู้หญิงไม่เต็มคนนี้ไม่เคยสร้างปัญหาจริงๆ
  ตั้งแต่เกิดมาแล้วผมไม่เคยร้องไห้ให้กับเธอเลยแม้วันนั้นวันที่เธอนั่ง นอนนิ่งๆอยู่บนเตียง เป็นเพราะอะไรผมก็ไม่รู้
ไม่รักเธอมั้งที่ผมคิดออกจากคำถามคำถามนั้น แต่...........................................
นี่แม่อ้ายกะ
ช่วงที่แม่ผมกลับบ้านหลังจากเหตุการ์ณที่แม่ผมร้องไห้ที่ตู้โทรศัพท์ 10.30 ของวันใหม่ พยาบาลก็มาเช็ดตัวให้เธอ
สงสัยเค้าคงเห็นผมนั่งเฝ้าเธออยู่มั้ง จึงถามคำถามคำถามนั้นออกมา นี่แม่อ้ายกะ ผมไม่ตอบออกมาเป็นคำพูด
แต่ผมใช้นำตาตอบแทน แทนคำพูดที่อยากจะบอกว่า ใช่ครับแม่ผมเอง 
  หากถามว่าผมรักเธอไหม ผมกล้าตอบนะว่า ไม่ ทำไมหนะหรอ ดูการกระทำที่ผมเล่าให้คุณฟังแต่แรกของผมที่มีให้เธอสิ
สมควรไหมที่จะบอกว่า ผมรักเธอ ผมเสียใจที่เธอจากไป มันสมควรไหม ผมน่าจะดีใจด้วยซำที่เห็นเธอจากไปแบบนี้
หากเปรียบเทียบกับคำว่าลำคาญเธอเวลาเธอมาเอาใจ				
27 มกราคม 2548 20:21 น.

หมั่นไส้ยังไงชอบกล

โกเต็ก

พูดไม่รู้เรื่องเดี๋ยวบัด "ตบ"
                          ขยันทำกันจริง ขยันทำกันจัง กับนานารายการทางโทรทัศน์ ที่หยิบยกเอาประเด็นของเหล่าเยาวชนของประเทศ มาคุยคุ้ยกันให้
 ออกหน้าออกตา ยาเสพติดบ้างหละ การพนันบ้างหละ เพศสัมพันธ์บ้างหละ ทะเลาะวิวาทย์บ้างหละทำไปทำมาทีแรกก็ดูดีดูจ๊าบอยู่หรอก แต่พอนานๆ
เข้าคุยไปคุยมา ก็ดันโยงไปหารือกันทางวิชาการเพื่อนำมาสู่หนทางการแก้ไข ของพวก ลืมสันดารเก่าๆแท้
                  นี่ก็เพิ่งเห็นมาสดๆร้อน ช่องอะไรน้า......ที่มันไม่ค่อยจะมีรายการบันเทิงหนะ คราวนี้มันเอาจริงเอาจังเลยหละ ระดมพลเยาวชนของประเทศ
 มาจัดองค์ทรงเครื่องอย่างดี กับสีสันของเสื้อสีส้มที่สะดุดตาเห็นมาแต่ไกลเลยหละ ทำเป็นเชื่อมโยง โชว์ความสามารถของเทคโนโลยีจานดาวเทียม
 เชื่อมโยงชนิดประเทศไทยไร้พรมแดน แบ่งเป็นภาคจากเหนือยันใต้ แค่นี้มันก็อลังการมากพอแล้ว 
                  พูดถึงประเด็นที่หยิบมาคุยกัน ดูแปลบเดียวก็รู้ แม่งเอาเยาวชนมานั่งเป็นผีตายซาก กลางห้องส่ง เป็น 30-40 พูดจริงๆไม่เกิน 5คน 
และไอ้ที่พูดก็ดันมี บท มาให้พูดเป็นกระดาษวางอยู่ข้างหน้าอย่างหน้าไม่อาย ลองทายดูซิว่าเหล่าเยาวชนที่แม่งมันนำมาลักษณะท่าทาง
มันเป็นไงบ้างไม่หน้าตาเฉื่อยๆไม่สวมแว่น ไม่ขาวๆไม่ดูหน้าตาคล้ายๆเด็กเรียนก็จะเป็นพวกมีชีวิตเพือกระดาษกับตัวหนังสือทั้งนั้นลองเอามัน
ไปเล่นกีฬา กิจกรรมที่มันคือชีวิตจริงๆดูสิ แม่งจะเป็นลมกันเป็นแถวๆ
 ฝันไปเหอะไอ้ที่พวกมันเรียกว่า เด็กนรก เด็กเปรต มันจะขุดขึ้นมาพูด ทั้งๆที่พวกมันอยากมาแก้ไขปัญหาให้พวกเด้กเปรตเหล่านี้แต่กลับเอาไอ้เฮี้ยที่ไหน
ก้ไม่รู้มาคุยกันออกทีวีบอกตรงๆครับว่ามันแก้ปัญหาด้วยใจกันไม่รู้เรื่องหรอก
                  ส่วนเรื่องประเด็นของปัญหาที่หยิบขึ้นมาพูด ที่กล่าวไปแล้วแต่ต้นนั้น ไม่บอกว่าควรหากิจกรรมให้เด็กทำ ไม่เอาใจใส่ดูแลเด็กให้มากๆ
ไม่นำเสนอสื่อที่ล่อแหลมแก่พวกเยาวชน แม่งมันก็จะไม่พูดอะไรกันอีกแล้วตูหละจะบ้าตายกับไอ้เฮี้ยพวกนี้จริงๆ บอกอยู่นั่นแหละ กิจกรรม สื่อลามก 
ขาดความอบอุ่น อยากรู้อยากลอง ถามจริงๆเหอะปัญญาอ่อนมันพูดไม่เป็นกันหรือไง 
                  ไม่เข้าใจทั้งผู้ที่จัดรายการ และพวกเยาวชนดาบสองคม นี้จริงๆที่ว่าดาบสองคมหนะหรอ ก็แม่งไม่เครียดโดดตึกตายกินยาตาย มันก็จะทำ
อะไรไม่เข้าพวกเข้าฝูงอยู่เป็นทุกครั้งไป ชนิดที่ว่า กูกับพวกมึงมันคนละโลกกันโว้ย
                  จากจุดตำสุดขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเลยกลายเป็นลืมจุดตำสุดไปงั้น พวกนี้บอกตรงๆฉลาดไม่จริงหวะ จากประสบการณืที่เคยไปสัมผัสมา ตั้งแต่อนุบาล
 ยันมหาลัย รู้ได้อย่างแจ่มแจ้งครับว่าเยาวชนที่เรียกว่าเก่งๆกันทั้งหลายเหล่านี้ เก่งแต่ทำนาบนกระดาษเท่านั้น ก็ในเมื่อชีวิตคือการเรียนรู้ 
รู้เพื่อสร้างสรรสิ่งดีๆงามๆให้แก่บ้านแก่เมือง........ พวกเก่งๆเหล้านี้ไม่ใช่ว่าไม่ทำนะ แต่ไอ้ที่กำลังทำอยู่นี่มันเป็นดาบสองคม นี่สิน่าเป็นห่วง
                  อยากให้พอกันทีกับเรื่องปั้นนักเรียนให้เป็นแบบนี้ เพราะอะไรหนะหรอ ก็ผมมันคนไทยอยากเห็นประเทศชาติพัตนาคนหนึ่ง 
เพราะรู้ไงหละครับว่าเยาวชนเกรดสูงเหยียดฟ้าแบบนี้ ไม่นานก็จะขึ้นมาเป็นผู้นำ ไม่อยากเห็นรัดมนตรีมหาดไทยที่สั่งปิดผับ แต่ตัวเองไม่
เคยไปเที่ยวผับเลยไม่อยากเห็นรัดมนตรีศึกษาจัดรูปแบบการศึกษาทั้งๆที่ตัวเองเคยศึกษามากับพวกเกรดฉลาดแต่พวกเฮี้ยๆที่เสพยงเสพยาแม่งไม่เคยคลุกคลี
แต่เสือกอยากไปแก้ไขปัญหาให้พวกเขา รวมไปถึงดอกเตอร์จากเมืองนอกที่อยากมาแก้ไขปัญหาให้กับชาวนาชาวไร่ทั้งๆที่ดินเมืองนอกกับบ้านนอกเนี่ยมันต่างกัน

                   เห็นไหมหละครับจากจุดตำสุด ที่ไม่ต้องเริ่มจากท้องแม่แต่เริ่มจากการศึกษาที่ยกย่องชมเชยแต่เด็กเกรดเก่งๆ สู่จุดหมายปลายทางแห่ง
ผู้บริหารประเทศ จะบอกอะไรให้นะครับ เรื่องปัญหาชายแดยภาคใต้เนี่ยแก้กันไปเหอะ พัตนาไปกันเหอะ ชาตินี้ก้ไม่สำเร็จ เพราะอะไรหนะหรือ ใจไงครับ
 ที่สื่อกันไม่ลงตัว
                                                                    ว่ากันว่าคนเมาพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง 
                                                   แต่พอให้คนเมาไปฟังคนไม่เมาพูด เขาก็จะบอกว่าไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
                                                        แต่คนไม่เมาก็ดันอยากไปแก้ไขปัญหาให้คนเมาอีก
                                                               เมาเท่านั้นแหละครับที่จะพูดกับเมารู้เรื่อง
                           แต่ถ้าพวกแกเมาไม่ได้เมาไม่เป็นเพราะไม่เคยเมา ก็ปล่อยให้พวกเมาๆมันแบ่งแยกประเทศไปอยู่แต่พวกมันเหอะนะ
                                                                          สงสารกันเหอะ				
27 มกราคม 2548 20:15 น.

จี้จ๊ะกันซะให้เข็ด

โกเต็ก

จี้จ๊ะกันซะให้เข็ด
  ........................................................กว่าจะหาคำตอบให้ลูกๆหลานได้รู้ก็เล่นเอาหัวใจแทบวายกันไปตามๆกัน เพราะนอกจากรูปภาพเดิมๆที่สุดแสนจะน่าเบื่อที่แขวนติดอยู่ข้างฝาแล้ว
 ยังมีเหตุการณ์เก่าๆที่ยังฝังติดตาติดใจมิเคยเลือมเลือนตามมาหลอกมาหลอนอีก    ให้ตายสิ..... พ่อคุณ แม่คุณ ต้องขอบอกไว้เลยว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่อะไรๆดูจะเลวร้ายยำแย่ลงไปทุกที
  ย้อนกันไปสัก20ปีเห็นจะได้ ก็สินค้าคู่บ้านคู่เมืองของไทยเรานี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นส่วนโน้น ส่วนนี้ หรือส่วนไหนๆ ให้ตายสิ ถูกหยิบถูกยกกันขึ้นมาวางแผง
ขายกระจัดกระจาย แทบจะทุกซอกรอกแขนเลยก็ว่าได้ พอจะจับแม่งมันทีไรมันก็อ้างโน่นอ้างนี่แล้วก็กลายเป็นจับลมกันทุกทีไป  
เพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น 8 ศพ ที่สุดแสนจะอนาถ ที่สุดแสนจะทรมาน ที่สุดแสนจะที่สุด  แถวๆน้ามตกเหวนรกที่เขาใหญ่ ใครต่อใครก็บอกว่า "มันถึงเวลาแล้วหละสำหรับสินค้าคู่บ้านคู่เมืองชิ้นนี้ของไทยเรา"
แต่พอ10ปีหลังจากนั้น ก็ดั้นมาเห็นเดินอุ้ยอ้ายๆแถวๆข้างถนนซะงั้น ดึงดูดนักท่องเที่ยวบ้างหละ สร้างสีสันและบรรยากาศบ้างหละ เดินกันให้วิ่งกันให้ จ้าละหวั่น 
ซะไม่มี กับยานพาหะนะชิ้นนี้ สมรรถภาพความเร็สสูง 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จิ้มโน่นที นู่นที แทนพวงมาลัยเพื่อบังคับให้ยานพหะนะชนิดนี้ ได้เดินไปตามทางที่ 
พวกมันต้องการ......พอไขมันหล่นดังตุ๊บทีไรเป็นอันต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนกันทุกที ..ก็จะไม่ให้วิ่งได้ไงหละ เพราะถ้าตกเป็นเหยื่อของบาทา
ของพวกพี่ๆน้องๆพลายทั้งหลายแล้วหละก็  มดแดงไฟที่ถูกรถสิบล้อทับที่ว่าแน่ๆเป็นอันต้องจ๋อยซ้อยมิ่ง...ว่างั้นเลยหละ
นี่ขนาดยังไม่รวมเรื่องเปิบพิสดาร ที่สุดแสนจะฉิบหาย ของบรรดาเสือหิวเสือโหยแถวๆตอนบนของประเทศอีกนะครับ 
อย่าให้พูดเลย เดี๋ยวเย็นนี้จะรับประทาน หมาปิ้ง เฮ้ยไม่ใช่ หมูปิ้งกันไม่ลงกันพอดี 
 ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าชาติที่แล้ว ท่าน ไปทำบุญทำกรรมอะไรกันเอาไว้ เกิดมาทั้งทีถึงได้มีคุณประโยชน์แบบนี้ สู้รบปกป้องบ้านเมืองก็ทำได้ เรียกรอยยิ้มจากเด็กๆ
เวลาเตะฟุตบอลก็ยังทำได้ ทำหน้าที่เป็นยานพาหานะท่านก็ยังทำได้ ลากโน่นลากนี่ท่านก็ยังทำได้ นี่เฉพาะแค่เวลาที่มีลมหายใจอยู่นะ
แต่พอถึงเวลาหมดทุกข์ ท่านก็ยังฝากโปรตีนไว้ให้ใครหลายคนอีก และที่สุดแสนจะทรมานก็คงหนีไม่พ้น งา ที่ใครหลายๆคนเคยแอบตัดเก็บเอาไว้ดูเล่นหรือเสริมบารมี
แถวๆข้างฝาบ้านอีก
 คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเรื่องที่จะคาดเดาให้เกินความหมายอันใด หากผมจะบอกว่าตอนนี้ผมกำลัง ยืนมองภาพ ท่านๆเหล่านี้ที่พิพิธภันธ์แห่งหนึ่ง พร้อมๆกับลูกๆ
หลานๆที่ถามคุณอาคนนี้ว่า "ทำไมช้างถึงสูญพันธ์ครับอา"   เอ่อ..............................................................................................................
                                                              เขาเรียกมันว่าสัตว์เพราะมันไม่ใช่คน
                                                  แต่ไอ้ที่เขาเรียกว่าสัตว์นั้นบางที่มันก็มีค่ามากกว่าคนเสียอีก
                                   มนุษย์ทุกคนไม่ใช่สัตว์ที่ประเสริฐที่สุดเพราะโลกใบนี้ยังมีท่านเหล่านี้ที่ประเสริฐกว่ามนุษย์หลายๆตัว
                                                                      จี๊จ๊ะกันได้แล้วนะครับ				
27 มกราคม 2548 19:54 น.

ก่อนอ่านไปหาปี้บมาก่อน

โกเต็ก

ก่อนอ่านไปหาปี๊บมาก่อน
กับเมืองที่น่าท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 4 ของโลก และสุดยอดกับอันดับที่1 ของเอเชีย จากการยกย่องของนิตยสาร ชื่อดังแห่งหนึ่งจากต่างแดน
ตื่นตาตื่นใจกันซะไม่มีหละงานนี้ กับสโลแกนที่ใครๆต่างหยิบยกขึ้นมาพูดกันให้แซด กับ "มหานครแห่งความสุข" มันถึงเวลาแล้วจริงหรือ?
อ้าปากค้างกันให้หายตกใจสักพัก.............. เพราะเมืองที่กำลังจะพูดถึงนี้มันมีนามว่า บางกอก หรือ กรุงเทพ ดีๆนี่เอง โอ้แม่เจ้าพระเดชพระคุณเจ้า
นี่ลูกกำลังฝันไปหรือปล่าว หรือว่าลูกหูฝาดไปกันแน่ กรุงเทพเนี่ยนะ มหานครแห่งความสุข ก็จะไม่ให้ข้าพเจ้าผู้ที่มีบัตรประจำตัวประชาชนมาแล้วกว่า4ปี
ไม่ตกกระไดพลอยนิตยสารฉบับนี้ได้ยังไงหละ
ก็ในเมื่อเห็นๆกันอยู่ สัมผัสกันอยู่ ลูบไล้เคล้าคลอนัวเนีย กันอยู่แทบจะทุกวัน จนอารมณ์ของหนึ่งในคนไทยคนนี้มันตายด้านไปหมดแล้ว เหม็นทั้งโน่นเหม็นทั้งนี่
แข่งกันโน่นแข่งกันนี่ และอีกนานาสารพัดอย่างที่ทำให้อารมณ์มันตายด้านได้แบบนี้ สงสัยอีกไม่นานพวกเราเหล่าพี่น้องผองไทย คงได้ยลโฉมกีฬาโอลิมปิค
บนแผ่นดินเกิดแห่งนี้เป็นหนแรกแน่ๆ ดีใจกันซะให้เข็ด เพราะตอนนี้เวลานี้ ถ้าคุณๆคนไหนที่ได้เชื่อว่าเป็นคนไทยเดินเบ่งไปในแห่งหนไหน
แล้วหละก็ คงเทห์ไม่เบาเลยหละ เพราะแค่ตะโกนออกไปว่า
"อันดับ 4 ของโลกโว้ย ที่ 1ของเอเชียโว้ย" เมืองแห่งความสุขโว้ย! มันก็มันกันจนมันหยดดัง ติ๋งๆกันแล้ว
 ก่อนหน้านี้ก็ว่าเป็นทั้งเมืองแฟร์ชั่น เมืองแห่งอารยธรรม และตามมาด้วยเมืองแห่งความสุข และท่องเที่ยว ตามลำดับ กับแฟร์ชั่นเสื้อผ้าขาดๆเก่าๆตามท้องถนน
และอารยธรรมแถวๆสยามที่เต็มไปด้วยคำว่า จ๊าบบ้างหละ โจ๋ว บ้างหละ และไอ้การไหว้ที่เป็นเอกลักษณะหนะ หาไปเหอะ แถวๆที่ๆมันมีกล้องออก ทีวีหนะ
ไหว้สวยกันจริงๆให้ตายสิ เมืองแห่งความสุขงั้นหรอ หน้าบึ้งตึงตัง หน้าดำคลํ่าเครียด กันแถวๆป้ายรถเมย์ ถามจริงๆเหอะไม่เคยเห็นกันบ้างหรือยังไง 
แล้วคำว่าท่องเที่ยวหละ เอาที่ไหนดีน้อ ห้างสรรพสินค้า อาร์ซีเอ หรือวัดพระแก้วที่ไปแล้วเห็นแต่ฝรั่งกะอาตี๋อาหมวย ดีหละนี่ขนาดยังไม่รวมอุบัติเหตุตามท้องถนน
และเรื่องราวที่น่าอัปยศแสนอดสู ตามซอกตามซอย หรือแม้แต่กระทั่งแถวๆสะพานลอยอีกนะครับ
ส่วนไอ้ที่ดูดีดูงามอยู่แล้วก็ไม่ใช่ว่ามันไม่มี มันมีอยู่แล้วหละ แถวๆโทรทัศน์หนะ หนูๆลองดูกันให้ดีๆสิครับ ทั้งหรูหราทันสมัย สวยงามสวยเด่นเห็นแต่ไกลหนะ 
ถนัดนัก กับเรื่องไอ้สร้างภาพ สร้างชื่อสร้างเสียงเรียกร้องความสนใจ 
ก็ผมมันไม่ใช่ฝรั่งนี้ครับ ที่พอมาเที่ยวเมืองไทยแล้ว จะได้ซื้อของอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน ชนิดที่ว่า โครตถูกแบบนั้นและไอ้คำว่าซื้อเนี่ยมันซื้อได้ถูกๆแทบจะทุกอย่างจริงๆ ไม่เว้นแต่ หญิงไทยผู้ที่ได้ชื่อว่ารักนวลสงวนตัว
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับคุณๆคนไหนหรือแม้แต่บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองหรอกครับ อยากจะเห็นเมืองแห่งนี้ดีขึ้นไปกว่าเก่าและได้
ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความสุขอันดับ 1ของโลกด้วยซ้ามไป 
แต่บอกตามตรงจากใจคนไทยคนหนึ่ง ครับว่า มันทุเรศลูกกะตาอย่างแรงเวลาที่ต้องเดินไปตามท้องถนนแล้วยังเห็นเมืองที่ได้ชื่อว่า น่าท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 4 ของโลก 
เป็นแบบนี้อยู่  ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าไอ้นิตยสารฉบับนี้มันไปเอาอะไรมาวัดคำว่าน่าท่องเที่ยวกันแน่หรือว่าโลกใบนี้มันไม่มีที่ดีๆที่งามๆเหลืออยู่แล้ว 
 ของแบบนี้ มองได้แค่2แง่2ง่ามเท่านั้นแหละเวลานี้ 
มาเที่ยวเพราะค่าเงินมันถูกจึงน่ามาใช้เงิน หรือที่ว่าน่าท่องเที่ยวนั้นถามมาจากพวกๆฝรั่งด้วยกันเองแต่ไม่ได้ถามเจ้าบ้านอย่างกูเลย  
กูมันเป็นเจ้าบ้านยังไม่มีความสุขเลย แล้วไอ้หน้าขาวๆหน้าตี๋ๆจากต่างบ้านต่างเมืองยังดั้นมาว่าน่าท่องเที่ยวกันอีก กูหละจะบ้าตาย
 สุดท้ายละนะ 
ช่วงหยุดงานพักร้อนนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดีครับ ?
ผมไปโตเกียวครับ 
หนูไปเวียนนากะแม่ค่ะ 
ส่วนผมจะไเยี่ยมคุณป้าที่อังกิดครับ
 ส่วนผมก็ว่าจะไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดครับ
 แล้วคนที่เหลือหละครับ ?
นอนหลับพักผ่อนอยู่ที่บ้านนี่แหละครับ 
ทำไมหละครับ?
ก็ผมไม่มีตังค์ไปเที่ยวที่ไกลๆนี่นา 
แล้วกรุงเทพนี่หละ? 
....................................................................................................................................................................
                                                         
                                                               คนเราฝืนอะไรก็น่าจะฝืนได้
                                                                   แต่ฝืนใจเราทำได้ยาก
                                                        แต่ตอนนี้มันง่าย เพราะคำว่า อันดับที่ 4 ของโลก
                                                          @เอาปี๊บออกได้แล้วครับ เอากะละมังไปแทน@				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโกเต็ก
Lovings  โกเต็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโกเต็ก
Lovings  โกเต็ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโกเต็ก
Lovings  โกเต็ก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงโกเต็ก