13 สิงหาคม 2550 04:30 น.

!~! กลับคืนสู่ ..... เถ้าธุลี !~!

โกญจนาท

.
.

ควันสีขุ่นพวยพุ่งออกมาจากปล่องเมรุ แล้วลอยไปตามลมเอื่อยๆพร้อมเสียงร่ำไห้ของผู้ที่สูญเสียลูกอันเป็นที่รักไปก่อนวัยอันควร 

หญิงวัยกลางคนสวมแว่นตาดำอำพรางดวงตาที่บวมเต่งเนื่องจากคราบน้ำตา แต่หาปิดบังได้มิดไม่ ยังคงมีคราบน้ำตาไหลอาบเต็มสองแก้มให้รู้ถึงความรู้สึกของเธอ 

เธอแหงนหน้ามองดูควันสีขุ่นนั้นลอยล่องออกไปด้วยสติอันล่องลอย ..... 

" คุณ ..ผมไปเจอจดหมายนี่ใต้หมอนลูก" ชายมาดขรึมผมสีดอกเลาผู้เป็นพ่อพูดพร้อมยื่นจดหมายให้ผู้เป็นแม่.......................... 

ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากเธอ มีแต่น้ำตาที่พรั่งพรูไม่หยุดพร้อมเสียงสุดท้าย 

" โฮ.......ลูกจ๋าแม่ขอโทษ" ............ แล้วสติของเธอก็ดับวูบไปหน้าเตาเผาศพ


-------------------------------------------------------------


" แม่ครับ .... ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ขณะที่สติผมยังสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แม่อย่าโกรธผมเลยนะที่ผมทำแบบนี้ลงไป..........ผมดีใจมากเลยนะที่เกิดมาเป็นลูกแม่ แต่แม่รู้มั้ย แม่ไม่น่าให้ผมเกิดมาเลย.................

-------------------------------------------------------------

ผมเกิดวันที่ 12 สิงหา เป็นวันแม่ด้วยเนอะ แต่แม่กลับไม่เคยสนใจวันนี้เลย ผมเกิดมาจนวันนี้ 25 ปี ผมไม่เคยแม้แต่จะได้เค้กซักก้อนจากบุพการีของผม 

ผมรู้ว่าแม่ไม่เคยลืมวันเกิดผมหรอก แต่แม่ทำเหมือนลืม ทำไม่สนใจว่ามีวันนี้อยู่บนปฏิทิน ผมไม่โกรธแม่นะ ที่แม่ไม่เคยให้อะไรผม วันเกิดผมมันก็แค่วันธรรมดาวันนึงที่ไม่มีใครสนใจ ผมรับได้ครับแม่ 

แต่แม่จำได้มั้ย มีครั้งนึง ผมขอเงินแม่ 500 บาทในวันเกิด แม่ถามผมจะไปไหน ผมบอกจะไปหาเพื่อน แม่บอกผมว่า ออกไปกินเหล้าเมายาอีกแล้วนะ ดึกๆดื่นๆ รวยมากนักเหรอไง ผมจำได้ว่าคำที่ผมตอบแม่ไปวันนั้นมันแรงมาก 

" ก็เพราะมันไม่มีคนสนใจไง ถึงต้องไปหาเพื่อน เพื่อนมันยังสนใจกว่าคนที่บ้านอีก" แ

ล้วผมก็วิ่งออกจากบ้านไปโดยไม่ได้ขอเงินแม่ แม่รู้มั้ย ก่อนที่ผมจะมาขอตังค์แม่ วันนั้นวันเกิดผมทั้งวัน ผมนั่งร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียว และเป็นแบบนี้ทุกๆปี 

แม่ไม่เคยรู้ใช่มั้ย ตอนนี้ผมบอกแม่แล้วไง ผมน้อยใจครับแม่ แต่ผมก็ไม่ยอมทำใจเองแหละเนอะ ทั้งๆที่มันก็เป็นแบบนี้ทุกปี 

.
.

ผมจำได้นะตั้งแต่ตอนเด็กๆวันที่แม่ขับรถพาผมไปฝากเข้าโรงเรียนอนุบาล วันนั้นผมยังจำได้ดีเลย ผมร้องไห้ไม่ยอมเข้าโรงเรียนจะกลับบ้านกับแม่ จนคุณครูต้องเข้ามาอุ้มเข้าไปในโรงเรียน อีกทั้งตอนประถมที่แม่หวังให้ผมสอบเข้าได้โรงเรียนดี ๆ ผมก็ทำให้แม่จนได้.......

แต่แม่รู้มั้ยว่า ผมเหี้ยตอนไหน..........

ก่อนจบป.6 เพื่อนๆในห้องเค้าคุยกันถามผมว่าผมจะไปเรียนต่อมัธยมที่ไหน ผมได้แต่เงียบ ไม่กล้าบอกเค้าว่าจะย้ายไปเรียนโรงเรียนวัด เพราะเพื่อนๆแต่ละคนเป็นลูกคนมีเงินกันทั้งนั้น ผมรู้ว่าที่แม่ไม่ให้ผมต่อ ม.1 ที่โรงเรียนเดิมนี้เพราะแม่กลัวผมจะอายใช่มั้ยที่บ้านเรารวยสู้คนอื่นเค้าไม่ได้ 

ผมจำได้ว่าตอนปิดเทอมโรงเรียนเค้าจัดไปซัมเมอร์กันต่างประเทศ เพื่อนๆผมไปเกินครึ่งห้อง ผมก็มาขอแม่ว่าผมจะไป ผมไม่รู้อะไรหรอกตามประสาเด็กๆไม่รู้ว่ามันจะแพงมาก เพื่อนๆทุกคนไปกันทุกๆปีพร้อมเอารูปถ่ายมาอวดมีแต่ผม ที่ไม่ได้ไป ผมจึงเข้าใจว่าแม่ให้ผมย้ายโรงเรียนเพราะกลัวจิตใจผมกดดันไปมากกว่านี้ แต่แม่รู้มั้ยว่าชีวิตผมถึงจุดพลิกเพราะสิ่งที่แม่คิ ดว่าดีที่สุดนั่นเอง

.
.

แม่ให้ผมเข้าโรงเรียนมัธยมที่มีป้าสอนอยู่ และอาจารย์ทุกคนทั้งโรงเรียนรู้จักกับพ่อและรู้ว่าผมเป็นหลานอาจารย์ ผมกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ เพื่อนๆเลิกเรียนชวนกันไปเที่ยวห้าง แต่ผมต้องมานั่งเรียนพิเศษคนเดียวตัวๆกับอาจาร์ที่แม่ฝากให้สอนผม 

จิตใจผมเริ่มกดดันและผมสัญญากับตัวเองไว้ว่าผมจะไม่ยอมต่อม.4ที่นี่อย่างเด็ดขาด ผมชอบศิลปะ ผมอยากเรียนวาดรูป แต่พอผมจบม.3 แม่ทำร้ายจิตใจผมอีกแล้ว แม่บอกผมว่า มึงจบศิลปะจะไปทำมาหาแดกอะไร แม่บอกว่าให้เรียนช่าง เพราะงานดีจบมาจะได้มีอาชีพงานรองรับเยอะแยะ แต่ผมไม่ชอบ แม่ก็บังคับให้ผมเรียน 

ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมทะเลาะกับแม่ถ้าผมไม่ได้เรียนศิลปะผมก็จะไม่เรียน แต่สุดท้ายผมก็ยอมแพ้แม่เพราะมันใกล้จะเปิดเทอมแล้วผมกลัวไม่มีการศึกษา ผมตลกแม่มากที่แม่แอบไปซื้อใบสมัครมาให้ผมเรียบร้อยแล้วเหมือนรู้ล่วงหน้าว่าผมต้องยอมแพ้ ผมจึงได้เรียนตามที่แม่หวัง แต่จิตใจผมไม่มีเลยซักนิด

.
.

แม่ไม่เคยรู้เลยใช่มั้ยว่าผมเคยติดยา ทุกอย่างผมเริ่มที่นี่ครับ ที่ที่แม่คิดว่าดีที่สุดสำหรับตัวผม แต่ที่นี่เป็นที่ที่ทำให้ผมตกนรก ... 

ผมลองบุหรี่ครั้งแรกที่นี่ ผมไม่โทษใครผมโทษตัวเองครับ ผมมันไปลองเอง ทั้งเหล้า ยา ผู้หญิง ทุกๆอย่าง ตอนนี้แม่คงตกใจแล้วสินะที่เห็นตัวผมมีรอยสักเต็มตัวไปหมด ผมปิดแม่ได้ยังงัยก็ไม่รู้เนอะเป็นสิบปี 

แม่เคยร้องไห้ให้ผมในวัยนี้กี่ครั้งครับ ผมจำไม่ได้เพราะมันเยอะมาก ครั้งนึงแม่เคยด่าผมว่าเรียนยังงัยให้ตก วันนั้นเราทะเลาะกันแรงมาก เป็นวันที่เลวที่สุดในชีวิตผมที่ผมด่าแม่ .....

" ก็คนมันเรียนไม่รู้เรื่องนี่หว่า ก็บังคับมาให้เรียนนี่ จะเรียนดีได้ไงวะ...... "

"เราไม่ชอบก็ต้องตั้งเรียนให้มันรู้เรื่องสิลูก ....." 

"ก็คนมันไม่ชอบ จะให้ตั้งใจเรียนได้ไงวะ"

.......... แล้วแม่ก็ร้องไห้

แต่ที่ผมจำได้แม่นที่สุดตอนที่ผมเอามีดไปแทงเค้าจนเกือบตาย ผมโดนจับติดคุกแต่แม่ก็วิ่งเต้นหาเงินมาประกันเป็นแสนๆจนผมรอด 

"แม่ทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นลูกตัวเองอยู่ในกรงขัง" 

ผมจำคำที่แม่พูดได้จนวันตายครับ ไหนจะตอนที่ผมทั้งถูกยิงถูกแทงเฉียดตายเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น แม่ก็ร้องไห้เพราะกลัวลูกจะตายพร้อมพร่ำสอนทุกครั้งว่าอย่าไปมีเรื่องมีราวกับใคร ผมก็รับปากแม่ทุกครั้งแต่มันก็ยังมีเข้ามาเสมอ 

สุดท้ายผมขอแม่ด้วยเหตุผลตอนผมจะเรียนจบช่างว่าผมขอเรียนในสิ่งที่ตัวเองรักแล้วผมจะทำให้แม่ไม่ผิดหวัง แต่ผมก็ทำให้แม่ผิดหวังจนได้ ชีวิตมหาลัยอาจจะเป็นชีวิตที่อิสระสำหรับผมเกินไปล่ะนะ ผมไม่เคยเจอแบบนี้ ผมอยู่ในกรอบมาตลอด จนทำให้ผมเละอีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆที่ผมเป็นคนสัญญากับแม่เอง วันที่ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ผมก็โดนรีทายน์จากมหาลัยอีกครั้ง ผมทำให้แม่เสียเงินเสียทอง แม่ร้องไห้เพราะผมอีกแล้ว......

.
.
.
.
.

แม่คงผิดหวังกับผมมากสินะ ที่ผมเกิดมาแล้วไม่เคยทำอะไรให้แม่สมหวังเลย ลูกคนนี้ขอทำสิ่งสุดท้ายในชีวิต 

แม่ให้ผมเกิดมาแล้ว ในเมื่อผมใช้ชีวิตที่แม่ให้มาไม่ได้อย่างที่แม่ต้องการได้ ผมขอใช้ชีวิตนี้คืนให้แม่ครับ 

ชีวิตเหี้ยๆที่บุพการีคนนึงพยายามสั่งสอนให้ดีให้ได้ แต่มันก็ดีไม่ได้ ผมขอใช้ร่างกายทั้งหมดนี้ ถวายคืนความรักของแม่ที่ให้มาทั้งหมด ผมรักแม่ได้ไม่ได้เสี้ยวที่แม่รักผมเลย 

ยังมีอีกหลายสิ่งที่ผมยังไม่ได้ทำให้แม่ แม่รู้มั้ย ผมฝันถึงวันที่ผมจะบวชให้แม่แล้วผมจะก้มลงกราบเท้าแม่่เมื่อผมสึกออกมาออกมา มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำเลยตั้งแต่เกิดมาเพราะผมอาย แต่ผมไม่สามารถทำให้แม่ได้แล้ว 

ลูกอกตัญญูคนนี้ขอใช้ชีวิตคืนแม่ให้หมด ลูกมาจากผงธุลี และลูกก็จะกลับคืนสู่ผงธุลีเฉกเช่นที่ลูกมา ลูกให้คืนหมด เว้นอย่างเดียวความดีและความรักที่ลูกให้แม่ไม่ได้ในชาตินี้ ลูกขอใช้คืนแม่ในชาติหน้า 

ลูกดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ ชาติหน้าหรือชาติไหนถ้าลูกเลือกเกิดได้ ลูกขอเกิดมาเป็นรองเท้ารองรับทุกย่างเก้าให้แม่เหยียบไป

ลูกคงไม่กล้ากลับมาเกิดเป็นลูกของแม่อีก ลูกอายและกลัวว่าลูกจะทำดีกับแม่และรักแม่ไม่ใด้เท่าที่แม่รักลูก 

อย่างน้อยลูกขอเป็นรองเท้ายังช่วยป้องกันแม่เท้าเจ็บได้ ..... นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวลูก เพราะถ้าลูกเกิดเป็นคนลูกกลัวเหลือเกินว่าลูกจะทำให้ แม่เจ็บอีก ชาติหน้าลูกขอเจ็บให้ได้สักล้านเท่าที่แม่เจ็บในชาตินี้แล้วกัน.............................. 

แม่จ๋า พ่อจ๋า ลูกเหี้ยๆคนนี้ขอลาจากตลอดกาล

จาก....ลูกเหี้ยๆคนนี้ที่ทำให้บุพการีเสียใจมาตลอดชีวิต "



-----------------------------------------------------------

กระดูกฉัน ล่องลอย ในวารี 

เถ้าธุลี จมสู่ พื้นเบื้องล่าง

เมื่อเกิดมา ฉันมีครบ ทุกหนทาง

ท้ายทุกอย่าง ดับสูญ ไร้ตัวตน....

---------------------------------------------------------------

.

.

.				
13 สิงหาคม 2550 04:25 น.

!~! ชั่วกัลปาวสาน !~!

โกญจนาท

.
.

" เพล้ง " ... เสียงจานใบใหญ่ตกกระทบพื้นจนแตก พร้อมเสียงที่ตามมาแทบจะพร้อมๆกับเสียงจานแตกนั้น 

" นี่ป้า...หนูไม่ไหวแล้วนะ ทำจานแตกแทบทุกวี่ทุกวันจนหนูจะเจ๊งอยู่แล้วเนี่ย ป้าออกจากงานไปเถอะนะ ถ้าขืนป้ายังอยู่แบบนี้ร้านหนูเจ๊งแน่ๆ "

" ป้านวล " หญิงชราตาบอดวัย 70 ปี กล่าวขอโทษ พร้อมเดินออกจากร้านไปยังถนนใหญ่เบื้องหน้า ในมือถือไม้เท้า พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาจากนัยน์ตาที่มืดสนิทที่มีแว่นตาดำบดบังไว้คู่นั้น 

ป้านวลเดินถือไม้เท้าค่อยๆย่ำเดินบนพื้นซีเมนต์ที่ร้อนระอุตอนบ่ายไปยังบ้านที่มีลูกชายพิการทางร่างกายและสมองนอนอยู่ ..... ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ทำให้ป้านวลเดินได้โดยสะดวกแบบคุ้นเคย และใช้เวลาไม่มากนักในการเดินทาง 

เสียงเปิดประตูดังขึ้นจนทำให้ผู้ที่นอนอยู่บนเสื่อผืนเก่าในบ้านเช่าหลังโทรมๆหันมามองทางต้นเสียง
ป้านวลนั่งลงข้างๆลูกชายที่ไร้การตอบสนองคนนั้น ..... 

" หิวรึยังลูก วันนี้แม่ไปทำงานได้เงินมายี่สิบบาท เดี๋ยวแม่จะเดินออกไปซื้อข้าวสารมาหุงให้ลูกกินนะ" ไร้เสียงตอบรับ ป้านวลลุกขึ้นด้วยท่าทีกระย่องกระแย่ง แกถือไม้เท้าเดินออกจากบ้านไปยังร้านค้าละแวกบ้านอย่างคุ้นเคย 

ข้าวสารหนึ่งถุงพลาสติกเล็กๆถูกเทลงหม้อที่เปื้อนคราบเขม่าจนดำใบนั้น พร้อมถูกหุงด้วยฟืนไม้ ด้วยกลิ่นอันแสบจมูก ไข่ไก่1ฟอง ถูกนำมาเจียวจนได้หนึ่งจาน ..... 

ข้าวสุกแล้ว ป้านวลตักใส่จานพร้อมไข่เจียว และเดินไปนั่งลงข้างๆลูก พร้อมป้อนข้าวด้วยตาที่บอดสนิท ..... 

ลูกกินข้าวหมดแล้ว ป้านวลเดินถือจานใบนั้นกลับไปยังมุมห้องที่ใช้เป็นห้องครัวไปโดยปริยาย ..... เสียงมืออันสากกร้านขูดลงบนหม้อข้าวใบนั้น ... ไม่มีข้าว ... ป้านวลเอามือคว้านลงบนจาน และเอาเล็บมือที่ดำทั้งสิบนิ้ว ขูดเศษข้าวที่เหลือจากจานลูกมากินได้เพียงหนึ่งคำ

ป้านวลตัดสินใจเดินออกนอกบ้านโดยไม่บอกกล่าวลูก ออกไปยังถนนใหญ่ ด้วยทางที่คุ้นเคย ป้านวลรู้ตำแหน่งของสะพานลอย จึงเดินขึ้นไปนั่งลงกลางสะพาน พร้อมกระป๋องนมที่ควานหาได้จากถังขยะแถวนั้น มาตั้งหน้าตนเอง ..... 

" เคร้ง " เสียงเศษสตางค์กระทบลงบนกระป๋อง ... ป้านวลกล่าขอบคุณผู้ให้ทาน ..... 

ไม่มีแสงแดดส่องกระทบตัวแล้ว ป้านวลรับรู้ได้ถึงบรรยากาศยามเย็นที่คลืบคลานเข้ามา แกชันตัวกำลังจะลุกขึ้น แต่เนื่องจากตาที่มองไม่เห็น ทำให้เท้าแกไปเตะถูกกระป๋องใส่เงินจนล้มลง เศษเงินกระจายออกนอกกระป๋อง ป้านวลรีบทิ้งไม้เท้าและใช้มือควานไปรอบๆตัวเพื่อเก็บเศษเงินเหล่านั้นพร้อมพูดออกมา


" เงิน...เงินชั้น... ลูกจะไม่มีข้าวกิน ช่วยเก็บเงินให้ฉันหน่อย " 

เสียงคนช่วยเก็บเศษสตางค์เหล่านั้นอยู่รอบๆตัวป้านวล ป้านวลยิ้มแบบมีหวัง ..... แต่ป้านวลกลับไม่ได้เงินคืน เด็กขอทานที่อยู่ใกล้ๆป้านวลเก็บเอาไปหมดแล้ว....... .

" ร้องไห้ไปก็เท่านั้น ลูกจะไม่มีข้าวกิน " ป้านวลกล่าวออกมาพร้อมนั่งลงตรงจุดเดิมเพื่อขอเศษทาน จากผู้ใจบุญต่อไป เพียงหวังแค่หาเงินไปซื้อข้าวให้ลูกกิน ..... 

พระอาทิตย์ดับแสงสว่างไปแล้ว แต่ป้านวลยังนั่งอยู่โดยไม่สนใจ เพราะตาอันมืดมิด ชีวิตป้านวลจึงอยู่ในโลกกลางคืนตลอดเวลาจนชิน .......... ไม่มีเสียงเหรียญหล่นกระทบกระป๋อง ไม่มีเสียงคนเดินข้ามสะพานลอย มีแต่เสียงยุงที่อยู่รอบๆหู และคอยกัดกินเลือดป้านวลแบบเปรมอุรา ....... 

" ป่านนี้ลูกคงหิวแล้ว เราคงเดินไปขอเศษอาหารจากร้านที่เราเคยล้างจานน่าจะได้พอประทังชีวิตลูก ส่วนเราจะอดตายช่างมัน ขอแค่ลูกท้องอิ่มก็พอ " ป้านวลพูดลอยๆชันตัวกำลังจะลุกขึ้น.....

" ป้า มาขอทานอย่างนี้ได้ยังไง มาๆๆ ผมจะพาป้าไปกรมประชาสงเคราะห์เอง " เสียงผู้ชายแต่งตัวแบบเทศกิจพูดขึ้นพร้อมจับแขนป้านวลฉุดขึ้นอย่างแรง ..... 

" จะพาชั้นไปไหน ลุกชั้นยังไม่กินข้าว ชั้นจะกลับไปป้อนข้าวลูก " 

"ทำแบบนี้มันผิดกฏหมายป้า ไปเลย ไปเลย ผมจะพาไปกรมประชาสงเคราะห์ " 

" ไม่...ชั้นไม่ไป ลูกชั้นหิว ลูกชั้นยังไม่ได้กินข้าว" ..........

.......... " เอ้า...ป้า กินข้าวซะ " เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมส่งจานข้าวให้ ..... 

ป้านวลรีบเอามือควักข้าวในจานนั้นใส่กระเป๋าเสื้อคอกระเช้าจนหมดโดยไม่กินซักเม็ด 

" เฮ้ย...ปล่อยแกไปเถอะว่ะ ท่าทางจะห่วงลูก ดูสิ เลอะเทอะเราเปล่าๆ ต้องมาคอยเก็บกวาดอีก " เสียงชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมเดินไปปล่อยป้านวลสู่อิสรภาพ

กลิ่นเหม็นคลุ้งโชยมาแตะจมูกป้านวลทันที่ที่เปิดประตูบ้าน แกนั่งลงข้างๆลูกชาย พร้อมเอามือล้วงข้าวในกระเป๋าหยิบมาป้อนใส่ปากลูกชาย 

" แม่ขอโทษนะลูก แม่กลับช้าไปหน่อย แม่ไปหาข้าวมาให้ลูกกิน ลูกกินซะนะ กับข้าววันนี้อร่อยนะลูก มีคนใจบุญให้แม่มา ไม่ใช่ไข่เจียวเหมือนทุกวันแล้วนะ " 

..... ไม่มีอาการตอบสนอง ลูกพิการของแม่ไม่อ้าปาก .....

ป้านวลล้มตัวลงนอนทับเศษปฏิกูลที่ลูกชายถ่ายทิ้งลงพื้นเรี่ยวราดเหม็นอบอวล พร้อมกอด " ศพ " ลูกชายไว้แนบแน่นด้วยน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาจากตาที่บอดสนิทอย่างไม่ขาดสาย ไม่มีเสียงโต้ตอบระหว่างคนทั้งคู่ ป้านวลนอนกอดลูกแน่นพร้อมเอามือลูบหัวเบาๆเหมือนเด็ก น้อยเพิ่งเกิด ............... 

" เจ้านกกาเหว่าเอย.....ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก.....แม่กาก็ หลงรัก.....คิดว่าลูกในอุทรณ์ " .................................

ป้านวลรองเพลงกล่อมลูกด้วยเสียงอันสั่นเครือพร้อมสติที่ดับสิ้นไปด้วยความอบอุ่นจากการกอดครั้งสุดท้ายของแม่นั่นเอง...................................................

.
.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโกญจนาท
Lovings  โกญจนาท เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโกญจนาท
Lovings  โกญจนาท เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโกญจนาท
Lovings  โกญจนาท เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงโกญจนาท