1 ธันวาคม 2548 23:42 น.

ขนตาเรียวยาวงอนโค้งจดฟ้า

แสงไร้เงา

สาวยุคนี้ถ้าอยากจะให้สวยเริดแบบเพอร์เฟกต์จะต้องใช้วิธีการ ตัด-ต่อ-เติม กันทั้งนั้น ทั้งต่อเล็บที่เป็นแฟชั่นฮอตฮิตอินเทรนด์ไปเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้สาวทันสมัยหันมา ต่อขนตาให้งอนยาวกันเกร่อ นัยว่าช่วยทำดวงตาคู่นั้นเซ็กซี่มีเสน่ห์ เย้ายวน ยามสบตากับชายใดแล้วจะกระชากใจชายให้มาสยบแทบเท้าทีเดียว จนแฟชั่นต่อขนตากำลังเริ่มระบาดโดนใจในหมู่สาว ๆ โดยมีผู้นำเทรนด์คือสาวญี่ปุ่น ตามด้วยสาวเกาหลีและไต้หวัน ส่วนสาวไทยแม้จะเป็นผู้ตามแต่ก็ไม่ยอมตกเทรนเช่นกัน 

ขนตา เป็นส่วนหนึ่งบนใบหน้าที่ช่วยป้องกันฝุ่นละอองเข้าลูกตา นอกจากนี้ขนตาก็ยังทำหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งโดยเฉพาะสำหรับสาว ๆ ที่มีขนตาที่งอนงามยาว เป็นแพหนาดกดำ จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตาให้โดดเด่นขึ้น กลายเป็นสาวโชคดีมีชัยไปกว่าครึ่งเพราะขนตาจะช่วยสร้างมิติของดวงตาให้สวยซึ้ง แต่ใช่ว่าทุกคนจะเกิดมาโชคดีได้เป็นเจ้าของดวงตาเจ้าเสน่ห์คู่นี้ จึงเป็นสาเหตุให้สาว ๆ ทั้งหลายที่มีขนตาสั้นและตรงทื่อโดยเฉพาะสาวเอเชีย ต่างดิ้นรนหาเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช 

เส้นทาง ขนตางอนงาม 
ขนตาปลอม ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในโลกเมื่อปีคศ. 1919 โดยเมคอัพ อาร์ติสของ Max Factor บริษัทเครื่องสำอางชื่อดังของต่างอเมริกา ขนตาปลอมในยุคแรก ๆ นั้นทำมาจากเส้นผมของมนุษย์ ทั้งนี้เพราะต้องการจะทำให้ดาราภาพยนตร์สาวคนหนึ่งมีดวงตาที่มีเสน่ห์ชวนหลงไหลมากยิ่งขึ้น จากนั้น"ขนตาปลอม"ก็กลายเป็นเครื่องสำอางชิ้นหนึ่งที่ดาราสาว ๆ ของโลกฮอลลีวู้ดขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นไลซ่า มินเนลลี่ , ลูซี่ บอล , โกลดี้ ฮอนด์ ,อลิซเบธ เทเลอร์ เป็นต้น 
ขนตาปลอมกลายมาเป็นแฟชั่นคู่ดวงตาของสาวทุกยุคทุกสมัย เหมือนสไตลิสต์ทุกคนมักจะบอกว่าการใช้ขนตาปลอมก็เหมือนการทำผมทรงใหม่ ๆ เพื่อให้สาวทันสมัยตลอดเวลา 
จะสังเกตได้ว่าสาว ๆในยุคซิกตี้นั้นจะนิยมใส่ขนตาปลอมเป็นแผงหนา ๆ แล้วยังต้องงอนโค้ง โดยไม่คิดว่าจะดูหลอกตา ทั้งนี้เพราะสาวยุคนั้นจะแต่งหน้าเข้ม ทาเปลือกตาหนาด้วยอายไลเนอร์แล้วก็ติดขนตาปลอมหนาไปด้วยเพื่อให้สมดุลย์กับดวงตาที่เน้นให้ดูกลมโต สาว ๆ ทั้งโลกในยุคนั้นแห่กันติดขนตาปลอมเป็นแถวไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้องไปจนถึงสาวไฮโซ 
ขนตาปลอมในยุคนั้นจะผลิตจากเส้นผมของมนุษย์ นำมาเรียงเป็นแผง ๆ แล้วใช้กาวพิเศษติดไปกับเปลือกตา ทาอายแชโดว์ทับลงไปอีกทีก็จะเป็นเจ้าของดวงกลมโตที่ดูโดดเด่นแล้ว 
พอย่างเข้าสู่ยุคเซเว่นตี้ เป็นยุคของคนแสวงหาเสรีภาพ บรรดาฮิปปี้เดินเต็มถนนไปหมด ใคร ๆ ก็ต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวแบบเซอร์ ๆ แนวแฟชั่นก็เริ่มลดโทนสีให้อ่อนลง แต่กลับไปเน้นตาให้ดวงตาโดดเด่นขึ้นด้วยการทาอายไลน์เนอร์และใช้ขนตาปลอมช่วย มีที่แปลกอีกอย่างคือยุคนี้จะเพิ่มขนตาปลอมด้านล่างมาด้วย ต่อมาในยุค 80 โลกคึกคักด้วยเสียงเพลงจังหวะมัน ๆ ของดิสโก้ สาว ๆ หลายคนสลัดคราบเซอร์ ๆ หันมาแต่งหน้าจัดจ้านเพิ่มน้ำหนักของสีสันให้สด ๆ ทั้งเฉดม่วง แดง ชมพู เป็นประกายให้เข้ากับลุคดิสโก้ที่ฟู่ฟ่า 

แต่พอโลกหมุนเข้าสู่ยุค 90 หลังจากที่มนุษย์เสพแต่สารพิษเข้าไปมากมายแล้ว ก็เริ่มหันกลับมาสู่ความเป็นธรรมชาติทั้งเรื่องการแต่งหน้าด้วย กลุ่มผู้หญิงทำงานเริ่มมีบทบาทในสังคมโลกมากขึ้น กลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสินค้า เวอร์กิ้งวูเม่นที่แต่งตัวไปทำงานก็ต้องแต่งหน้าไปด้วยแต่เป็นโทนสีอ่อน ๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการทำงาน ยุคนี้สาว ๆ เริ่มหันมาใส่ใจกับการบำรุงผิวหน้ามากกว่าเครื่องสำอางแต่งหน้า เริ่มมีการแต่งหน้าเฉดสีสันเปลี่ยนไปตามฤดูกาล 

ยุคนี้มาสคาร่าเริ่มเข้ามามีบทบาททำหน้าที่แทน"ขนตาปลอม"มากขึ้น เพื่อให้ความสะดวกแก่สาวออฟฟิศที่มีเวลาน้อยนิดในการแต่งหน้าแต่ละครั้ง เพียงใช้แปรงมาสคาร่าปัดขนตาก็จะช่วยให้ขนตาแท้ ๆ งอนงามขึ้นแล้ว ดังนั้นบริษัทผลิเครื่องสำอางชื่อดังทั่วโลกจึงเริ่มหันมาผลิตมาสคาร่ากันเป็นแถวจนผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มียอดจำหน่ายเป็นสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับเครื่องสำอางชนิดอื่น ๆ 

ต่อเนื่องมาจนถึงสาวในยุค 2000 ที่หันมาแต่งหน้าแนวนู้ดสีอ่อน ทั้งปากและดวงตาจะสีอ่อน ๆ แต่จะไปเน้นผิวหน้าที่สวยใสเด้ง กลายเป็นผลิตภัณฑ์ Pure White เริ่มเข้ามามีบทบาทกับใบหน้าของผู้หญิงที่ต้องการให้หน้าดูขาวใสมีน้ำมีนวล การแต่งหน้าจึงต้องอ่อนเบาบาง สอดรับกับดวงตาที่ต้องการความอ่อนไปด้วย โดยจะไปเน้นที่ขนตามากยิ่งขึ้นเพื่อให้ดวงตาดูสวยซึ้งน่าหลงใหล 

จะ"งอน"กันไปถึงไหน 
สาวเอเชียดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับขนตามากกว่าสาวฝรั่ง เพราะคนเอเชียตาเล็กและขนตาน้อยด้วย ดังนั้นจึงมีสาว ๆ ที่อยากตาสวยหลายคนดิ้นรนหาสารพัดวิธีการที่จะทำให้ขนตาสั้น ๆ ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดนั้นให้ดูยาวขึ้นโดยมีสาวญี่ปุ่นเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่น ตามด้วยสาวเกาหลีและไต้หวัน ส่วนสาวไทยแม้จะเป็นผู้ตามแต่ก็ไม่ยอมตกเทรนด์เช่นกัน 

ขนตาปลอมยุคนี้จึงปรับตัวให้มีรูปลักษณ์เป็นแฟชั่นไปด้วย หลายค่ายต่างผลิตขนตาปลอมที่หลีกหนีรูปแบบเดิม ๆ ที่เป็นแพหนา ๆ ไปสู่ลุคใหม่ที่มีความหลากหลายให้ผู้ใช้เลือกใช้งานในหลาย ๆ รูปแบบ อาทิ ขนตาโค้งงอนยาวแบบธรรมชาติ ขนตาแบบแฟนซีที่เป็นสีสันสดใส ขนตาเป็นแฉก ๆ ขนตาเป็นซี่ ๆ ไปจนถึงการใช้กากเพชร - ลูกปัด  สีเงิน ติดขนตาเพื่อเพิ่มความดึงดูดที่โดดเด่นมากขึ้น ซึ่งส่วนมากจะจะสั่งซื้อมาจากประเทศญี่ปุ่น 
การใช้ขนตาปลอมบางทีก็ยังไม่ทันใจสาวยุคใหม่ที่ต้องการความสวยแบบสั่งได้ ดังนั้นเทคนิคการ"ต่อขนตา" จึงเริ่มมากลายมาเป็นแฟชั่นฮิตเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง พอมีร้านบริการต่อขนตามากขึ้นเป็นแรงส่งให้กระแสขนตางอนยาวเริ่มแรงขึ้นไปด้วย 
เทคนิคการต่อขนตาก็เหมือนการต่อผม ซึ่งส่วนมากผู้ให้บริการคือร้านทำผมทั่ว ๆ ไปที่เคยรับต่อผม แหล่งที่เป็นที่รู้จักกันของบรรดาสาวฮิปยุคใหม่คือชาญอิสระชั้น 1 ที่มีหลายร้านเปิดให้บริการกันมานานแล้ว และขยับไปถึงช่างผมไฮโซคนดังอย่างป๊อก เชลซี ก็หันมาเปิดแผนกต่อขนตาให้บริการบรรดาสาวไฮโซที่มีขนตาสั้นทั้งหลายมาแปลงโฉมให้เป็นสาวตาสวยพียงกระพริบตาเท่านั้น 

ถนนราคาของการต่อขนตาเริ่มตั้งแต่ 1,500  2,000 บาทต่อครั้ง โดยช่างจะใช้เส้นผมมาแตะกาวที่เหนียวเป็นพิเศษแล้วแตะไปตรงขนตาจริงทีละเส้น หรือสาวใดอยากให้มีลูกเล่นเติมขนตาเป็นช่อ ๆ ละ 3 เส้นเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติแบบสวยซึ้งก็ย่อมได้ โดยใช้เวลาในการทำข้างละไม่เกิน 10 นาที แต่มาเสียเวลาที่ต้องนอนหลับตาเพื่อให้กาวที่ต่อขนตานั้นแห้งสนิทเสียก่อนอีกประมาณครึ่งชั่วโมง 

การต่อขนตาแม้จะเป็นทางเลือกที่เป็นความหวังของสาว ๆ ว่าจะสวยทนสวยนานอย่างน้อยก็อยู่ได้ 1  2 เดือน แต่ใครที่ไปต่อขนตามามักจะเจอกับสารพัดปัญหาไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาที่ยุ่งยาก อาทิ ห้ามขยี้ตา ห้ามล้างตาแรง ๆ เพราะขนตาจริงก็เป็นเส้นผมที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้วเมื่อมีขนตาปลอมมาเกาะเป็นกาฝากอาจจะทำให้ขนตาจริงหลุดไปได้ง่าย กลายเป็นสาวขนตาแหว่ง ขณะที่บางคนแพ้กาวที่ใช้ติดขนตาจนตามบวมได้ 

ฟูก  ธำรงรัตน์ วรารักษ์ เมคอัพ อาร์ติสชื่อดังให้คำแนะนำแก่สาวๆ เรื่องการต่อขนตาว่า การต่อขนตาเหมาะสำหรับสาวที่มีขนตาเดิมที่งอนอยู่แล้ว พอต่อขนตาเพิ่มขึ้นจะทำให้ดวงตาสวยงามงอน แต่บางคนที่ขนตาตกหรือไม่งอนนั้น พอต่อขนตาแล้วขนตาจะกลายเป็นที่เรียกว่า"ตกท้องช้าง" ดูแล้วตลกจะต้องไปดัดขนตาช่วย 

ตลาดมาสคาร่าโตรับกระแส 
มีสาว ๆ อีกไม่น้อยที่ไม่อยากเสี่ยงกับวิธีการต่อขนตาจึงหันไปใช้วิธีการสวยแบบชั่วคราว ด้วยการเลือกใช้มาสคาร่าปัดขนตาดีกว่า และยิ่งปัจจุบันนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายต่างก็หันมาแข่งกันผลิตมาสคาร่าที่ช่วยต่อขนตาให้ทั้งงอนโค้ง โก่งยาวเสียดฟ้ากันทีเดียว ด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งที่เป็นไฟเบอร์ ขนเฟอร์และขนมิ้งค์ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับสาว ๆ ที่รักสวยรักงามไม่ว่าจะเป็นค่าย MayBelline , LOREAL , HELENA RUBINSTEIN , LANCOME เป็นต้น 

แต่ละค่ายต่างก็ประกาศสรรพคุณของมาสคาร่าที่สามารถต่อขนตาสาว ๆ ให้งอนโค้งยาวได้ถึง 60 % แถมยังให้ขนตาดูหนาขึ้นถึง 600 เท่าทีเดียว แถมยังมีลูกเล่นให้เลือกต่อขนตาได้ทั้งแบบหนาเป็นแพหรือต่อเฉพาะปลายเป็นเส้น ๆ ขึ้นมาก็ยังได้ รวมถึงการเพิ่มสารวิตามินที่ช่วยบำรุงเส้นขนตาเรียกว่าสวยไปพร้อมกับบำรุงไปในตัว และยังมีสารกันน้ำที่เพิ่มความสะดวกแก่ผู้ที่แบบตกน้ำไม่หลุดไม่เลอะอีกด้วย 
การแข่งขันของบรรดาค่ายยักษ์ใหญ่เครื่องสำอางยิ่งส่งให้กระแสขนตางอนยาวยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ยอดขายของตลาดมาสคาร่าเติบโตขึ้นกว่า 100 % กันถ้วนหน้า 
อย่างไรก็ตาม ฟูก - วรารักษ์ เมคอัพ อาร์ติสชื่อดังมีข้อแนะนำดี ๆ มาฝากสาวที่รักสวยรักงามว่า "ถ้าใช้มาสคาร่าเพื่อต่อขนตานั้น ก็ควรใช้คลีนเซอร์สำหรับล้างออกโดยเฉพาะด้วยเป็นประเภท อาย แอนด์ ลิป รีมูฟเวอร์ เพราะจะช่วยล้างน้ำยาออกได้ง่ายโดยไม่ต้องเช็ดถูแรง ๆ ให้ตาช้ำ หรือถ้าใครตาบวมก็ควรใช้น้ำแข็งประคบ นอกจากนี้ควรกินอาหารที่มีส่วนผสมของเบตาแคโรทีนซึ่งจะช่วยบำรุงเส้นขนตาให้แข็งแรง อาทิ ผักบุ้ง แครอท มะละกอ เป็นต้น " 
สาวใดที่กำลังอยู่ทางสองแพร่ง กำลังตัดสินใจว่าอยากจะมีขนยางอนยาวแบบไหนดีก็ลองพิจารณาถึงความปลอดภัยของดวงตาด้วยก็จะดี 

ข้อมูลและภาพจาก www.manager.co.th				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแสงไร้เงา
Lovings  แสงไร้เงา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแสงไร้เงา
Lovings  แสงไร้เงา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแสงไร้เงา
Lovings  แสงไร้เงา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแสงไร้เงา