8 ธันวาคม 2548 08:16 น.
แสงไร้เงา
ความรัก ... ของคนตาบอด
คุณเคยเห็นคนตาบอดไม๊?
คนตาบอด...ที่เดินไปไหนต่อไหนด้วยกันเป็นคู่
คุณอาจเจอพวกเขาได้ ในที่ที่มีคนอยู่กันเยอะๆ เช่น ตลาดนัด
พวกเขาไปที่นั่น...
เพราะหวังว่า... คงจะมี คนใจบุญ ไปเดินอยู่ที่นั่นบ้าง
คนสองคน...ที่จับมือกัน
ค่อยๆ เดินกระเถิบไปด้วยกันทีละนิด..ทีละนิด
เพราะต่างคน ต่างก็มองไม่เห็นอะไรกันทั้งคู่
นอกจากไม้เท้าคนละอันแล้ว...
ในมือพวกเขาถือวิทยุเก่าๆ เครื่องนึง
กับไมค์อีกอีกหนึ่งอัน...ที่ขาดไม่ได้ก็คือขันอลูมิเนียม
อาวุธสำคัญที่ใช้หากินอยู่ทุกวัน
ผมไม่ คุ้นหู กับเพลงที่เขาร้องนักหรอก
แต่ก็ดูว่าเขาตั้งใจร้องเหลือเกิน
และดูเหมือนเขาก็ หวัง ว่าคุณจะต้องชอบมัน
ผมเห็นเขาจับมือกัน
วินาทีนั้น...ทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่าง
ที่ผมเคยมองข้ามมาตลอด
คุณเคยนึกถึงความรักของ..คนตาบอด..หรือเปล่า
ตนตาบอดรักกันได้ยังไงนะ
เพราะคนตาบอด...ไม่เคยรู้เลยว่า...
คนรักของเขา..มีหน้าตาเป็นอย่างไร
คนตาบอด..จะรู้จักก็เพียงจิตใจของคนรักของเขาเท่านั้น
เมื่อเขามีความพอใจกันและกัน
ไม่มีเกียรติยศ... ศักดิ์ศรี...ให้กังวลใจ
เพราะต่างคนก็ต่างไม่มีสิ่งนี้
ต่างคน..ต่างก็ไม่มีเงิน
ตาสองข้าง ปิดสนิท....แต่เปิดใจเข้าหากัน
คนสองคนที่อยู่ด้วยกัน ด้วย "ใ จ" ล้วนๆ
ความรัก....ก็เกิดจากตรงนั้น
คนตาบอด พาคนที่เขารัก ไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง
คนตาบอด ไม่เคยกลับบ้านดึก
คนตาบอด ออกจากบ้านพร้อมกัน...และกลับถึงบ้านพร้อมกัน
พวกเขาเคยแยกกันบ้างหรือเปล่านะ....?
คุณรู้หรือเปล่า
คนตาบอดจับมือของคนที่เขารักไว้ตลอดทั้งวัน
คุณเคยทำอย่างเขาบ้างไม๊... ?
ผมกลับมานึกถึงความรักของคนที่ตาดี
หลายๆ คน มีเกียรติยศ หน้าที่ การงาน ที่ดีเหลือเกิน
หลายๆ คน ทั้งหล่อ ทั้งสวย...ทั้งรวย ทั้งฉลาด
แต่พวกเราหลายๆ คนกลับต้องมาเสียใจเพราะความรัก
หรือว่าพวกเรามองเห็นกัน....
เพื่อจะเรียกร้องสิ่งที่เราต้องการให้มากขึ้น.
เอ....พวกเราคาดหวังอะไรจากคนที่เรารัก....มากเกินไปหรือเปล่านะ
อนาคตของคนตาบอด..อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้
ดูเหมือนเขาจะ...สงสัยก็เพียงแต่ว่า
วันพรุ่งนี้...จะมีคนใจบุญซักกี่คน
ที่ทำให้พวกเขากลับบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข
ตอนที่ผมเขียนmailนี้อยู่...พวกเขาก็คงนอนหลับกันแล้ว
ขอบคุณตลาดนัด...ที่ทำให้ผมเห็นภาพดีๆในวันนี้
ขอบคุณตลาดนัด...ที่ทำให้ผมเห็นภาพดีๆ ในวันนี้
ผมเชื่อว่า...ครั้งหน้า...ที่คุณเห็นคนตาบอด...ใจของคุณจะเปิดกว้างขึ้น
คุณอาจมองเห็นภาพที่คุณไม่เคยมองเห็น
ไม่ใช่ด้วยตา...แต่เห็นด้วยหัวใจ
เหมือนกับภาพที่ผมได้เห็นในวันนี้
คุณเคยเห็นคนตาบอดไม๊?
คนตาบอด...ที่เดินไปไหนต่อไหนด้วยกันเป็นคู่
คุณอาจเจอพวกเขาได้ ในที่ที่มีคนอยู่กันเยอะๆ เช่น ตลาดนัด
พวกเขาไปที่นั่น...
เพราะหวังว่า... คงจะมี คนใจบุญ ไปเดินอยู่ที่นั่นบ้าง
คนสองคน...ที่จับมือกัน
ค่อยๆ เดินกระเถิบไปด้วยกันทีละนิด..ทีละนิด
เพราะต่างคน ต่างก็มองไม่เห็นอะไรกันทั้งคู่
นอกจากไม้เท้าคนละอันแล้ว...
ในมือพวกเขาถือวิทยุเก่าๆ เครื่องนึง
กับไมค์อีกอีกหนึ่งอัน...ที่ขาดไม่ได้ก็คือขันอลูมิเนียม
อาวุธสำคัญที่ใช้หากินอยู่ทุกวัน
ผมไม่ คุ้นหู กับเพลงที่เขาร้องนักหรอก
แต่ก็ดูว่าเขาตั้งใจร้องเหลือเกิน
และดูเหมือนเขาก็ หวัง ว่าคุณจะต้องชอบมัน
ผมเห็นเขาจับมือกัน
วินาทีนั้น...ทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่าง
ที่ผมเคยมองข้ามมาตลอด
คุณเคยนึกถึงความรักของ..คนตาบอด..หรือเปล่า
ตนตาบอดรักกันได้ยังไงนะ
เพราะคนตาบอด...ไม่เคยรู้เลยว่า...
คนรักของเขา..มีหน้าตาเป็นอย่างไร
คนตาบอด..จะรู้จักก็เพียงจิตใจของคนรักของเขาเท่านั้น
เมื่อเขามีความพอใจกันและกัน
ไม่มีเกียรติยศ... ศักดิ์ศรี...ให้กังวลใจ
เพราะต่างคนก็ต่างไม่มีสิ่งนี้
ต่างคน..ต่างก็ไม่มีเงิน
ตาสองข้าง ปิดสนิท....แต่เปิดใจเข้าหากัน
คนสองคนที่อยู่ด้วยกัน ด้วย "ใ จ" ล้วนๆ
ความรัก....ก็เกิดจากตรงนั้น
คนตาบอด พาคนที่เขารัก ไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง
คนตาบอด ไม่เคยกลับบ้านดึก
คนตาบอด ออกจากบ้านพร้อมกัน...และกลับถึงบ้านพร้อมกัน
พวกเขาเคยแยกกันบ้างหรือเปล่านะ....?
คุณรู้หรือเปล่า
คนตาบอดจับมือของคนที่เขารักไว้ตลอดทั้งวัน
คุณเคยทำอย่างเขาบ้างไม๊... ?
ผมกลับมานึกถึงความรักของคนที่ตาดี
หลายๆ คน มีเกียรติยศ หน้าที่ การงาน ที่ดีเหลือเกิน
หลายๆ คน ทั้งหล่อ ทั้งสวย...ทั้งรวย ทั้งฉลาด
แต่พวกเราหลายๆ คนกลับต้องมาเสียใจเพราะความรัก
หรือว่าพวกเรามองเห็นกัน....
เพื่อจะเรียกร้องสิ่งที่เราต้องการให้มากขึ้น.
เอ....พวกเราคาดหวังอะไรจากคนที่เรารัก....มากเกินไปหรือเปล่านะ
อนาคตของคนตาบอด..อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้
ดูเหมือนเขาจะ...สงสัยก็เพียงแต่ว่า
วันพรุ่งนี้...จะมีคนใจบุญซักกี่คน
ที่ทำให้พวกเขากลับบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข
ตอนที่ผมเขียนmailนี้อยู่...พวกเขาก็คงนอนหลับกันแล้ว
ขอบคุณตลาดนัด...ที่ทำให้ผมเห็นภาพดีๆในวันนี้
ขอบคุณตลาดนัด...ที่ทำให้ผมเห็นภาพดีๆ ในวันนี้
ผมเชื่อว่า...ครั้งหน้า...ที่คุณเห็นคนตาบอด...ใจของคุณจะเปิดกว้างขึ้น
คุณอาจมองเห็นภาพที่คุณไม่เคยมองเห็น
ไม่ใช่ด้วยตา...แต่เห็นด้วยหัวใจ
เหมือนกับภาพที่ผมได้เห็นในวันนี้
7 ธันวาคม 2548 23:24 น.
แสงไร้เงา
ทำไมผู้ชายไม่ชอบมีพันธะ?
นั้นน่ะซิ!...ทำไมผู้ชายไม่ชอบมีพันธะ...คะ...
ผู้ชายทุกคนอยากมีแฟน แต่มีผู้ชายจำนวนน้อยเท่านั้น ที่ร้อนรนอยากแต่งงาน เราจะเห็นได้จากการคบกันเป็นแฟนของชายหญิง ตั้งแต่สมัยมัธยม มหาวิทยาลัย จนกระทั่งเริ่มทำงาน ฝ่ายหญิงส่วนใหญ่จะใฝ่ฝันถึงตอนจบของความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็น...การแต่งงาน แต่ฝ่ายชายส่วนใหญ่มักจะทำตัวเป็นแฟนไปตลอดอยากอยู่ด้วยกันเฉยๆ แต่ไม่มีอนาคต ไม่มีฉากแต่งงาน หลายคนสอดส่ายสายตามองหาหญิงอื่นไปเรื่อยๆ ทิ้งให้ผู้หญิงคนแรกของเขาเจ็บตอนจบ
.... ผู้ชายสมัยนี้ ไม่ว่าจะหล่อเข้ม หล่อตี๋ หล่อลูกครึ่ง ยุโรป อเมริกา การศึกษาสูงระดับด็อกเตอร์ หรือเรียนไม่จบสักอย่าง ฉลาดหรือโง่ ไม่เว้นว่ารวยหรือจน ร้อยทั้งร้อยต่างก็กลัวการผูกมัดกันทั้งนั้น เป็นเพราะอะไร เรามาลองช่วยกันหาเหตุผลของเขาดีกว่า
1. กลัวการรับผิดชอบ
พวกผู้ชายหลายคนได้รับการสั่งสมความคิด และรับรู้กันมาว่า การแต่งงานคือการผูกมัดต้องมอบชีวิตทั้งหมดให้ครอบครัว ซึ่งพวกเขาจะต้องรับผิดชอบภรรยาและลูกๆ ที่จะเกิดมาทำให้พวกเขาแค่นึกก็ขยาดขนหัวลุก เลยพากันคิดว่าอยู่อย่างนี้ดีแล้วไม่ต้องรับผิดชอบใคร
2. กลัวขาดอิสระ
ชีวิตส่วนใหญ่ของเพศชาย มีอิสระล้นฟ้า จะทำอะไร จะไปไหนก็ได้ พ่อแม่ไม่ถือ อาจจะบ่นจะว่าบ้าง แต่ก็ไม่รุนแรง หายหัวไปนอนบ้านเพื่อนสองอาทิตย์ กลับมาก็ยังได้รับการต้อนรับจากครอบครัวเหมือนเดิม สำมะเลเทเมาแค่ไหนก็ได้ มีแฟนกี่คนก็ได้จะรีบมีเมียไปทำไม
3. กลัวไม่ได้ทุ่มเทกับงาน
ผู้ชายบางกลุ่มมุ่งมั่นในอาชีพการงาน ชอบการแข่งขัน เพื่อไขว่คว้าหาความก้าวหน้า คนพวกนี้คิดว่า การมีครอบครัวจะขัดขวางเวลาในการทำงาน กลัวทำงานดึกไม่ได้ กลัวไปกินดื่มสังสรรค์กับเจ้านาย และลูกค้าไม่ได้อย่างที่เคย เขาจึงไม่อยากผูกมัดกับหญิงใด
4. กลัวอดเที่ยว
ผู้ชายทุกคนชอบเที่ยว บางกลุ่มชอบเที่ยวกลางคืน เฮไหนไปนั่น อยู่กับเพื่อนทั้งวันทั้งคืน บางกลุ่มชอบผจญภัย ชอบขับรถออฟโรด ตะลุยไปทั่วป่าเขาลำเนาไพร ผู้ชายกลุ่มนี้จะทุ่มเทเงินกับการแต่รถ ซื้ออุปกรณ์เดินป่า ไม่อยากมีลูกเมียให้เป็นพันธะให้ต้องเป็นห่วง
5. กลัวเพื่อนหาย
เป็นที่รู้กันแล้วว่า ผู้ชายชอบจับกลุ่มอยู่กันเป็นฝูง เพื่อส่องหญิง จีบหญิงแข่งกัน หรือแต่งรถแข่งกัน หาเรื่องมาแข่งขันกัน เช่น พนันฟุตบอล เล่นเกมต่างๆ คุยใหญ่โตทับกัน เพราะหัวใจของผู้ชายชอบการแข่งขัน ถ้ามีเมีย เขากลัวว่าจะกลับมารวมกลุ่มกันไม่ได้
6. กลัวว่าตัวเองจะกลัวเมีย
ผู้ชายหลายคนนะ...ที่รักผู้หญิงแบบเทิดทูน แต่พวกเขาก็ยังรักตัวเอง รักชีวิตแบบเดิมๆ ของตัวอง ดังนั้นพวกเขาอาจจะไม่อยากแต่งงาน เพราะเกรงว่ามีครอบครัวไปแล้วจะกลายเป็นคนกลัวเมีย หลงรักลูก ไม่กล้าไปทำอะไรอย่างที่เคยๆ แล้วก็กลัวถูกเพื่อนล้อด้วย...
7. กลัวเซ็กซ์หดหู่
เคยบอกแล้วววว...ว่าเซ็กซ์เป็นสิ่งสำคัญในอันดับต้นๆ ของเพศชาย การเป็นโสดของผู้ชาย อาจหมายถึงการใช้ชีวิตเซ็กซ์อย่างอิสระเสรี มีเพศสัมพันธ์อย่างตื่นเต้นกับหญิงแปลกหน้าไปเรื่อยๆ ถ้าการมีเมียหมายถึง การต้องมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนเดียวพวกเขาจะรีบมีไปทำไม
8. กลัวญาติ (เมีย) เยอะ
ผู้ชายไม่ชอบความวุ่นวาย เพศชายส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ใครแบบเพศหญิง ถ้าการแต่งงานหมายถึงเขาจะต้องเข้าไปจำยอมอดทนกับ พ่อตา แม่ยาย สารพันญาติกาโหติโกของภรรยา เขาคงต้องหลีกเลี่ยงแน่ๆ ผู้ชายหน้าไหนจะอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน
9. กลัวผู้หญิงเปลี่ยนไป
ผู้ชายอาจรับรู้มาจาก พ่อ แม่ ของเขา หรือจากครอบครัวเพื่อนว่า ผู้หญิงที่เป็นแฟนกับเป็นเมียต่างกันลิบลับ เช่น แฟนน่ารัก เมียขี้บ่น แฟนหุ่นดี เมียอ้วนพะโล้ ฯลฯ (แล้วผู้หญิงก็มักเป็นเช่นนี้ซะด้วย!...) ผู้ชายพวกนี้จะคบผู้หญิงแค่เป็นแฟน แต่ไม่ยอมแต่งงาน
10. กลัว เพราะเห็นแก่ตัว
จากการที่มนุษย์เพศชายส่วนใหญ่ในสังคม ทำให้พวกเขาเคยชินกับอาการใหญ่โตของพวกเขา และเห็นแก่ตัวเกินไป ที่จะต้องเสียสละอันใหญ่หลวง ด้วยการแต่งงาน ผู้ชายบางคนบอกว่าไม่มีเมีย เพราะกลัวเมียมาแย่งกินแย่งใช้...เฮ้อ! อย่างนี้ก็มีด้วยแฮะ...
มาถึงตรงนี้แล้ว อยากจะบอกว่าผู้หญิงหลายคนก็กลัวการแต่งงานเช่นกันนะคะ เพราะภาระการเป็นเมียก็ยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้ากัน โดนเฉพาะการเป็นแม่ ผู้หญิงต้องลำบากกว่าผู้ชายหลายเท่านัก แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักกล้าหาญ เรียกร้องการผูกมัด อยากเข้าพิธีแต่งงาน อยากเป็นเมีย อยากเป็นแม่ ... ว่าแต่ถ้าจะให้ได้เป็นแน่ๆ ต้องทลายกำแพงความกลัวทั้งหลายเหล่านี้ของผู้ชายให้ได้ก่อนนะคะ
หากทำให้ผู้ชายหายกลัว หลวมตัวมาแต่งงานด้วยได้...ก็ขออวยพรให้มีความสุขตลอดไปนะคะ
.........
ข้อมูลจาก
นิตยสาร คู่รัก คู่ชีวิต ฉบับที่ 150 ประจำเดือนกันยายน 2548
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
7 ธันวาคม 2548 04:22 น.
แสงไร้เงา
ฝากถึงคนไกล
ก็หลายวันแล้วที่ไม่คุยกัน ประมาณ 4 วันได้แล้วที่ไม่ได้คุยกัน ไอ้เราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นไงบ้างนะ ก็คิดถึงนะ และเป็นห่วงด้วย
เขาก็ไม่ส่งเมลล์มาถามเขาข่าวเราเลย เพราะเราเองไม่ได้ออนไลน์
ออนไลน์นะ แต่เวลามันต่างกันนะ
ลองดูสิว่าเขาจะส่งหาเราหรือเปล่า? ลองรู้ว่าเขาจะเป็นห่วงเราไหมนะ เขาจะคิดถึงเราเหมือนที่เราคิดถึงเขาหรือเปล่า..แต่ก็ไม่เห็นส่งมาเลย
เขานอนเราตื่น เขาตื่นเรานอน มันช่างตรงกันข้ามกัน
ครั้งสุดท้ายที่จำได้ว่าได้คุยกันนะ เขาส่งไรมาให้เราแปลให้ เราก็แปลให้แล้ว และส่งไปให้แล้ว
แต่เราก็ไม่ได้เขียนข้อความไรไปถึงเขา ก็แค่ส่งคำแปลไปให้นะ
ไอ้เราก็รอนะ ว่าเขาจะส่งเมลล์ถึงเราหรือเปล่า รอมาหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีเลย..
ไอ้เราเองก็ได้แต่น้อยใจ น้อยใจคนเดี่ยว น้อยใจเขาทั้งๆที่เขาไม่รู้ เขาไม่รู้...
เราเองก็บอกตัวเองว่าส่งเมลล์ไปหาเขา และก็ทำได้ด้วย..
ทดสอบเขาดูสิว่าจะส่งมาหาเราหรือเปล่า..? (แต่ไม่เห็นนะ)..
มันอาจจะจบแค่นี้ก็ได้นะ เราก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดี.....
ก็ดีใจนะที่ได้รู้จักเขา ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่รู้....
ได้เรียนรู้ว่า เขาอีกคนหนึ่งขี้หก .........
แต่เราจะเคยลืมมันเลย กับสื่งเหล่านั้น ที่เธอมอบให้....(สิ่งเหล่านนั้นก็แค่คำพูดนะ)
จะเก็บไว้ในใจนะ จะเก็บไว้ยามเหงา ...เผื่อว่าคิดถึงแล้วจะได้หายเหงานะ..
บางที่ก็นั่งเหงาคนเดี่ยวนะ นั่งเฝ้าคอมนะ รอว่าเมื่อไรเขาจะส่งเมลล์มาหา
บางทีอ่านกลอนทีเขาส่งมาให้ แล้วมันเหงา หนาวใจนะ หนาวมากๆ รู้ไหมคนไกล..
ไอ้เรายังเขียนข้อความนี้ให้เขาเลย
คิกถึง นั้นคือคำที่เธอบอกฉัน
ก็กลัวนะกับคำ คำที่เธอบอก
เพราะฉันไม่รู้ว่าจริง หรือไม่จริงยังไง
ก็เชื่อไปตามใจ ตามความรู้สึกที่คิด.
แต่อย่ามาหลอกกันนะ มันไม่ดีหรอก
อย่าหลอกกันนะ กับคำพูดที่พูดมา
เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับฉัน กับคำที่เธอพูดมา
มันเป็นเรื่องใหญ่ของหัวใจ ขอไว้สักครั้ง อย่าหลอกกัน
ถ้าเพียงแกล้งมาหยอกเล่น ก็บอกกัน ณ วันนี้
ตอนที่ฉัน ยังไม่ชอบเธอ
......................................................................
นี้เป็นกลอนที่เขามอบให้เรานะ.
อยากให้บอกสักนิดว่าคิดถึง
คงตราตรึงหัวใจไม่รู้หาย
ระยะทางที่ห่างห่างเพียงกาย
แต่สุดท้าวหัวใจนั้นใกล้กัน..
เขาบอกเราว่า ไม่อยากฝันถึงเรา เพราะไม่อยากฝันค้างนะ.
ไม่อยากเป็นฝันค้างที่กลางฝัน
ราตรีนั้นสะดุ้งตื่นสะอื้นหา
อยากเชยชิดแนบสนิทในนิทรา
แค่หวังว่าสุขสันต์ฝันก็พอ
ก็เพียงอยากนอนหลับไม่รับรู้
ก็แค่อยู่กับละเมอที่เพ้อขอ
มิต้องทนปวดร้าวคอยเฝ้ารอ
ไม่อยากง้อความจริงหรือสิ่งใด
ไม่อยากฝันค้างฝันอย่างวันนี้
ทุกราตรีเหว่ว้าน้ำตาไหล
ขอหลับลงชั่วกาลนิรันดร์ไป
แค่เพียงได้แค่นั้นฝันละเมอ
เราเองก็คิดในใจนะ ว่าทำไมคุณถึงใจดำจังเลย ส่งคำแปลไปให้แล้ว แค่คำว่า ขอบคุณ คำเดี่ยว
ก็ไม่เห็นส่งกลับมาเรา เราก็คิดว่าเขาอาจจะยุ่งกะงาน แต่ก็หลายวันแล้ว ก็ไม่เห็นเลย
มันจะไม่ว่างเลยหรอค่ะ ขอถามหน่อย ? เพียงแค่สัก หนึ่งนาที เพียงพืมพ์คำว่า ขอบคุณ มาถึงกัน
แค่นี้แหละที่อยากถาม.?
5 ธันวาคม 2548 07:40 น.
แสงไร้เงา
ถ้อยคำที่ฟังแล้วหญิงปลื้ม
"คำสนทนา" ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่พ้นสำหรับใครก็ตาม ที่กำลังคบหาดูใจกันอยู่ ก็ในเมื่ออยากรู้จัก หรือบางทีรู้จักไปแล้วด้วยซ้ำ ก็ยังขาดคำพูดคำจา เพื่อสร้างความคุ้นเคย, ความเป็นกันเอง และเพื่อแสดงความเห็นไม่ได้อยู่ดี อันว่า คำพูดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ขืนไม่พูดกันแล้วจะไปรู้จักมักคุ้นกันได้ไง นี่คนนะไม่ใช่ ปลากัด จะได้แค่ส่งสายตา มองไปมองมา ก็ได้เรื่อง เอ้ยเข้าใจ
ซึ่งแหงล่ะ ที่เวลาคบกันในช่วงแรก ๆ ไม่ว่าคู่ไหนคู่ใครย่อมพูดจา ภาษาดอกไม้เป็นธรรมดา แต่ขอยืนยันว่า "คำพูดที่ดี ๆ " ไม่ได้จำกัดว่า ใช้ได้แต่เฉพาะตอนแรกรัก เท่านั้น สามารถ "ปากหวาน" ต่อกันได้เสมอ เพราะใคร ๆ ย่อมอยากได้สิ่งที่ดีจากคนที่เค้ารักทั้งนั้นใช่มะ ดังนั้น ใน มีประโยคไหนบ้างน้า ที่สาว ๆ ชอบฟัง (Top 10 things women love to hear) จึงอยากเผยความลับให้ "แฟนของเธอ" นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์และชวนให้สาวหลง ดังเช่นคำพูดดังต่อไปนี้ซะเลย
1. วันนี้คุณสบายดีเหรอ? หรือ วันนี้คุณเป็นไงบ้าง?
ก็คิดดูดิ ว่าถ้า "คนที่เธอชอบ" เอ่ยถามถึงทุกข์สุขของหล่อน ถ้าเธอไม่ตีความว่า คนถามช่างน่ารัก, รู้จักใส่ใจในความทุกข์ร้อนของผู้อื่นแล้ว จะให้เฉไฉคิดอย่างอื่นไปได้อย่างไร? แต่ถามแล้วก็ควรรับฟังเธอเม้าท์ เม้าท์ เม้าท์ระบายความในใจสารพัดเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอด้วยล่ะ ไม่ใช่ทำทีถามเพื่อมารยาทไปงั้น
2. คุณเซ็กซี่จัง
นี่เท่ากับบอกใบ้ว่า เค้าตกหลุมสิเน่หาและเริ่มสนใจในตัวสาวเจ้าเข้าแล้วน่ะซี ซึ่งความรู้สึกของผู้หญิงที่ได้ยิน จะแบ่งออกเป็น 2 ทาง ได้แก่ ระวังคนที่ พูดแบบนี้มากขึ้น (กลัวคนชีกอ) หรือไม่ก็ปลื้มใจสุด ๆ ไปเลย ถ้าพูดกับคนที่รักกันดีก็แล้วไป ประโยคนี้ช่วยสร้างคะแนนนิยมได้แหง ๆ แถมให้ผลเลิศสำหรับคู่รักที่รักกันมานานด้วย เพราะเท่ากับตอกย้ำให้สาวมั่นใจว่า เธอยังสวยเซ็กซี่ แม้เวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม
3. คุณรู้สึกอย่างไรกับ (อะไรก็ได้-ถามไปสักอย่างเหอะ) บ้าง?
เหมือนกะอยากบอกให้สาวรู้นั่นแหละว่า สนใจในความคิดเห็นหรือความรู้สึกของเธออย่างจริงจัง เพราะไม่รู้เรอะว่าผู้หญิงชอบชี้แจงแถลงไขความรู้สึกของตนเองต่อเรื่องต่าง ๆ จะตายไป (พูดมากไง) หนำซ้ำคำถามแบบนี้ ช่วยให้ "คนถาม" รู้จักเธอมากขึ้นด้วย อีกอย่างฝ่ายหญิงจะรู้สึกว่าเค้าทุ่มเทความสนใจไปที่เธอจัง ถ้ารักกันอยู่แล้วจะยิ่งรักกันมากขึ้น ถ้าตอนนี้เป็นแค่เพื่อนก็คงอยากเป็นมากกว่าเพื่อนซะแล้ว
4. คุณสวยกว่าบรรดาเพื่อน ๆ ของคุณซะอีก
โอ้โห ขืนปากน้ำตาลปานนี้ ถ้าสาวไม่เคลิ้มไปกับคำพูดของเค้า แล้วจะไปรักหมา เอ้ย รักใครที่ไหนเล่า แหม "ชม" กันขนาดนี้ แต่เอ มันหลอกด่าให้คิดตรงข้ามหรือเปล่าไม่รู้สิ ถือว่ามีแฟนน่ารักใช้ได้
5. คุณฉลาดจัง
การแสดงออกว่าเค้าเห็น "คุณค่าทางความคิดและความเฉลียวฉลาดของผู้หญิง" ก็แสดงว่า "คนที่สาวชอบ" จำความสามารถของเธอได้พอ ๆ กับความสวยของเธอนั่นแหละ แล้วจะไม่ปลื้มได้ไง แถมเธอจะประทับใจที่เค้ารู้จักสังเกตสตรีเพศ เหนือจากระดับหน้าอกขึ้นไปด้วยซ้ำ
6. เรื่องบนเตียง คุณเยี่ยมมาก พร้อมกับยกนิ้วโป้งรับประกันคุณภาพ
แต่ก่อนที่จะชมกันอย่างนี้ ต้องแน่ใจนะว่า ของมันเคย ๆ กันแล้ว ไม่ใช่ให้เธอถามกลับว่า เอ๊ะ คุณรู้ได้ไง? แล้วทันใดนั้นเค้าก็ตอบอย่างซื่อ ๆ ว่า "เอ้า ก็เพื่อนผมเล่าให้ฟัง" ระวังมีตบนะ แต่ถ้ามีอะไรลึกซึ้งแล้วถ้ายกย่องเรื่องบนเตียงของเธอ ย่อมทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นเทพธิดาเข้าไปใหญ่ อย่างน้อยก็เป็นยอดหญิงที่รู้ว่าควรสร้างความประทับใจให้แฟนของเธออย่างไร นั่นเอง
7. ผมต้องการใช้ชีวิตร่วมกับคุณ
ถือเป็นคำพูดที่ลึกซึ้งกินใจ เหนือกว่าคำพูดชมเชยอื่นใด หากมีใจตรงกันจริง สาวที่ได้ยินคำพูดนี้จะดีใจสุด ๆ แต่ถ้าเธอไม่ได้ชอบหนุ่มคนนี้ซะหน่อย อาจสร้างความประหลาดใจให้เธอก็ได้ที่มีใครก็ไม่รู้ จู่ ๆ ก็อยากอยู่ด้วย แล้วทันใดนั้นสาวก็วิ่งหนีอย่างกะนักกีฬาทีมชาติก็ไม่ปาน ใครจะโง่ตกหลุมว่ะ
8. คุณคือเพื่อนที่ดีที่สุด
นี่เค้าบอกความรู้สึกที่มีต่อหล่อนนอกเหนือจากความสัมพันธ์ทางเพศนะ แต่เอ หรือเค้าคิดว่าสาวคนนี้เป็นแค่เพื่อน ไม่ใช่คู่แท้ปาฏิหาริย์ที่อยากใช้ชีวิตด้วยกันรึเปล่า? กระนั้น ถ้าใครหยิบยื่นมิตรภาพมาให้ก็ควรรับไว้ก่อน อย่างน้อยเค้าก็ประกาศตัวว่ามาดี มีเพื่อนไว้น่ะดี แต่อย่าเป็นเพื่อนทำตัวไม่ดีละกัน
9. คุณต้องเป็นแม่ที่ดีได้แน่ ๆ
แหมรู้ใจผู้หญิงเหลือเกินว่า ส่วนใหญ่ถ้ามีครอบครัว ก็ย่อมอยากมีลูก เพราะถ้าเธอไม่อยากมี ฝ่ายชายก็มักอยากมีทายาทไว้สืบสกุล ถ้าใช้ประโยคนี้กับสาวที่รักกันแล้ว เธอคงดีใจและมีความสุขที่ซู้ด
10. คุณทำให้ชีวิตผมดีขึ้น
ถ้าใครมาบอกว่า สาวเจ้าทำให้ชีวิตเค้าดีวันดีคืนละก็ รู้ไว้เหอะว่า เค้ารักคุณเข้าแล้ว และเค้าคิดว่า สาวคนนี้เหมาะที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่แหม น่าจะสัญญาอีกนิดนะว่า จะอยู่กันยืดหรือไม่ ทว่าเอาเถอะ เค้ารักเราก็ดีแล้วน่า อย่าเรื่องมากหน่อยเลย ทีนี้หันมาดูบ้างว่า มีคำพูดอะไรบ้างที่ ผู้ชายไม่อยากได้ยิน ประมาณว่า ฟังแล้วแสลงหู และอาจ ทำลายความรักแสนหวานของคุณทั้งสองก็ได้นะ เช่น
"คุณทำให้ฉันนึกถึง"
แค่เอ่ยยังไม่ทันขาดคำ เชื่อมะ หนุ่ม ๆ ก็เสียวสยองแล้วล่ะ เพราะไม่ว่าใครก็ย่อมต้องการที่จะเป็นคนพิเศษสุดเพียงคนเดียวทั้งนั้นแหละ ดังนั้นผู้ชายจึงรับไม่ได้เมื่อถูกเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่ชาย, แฟนเก่าของสาวคนนั้นหรือพ่อของเธอ แต่ขอต่อให้นิดว่า ฝ่ายหญิงเองก็ไม่อยากถูกนำไปเปรียบเทียบกับใครเหมียนกัน เพราะใครว้า จะอยากมีคู่แข่ง? โดยเฉพาะเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ
คำว่า "ขนาดนี้ดีแล้ว"
ถ้าสาวพูดว่า ขนาดของเขากำลังดี (ก็ขนาดตะปูของเขานั่นแหละจะอะไรซะอีก) หรือได้ขนาดมาตรฐานก็แล้วแต่ รู้มะว่าหมายถึงขนาดของเขานั้นเล็กไป ซึ่งทำให้กังวลน่ะซีว่า แฟนสาวอาจเจออะไรที่ "บิ๊กบึ้ม" กว่าที่เขามีก็ได้ ทีนี้สาวเอยจะบอกให้ ว่าทีหลังอย่าไปพูดอะไรที่ตรงกะใจเขาและเราเลย อิอิ
ข้อมูลจาก
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
5 ธันวาคม 2548 07:23 น.
แสงไร้เงา
ปวดต้นคอ...
คอ เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีการใช้มากที่สุด ยิ่งการทำงานในยุคปัจจุบันคนต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ต้องก้มหน้าเงยหน้าอยู่ตลอด ประกอบงานปัจจุบันต้องใช้สมองมากทำให้เกิดความเครียดจึงเกิดอาการปวดคอและปวดศีรษะ คอเป็นอวัยวะที่บอบบางเมื่อเทียบกับขนาดสมองและลำตัว ให้เกิดความชอกช้ำหรือบาดเจ็บได้ง่าย นอกจากนั้น
คอก็ยังเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทที่รับคำสั่งจากสมองไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อาการเจ็บคอพบได้ไม่บ่อยเท่าอาการปวดหลัง อาการเจ็บคอที่พบบ่อยที่สุดคือ กล้ามเนื้อคอหดเกร็งทำให้เอี้ยวคอหรือเคลื่อนไหวศีรษะไม่ได้ หรือที่เรียกว่าตกหมอน ซึ่งส่วนใหญ่จะหายเองได้
สาเหตุของการปวดคอที่พบบ่อย...
1. อิริยาบทหรือท่าที่ผิดสุขลักษณะ ทำให้กล้ามเนื้อบางมัดถูกใช้งานจนเมื่อยร้าเกินไป เช่นบางคนชอบนั่งก้มหน้า หรือช่างที่ต้องเงยหน้าอยู่ตลอดเวลา ใช้หมอนสูงเกินไปวิธีแก้ต้องใช้หมอนหนุนต้นคอหรือบริเวณท้ายทอย
2. ความเครียดทางจิตใจ ซึ่งอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นการงาน ครอบครัว การพักผ่อนที่ไม่พอเพียง ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อคอหดเกร็ง
3. คอเคร็ดหรือยอก เกิดจากการที่กล้ามเนื้อคอต้องทำงานมากเกินไป เนื่องจากคอต้องเคลื่อนไหวเร็วเกินไป หรือรุนแรงเกินไปทำให้เอ็นและกล้ามเนื้อถูกยืดมากจนมีการฉีกขาดบางส่วนจนเกิดอาการปวด ตัวอย่างที่ทำให้เกิดคอเคล็ดเช่น การก้มเพื่อมองหาของใต้โต๊ะ การหกล้ม
4. ภาวะข้อเสื่อม เนื่องจากกระดูกคอต้องแบกน้ำหนักอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนแก่ ทำให้ข้อเสื่อมตามอายุมีปุ่มกระดูกหรือกระดูกงอกที่ขอบของข้อต่อ ซึ่งอาจจะไปกดทับถูกปลายประสาทที่โผล่ออกมา ภาวะข้อกระดูกเสื่อมอาจจะไม่มีอาการปวดหรือผิดปกติใด ๆ แต่อาจจะพบโดยบังเอิญ
5. อาการบาดเจ็บของกระดูกคอ ซึ่งอาจจะเกิดจากอุบัติเหตุต่าง ๆ เช่น ตกที่สูง ถูกทำร้ายร่างกาย รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ ผู้ป่วยมักจะมีอาการบาดเจ็บของร่างกายส่วนอื่นด้วย
6. ข้ออักเสบ โรคข้ออักเสบเรื้อรังบางชนิดอาจจะทำให้กระดูกต้นคออักเสบด้วย เช่นข้ออักเสบรูมาตอยด์ การดูแลตัวเองเมื่อมีอาการเจ็บคอ...
1. ผู้ที่มีอาการปวดต้นคอหรือที่เรียกว่าตกหมอน ส่วนใหญ่จะเกิดจากการได้รับบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเอ็นรอบคอ คอจะแข็งอย่างเฉียบพลันหลังจากการเอี้ยว บิด ผิดท่าหรือภายหลังการตื่นนอน การรักษาสามารถทำได้โดย พยายามพัก อย่าเคลื่อนไหวคอ ทางที่ดีควรจะนอนพัก รับประทานยาแก้ปวด หากไม่มากใช้ยา paracetamol 500 mg. หากปวดมากก็ให้รับประทานยากลุ่ม NSAID ในระยะแรกอาจจะประคบด้วยน้ำแข็งใส่ถุงพลาสติกห่อผ้าขนหนูวางบริเวณที่ปวด หรือจะใช้น้ำอุ่นประคบประมาณ 10-15 นาที การใส่ปลอกคอ มักจะไม่มีความจำเป็น นอกจากจะปวดมาก ๆ ไม่แนะนำให้มีการจับเส้นในระยะเฉียบพลันเพราะอาจจะเกิดผลเสีย 2. สำหรับผู้ที่ปวดคอเรื้อรัง อาการปวดมักจะไม่รุนแรง เวลาก้มหรือเงย ตะแคงหรือเอี้ยวคอจะทำให้ปวดเพิ่มขึ้น การดูแลเบื้องต้ได้แก่ - กินยาแก้ปวด - ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ่นไว้แล้ว - การนวดหรือกดจุด โดยถูกหลักวิชาอาจจะช่วยระงับอาการปวดได้ การนวดง่าย ๆ อาจทำภายหลังจากการอาบน้ำอุ่นหรือประคบร้อนแล้ว 10-15 นาที เริ่มการฝึกออกกำลังกล้ามเนื้อคอ
การออกกำลังกล้ามเนื้อคอ... กล้ามเนื้อคอเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและการรักษาการปวดคอเรื้อรังหรือเป็นๆหายหายๆ การบริหารกล้ามเนื้อคอจะแบ่งเป็นสองระยะได้แก่ ในระยะแรกจะบริหารเพื่อเพิ่มความยืดยุนของเอ็นและกล้ามเนื้อรอบคอ โดยการเอียงคอไปทางซ้าย ขวา ก้มหน้า เงยหน้า ในระยะต่อมาจึงจะสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยการ ใช้แรงต้านจากมือ การออกกำลังกายโดยทั่วไป นับเป็นส่วนสำคัญข้อหนึ่ง เนื่องจากการออกกำลังกายจะทำให้หัวใจแข็งแรง มีการสูบฉีดโลหิตเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อของร่างกายหลายๆส่วน เช่นกล้ามเนื้อขา หลังจะแข็งแรง กระดูกจะเสื่อมน้อย การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการปวดคอ...
1. ระวังอริยาบท ทั้งการยืน การนั่ง การนอน การทำงาน
2. การทำงานควรหาเวลาหยุดพักเพื่อออกำลังกล้ามเนื้อคอ เคลื่อนไหวคอ หรือเปลี่ยนอิริยบทสัก 2-3 นาทีทุกชั่วโมง
3. การเลือกเก้าอี้ที่เหมาะสม
4. การพักผ่อนที่เพียงพอ การเลือกหมอน ที่นอน
5. การใช้ยา
6. การบริหารคอ
ข้อมูลจาก
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต