5 ธันวาคม 2548 07:23 น.
แสงไร้เงา
ปวดต้นคอ...
คอ เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีการใช้มากที่สุด ยิ่งการทำงานในยุคปัจจุบันคนต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ต้องก้มหน้าเงยหน้าอยู่ตลอด ประกอบงานปัจจุบันต้องใช้สมองมากทำให้เกิดความเครียดจึงเกิดอาการปวดคอและปวดศีรษะ คอเป็นอวัยวะที่บอบบางเมื่อเทียบกับขนาดสมองและลำตัว ให้เกิดความชอกช้ำหรือบาดเจ็บได้ง่าย นอกจากนั้น
คอก็ยังเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทที่รับคำสั่งจากสมองไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อาการเจ็บคอพบได้ไม่บ่อยเท่าอาการปวดหลัง อาการเจ็บคอที่พบบ่อยที่สุดคือ กล้ามเนื้อคอหดเกร็งทำให้เอี้ยวคอหรือเคลื่อนไหวศีรษะไม่ได้ หรือที่เรียกว่าตกหมอน ซึ่งส่วนใหญ่จะหายเองได้
สาเหตุของการปวดคอที่พบบ่อย...
1. อิริยาบทหรือท่าที่ผิดสุขลักษณะ ทำให้กล้ามเนื้อบางมัดถูกใช้งานจนเมื่อยร้าเกินไป เช่นบางคนชอบนั่งก้มหน้า หรือช่างที่ต้องเงยหน้าอยู่ตลอดเวลา ใช้หมอนสูงเกินไปวิธีแก้ต้องใช้หมอนหนุนต้นคอหรือบริเวณท้ายทอย
2. ความเครียดทางจิตใจ ซึ่งอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่นการงาน ครอบครัว การพักผ่อนที่ไม่พอเพียง ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อคอหดเกร็ง
3. คอเคร็ดหรือยอก เกิดจากการที่กล้ามเนื้อคอต้องทำงานมากเกินไป เนื่องจากคอต้องเคลื่อนไหวเร็วเกินไป หรือรุนแรงเกินไปทำให้เอ็นและกล้ามเนื้อถูกยืดมากจนมีการฉีกขาดบางส่วนจนเกิดอาการปวด ตัวอย่างที่ทำให้เกิดคอเคล็ดเช่น การก้มเพื่อมองหาของใต้โต๊ะ การหกล้ม
4. ภาวะข้อเสื่อม เนื่องจากกระดูกคอต้องแบกน้ำหนักอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนแก่ ทำให้ข้อเสื่อมตามอายุมีปุ่มกระดูกหรือกระดูกงอกที่ขอบของข้อต่อ ซึ่งอาจจะไปกดทับถูกปลายประสาทที่โผล่ออกมา ภาวะข้อกระดูกเสื่อมอาจจะไม่มีอาการปวดหรือผิดปกติใด ๆ แต่อาจจะพบโดยบังเอิญ
5. อาการบาดเจ็บของกระดูกคอ ซึ่งอาจจะเกิดจากอุบัติเหตุต่าง ๆ เช่น ตกที่สูง ถูกทำร้ายร่างกาย รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำ ผู้ป่วยมักจะมีอาการบาดเจ็บของร่างกายส่วนอื่นด้วย
6. ข้ออักเสบ โรคข้ออักเสบเรื้อรังบางชนิดอาจจะทำให้กระดูกต้นคออักเสบด้วย เช่นข้ออักเสบรูมาตอยด์ การดูแลตัวเองเมื่อมีอาการเจ็บคอ...
1. ผู้ที่มีอาการปวดต้นคอหรือที่เรียกว่าตกหมอน ส่วนใหญ่จะเกิดจากการได้รับบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเอ็นรอบคอ คอจะแข็งอย่างเฉียบพลันหลังจากการเอี้ยว บิด ผิดท่าหรือภายหลังการตื่นนอน การรักษาสามารถทำได้โดย พยายามพัก อย่าเคลื่อนไหวคอ ทางที่ดีควรจะนอนพัก รับประทานยาแก้ปวด หากไม่มากใช้ยา paracetamol 500 mg. หากปวดมากก็ให้รับประทานยากลุ่ม NSAID ในระยะแรกอาจจะประคบด้วยน้ำแข็งใส่ถุงพลาสติกห่อผ้าขนหนูวางบริเวณที่ปวด หรือจะใช้น้ำอุ่นประคบประมาณ 10-15 นาที การใส่ปลอกคอ มักจะไม่มีความจำเป็น นอกจากจะปวดมาก ๆ ไม่แนะนำให้มีการจับเส้นในระยะเฉียบพลันเพราะอาจจะเกิดผลเสีย 2. สำหรับผู้ที่ปวดคอเรื้อรัง อาการปวดมักจะไม่รุนแรง เวลาก้มหรือเงย ตะแคงหรือเอี้ยวคอจะทำให้ปวดเพิ่มขึ้น การดูแลเบื้องต้ได้แก่ - กินยาแก้ปวด - ประคบด้วยน้ำแข็งหรือน้ำอุ่นไว้แล้ว - การนวดหรือกดจุด โดยถูกหลักวิชาอาจจะช่วยระงับอาการปวดได้ การนวดง่าย ๆ อาจทำภายหลังจากการอาบน้ำอุ่นหรือประคบร้อนแล้ว 10-15 นาที เริ่มการฝึกออกกำลังกล้ามเนื้อคอ
การออกกำลังกล้ามเนื้อคอ... กล้ามเนื้อคอเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและการรักษาการปวดคอเรื้อรังหรือเป็นๆหายหายๆ การบริหารกล้ามเนื้อคอจะแบ่งเป็นสองระยะได้แก่ ในระยะแรกจะบริหารเพื่อเพิ่มความยืดยุนของเอ็นและกล้ามเนื้อรอบคอ โดยการเอียงคอไปทางซ้าย ขวา ก้มหน้า เงยหน้า ในระยะต่อมาจึงจะสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยการ ใช้แรงต้านจากมือ การออกกำลังกายโดยทั่วไป นับเป็นส่วนสำคัญข้อหนึ่ง เนื่องจากการออกกำลังกายจะทำให้หัวใจแข็งแรง มีการสูบฉีดโลหิตเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อของร่างกายหลายๆส่วน เช่นกล้ามเนื้อขา หลังจะแข็งแรง กระดูกจะเสื่อมน้อย การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการปวดคอ...
1. ระวังอริยาบท ทั้งการยืน การนั่ง การนอน การทำงาน
2. การทำงานควรหาเวลาหยุดพักเพื่อออกำลังกล้ามเนื้อคอ เคลื่อนไหวคอ หรือเปลี่ยนอิริยบทสัก 2-3 นาทีทุกชั่วโมง
3. การเลือกเก้าอี้ที่เหมาะสม
4. การพักผ่อนที่เพียงพอ การเลือกหมอน ที่นอน
5. การใช้ยา
6. การบริหารคอ
ข้อมูลจาก
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
1 ธันวาคม 2548 23:42 น.
แสงไร้เงา
สาวยุคนี้ถ้าอยากจะให้สวยเริดแบบเพอร์เฟกต์จะต้องใช้วิธีการ ตัด-ต่อ-เติม กันทั้งนั้น ทั้งต่อเล็บที่เป็นแฟชั่นฮอตฮิตอินเทรนด์ไปเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้สาวทันสมัยหันมา ต่อขนตาให้งอนยาวกันเกร่อ นัยว่าช่วยทำดวงตาคู่นั้นเซ็กซี่มีเสน่ห์ เย้ายวน ยามสบตากับชายใดแล้วจะกระชากใจชายให้มาสยบแทบเท้าทีเดียว จนแฟชั่นต่อขนตากำลังเริ่มระบาดโดนใจในหมู่สาว ๆ โดยมีผู้นำเทรนด์คือสาวญี่ปุ่น ตามด้วยสาวเกาหลีและไต้หวัน ส่วนสาวไทยแม้จะเป็นผู้ตามแต่ก็ไม่ยอมตกเทรนเช่นกัน
ขนตา เป็นส่วนหนึ่งบนใบหน้าที่ช่วยป้องกันฝุ่นละอองเข้าลูกตา นอกจากนี้ขนตาก็ยังทำหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งโดยเฉพาะสำหรับสาว ๆ ที่มีขนตาที่งอนงามยาว เป็นแพหนาดกดำ จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตาให้โดดเด่นขึ้น กลายเป็นสาวโชคดีมีชัยไปกว่าครึ่งเพราะขนตาจะช่วยสร้างมิติของดวงตาให้สวยซึ้ง แต่ใช่ว่าทุกคนจะเกิดมาโชคดีได้เป็นเจ้าของดวงตาเจ้าเสน่ห์คู่นี้ จึงเป็นสาเหตุให้สาว ๆ ทั้งหลายที่มีขนตาสั้นและตรงทื่อโดยเฉพาะสาวเอเชีย ต่างดิ้นรนหาเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช
เส้นทาง ขนตางอนงาม
ขนตาปลอม ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในโลกเมื่อปีคศ. 1919 โดยเมคอัพ อาร์ติสของ Max Factor บริษัทเครื่องสำอางชื่อดังของต่างอเมริกา ขนตาปลอมในยุคแรก ๆ นั้นทำมาจากเส้นผมของมนุษย์ ทั้งนี้เพราะต้องการจะทำให้ดาราภาพยนตร์สาวคนหนึ่งมีดวงตาที่มีเสน่ห์ชวนหลงไหลมากยิ่งขึ้น จากนั้น"ขนตาปลอม"ก็กลายเป็นเครื่องสำอางชิ้นหนึ่งที่ดาราสาว ๆ ของโลกฮอลลีวู้ดขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นไลซ่า มินเนลลี่ , ลูซี่ บอล , โกลดี้ ฮอนด์ ,อลิซเบธ เทเลอร์ เป็นต้น
ขนตาปลอมกลายมาเป็นแฟชั่นคู่ดวงตาของสาวทุกยุคทุกสมัย เหมือนสไตลิสต์ทุกคนมักจะบอกว่าการใช้ขนตาปลอมก็เหมือนการทำผมทรงใหม่ ๆ เพื่อให้สาวทันสมัยตลอดเวลา
จะสังเกตได้ว่าสาว ๆในยุคซิกตี้นั้นจะนิยมใส่ขนตาปลอมเป็นแผงหนา ๆ แล้วยังต้องงอนโค้ง โดยไม่คิดว่าจะดูหลอกตา ทั้งนี้เพราะสาวยุคนั้นจะแต่งหน้าเข้ม ทาเปลือกตาหนาด้วยอายไลเนอร์แล้วก็ติดขนตาปลอมหนาไปด้วยเพื่อให้สมดุลย์กับดวงตาที่เน้นให้ดูกลมโต สาว ๆ ทั้งโลกในยุคนั้นแห่กันติดขนตาปลอมเป็นแถวไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้องไปจนถึงสาวไฮโซ
ขนตาปลอมในยุคนั้นจะผลิตจากเส้นผมของมนุษย์ นำมาเรียงเป็นแผง ๆ แล้วใช้กาวพิเศษติดไปกับเปลือกตา ทาอายแชโดว์ทับลงไปอีกทีก็จะเป็นเจ้าของดวงกลมโตที่ดูโดดเด่นแล้ว
พอย่างเข้าสู่ยุคเซเว่นตี้ เป็นยุคของคนแสวงหาเสรีภาพ บรรดาฮิปปี้เดินเต็มถนนไปหมด ใคร ๆ ก็ต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวแบบเซอร์ ๆ แนวแฟชั่นก็เริ่มลดโทนสีให้อ่อนลง แต่กลับไปเน้นตาให้ดวงตาโดดเด่นขึ้นด้วยการทาอายไลน์เนอร์และใช้ขนตาปลอมช่วย มีที่แปลกอีกอย่างคือยุคนี้จะเพิ่มขนตาปลอมด้านล่างมาด้วย ต่อมาในยุค 80 โลกคึกคักด้วยเสียงเพลงจังหวะมัน ๆ ของดิสโก้ สาว ๆ หลายคนสลัดคราบเซอร์ ๆ หันมาแต่งหน้าจัดจ้านเพิ่มน้ำหนักของสีสันให้สด ๆ ทั้งเฉดม่วง แดง ชมพู เป็นประกายให้เข้ากับลุคดิสโก้ที่ฟู่ฟ่า
แต่พอโลกหมุนเข้าสู่ยุค 90 หลังจากที่มนุษย์เสพแต่สารพิษเข้าไปมากมายแล้ว ก็เริ่มหันกลับมาสู่ความเป็นธรรมชาติทั้งเรื่องการแต่งหน้าด้วย กลุ่มผู้หญิงทำงานเริ่มมีบทบาทในสังคมโลกมากขึ้น กลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสินค้า เวอร์กิ้งวูเม่นที่แต่งตัวไปทำงานก็ต้องแต่งหน้าไปด้วยแต่เป็นโทนสีอ่อน ๆ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการทำงาน ยุคนี้สาว ๆ เริ่มหันมาใส่ใจกับการบำรุงผิวหน้ามากกว่าเครื่องสำอางแต่งหน้า เริ่มมีการแต่งหน้าเฉดสีสันเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
ยุคนี้มาสคาร่าเริ่มเข้ามามีบทบาททำหน้าที่แทน"ขนตาปลอม"มากขึ้น เพื่อให้ความสะดวกแก่สาวออฟฟิศที่มีเวลาน้อยนิดในการแต่งหน้าแต่ละครั้ง เพียงใช้แปรงมาสคาร่าปัดขนตาก็จะช่วยให้ขนตาแท้ ๆ งอนงามขึ้นแล้ว ดังนั้นบริษัทผลิเครื่องสำอางชื่อดังทั่วโลกจึงเริ่มหันมาผลิตมาสคาร่ากันเป็นแถวจนผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มียอดจำหน่ายเป็นสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับเครื่องสำอางชนิดอื่น ๆ
ต่อเนื่องมาจนถึงสาวในยุค 2000 ที่หันมาแต่งหน้าแนวนู้ดสีอ่อน ทั้งปากและดวงตาจะสีอ่อน ๆ แต่จะไปเน้นผิวหน้าที่สวยใสเด้ง กลายเป็นผลิตภัณฑ์ Pure White เริ่มเข้ามามีบทบาทกับใบหน้าของผู้หญิงที่ต้องการให้หน้าดูขาวใสมีน้ำมีนวล การแต่งหน้าจึงต้องอ่อนเบาบาง สอดรับกับดวงตาที่ต้องการความอ่อนไปด้วย โดยจะไปเน้นที่ขนตามากยิ่งขึ้นเพื่อให้ดวงตาดูสวยซึ้งน่าหลงใหล
จะ"งอน"กันไปถึงไหน
สาวเอเชียดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับขนตามากกว่าสาวฝรั่ง เพราะคนเอเชียตาเล็กและขนตาน้อยด้วย ดังนั้นจึงมีสาว ๆ ที่อยากตาสวยหลายคนดิ้นรนหาสารพัดวิธีการที่จะทำให้ขนตาสั้น ๆ ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดนั้นให้ดูยาวขึ้นโดยมีสาวญี่ปุ่นเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่น ตามด้วยสาวเกาหลีและไต้หวัน ส่วนสาวไทยแม้จะเป็นผู้ตามแต่ก็ไม่ยอมตกเทรนด์เช่นกัน
ขนตาปลอมยุคนี้จึงปรับตัวให้มีรูปลักษณ์เป็นแฟชั่นไปด้วย หลายค่ายต่างผลิตขนตาปลอมที่หลีกหนีรูปแบบเดิม ๆ ที่เป็นแพหนา ๆ ไปสู่ลุคใหม่ที่มีความหลากหลายให้ผู้ใช้เลือกใช้งานในหลาย ๆ รูปแบบ อาทิ ขนตาโค้งงอนยาวแบบธรรมชาติ ขนตาแบบแฟนซีที่เป็นสีสันสดใส ขนตาเป็นแฉก ๆ ขนตาเป็นซี่ ๆ ไปจนถึงการใช้กากเพชร - ลูกปัด สีเงิน ติดขนตาเพื่อเพิ่มความดึงดูดที่โดดเด่นมากขึ้น ซึ่งส่วนมากจะจะสั่งซื้อมาจากประเทศญี่ปุ่น
การใช้ขนตาปลอมบางทีก็ยังไม่ทันใจสาวยุคใหม่ที่ต้องการความสวยแบบสั่งได้ ดังนั้นเทคนิคการ"ต่อขนตา" จึงเริ่มมากลายมาเป็นแฟชั่นฮิตเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง พอมีร้านบริการต่อขนตามากขึ้นเป็นแรงส่งให้กระแสขนตางอนยาวเริ่มแรงขึ้นไปด้วย
เทคนิคการต่อขนตาก็เหมือนการต่อผม ซึ่งส่วนมากผู้ให้บริการคือร้านทำผมทั่ว ๆ ไปที่เคยรับต่อผม แหล่งที่เป็นที่รู้จักกันของบรรดาสาวฮิปยุคใหม่คือชาญอิสระชั้น 1 ที่มีหลายร้านเปิดให้บริการกันมานานแล้ว และขยับไปถึงช่างผมไฮโซคนดังอย่างป๊อก เชลซี ก็หันมาเปิดแผนกต่อขนตาให้บริการบรรดาสาวไฮโซที่มีขนตาสั้นทั้งหลายมาแปลงโฉมให้เป็นสาวตาสวยพียงกระพริบตาเท่านั้น
ถนนราคาของการต่อขนตาเริ่มตั้งแต่ 1,500 2,000 บาทต่อครั้ง โดยช่างจะใช้เส้นผมมาแตะกาวที่เหนียวเป็นพิเศษแล้วแตะไปตรงขนตาจริงทีละเส้น หรือสาวใดอยากให้มีลูกเล่นเติมขนตาเป็นช่อ ๆ ละ 3 เส้นเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติแบบสวยซึ้งก็ย่อมได้ โดยใช้เวลาในการทำข้างละไม่เกิน 10 นาที แต่มาเสียเวลาที่ต้องนอนหลับตาเพื่อให้กาวที่ต่อขนตานั้นแห้งสนิทเสียก่อนอีกประมาณครึ่งชั่วโมง
การต่อขนตาแม้จะเป็นทางเลือกที่เป็นความหวังของสาว ๆ ว่าจะสวยทนสวยนานอย่างน้อยก็อยู่ได้ 1 2 เดือน แต่ใครที่ไปต่อขนตามามักจะเจอกับสารพัดปัญหาไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาที่ยุ่งยาก อาทิ ห้ามขยี้ตา ห้ามล้างตาแรง ๆ เพราะขนตาจริงก็เป็นเส้นผมที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้วเมื่อมีขนตาปลอมมาเกาะเป็นกาฝากอาจจะทำให้ขนตาจริงหลุดไปได้ง่าย กลายเป็นสาวขนตาแหว่ง ขณะที่บางคนแพ้กาวที่ใช้ติดขนตาจนตามบวมได้
ฟูก ธำรงรัตน์ วรารักษ์ เมคอัพ อาร์ติสชื่อดังให้คำแนะนำแก่สาวๆ เรื่องการต่อขนตาว่า การต่อขนตาเหมาะสำหรับสาวที่มีขนตาเดิมที่งอนอยู่แล้ว พอต่อขนตาเพิ่มขึ้นจะทำให้ดวงตาสวยงามงอน แต่บางคนที่ขนตาตกหรือไม่งอนนั้น พอต่อขนตาแล้วขนตาจะกลายเป็นที่เรียกว่า"ตกท้องช้าง" ดูแล้วตลกจะต้องไปดัดขนตาช่วย
ตลาดมาสคาร่าโตรับกระแส
มีสาว ๆ อีกไม่น้อยที่ไม่อยากเสี่ยงกับวิธีการต่อขนตาจึงหันไปใช้วิธีการสวยแบบชั่วคราว ด้วยการเลือกใช้มาสคาร่าปัดขนตาดีกว่า และยิ่งปัจจุบันนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายต่างก็หันมาแข่งกันผลิตมาสคาร่าที่ช่วยต่อขนตาให้ทั้งงอนโค้ง โก่งยาวเสียดฟ้ากันทีเดียว ด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งที่เป็นไฟเบอร์ ขนเฟอร์และขนมิ้งค์ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับสาว ๆ ที่รักสวยรักงามไม่ว่าจะเป็นค่าย MayBelline , LOREAL , HELENA RUBINSTEIN , LANCOME เป็นต้น
แต่ละค่ายต่างก็ประกาศสรรพคุณของมาสคาร่าที่สามารถต่อขนตาสาว ๆ ให้งอนโค้งยาวได้ถึง 60 % แถมยังให้ขนตาดูหนาขึ้นถึง 600 เท่าทีเดียว แถมยังมีลูกเล่นให้เลือกต่อขนตาได้ทั้งแบบหนาเป็นแพหรือต่อเฉพาะปลายเป็นเส้น ๆ ขึ้นมาก็ยังได้ รวมถึงการเพิ่มสารวิตามินที่ช่วยบำรุงเส้นขนตาเรียกว่าสวยไปพร้อมกับบำรุงไปในตัว และยังมีสารกันน้ำที่เพิ่มความสะดวกแก่ผู้ที่แบบตกน้ำไม่หลุดไม่เลอะอีกด้วย
การแข่งขันของบรรดาค่ายยักษ์ใหญ่เครื่องสำอางยิ่งส่งให้กระแสขนตางอนยาวยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ยอดขายของตลาดมาสคาร่าเติบโตขึ้นกว่า 100 % กันถ้วนหน้า
อย่างไรก็ตาม ฟูก - วรารักษ์ เมคอัพ อาร์ติสชื่อดังมีข้อแนะนำดี ๆ มาฝากสาวที่รักสวยรักงามว่า "ถ้าใช้มาสคาร่าเพื่อต่อขนตานั้น ก็ควรใช้คลีนเซอร์สำหรับล้างออกโดยเฉพาะด้วยเป็นประเภท อาย แอนด์ ลิป รีมูฟเวอร์ เพราะจะช่วยล้างน้ำยาออกได้ง่ายโดยไม่ต้องเช็ดถูแรง ๆ ให้ตาช้ำ หรือถ้าใครตาบวมก็ควรใช้น้ำแข็งประคบ นอกจากนี้ควรกินอาหารที่มีส่วนผสมของเบตาแคโรทีนซึ่งจะช่วยบำรุงเส้นขนตาให้แข็งแรง อาทิ ผักบุ้ง แครอท มะละกอ เป็นต้น "
สาวใดที่กำลังอยู่ทางสองแพร่ง กำลังตัดสินใจว่าอยากจะมีขนยางอนยาวแบบไหนดีก็ลองพิจารณาถึงความปลอดภัยของดวงตาด้วยก็จะดี
ข้อมูลและภาพจาก www.manager.co.th
30 พฤศจิกายน 2548 12:09 น.
แสงไร้เงา
"ปวดหัว" เป็นอาการที่พบได้บ่อยครั้ง โดยอาจเกิดขึ้นจากหลายๆสาเหตุ ซึ่งบางครั้งก็อาจเกิดจากการที่เราต้องหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ แต่การรับประทานยาแก้ปวดบ่อย ก็ไม่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราเช่นเดียวกัน การแก้ปัญหาอาการปวดหัวอย่างง่ายๆในเบื้องต้น คือ การทำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย หรือการนวด ซึ่งวันนี้เรามีทริปที่ช่วยแก้อาการปวดหัวในเบื้องต้าฝากค่ะ
** หาผ้าเย็นหรือผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น ประคบบริเวณที่รู้สึกปวด จากนั้นย้ายมาวางที่หน้าผากและหลังต้นคอ
** อาบน้ำอุ่นแล้วงีบหลับสักพัก ตื่นแล้วต่อยออกมาเดินเล่นสูดอากาศนอกบ้าน
** ให้คนข้างๆ ช่วยนวดต้นคอ ไหล่ และหลัง อาจจะหาคอร์สนวดทั้งตัวก็ได้
** ใช้นิ้วโป้งกดค้างไว้ตรงที่ปวดสัก 7-15 วินาที แล้วค่อยปล่อย ทำซ้ำสัก 2-3 ครั้ง
** นั่งพักในห้องที่เงียบๆ หลับตา แล้วปล่อยให้หลัง ไหล่ ต้นคอได้พัก อย่าเกร็ง วิธีเหล่านี้อาจช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ในเบื้องต้น ซึ่งคุณอาจไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดอีกก็ได้ ลองทำดูนะคะ.
ข้อมูลจาก
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
30 พฤศจิกายน 2548 07:09 น.
แสงไร้เงา
>>> >> >@ ทายความรักตามเดือนเกิด
>>> >> > มกราคม
>>> >> > ทะเยอทะยาน จริงจัง ชอบสั่งสอน รักการเรียนรู้
>>> >> >ขยันทำงานตัวเป็นเกลียวมีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด เจ้าระเบียบ
>>> >> >ทำอะไรเป็นแบบแผนขั้นตอนไม่มีนอกลู่นอกทางแม้แต่น้อย อ่อนไหว
>>> >>
>>> >ช่างคิดรู้วิธีทำให้คนอื่นมีความสุขปกติจะเงียบขรึมถ้าไม่ได้กำลังตื่นเต้น
>>> >> >หรือเข้าสู่ภาวะคับขันสงบเสงี่ยม กระตือรือร้น
>>> >>โรแมนติกแต่ไม่ค่อยยอม
>>> >> >แสดงออกเท่าไร รักเด็กติดบ้าน ซื่อสัตย์ ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม
>>> >> >แถมขี้หึงอีกต่างหาก
>>> >> >
>>> >> > กุมภาพันธ์
>>> >> > ช่างฝัน
>>> >> >รักทั้งโลกแห่งความเป็นจริงและโรคแห่งความฝันไหวพริบปฏิภาณดี
>>> >> >ฉลาดหากแต่บุคลิกภาพแปรปรวนไปนิด เจ้าอารมณ์ เงียบ ขี้อาย สุภาพ
>>> >> >ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง ซื่อสัตย์ ชอบตั้งเป้าหมายในชีวิต
>>> >> >รักอิสระเหนือสิ่งอื่นใด ขบถได้ง่ายถ้าถูกบีบคั้น
>>> >>แอบก้าวร้าวบ้างบางครั้ง
>>> >> >แต่ที่จริงอ่อนไหวมาก เสียใจง่าย โกรธก็ง่ายไม่ชอบเรื่องไร้สาระ
>>> >> >ชอบคบเพื่อนฝูงใหม่ๆ น่ารักๆ
>>> >>รักกิจการงานบันเทิงทุกชนิดโรแมนติกลึกๆ
>>> >> >แต่ไม่แสดงออก เชื่อถือโชคลาง ใช้จ่ายเงินเก่ง
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > มีนาคม
>>> >> > มีเสน่ห์ เป็นที่รักของผู้อื่น ขี้อาย สงบเสงี่ยม ลึกลับ
>>> >>ซื่อตรง
>>> >> >เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ รักสันติและความสงบ อ่อนโยน
>>> >> >ชอบเอาอกเอาใจคนอื่น ใจเย็น ไว้ใจได้ เห็นค่าคนอื่น ใจดี
>>> >>เคร่งศีลธรรม
>>> >> >แต่ติดนิสัยชอบประเมินคนอื่น เจ้าคิดเจ้าแค้น แถมยังเพ้อฝัน
>>> >>ชอบสร้างจินตนาการ
>>> >> >รักการเดินทาง รักการเป็นจุดสนใจ
>>> >>ใจเร็วไปนิดถ้าคิดจะลงหลักปักฐานกับใคร
>>> >> >ชอบตกแต่งบ้านเอง มีพรสวรรค์เรื่องดนตรี รักข้าวของแปลกๆ
>>> >> >ข้อควรระวังคืออารมณ์หงุดหงิดง่าย
>>> >> >
>>> >> > เมษายน
>>> >> > กระตือรือร้น ไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่ เข้มแข็งเด็ดขาด
>>> >> >แต่กลับใจอ่อนอย่างไม่น่าเชื่อกับคำขอโทษ
>>> >>ดึงดูดใจและเป็นที่รักของผู้คน
>>> >> >ใจแข็ง รักการเป็นจุดสนใจ พูดจาฉลาดถนอมน้ำใจทุกฝ่าย ชอบปลอบโยน
>>> >> >มนุษย์สัมพันธ์ดี ชอบเสนอแนะแก้ปัญหาให้คนอื่น กล้าหาญ ชอบผจญภัย
>>> >> >สุภาพเอื้อเฟื้อ แต่เจ้าอารมณ์ ชอบกระตุ้นทั้งตัวเองและคนรอบข้าง
>>> >> >และขี้หึงมากกเช่นกัน
>>> >> >
>>> >> > พฤษภาคม
>>> >> > ดื้อดึง ใจแข็ง กล้าแกร่ง ตั้งใจมั่น แรงจูงใจสูง หลักแหลม
>>> >> >โกรธง่าย
>>> >> >แต่ก็มีเสน่ห์ ชอบการเป็นจุดสนใจ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนัก
>>> >>มีจุดยืนของตัวเอง
>>> >> >มีอิทธิพล ชอบปลอบโยนผู้อื่น มีระบบระเบียบ เพ้อฝัน มีสัมผัสพิเศษ
>>> >> >เข้าอกเข้าใจ จินตนาการกว้างไกล รักการเดินทาง
>>> >>ไม่ชอบอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน
>>> >> >ไม่ชอบหยุดนิ่ง ทำงานหนัก ความรับผิดชอบสูง แต่สุรุ่ยสุร่ายไปหน่อย
>>> >> >
>>> >> > มิถุนายน
>>> >> > คิดการณ์ไกล หัวก้าวหน้า ใจอ่อนกับคนใจดี สุภาพ พูดจาเบา
>>> >> >มีความคิดสร้างสรรค์มากมาย อ่อนไหว ชอบคิดค้น เสียตรงที่ขี้ลังเล
>>> >>ไม่รักษาเวลา
>>> >> >สนุกสนาน มีอารมณ์ขัน ชอบเรื่องตลก มีทักษะดีในการโต้แย้ง
>>> >>ช่างพูดช่างคุย
>>> >> >ชอบฝันกลางวันเป็นมิตร รู้ว่าจะหาเพื่อนได้อย่างไร อดทน ชอบแสดงออก
>>> >>เสียใจง่าย
>>> >> >ชอบแต่งตัว ขี้เบื่อ นานๆ จะแสดงอารมณ์ออกมาซักที
>>> >> >ถ้าเสียใจต้องใช้เวลานานในการเยียวยา ชอบการบริหาร หัวรั้น
>>> >>ถือคติแปลกๆ
>>> >> >ว่าใครประจบประแจงคือศัตรู ส่วนเพื่อนแท้ต้องไม่กลัวที่จะขัดใจ
>>> >> >
>>> >> > กรกฎาคม
>>> >> > อยู่ด้วยแล้วสนุก เก็บความลับได้
>>> >> >แต่ยากที่จะเข้าถึงตัวตนที่แท้จริง
>>> >> >เงียบถ้าไม่มีอะไรตื่นเต้น หยิ่งทะนงในตัวเอง มีความรับผิดชอบ
>>> >> >ชอบปลอบโยนคนอื่น ซื่อตรง สนใจความรู้สึกคนรอบข้าง มีไหวพริบ
>>> >>ไม่ผูกใจเจ็บใคร
>>> >> >ไม่ชอบเรื่องไร้สาระทั้งหลาย
>>> >>มีอิทธิพลต่อคนอื่นทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ
>>> >> >อ่อนไหว ไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ ห่วงใยใส่ใจคนอื่น
>>> >> >ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างเท่าเทียม เห็นอกเห็นใจ
>>> >> >แย่ตรงที่ชอบตัดสินคนอื่นเพียงเพราะสิ่งที่สังเกตเอาเอง ทำงานหนัก
>>> >>เรียนดี
>>> >> >ชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ เสียใจง่ายแถมต้องใช้เวลานานกว่าจะหาย
>>> >> >ทุ่มเททุกอย่างให้งาน
>>> >> >
>>> >> > สิงหาคม
>>> >> > ชอบเรื่องตลก มีเสน่ห์ สุภาพอ่อนโยน ใส่ใจคนอื่น
>>> >> >กล้าหาญไม่เคยกลัวอะไรทั้งสิ้น มั่นคงเด็ดเดี่ยว เป็นผู้นำเต็มตัว
>>> >> >รู้ว่าต้องดูแลปลอบโยนคนอื่นอย่างไร แต่เสียตรงที่เอื้อเฟื้อเกินไป
>>> >> >มั่นใจตัวเองเกินไป เรียกร้องต้องการการยกย่องนับถือ
>>> >> >มุ่งมั่นแรงกล้าสุดๆแถมโกรธง่ายเกินเหตุ โดยเฉพาะเมื่อถูกแหย่หรือ
>>> >>กระตุ้น
>>> >> >ขี้หึง เคร่งศีลธรรม หุนหันพลันแล่น ความคิดอิสระไม่ค่อยเหมือนใคร
>>> >> >รักทั้งการเป็นผู้นำและถูกนำ ช่างฝัน มีพรสวรรค์เรื่องศิลปะดนตรี
>>> >> >และกลไกการป้องกันตัว อ่อนไหวเหมือนกันแต่ไม่ค่อยจะอยากยอมรับ
>>> >> >ยุ่งเหยิงวุ่นวายตลอดเวลา โรแมนติค รักใคร่และห่วงใยคนอื่น
>>> >> >ชอบคบหาเพื่อนฝูงใหม่ๆ
>>> >> >
>>> >> > กันยายน
>>> >> > สุภาพอ่อนโยน ประนีประนอม
>>> >> >ระวังตัวแจวางขั้นตอนชีวิตอย่างเป็นแบบแผน
>>> >> >ชอบตอกย้ำจุดอ่อนคนอื่น ชอบการวิพากษ์วิจารณ์ เยือกเย็นและสงบ ใจดี
>>> >> >เห็นอกเห็นใจคนอื่น รอบรู้เรื่องต่างๆ ซื่อตรง ทำงานเก่ง อ่อนไหว
>>> >>ช่างคิด
>>> >> >ความจำดี สนใจใฝ่รู้ ชอบการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ มีแรงจูงใจ
>>> >>เข้าอกเข้าใจ
>>> >> >เก็บความลับอยู่ รักกีฬากิจกรรมยามว่าง และการเดินทาง
>>> >> >ไม่แสดงอารมณ์เสียจนเกือบจะ เป็นคนเก็บกดช่างเลือกโดยเฉพาะเรื่องแฟน
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ตุลาคม
>>> >> > รักการพูดคุยเป็นชีวิตจิตใจ รักทุกคนที่รักตัวเอง
>>> >> >รักการเจาะเข้าสู่จุดศูนย์กลางของเรื่องต่างๆ มีเสน่ห์ สุภาพนุ่มนวล
>>> >> >จิตใจและรูปร่างสวยงาม ไม่โกหกเสแสร้ง เห็นอกเห็นใจคนอื่น
>>> >> >ให้ความสำคัญกับเพื่อน ชอบคบหาเพื่อนใหม่อยู่เรื่อย
>>> >> >เสียใจง่ายก็จริงแต่ไม่ต้องห่วงแป๊บเดียวก็หายเศร้า
>>> >>ชอบช่วยเหลือคนอื่น
>>> >> >ชอบฝันกลางวัน ความคิดบรรเจิด มีสัมผัสพิเศษ รักการเดินทาง ศิลปะ
>>> >> >และวรรณกรรมพูดจานุ่มนวล รักและใส่ใจคนอื่น โรแมนติก ขี้หึง
>>> >> >เป็นห่วงเป็นใยรักความยุติธรรม เชื่อคนง่าย เพราะมองโลกสวยงาม
>>> >> >สูญเสียความเชื่อมั่นง่ายมาก
>>> >> >
>>> >> > พฤศจิกายน
>>> >> > ความคิดล้านแปดเต็มหัว ยากที่จะเข้าถึง คิดการณ์ล้ำหน้า
>>> >> >โดดเด่นหัวไว
>>> >> >ใส่ใจและชอบให้คำแนะนำ อยากรู้อยากเห็น รู้จักวิธีตะล่อมคุ้ยความลับ
>>> >> >;ชอบคิดอยู่ตลอดเวลา พูดน้อยแต่อัธยาศัยดี กล้าหาญและเอื้อเฟื้อ
>>> >>อดทน หัวรั้น
>>> >> >ใจแข็ง ถือคติตราบใดที่ยังมีความหวัง ตราบนั้นก็ยังมีหนทางเสมอ
>>> >> >มีเป้าหมายในชีวิต ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
>>> >>โกรธยากมากถ้าไม่ถูกยั่วจนถึงขั้นจริงๆ
>>> >> >ชอบอยู่คนเดียว มีแรงจูงใจในตัวเอง โดยไม่สนใจการยอมรับนับถือจาก
>>> >>คนอื่น
>>> >> >มั่นคง เด็ดเดี่ยว รักใครรักจริง เจ้าอารมณ์ โรแมนติก
>>> >> >แต่ไม่ค่อยสนใจสัมพันธ์จริงจังนัก รักบ้าน ทำงานหนัก
>>> >>มีความสามารถสูง ไว้ใจได้
>>> >> >
>>> >> > ธันวาคม
>>> >> > ซื่อสัตย์และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
>>> >> >กระตือรือร้นในการแข่งขันและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
>>> >>แต่ไม่ค่อยมีความอดทน
>>> >> >ทะเยอทะยาน มีอิทธิพลในสังคม รักการเข้าสังคมมาก รักการได้รับการ
>>> >> >ยอมรับการเป็นจุดสนใจ รักการที่มีคนอื่นมารักตัวเอง
>>> >>ซื่อตรงและไว้ใจได้
>>> >> >ไม่เสแสร้ง แต่อารมณ์เสียง่าย เกลียดการถูกบีบบังคับ รักเรื่องตลก
>>> >> >มีอารมณ์ขันและมีเหตุผล
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ทีนี้มาดูวันเกิดกันบ้าง
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > บุคคลหมายเลข 1 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 1,10,19 และ 28
>>> >> > ถูกควบคุมโดยพลังแห่งดวงอาทิตย์
>>> >> >ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าแห่งความสดใส
>>> >> >เป็นความรัก ที่ถูกกระตุ้นให้ร่าเริงอยู่เสมอ กระตือรือร้นที่จะรัก
>>> >>ชอบแสดงออก
>>> >> >เมื่อรักแล้วเต็มไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์ เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
>>> >> >เป็นรักที่เปิดเผย มักจะบอกกล่าวให้คนรอบข้างและสาธารณชนได้รับรู้
>>> >> >ในมุมกลับกันถ้ารักเป็นพิษ หรือไม่สมหวัง
>>> >> >ก็พร้อมที่จะแผดเผาด้วยอารมณ์ที่รุนแรงได้เช่นกัน มุมมองด้านความรัก
>>> >>คือ
>>> >> >ทะเยอทะยาน เร้าใจเหมือนรถแข่งที่พร้อมจะทะยานเข้าสู่เส้นชัย
>>> >>คู่รักที่เหมาะสม
>>> >> >คือ บุคคลหมายเลข 2, 4 และ 7
>>> >> >
>>> >> > บุคคลหมายเลข 2 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 2,11 ,20 หรือ 29
>>> >> > ถูกควบคุมโดยพลังแห่งดวงจันทร์ หรือเทพีแห่งยามค่ำคืน
>>> >> >เป็นความรักที่อ่อนโยน อบอุ่น โรแมนติค ครุ่นคิด ไตร่ตรอง ทบทวน
>>> >>แผ่วเบา
>>> >> >ดำเนินไปอย่างช้า ๆ แต่ต่อเนื่องยาวนาน ในมุมกลับกันมักจะครุ่นคิด
>>> >>จนวิตกกังวล
>>> >> >หึงหวงเกินขอบเขต มุมมองด้านความรัก คือ ลึกซึ้ง อ่อนโยน
>>> >> >เหมือนเรือที่วิ่งเข้าสู่ท่าเทียบเรืออย่างสงบ คู่รักที่เหมาะสม คือ
>>> >> >บุคคลหมายเลข 1,4 และ 7
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > บุคคลหมายเลข 3 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 3, 12, 21 และ 30
>>> >> > ถูกควบคุมโดยพลังของดาวพฤหัสบดี
>>> >> >ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าของการเรียนการสอน รูปแบบแห่งรักจึงมีการชี้นำ
>>> >>การอบรม
>>> >> >เป็นห่วงเป็นใย แบบพ่อแม่ดูแลบุตร พี่ชายดูแลน้องสาว
>>> >>ครูบาอาจารย์ดูแลศิษย์
>>> >> >มีความเอื้ออาทรเป็นสายใย นี่คือแบบฉบับของรักที่เปี่ยมไปด้วยไมตรี
>>> >> >บางคู่ก็อาจเป็นรักที่เกิดจากคนต่างวัย
>>> >> >แต่มีสายใยแห่งความเข้าใจเป็นสิ่งผูกมัด
>>> >> >ในมุมกลับกันก็พร้อมที่จะเป็นรักในรูปแบบที่เย็นชา
>>> >>มุมมองด้านความรัก คือ
>>> >> >การสนทนานำพาสติปัญญาให้งอกงาม คู่รักที่เหมาะสม คือ บุคคลหมายเลข
>>> >>3,6 และ 9
>>> >> >
>>> >> > บุคคลหมายเลข 4 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 4,13, 22 และ 31
>>> >> > ถูกควบคุมพลังแห่งรักโดยดาวมฤตยู หรือดาวยูเรนัส
>>> >> >เทพเจ้าแห่งความคิดอิสระ มีการกระทำในมุมที่ผู้อื่นคาดการณ์ไม่ถึง
>>> >> >ความรักบางครั้งก็ยากแก่การคาดการณ์ อาจเจอปุ๊บรักปั๊บ หรือไม่รัก
>>> >> >ไม่หวงแต่คอยติดตามความคืบหน้าอยู่ตลอดเวลา
>>> >> >เป็นความรักที่เกิดขึ้นได้โดยไม่มีการเตรียมพร้อม แต่พร้อมที่จะรัก
>>> >> >ในมุมกลับกันก็พร้อมที่จะเย็นชา ไร้ความรู้สึก ไร้ความสนใจ
>>> >> >เหมือนทุกอย่างคือความว่างเปล่า มุมมองด้านความรัก คือ
>>> >> >สายลมที่นำพาทุกอย่างมาพร้อมกัน คู่รักที่เหมาะสม คือ บุคคลหมายเลข
>>> >>1,2,7 และ
>>> >> >8
>>> >> >
>>> >> > บุคคลหมายเลข 5 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 5, 14 และ 23
>>> >> > ถูกควบคุมโดยพลังแห่งดาวพุธ ซึ่งถือว่าเป็นดาวดวงเล็ก
>>> >> >แต่มีฤทธิ์ค่อนข้างเกินตัว โดดเด่นทางด้านเดินทาง
>>> >>และมีวาทศิลป์ในการเจรจา
>>> >> >สื่อถึงความรักที่โลดแล่นไปตามจังหวะชีวิต ขึ้นลงตามภาวะเหตุการณ์
>>> >> >และการเจรจาพาที เป็นความรักที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
>>> >> >และสื่อสารถึงกันตลอดเวลา แม้ว่าจะห่างกันคนละมุมโลก
>>> >>ความรักเหมือนปรอท
>>> >> >เจอแล้วมักมีเหตุให้จากกันชั่วครู่ เมื่อทำภารกิจสำคัญสำเร็จแล้ว
>>> >> >ถึงจะได้ย้อนกลับมาเจอกันอีก เรียกว่าจบลงด้วยดีในตอนปลาย
>>> >> >ในมุมกลับกันมักเป็นประเภทรักง่าย หน่ายเร็ว มุมมองด้านความรัก คือ
>>> >> >อกหักดีกว่ารักไม่เป็น คู่รักที่เหมาะสม คือ ค่อนข้างจะหลากหลาย
>>> >> >เพราะสามารถปรับตัวเข้ากันได้กับทุกหมายเลข
>>> >> >
>>> >> > บุคคลหมายเลข 6 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 6,15 และ 24
>>> >> > ถูกควบคุมโดยเทพีวีนัส
>>> >>ซึ่งเปรียบเสมือนเทพีแห่งความรัก
>>> >> >เต็มไปด้วยความรักที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ
>>> >>เป็นรักที่ยั่วยวนชวนให้หลงไหล
>>> >> >เต็มไปด้วยสีสันจินตนาการที่ไร้ขอบเขต
>>> >> >ในมุมกลับกันเป็นความรักที่ถูกครอบงำโดยการหลงไหล
>>> >>ประเภทรักไม่รู้จักกาลเทศะ
>>> >> >ไม่รู้จักเวลา ขอเพียงให้ได้รักหรือถูกรักก็พอใจ มุมมองด้านความรัก
>>> >>คือ
>>> >> >ความรักคือโอสถทิพย์ คู่รักที่เหมาะสม คือ บุคคลหมายเลข 3,6 และ 9
>>> >> >
>>> >> > บุคคลหมายเลข 7 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 7,16 และ 25
>>> >> > ถูกควบคุมโดยดาวพระเกตุ (เนปจูน)
>>> >> >เป็นความรักที่ค่อนข้างอิสระเสรี เป็นตัวของตัวเอง
>>> >> >เป็นรักที่มีจุดยืนชัดเจนว่าฉันเป็นของฉันอย่างนี้
>>> >> >คุณจะเป็นแบบไหนก็คือแบบฉบับของคุณ
>>> >> >ขอเพียงแค่เข้าใจในจุดร่วมก็สามารถรักกันได้
>>> >> >ในมุมกลับกันบางครั้งอิสระมากเกินไป จนดูว่าห่างเหินขาดการติดต่อ
>>> >>ไม่สม่ำเสมอ
>>> >> >มุมมองด้านความรัก คือ ขอบฟ้าที่กว้างไกลคือสายใยแห่งความรัก
>>> >>คู่รักที่เหมาะสม
>>> >> >คือ บุคคลหมายเลข 2 และ 7
>>> >> >
>>> >> > บุคคลหมายเลข 8 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 8,17 และ 26
>>> >> > ถูกควบคุมโดยดาวเสาร์
>>> >>เป็นตัวแทนของเทพเจ้าแห่งความสง่างาม
>>> >> >ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ยามสงบนิ่ง
>>> >>ในด้านของความรักมักจะก่อตัวอย่างเงียบ ๆ
>>> >> >เปรียบเสมือนถ่านร้อนที่คุโชน เป็นรักที่ไม่ค่อยชอบแสดงออก
>>> >> >หรือเปิดเผยในการกระทำมากมาย แต่ก็ก่อตัวอย่างสงบและหนักแน่นมั่นคง
>>> >> >ในมุมกลับกันบางครั้งก็ดูเย็นชาจนขาดความตื่นเต้นเร้าใจ
>>> >>มุมมองด้านความรัก คือ
>>> >> >หนักแน่นและมั่นคงดุจขุนเขา คู่รักที่เหมาะสม คือ บุคคลหมายเลข 4
>>> >> >
>>> >> > บุคคลหมายเลข 9 หรือผู้ที่เกิดวันที่ 9,18 และ 27
>>> >> > ถูกควบคุมโดยดาวอังคาร ในแง่ของความรักแล้วถือว่า
>>> >> >เป็นรักที่ต้องแข่งขันถึงจะเข้าเส้นชัย
>>> >>เป็นคู่รักที่ต้องใช้ความอดทน
>>> >> >จนถึงขั้นทรหดในการประคองความรัก แต่ถ้าถึงที่หมายแล้วล่ะก็
>>> >> >เชื่อได้ว่าจะเป็นอมตะแห่งรักที่มั่นคงและอบอุ่น
>>> >> >ในมุมกลับกันเป็นความรักที่ก้าวร้าว เห็นแก่ตนเองเป็นสำคัญ
>>> >>มุมมองด้านความรัก
>>> >> >คือ การแข่งขันย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จ คู่รักที่เหมาะสม คือ
>>> >>บุคคลหมายเลข 3,6
>>> >> >และ 9 "
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > เอาเวลาเกิด มาเทียบดูอีกทีนะตรงมั๊ยย
>>> >> >
>>> >> > ท า ย นิ สั ย จ า ก เ ว ล า เ กิ ด
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลาตี 5 ถึง 7 โมงเช้า
>>> >> > ช่วงเวลานี้เป็นเวลากระต่าย
>>> >> >จะทำให้คุณเป็นคนรักสวยรักงาม ทำอะไรละเอียดอ่อน สะอาดสะอ้าน
>>> >>ชอบแต่งตัวให้
>>> >> > ดูดีเสมอ
>>> >>บุคลิกของคุณจะค่อนข้างสุภาพดูอ่อนโยน
>>> >> >พูดจาหวานและนอบน้อมถ่อมตัว มี มารยาทเป็นเลิศ ดูแล้วผู้ดี
>>> >> > ผู้ดี สงบเงียบเรียบร้อยเป็นผู้ใหญ่
>>> >> >ด้านนิสัยใจคอแม้จะดูเงียบนุ่มปานนั้น ลึก ๆ
>>> >>มั่นใจและทะเยอทะยานไม่น้อย
>>> >> > เป็นคนเข้มแข็งข้างใน
>>> >>รู้จักระมัดระวังรอบคอบ
>>> >> >เป็นนักการทูต จิตวิทยา สูง มีความเข้าอกเข้าใจคนอื่นดี ใจกว้าง
>>> >> > โกรธง่ายหายไว จิตใจดี ใจอ่อน ชอบทำบุญ
>>> >>ชอบช่วยเหลือ
>>> >> >รสนิยมดี
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลา 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า
>>> >> > เวลานี้เป็นเวลามังกร
>>> >> >บุคลิกของคุณจะดูหยิ่งทะนงมาก
>>> >> >ท่าทางสง่าผ่าเผย ดูหัวสูง ติดหรู ความ ทะเยอทะยานจะ
>>> >> > เห็นได้ชัด คุณดูน่าเกรงใจ เข้าถึงยาก
>>> >> >มีความเป็นผู้นำสูง นิสัยของคุณจริง ๆ แล้วเป็น
>>> >>คนใจกว้างและเด็ดเดี่ยว
>>> >> > รักศักดิ์ศรี โมโหร้าย บุ่มบ่าม มุทะลุ
>>> >> >ทำอะไรต้องตรงไปตรงมา ไม่ชอบเรื่อง เล่ห์เหลี่ยม
>>> >>ในด้านดีอยู่ที่เป็นหลัก
>>> >> > พึ่งพิงได้ รับผิดชอบสูงและขี้สงสาร
>>> >> >เป็นคนที่มีประสิทธิภาพสูงทีเดียวนะอนาคตของคุณค่อนข้างแจ่มแจ๋วด้วย
>>> >> > ความมุ่งมั่นบากบั่นของคุณนั่นแหล่ะ
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลา 9 โมงเช้าถึง 11 โมงเช้า
>>> >> >
>>> >> > คนที่เกิดสาย ๆ เวลานี้ซึ่งเป็นเวลางู
>>> >> >โดยมากจะหน้าตาดี แต่งตัวดีเสมอ ด้วยของหรูหราราคาแพงหรือ
>>> >> > มียี่ห้อ
>>> >> >ภาพพจน์ของคุณต้องมาก่อนเสมอบุคลิกของคุณดูเงียบขรึม
>>> >>เรียบร้อยสุภาพนุ่มนวล
>>> >> >มายาทดี พูดจา
>>> >> > หวานหูชื่นใจ นิสัยข้างในค่อนข้างฉลาด
>>> >> >เก็บความรู้สึกและความต้องการได้นิ่งลึกมาก คุณรักการแข่งขัน
>>> >> > ชิงดีชิงเด่น มีความทะเยอทะยานสูง
>>> >>ชอบทำตัวเด่น
>>> >> >อยากมีชื่อเสียง เป็นนักวางแผนผู้ชาญฉลาดใจแข็งไ ม่
>>> >> > หวั่นไหวอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ
>>> >> >ถ้าจะล้วงความลับจากตัวคุณคงไม่ง่ายนักหรอก
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลา 11 โมงเช้าถึงบ่ายโมง
>>> >> >
>>> >> > เวลาเกิดช่วงนี้เป็นเวลาม้า
>>> >> >ทำให้คุณมีบุคลิกของนักกีฬา แข็งแรงอดทน ร่าเริงคึกคัก ชอบสนุกสนาน
>>> >> > เรื่องตลกโปกฮาล่ะชอบนัก
>>> >> >ความที่รักอิสระเสรีกับการเป็นนักผจญภัย ถือเป็นจุดเด่นในตัวคุณ
>>> >>มีความเป็น
>>> >> > ตัวของตัวเอง ชอบแหกกฎ
>>> >>นิสัยของคุณเป็นคนใจกว้าง
>>> >> >กระตือรือร้นมากแต่รอบคอบไม่เป็น ใจร้อน ชอบ
>>> >> > ทำก่อนคิด กล้าลุยไปข้างหน้า
>>> >>จิตใจเข้มแข็ง
>>> >> >มานะบากบั่น มีความจริงใจสูง รักเพื่อนและครอบครัว
>>> >> > เวลามีทิฐิจะเป็นคนหัวแข็ง ดื้อรั้นสุด ๆ
>>> >> >เวลาน่ารักจะมีชีวิตชีวาน่าตื่นเต้น เจอมรสุมก็ยังลุกขึ้นสู้ได้
>>> >>ยิ้ม
>>> >> > ได้ทั้งน้ำตาเลยนะคุณน่ะ
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลาบ่ายโมงถึงบ่าย 3 โมง
>>> >> >
>>> >> > คุณที่เกิดเวลานี้เป็นเวลาแพะ
>>> >> >จะเป็นคนใจดีอ่อนโยนจนถึงขั้นขลาดเขิน บุคลิกท่าทางของคุณจะสุภาพ
>>> >> > อ่อนโยน นุ่มนวลมีมารยาท ดูสุขุมใจเย็น
>>> >> >ไม่มีพิษไม่มีภัย ขี้อายแต่มีความคิดสร้างสรรค์ ช่างฝัน มีไอเดี
>>> >>ยมัน ๆ
>>> >> > กับเรื่องตลกจี้เส้น
>>> >>ที่ทำให้หัวเราน้ำหูน้ำตาไหล
>>> >> >บางเวลาดูเศร้าซึมเพราะชอบคิดมากเกินเหตุ จิตใจดี
>>> >> > ทำร้ายใครไม่เป็น ถ้าถูกรังแกจะสู้ยิบตา
>>> >> >มีความมั่นใจซ่อนไว้ใต้ท่าทางอ่อนโลกติ่ม ๆ คุณเป็นคน
>>> >> > ซื่อตรงรักสงบ เกลียดความรุนแรง อะไร ๆ
>>> >>ก็ดีหมด
>>> >> >ยกเว้นเรื่องดื้อรั้นของคุณ ครองแชมป์ตลอดกาล เลย
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลาบ่าย 3 โมงถึง 5 โมงเย็น
>>> >> >
>>> >> > คุณที่เกิดเวลาบ่าย ๆซึ่งเป็นเวลาของลิง
>>> >> >จะมีอิทธิพลทำให้คุณค่อนข้างแอ็กทีฟไม่อยู่เฉย บุคลิกของคุณดู
>>> >> > เปิดเผย
>>> >>ใจร้อนและซุ่มซ่ามนิสัยของคุณเหมือนเด็ก ๆ
>>> >> >ชอบเล่นพิสดาร คุณเป็นคนฉลาดหัวไว มีไหวพริบ
>>> >> > กล้าพูดกล้าทำ ตรงไปตรงมา
>>> >> >เป็นนักวางแผนและรู้จักเอาตัวรอด มีเล่ห์กลแต่ไม่ทำร้ายใครลับหลัง
>>> >>มี
>>> >> > ความสามารถรอบตัว
>>> >>ปรับตัวเข้ากับคนได้ทุกระดับ
>>> >> >ทุ่มเทกับการงานมาก งานดีเชื่อมือได้ เสน่ห์ในตัวอยู่
>>> >> > ที่ความขี้เล่นมีชีวิตชีวาเฮฮา
>>> >> >แม้ท่าทางจะดูคล้ายกะล่อนเล็ก ๆ แต่ก็หนักแน่นจริงใจมากนะ
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลา 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม
>>> >> >
>>> >> > ช่วงหัวค่ำเป็นเวลาไก่
>>> >> >ส่งผลให้คุณเป็นคนเข้มแข็ง
>>> >> >หยิ่งยโส หัวรุนแรง ขวางโลก และหัวโบราณ คุณ
>>> >> > เป็นคนที่ชอบ แต่งตัวใช้แต่ของดีมีราคา
>>> >> >บุคลิกขี้อวดไม่ใช่เล่น ว่าฉันเนี่ยรสนิยมดีนะ ในส่วนลึกของจิตใจ
>>> >> > คุณเป็นนักอนุรักษ์นิยม เจ้าระเบียบ
>>> >>จู้จี้
>>> >> >ขี้บ่นเก่ง หงุดหงิดง่ายดาย ไม่ยอมเสียเงินแบบไร้ค่า ยกเว้น
>>> >> > เรื่องภาพพจน์ล่ะก็โอ.เค.
>>> >>คุณมีหัวในการบริหารควบคุม
>>> >> >มีความเด็ดขาดละเอียดถี่ถ้วน ต่อสู้กับอุปสรรค
>>> >> > ไม่มีถอย ยามอารมณ์ดีจะเป็นคนสนุก
>>> >>ชอบล้อเล่น
>>> >> >ใจกว้าง มีน้ำใจนักกีฬา ไม่ชอบการใช้อำนาจ เกลียด
>>> >> > คนอวดเบ่งที่สุด
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลา 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม
>>> >> >
>>> >> > คุณทีเกิดช่วงเวลานี้เป็นเวลาของหมา
>>> >> >ทำให้คุณเป็นคนรักคุณธรรม ความถูกต้องซื้อสัตย์จริงใจมาก จนถึง
>>> >> > ขั้นยึดมั่น ถือมั่นทีเดียว
>>> >>ยืดหยุ่นไม่ค่อยเป็น
>>> >> >คิดและทำอะไรก็ตามตรง ทื่อไปหมด ไม่กล้าแหกกฎระบบ
>>> >> > ระเบียบจนเกินไป ชีวิตถึงไม่ค่อย
>>> >>มีอะไรแปลกใหม่
>>> >> >บางครั้งจึงดูน่าเบื่อและแสนเซ็ง มีความขยัน ฉลาด
>>> >> > แต่พลิกแพลงไม่เป็น เอาตัวไม่ค่อยรอด
>>> >> >คุณเกิดมาเป็นนักปกป้องคุ้มครองคนอื่นมองโลกแบบตรงไปตรงมา
>>> >> > ไม่เพ้อฝัน ขาดอารมณ์โรมานซ์
>>> >> >แต่ก็เป็นคนตลกจี้เส้นเพราะมองโลกในแง่ดี เรื่องเสียสละเพื่อคนอื่น
>>> >>คุณ
>>> >> > เป็นเจ้าชาย-เจ้าหญิงในเรื่องนี้เลยล่ะ
>>> >> >ซื่อไปนิดเซ็งไปหน่อยแต่จริงใจไม่มีใครเทียบได้เลย
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลา 3 ทุ่มถึง 5 ทุ่ม
>>> >> >
>>> >> > คุณที่เกิดเวลาหมู
>>> >> >อันเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน
>>> >> >ทำให้คุณขี้เกียจนิด ๆ เฉื่อยหน่อย ๆ คุณรักความ เรียบง่าย
>>> >> > ไม่มากเรื่อง สุภาพอ่อนโยน ใจดี และอบอุ่น
>>> >> >บุคลิกออกจะนุ่ม ๆ คุณมีจิตใจดี จริงใจ มีอารมณ์ สุนทรีย์ รักดนตรี
>>> >> > ศิลปะสวยงาม มีความโรมานซ์ในหัวใจ
>>> >>แม้จะพูดน้อย
>>> >> >แต่เอาอกเอาใจเป็นเลิศ คุณ ชอบแต่งตัวแบบผู้ดี๊ผู้ดี
>>> >> > รสนิยมดี ชอบทำอาหารและชอบกินด้วย
>>> >> >รูปร่างจึงออกจะแข็งแรงและสมบูรณ์ คุณ เป็นคนใจกว้างและชอบ
>>> >> > ให้อภัย หากถูกทำร้ายจะกลายเป็นหมูป่า
>>> >>สู้ถวายชีวิต
>>> >> >ความคิด และการกระทำ จะเป็นแบบค่อยๆเป็นค่อย ๆ ไป
>>> >> >
>>> >>รอบคอบใจเย็นจนกว่าจะมั่นใจนั่นแหล่ะถึงจะลุย
>>> >> >ไม่ว่าคุณจะหญิงหรือ ชาย คุณจะเป็นแม่บ้านพ่อเรือน
>>> >> > และรักครอบครัวมาก
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลา 5 ทุ่มถึงตี 1
>>> >> >
>>> >> > เป็นเวลาของหนู
>>> >> >คุณที่เกิดเวลานี้จะมีบุคลิกกระตือรือร้น ร่าเริงปราดเปรียวสดใส
>>> >> >แต่มีความระแวด
>>> >> > ระวัง ฉลาดหัวไวไหวพริบดี
>>> >> >ตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์เหลี่ยม บุคลิกท่าทางดูขรึม พูดน้อย เฉยชาแต่มี
>>> >> > มารยาท รักเพื่อน มีความสุขในหมู่เพื่อน
>>> >> >ๆชอบช่วยเหลือและมีน้ำใจ จุดเด่นคือความขยัน และสะสมเก่ง
>>> >> > คุณมักมีเงินสำรองช่อนไว้ไม่มีใครรู้หรอก
>>> >> >ชอบวางแผนการเงิน ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย เป็นคนมีระเบียบ
>>> >> > บากบั่นมุ่งมั่นสูง ปรับตัวเก่ง
>>> >>มีความรักแบบผู้ให้
>>> >> >รักบ้านรักครอบครัว
>>> >> > แต่ก็รักอิสระ ไม่อยากถูกผูกมัด
>>> >> >กว่าจะลงเอยกับใครสักคน คิดนาน คิดลึก จนผมหงอกเลยเชียวล่ะ
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลาตี 1 ถึงตี 3
>>> >> >
>>> >> > เวลานี้เป็นเวลาของวัว
>>> >> >ทำให้คุณทำอะไรช้ากว่าชาวบ้าน
>>> >> >บุคลิกท่าทางแข็งแรงบึกบึน และอึดเป็นบ้าเลย
>>> >> > เป็นคนเฉื่อยแบบใจเย็น ๆ
>>> >> >โกรธยากแต่โกรธทีเหมือนระเบิดลง ข้อดีอยู่ที่มีความบากบั่นมีระเบียบ
>>> >>ขยัน
>>> >> > อดทนหนักแน่น อยู่ในจำพวกสมบูรณ์แบบนิยม
>>> >> >ทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่รู้จักปรับตัว ไม่มีเล่ห์เพทุบายกับ
>>> >> > ใครเค้าหรอก คุณน่ะทื่อตรง
>>> >>จนไม่ค่อยทันใคร
>>> >> >ขาดอารมณ์ขัน ตลกก็ตลกแบบฝืดๆ โดยปกติเป็นคนอดทน
>>> >> > มาก ไม่ชอบความรุนแรง การทะเลาะวิวาท
>>> >> >เลี่ยงได้จะเลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้คุณจะเปลี่ยนร่างเป็นวัวกร
>>> >>ะทิงขวิด
>>> >> > สุดฤทธิ์ทีเดียว
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> > ผู้ที่เกิดเวลาตี 3 ถึงตี 5
>>> >> >
>>> >> > คุณที่เกิดเวลานี้จะเป็นคนดวงแข็ง
>>> >> >เพราะนี่เป็นเวลาเสือ ส่งผลให้คุณหุนหันพลันแล่น ก้าวร้าวเข้มแข็ง
>>> >> > และดูมีอำนาจ
>>> >>คุณมีจิตใจที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว
>>> >> >มั่นใจในตัวเองสูง แต่ขาดความรอบคอบ เพราะอารมณ์อยู่
>>> >> > เหนือหัวใจ แต่ก็เป็นคนใจดี ชอบ เสียสละ
>>> >> >ใจกว้างไม่จุกจิกกับเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ มีความรับผิดชอบ ชอบฉาย
>>> >> > เดี่ยวไม่อยู่ติดที่
>>> >>คุณมักจะมองโลกในแง่ดี
>>> >> >มีอารมณ์ขัน ขี้โม้โอ้อวด หลงใหลเรื่องรักใคร่โรแมน
>>> >> > ติก ชอบเผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปชั่ววูบ
>>> >> >มีความเซ็กซี่เป็นเสน่ห์ส่วนตัวที่น่าดึงดูดใจ
>>> >>ข้อเสียมีแค่ไม่รู้จัก
>>> >> > ยอมออมชอมบ้างขาวเป็นขาว ดำเป็นดำ
>>> >> >จะหาสีเทาจากคุณน่ะยากเหลือเกิน
>>> >> >
>>> >> >
>>> >> >
>>>
>>>
>>>
>>>*********************************************** ********************************
28 พฤศจิกายน 2548 06:23 น.
แสงไร้เงา
วิธีแก้อาการปวดตา
การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ นอกจากจะทำให้ดวงตาปวดและล้าแล้ว รังสีจากจอยังสร้างความระคายเคืองและทำให้ดวงตาแห้งอีกด้วย เกร็ดความรู้วันนี้ มีวิธีผ่อนคลายสายตาแบบง่าย ๆ มาฝาก เริ่มจาก
การหยอดตาด้วยน้ำตาเทียม เพราะน้ำตาจะทำให้ตาที่แห้ง ๆ และระคายเคือง รู้สึกดีขึ้น ส่วนอาการอ่อนล้าของสายตา ขอแนะนำให้ หลับตาสักครู่ หรือ ละสายตาจากหน้าจอสักพัก เพื่อมองออกไปไกล ๆ ดูต้นไม้ใบเขียว แค่นี้ก็ช่วยผ่อนคลายได้แล้ว
ส่วนวิธีป้องกัน ทำได้โดยการ หาแผ่นกรองรังสีมาติดหน้าจอคอมพิวเตอร์ และควรเลื่อนเก้าอี้ให้ห่างจากหน้าจออย่างน้อย 60 ซม. เพื่อรักษาระยะห่างของสายตากับหน้าจอ
นอกจากนี้ ควรกะพริบตาให้บ่อยขึ้นหรือทุก ๆ 20 นาที พร้อมกับดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยได้
ข้อมูลจาก
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์