21 สิงหาคม 2552 08:23 น.
แสงเพชร
ทุ่งนานี้ที่ได้ไถหว่านดำ
ข้าต้องทำกรำฝนทนสู้ฝัน
แม้จะร้อนจะหนาวเหนื่อยช่างมัน
ข้าบากบั่นฟันเทือกเมื่อปีกลาย
พอเก็บเกี่ยวกอบข้าวเข้ายุ้งฉาง
แบ่งขายสร้างซื้อทองมองเฉิดฉาย
ผ้าถุงใหม่ให้รับกับเสื้อลาย
เพื่อเจ้าสุขสบายทั้งกายใจ
แต่ฝนนี้ที่นาข้าแสนเศร้า
รอยไถเก่าเจ้าลบกลบไปไหน
สองมือข้าเคยทำกรำเท่าไร
ต้องตรมใจไร้เจ้าเฝ้าคลอเคียง
เหลือเพียงซากคันไถให้ปวดร้าว
มองฟางข้าวเจ้าควายกรายใกล้เถียง
กำลังใจไม่เหลือเมื่อเจ้าเอียง
เพราะเรียมเคียงข้างไปให้หนุ่มอิง
มองรอยไถใจข้าพาสลาย
หมดความหมายควายเฒ่าเศร้าสุงสิง
สุดทางแก้แพ้หนุ่มเมืองกรุงจริง
เรียมคงทิ้งทุ่งนานี้อีกนาน
ทุ่งนานี้ที่ร้างว่างเหงาหงอย
คงเหลือรอยไถเก่าก่อสุสาน
จะถางไถถากทำช้ำประมาณ
สุดจะทานทนได้ใจเรียมแปร
เรียมเอ๋ยเถียงน้อยยังคอยแก
บันทึก ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๒
19 สิงหาคม 2552 17:26 น.
แสงเพชร
อยู่เถียงน้อยคอยนางมาสร้างฝัน
ทุกวี่วันหั่นผักผัดอาหาร
มีเจ้าทุยลุยหญ้าพาปาดตาล
เคี่ยวน้ำหวานไว้รอคอยบางใคร
ข้างผืนนาป่าไผ่ใบโรยร่วง
มีคู่ควงเคียงข้างคงสดใส
ดักปลาน้อยคอยปิ้งและผิงไฟ
มอบอุ่นไอให้แฟนแดนบ้านนา
มีดนตรีธรรมชาติเชียร์ลั่นทุ่ง
ขับกล่อมฟุ้งเฟื่องฝันอย่างหรรษา
เสียงกบเขียดเรไรไก่นกกา
ดูเริงร่าท้าทายอยู่ปลายคลอง
หากมีใครเคียงข้างมาสร้างฝัน
คงสุขสันต์หรรษาพาเราสอง
เดินเก็บผักเก็บไม้ได้ประคอง
ตามท้องร่องส่องปลามากินกัน
แต่ยามนี้อัตคัดคนเคียงข้าง
ได้แต่สร้างบ้านคอยคนร่วมฝัน
ยอมตากแดดหน้าดำตัวเป็นมัน
อีกขยันหมั่นเพียรอ่านตำรา
ตัวหนังสือสื่อให้ใจซื่อตรง
สุดมั่นคงจงรักแลห่วงหา
คอยห่วงใยในกันทุกเวลา
รู้คุณค่ารักษาน้ำใจนาง
บันทึก ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๒
18 สิงหาคม 2552 14:33 น.
แสงเพชร
ระเริงรื่นชื่นฝันอันธิกา
ดวงจันทราทาบทอสีสดใส
พราวผกายพรายแสงแสนวิไล
ปกคลุมไว้ให้พื้นปฐพี
หรีดเรไรร้องข่มระงมทุ่ง
ช่างจรุงฟุ้งไปทั่วไพรศรี
ขับบรรเลงเพลงกล่อมมวลมาลี
มธุลีห์สีสันนั้นสวยงาม
ท่ามคืนหนาวดาวเด่นช่างเย็นกาย
มองสุดสายปลายฝันอันวามหวาม
ด้วยคิดถึงหนึ่งนุชสุดสวยงาม
คอยติดตามถามไถ่เพราะห่วงใย
อยากทอดข้ามสะพานความห่วงหา
สู่ฟากฟ้าหาถิ่นเธออาศัย
บอกรักยิ่งสิ่งซึ่งตรึงหัวใจ
ก่อนหลับใหลได้หอมกล่อมนางนอน
บันทึก ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๒
16 สิงหาคม 2552 20:39 น.
แสงเพชร
ขับดนตรีคีตกานต์ผ่านม่านฟ้า
กลั่นออกมาจากใจให้เสียงหวาน
เพียงจะกล่อมจอมขวัญเจ้าดวงมาน
สู่วิกาลก่อนหลับรับฝันดี
บรรเลงเพลงเพราะจิตนั้นคิดถึง
สุดรำพึงจึงร่ายส่ายดีดสี
ขยับร้องก้องรัวทั่วธานี
ให้ราตรีนี้เจ้าเข้าหลับนอน
ดนตรีโปรดโลดแล่นแทนห่วงหา
พรรณนาว่าจินต์จิตประภัสสร
อยู่เคียงข้างสร้างฝันให้งามงอน
ดังออดอ้อนอุ่นรักเริงฤทัย
บรรเลงเพลงเพราะพริ้งพลิ้วแผ่วแผ่ว
กระซิบแว่วแก้วตาพาหลับใหล
ใส่ทำนองร้องร่ำคำห่วงใย
จริงจากใจให้เธอเพียงผู้เดียว
บันทึก ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๒
จากใจจริงสิ่งเรียงร้อย
13 สิงหาคม 2552 23:53 น.
แสงเพชร
บรรเลงเพลงพิณเดี่ยวด้วยปลายนิ้ว
เส้นสายพลิ้วแผ่วแผ่วให้แว่วถึง
ฝากคนไกลไปถึงด้วยคำนึง
เสียง ติ๊ด ตึง พึงบอก ออกจากใจ
เสนาะโสตโปรดฟังดังเป็นเสียง
ด้วยสำเนียงเนื้อร้องก้องสดใส
ท่วงทำนองนั้นเป็นเช่นห่วงใย
กังวานไกลใจจริงสิ่งให้มา
ดรรชนีกรีดกรายส่ายบรรเลง
ส่งเป็นเพลงประสานการห่วงหา
บรรจงใส่ความรักและศรัทธา
ดั่งเข้าถึงวิญญาความภักดี
เส้นสายพิณดิ้นดีดดีเสมอ
สุดจะเพ้อรำพันฝันสุขี
บรรเลงมอบปลอบใจในราตรี
ให้ฤดีนี้รับหลับสบาย
บันทึก ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๒
ด้วยรักจากใจ