29 ธันวาคม 2544 20:38 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
กาลครั้งหนึ่งกลางดงพงพฤกษา วันที่แดดเจิดจ้าวันฟ้าสวย
กระต่ายหนุ่มกลับสลดระทดระทวย มองสายน้ำในห้วยเหมือนป่วยใจ
ฉับพลัน.. พบเจ้าเต่าขาสั้นผ่านมาใกล้ จึงตะโกนก้องฟ้าท้าชิงชัย
เฮ้ย ! มาแข่งกันใหม่สู้ไหมวะ ?
สมัยก่อนตอนปู่ของสูเจ้า เคยทำเอาปู่ข้าต้องผงะ
ขาทั้งสี่สั้น ๆ ดันชนะ เพียงขณะเพราะประมาทปู่พลาดไป
จากวันนั้นถึงวันนี้ข้าชีช้ำ เกียรติกระต่ายตกต่ำเหนือจรดใต้
ต่างรู้ข่าวปู่ข้าพ่ายปราชัย จะสู้หน้าใครได้ในแผ่นดิน
เพราะฉะนั้นวันนี้จึงดีนัก สองเราจักขันแข่งจนแรงสิ้น
พิสูจน์แก่สากลให้ยลยิน ใครคือหนึ่งในธานินทร์ในถิ่นนี้
เจ้าเต่าน้อยค่อย ๆ มองจ้องกระต่าย เสร็จแล้วส่ายศีรษะอย่าเลยพี่
ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอยกี่ร้อยที จึงจะมีสำนึกและตรึกตรอง
เพราะมีการขันแข่งแบ่งเป็นฝ่าย จึงมีผู้แพ้พ่ายหนึ่งในสอง
อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งชนะก็คะนอง ชนทั้งผองเอือมหน้าระอาใจ
หากโลกไม่แยกแบ่งไม่แข่งขัน แพ้ - ชนะที่ไหนมันจะมีได้
ชนะ แพ้ที่แท้แล้วมีอะไร มัวโรมรันกันยกใหญ่ให้ป่วยการ
เราต่างเป็นส่วนหนึ่งในโลกนี้ และต่างมีดีเด่นคนละด้าน
พี่ต่ายวิ่งเร็วไวใครจะปาน ส่วนฉันคลานช้า ๆ คนละชั้น
แต่พอถึงบึงน้ำฉันดำว่าย พี่กระต่ายดูท่าคงขาสั่น
ธรรมชาติสรรค์สร้างเราต่างกัน ไม่มีวันชนะ - แพ้อย่างแท้จริง
เจ้าเต่าจบคารมยืนอมยิ้ม กระต่ายพริ้มตาปิดสนิทนิ่ง
ลมสงัดใบไม้ไม่ไหวติง กระต่ายพิงต้นไทรใช้ความคิด
ดวงตะวันวาดแววตรงแนวหัว กระต่ายเริ่มรู้ตัวสำนึกผิด
แท้สัตว์โลกทั่วถ้วนคือมวลมิตร ควรใกล้ชิดกระชับมั่นสัมพันธ์ใจ
กระต่ายเด็ดดอกไม้ส่งให้เต่า แต่นี้เราเริ่มต้นบนทางใหม่
มัวประชันขันแข่งแก่งแย่งใด เกียรติยศหรือยิ่งใหญ่กว่าไมตรี...
.....เพื่อนผมส่งมาให้อ่านน่ะครับ ชื่อ เกด คุณโจ้ คงรู้จักดี เห็นว่ามีความหมายดีเลย นำมาให้อ่านครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา และ แรงบันดานใจ เลยไม่ได้นำกลอนมาให้อ่าน คงต้องขอเวลา ซักพักน่ะครับ คิดถึง และ ศรัทธา เพื่อน ๆ ทุกคน...
.แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า....
2 ธันวาคม 2544 12:43 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
.....เพลงอะไร ของใคร อึม... เอาเพลงไทย น่ะครับ ที่เพื่อนคิดว่าฟังแล้วโรแมนติดที่สุด หรือสามารถฟังได้บ่อย ๆ ไม่มีเบื่อ.....
.....แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า.....