23 มิถุนายน 2545 12:31 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
ศพของเธอระหว่างวันที่ผ่านมา ( บทกวี )
หนึ่ง
อาจหนึ่งในไอหมอกระคายผิว
ฤๅอาจเพียงรอยริ้วจากลมผ่าน
ฝากฝันซึมซาบร่ายตำนาน
เวลากาลหมุนเวียนจึงหวนคืน
ดอกไม้งามช้ำในไอหมอกหนาว
รวดร้าวบาดแผลสุดขมขืน
ไร้ซึ่งเรียวแรงจะหยัดยืน
จึงพึ่งพื้นผืนดินกลบร่างตน
ในดวงใจเจ้าเคยมั่นศรัทธามั่น
เพื่อปูทางสร้างฝันมาเสพสม
แต่ยิ่งรอกลับยิ่งคว้างคว้าเพียงลม
สิ่งที่ชมคงเหลือหยาดน้ำตาลา
สอง
การจากลาหากจากด้วยใจภักดิ์
เพื่อรอวันพิสูจนืศักดิ์ , ปรารถนา
ความรักเสรีในวิญญา
ให้โลกรับรู้ค่า - ค่าแห่งตัว
แต่หากจากอย่างเจ้าอาจเปล่าค่า
เพราะเวลาอาจกระชากความคิดฝัน
จะเหลือชนมวลใดในปัจจุบัน
จะสืบทางสานมั่น - เขาอาจลืม
สาม
วันนี้ฉันเดินทางผ่านซอกตึก
ซากดอกไม้ฝังลึกดูโฉดหื่น
มือใครหนอกระทำเจ้ากล่ำกลืน
และเท้าใครไหนกระทืบ - ใครบีฑา
ศพดอกไม้โหยเสียงมาดังแว่ว
ว่าสิ้นแล้วผู้ทน - คนแสวงหา
ดอกไม้ใหม่เจ้าหลงในหมอกมายา
ภาพลวงตาทุนนิยมห่มปัจจุบัน
จึงรู้ตนว่าเพียงดอกประดับโลก
ประดับเพื่อรับโศกบนทางฝัน
ประดับเพื่อถูกลืมวันผ่านวัน
และเพื่อรับคืนวันถูกทิ้งตาย
สี่
ในสุดท้าย - ท้ายสุดฉันจึงพบ
ดอกไม้งามกลายเป็นศพได้ลับหาย
คงเหลือแต่อดีตงามอันเปล่าดาย
และภาพมัวสุดท้ายใต้อนุเสาวรีฯ
21 มิถุนายน 2545 18:26 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
เม็ดทรายข้างกายเธอ ( บทกวี )
ฉันเป็นเพียงกรวดทรายที่ไร้ค่า
แต่มากด้วยราคาค่าแห่งฝัน
อาจแอบรักนวลนางในบางวัน
และอาจอิงอุ่นจันทร์ในบางคราว
บางเวลาต้องรองรับความเจ็บช้ำ
จากเพลิงแดดแผดก่ำกายร้อนผ่าว
และบางครั้งเนื้อตัวต้องปวดร้าว
จากความกร้าวสองเท้า,ของตัวเธอ
ในบางครั้งร่ำไห้ให้เกลียวคลื่น
ที่หลงลืมตัวฉันอย่างพลั้งเผลอ
และบ่อยครั้งรำพันฝันละเมิอ
เพียงพบเจอซากดอกไม้ริมหาดทราย
วันนี้ฉันถูกคลื่นซัดพักริมฝั่ง
เห็นตาเธอแล้งหวังขวัญห่างหาย
ดูโศกเศร้าร้าวลึกช่างเปล่าดาย
หยาดน้ำตาวาดสาย - ฉันอาลัย
จึงเอื้อนเอ่ยถ้อยคำฉ่ำไอรัก
เธอร้าวนักขอหยุดพักลงข้างฉัน
พันแสงดาวจะพรอดพร่ำคำจำนรรจ์
นวลแสงจันทร์ปรอบขวัญล้างโศกตรม
เวลานี้ผืนน้ำเรียบเงียบสงบ
อยากให้ใจเธอจบอารมณ์ขม
ลืมเสียนะรักใดใจระทม
คิดว่าเพียงหนึ่งลม - ลมรักลวง
ฉันเป็นเพียงกรวดทรายที่ไร้ค่า
ต่ำกว่าตาเกินใจใครจะหวง
แต่มากรักที่พร้อมให้ใจทุกดวง
โดยไม่คิดร้องทวงดวงใจคืน
อยากให้เธอมองใจกรวดทรายบ้าง
ที่อ้างว้างทอดร่างเป็นแผ่นผืน
ใจกรวดทรายในทุกวันต้องกล่ำกลืน
เฝ้ารอเพียงเกลียวคลื่นคืนกลับมา
บางวาวแสงจากตัวฉันที่เธอเห็น
มันอาจเป็นพรายน้ำตาที่มองหา-
ผู้รู้ค่าเม็ดทรายเพียงหนึ่งตา
ก็เกินใจไขว้คว้าฝันใดใด
เพราะเหตุนี้เธอมีค่ากว่าฉันมาก
เพียงหนึ่งหยาดน้ำตาพร่าพราวใส
ถ้าจะหลั่งขอให้หลั่งจากจิตใจ
และเพื่อมอบให้ใครรักเธอจริงฯ
21 มิถุนายน 2545 18:22 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
ถึงเธอ...ความเป็นจริงของนักฝัน ( บทกวี )
หนึ่ง
ปรารถนาเห็นความงามในยามดึก
อาจร้าวลึกยามดาวล่วงเวหา
ปรารถนาเห็นเก็จแก้วแพรวธารา
อาจเป็นเพียงเกล็ดปลาที่หลุดลอย
ปรารถนาในฝันมิสิ้นสุด
อาจถึงจุดที่ฝันนั้นสุดสอย
ปรารถนาในรักที่เฝ้าคอย
อาจเหลือรอยร้าวรานจากการลา
ปรารถนาหาศรัทธาในทุกสิ่ง
แต่ความจริงศรัทธาไร้ที่หา
ปรารถนาสังคมสวยโสภา
แต่คนดีอ่อนล้าเกินก้าวไป
ปรารถนาเห็นงานที่เธอสร้าง
จากคืนวันอ้างว้างสิ้นแสงไข
มีผู้คนยล - ยินทุกถิ่นไกล
ความจริงไซร้เพียงใบไม้ที่ลับลา
เธอจงรู้แล้วระลึกไว้ทุกก้าว
บนทางที่ทอดยาว - เธอมุ่งหา
ภาพที่เห็นย่อมเหลื่อมด้วยมายา
อาจลวงตาพาใจหลงนิรันดร์
สอง
ปรารถนา ,ใช่ ฉันรู้เธอปรารถนา
ทุกสิ่งที่แสวงหาบนทางฝัน
มีชัย , ใช่ ฉันรู้เธอหวังมัน
แต่อย่าหลงยึดมั่นกลืนความจริง
จงระลึกว่าชีวิตของมุนษย์
จุดสูงสุดใช่ครองในทุกสิ่ง
คนฤๅก็คือหนึ่งธุลีดิน
พอร่างม้วยจบสิ้นเพียงฝุ่นควัญฯ
8 มิถุนายน 2545 20:50 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
เพลงโศกในนคร
1.
ระลึกรับประทับรอยถ้อยสดับ
เสียงเพลงขับกังวาลงามในยามสาย
หยาดน้ำค้างแต้มหญ้าดูพริ้งพราย
ทุกสิ่งคล้ายบอกความงามตามที่เป็น
หนึ่งร่างน้อยหญิงสาวจูงหญิงแก่
ที่ร่างแย่แถมตามองไม่เห็น
เดินขายเสียงเพียงหนีความลำเค็ญ
ทุกเส้นเอ็นยามย่างปวดเปร่าใจ
เป็นสองร่างสองวัยแต่ใจหนึ่ง
และเป็นซึ่งดวงใจแล้งแล้วหวัง
ทุกก้าวย่างบาทวิถีทุกคืนวัน
ระลึกมั่นถึงวันต้องห่างไกล
คงเหลือเพียงสิ่งเดี่ยวผูกทั้งสอง
คือสัมพันธ์ปรองดองมิเคยผัน
หนึ่งอาทรยามต้องจากไปนิรันดร์
อีกหนึ่งนั้นรักมั่นมิห่างกาย
เป็นเพียงใยสายสัมพันธ์อันบ่มเพาะ
จากความเปราะของชีวิตไร้จุดหมาย
จากหนทางอนาคตอันเปล่าดาย
และจากปลายทางฝันอันมืดมน
ทุกเพลงพลิ้วริ้วผ่านออกจากปาก
ตนหวังฝากหนึ่งชีวิตที่สับสน
บนเงินบาทจากหยาดใจในผู้คน
เพื่อฉุดพ้นคืนวันน่าหวาดกลัว
2.
ระลึกรับประทับรอยถ้อยสดับ
สิ้นเสียงขับเพลงงามฟ้าสลัว
คงเหลือเพียงหยาดน้ำตาพร่ายพร่ามัว
ที่รดทั่วเรือนร่างผู้จากไป
เป็นบทเพลงบทเศร้าในเมืองใหญ่
และเป็นเสียงเพลงอาลัยจากเงาฝัน
เริ่มบรรเลงเพลงโศกเพื่อรับวัน
หนึ่งหญิงที่เหลือนั้นในป่าเมืองฯ
6 มิถุนายน 2545 10:25 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
บนวิถีแห่งใจ...เธอ
1.
บนวิถีถิ่นที่เธอประทับ
เธอสดับเสียงใดได้สนิท
มีภาพงาม ภาพไหนงามแท้จริง
และบางสิ่ง สิ่งใดภาพลวงตา
2.
หนึ่งลมหนาวอาจร้าวยามเธอเจ็บ
จึงยอมเก็บดวงใจมิใฝ่หา
เพียงเสี้ยวโลกส่วนดีที่มีค่า
กลับประทับตีตราว่าโลกมัว
ว่าโลกแล้งแล้วน้ำใจเพียงน้อยนิด
ไม่เหมือนดังเคยชิดพิสมัย
และไม่เหลือค่าความงามแห่งจิตใจ
ดังฟ้าใสไรดาวจรัสดวง
ในเดือนช่วงเธอว่าเดือนชอกช้ำ
อาจเพราะความทรงจำของเธอถ่วง
ความเป็นจริงสภาวะทั้งสิ่งปวง
ใจจึงลวงดวงใจและลวงตา
3.
ถาม , เธอเห็นภาพพร่างพรายตรงหน้าไหม
เหลือสิ่งใดที่ใจเธอเฝ้าหา
หรือทุกสิ่งเธอเห็นกลับแสร้งว่า
ไรคุณค่าราคางามแห่งห้วงใจ
4.
บนวิถีถิ่นที่เธอยืนอยู่
เธออาจรู้เพราะใจเธอคาดหวัง
แล้วกำหนดตั่งกฎเอากับมัน
เป็นกฎกรอบครอบขังจิตใจตน
เปิดเถิดตายอมรับกับบางสิ่ง
ความเป็นจริงแม้ร้ายร้าวขืนขม
หนึ่งลมหนาวอาจเคยทำเธอตรอมตรม
แต่อาจพรมเธอได้ในบางคราว
5.
บนวิถีเธอหรือใครใช่แปลกแยก
หรือผิดแผกเช่นดำในจุดขาว
เพียงบางสิ่งอาจฝังใจเธอรู้ร้าว
แต่ใช่เธอต้องกร้าวทุกคราวไป
เปิดดวงใจมองทุกสิ่งตามจริงซิ
แล้วเริ่มริเรียนรู้ทุกสิ่งใหม่
วางอัตตาที่มีเต็มห้องใจ
บนวิถีเธอหรือใครล้วนเท่าเทียมฯ