14 ธันวาคม 2544 17:45 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
ศรีกวี
เพียรเรียนเขียนสื่อถ้อย ตกแต่งแลเรียงร้อย
สื่อถ้อย คำคมฯ
บ่มเพราะคำค่ำเช้า ตกแต่งจิตใจเร้า
เร่งร้อย เรียงวจีฯ
คือคนฝักใฝ่รู้ จักเหนื่อยยากคงสู้
บ่แพ้ ใดใดฯ
จิตใจดังเช่นฟ้า แข็งแกร่งดังเหล็กกล้า
สิ่งร้าย ฤๅกลัวฯ
ประกาศศักดิ์แก่หล้า บอกล่าวดังก้องฟ้า
ว่าข้า กวี สยามเอยฯ
มาเถิดมวลมิ่งมิตร มาร่วมคิดร่วมสร้าง
บทสื่อประจักอ้าง แด่ผู้คนยลฯ
คำคมที่เธอคิด ตราติดคุณค่าแท้
เพียงอ่านอาจช่วยแก้ เหล่าผู้หลงทาง มานาฯ
ณ ภพผืนไผทแผ่นนี้..สยามนาม
กาลก่อนเลยลามา.ผ่านพ้น
เอกราชอยู่คงนานนับเนิ่น
ภัยบ่หาญมาปล้น...ฆ่าล้าง ทำลายฯ
หลากบุญราชาท่านเจ้าจอมไทย
ดลช่วยผืนไผท...หยั่งไว้
ปรีชาพระท่วมจึงได้...คงซึ่ง เอกราช
หากบ่มีคุณพระไซร้...บ่ได้ ครอบครองฯ
เรืองรองธรรมแจ่มแจ้ง...ประจักคง
สูงส่งทศธรรมดำรงค์.....ก่อเกื้อ
ปกปักไพร่พลวงศ์..ยึดมั่น ธรรมเฮย
ยากยิ่งอริราชเอื้อม....ใฝ่เฝ้า รุกรานฯ
นานาปราชญ์แหล่งนี้..นามระบือ
หลากสิ่งบอกคุณคือ...กล่าวถ้วน
กลอนกาพย์ร่ายเรืองลือ...กาจเก่ง ปราชญ์เฮย
คุณท่านจึงมากล้วน...แหล่งนี้ เมืองไทยฯ
จึงระลึกคุณท่านไว้...ณ จิต
เฉกซึ่งองค์ศักดิ์สิทธิ์..แก่นหล้า
เทียมประหนึ่งอาจารย์ ศิษย์.....แผกซึ่ง ยุคนา
ยุคใช่กีดกันข้า.ใฝ่รู้ เล่าเรียนฯ
เพียนเขียนโคลงว่าด้วย..ชมชอบ
อาจบ่เป็นตามระบอบ.....ว่าไว้
ผิดถูกเพื่อนคงบอก....วานกล่าว แนะนำ
มิตรบ่ติเตือนไซร้....เพื่อนนี้ หลงทางฯ
เขียนโคลงคงว่าด้วย....ปัญญาเบา
คิดแต่จะรีบเอา....ด่วนได้
ผิดถูกเพื่อนแนะเรา...เราบ่ โกรธา
หากปล่อยปะละไว้.......แน่แท้ อับอายฯ
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
11 ธันวาคม 2544 13:40 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
ลมหนาว ดอกไม้
เห่ลมหนาวลอดริ้วพริ้วลมอ่อน
เลี้ยวซอกซอนซ่อนซาตามใบขน
ตะหวัดรัดแวะเวียนเกี้ยวเวียนวน
อาบเลียลนลูบไล้ตามใบบาง
ลมหนาวเร่งกลิ่นกลีบโชยกลิ่นอ่อน
โอบอุ้มอ้อนวอนค่ำเช้ามิห่างหาย
ดอกกระสันหวั่นสะท้านทั่วทั้งกาย
กระสับส่ายร่ายร่ำตามลมเลีย
..แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า..
11 12 -44
8 ธันวาคม 2544 19:26 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
รักเกิดก่อกอปรได้เพราะรัก
รักสมัครผูกใจใครคนหนึ่ง
คงเป็นคนคนซึ่งคนลึกซึ้ง
ใครคนหนึ่งซึ่งรักสมัครใจ
จากรักแล้วความผูกพันธุ์จึงเกิดก่อ
คอยเคียงคลอคู่รักมิไปไหน
รักสัมพันธ์ผูกสมัครไว้ในใจ
ยากมีใครรู้ซึ้งเกินกว่าตัว
คนยอมอยู่สู้ชีวิตได้เพราะรัก
คนยอมเสี่ยงเพื่อคนรักก็มากหลาย
คนที่รักยืนยงไม่กลับกลาย
หลายคนหลายหลากมากความรักจริง
อนุภาพแห่งรักนั้นมีค่า
มิตีค่าด้วยราคาหรือทรัพย์สิน
แต่สืบเสาะหาได้ในชีวิตจริง
หาก ! ทิ้งซึ่งสิ่ง เห็นแก่ตัว
.....แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า.....
7 12 44
8 ธันวาคม 2544 19:26 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
เสียงพนา
เสียงหวีดโหยโรยเพลงวังเวงแว่ว
ดังทั่วแนวแถวป่าพนาสัณฑ์
ใบสะบัดพลัดใบลมประทัง
ส่งเสียงดังวังเวงน่าเกรงกลัว
นกกลางคืนส่งเสียงผวาเผอละเมิอร้อง
ดังกึกก้องร้องหวนทวนหาขวัญ
เจ้ามิ่งตาจากไปไกลไพรวัน
คงเคว้งขวัญฝันค้างยามไกลเกิน
น้ำตาหลากหยาดหยดในทรวงอก
ตื่นตะหนกอกประหวั่นขวัญห่างหาย
ยามมิ่งมิตร คู่คิด คู่เคียงกาย
ต้องห่างหายห่างหน ณ หนใด?
ฤๅหลงเพ้อเล่ห์ลวงปวงนคร
ฤๅลืมคอนคานเคยเลยเกาะเหงา
ฤๅลืมสิ้นถิ่นพนาแห่งสองเรา
จึงทิ้งเงาเหงาเฝ้าเคียงคุ้นเคย
.....แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า.....
7 12 44
3 ธันวาคม 2544 20:24 น.
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
ต้นกล้าปัญหาคน
จากเมล็ดเล็กน้อยถูกบ่มเพราะ
อากาศเหมาะดินดีน้ำเข้าถึง
จึงโตใหญ่ผลิใบดูงามซึ่ง
ต้นกล้าจึงก่อเกิดได้ในบันดล
ผ่านร้อนหนาวหลากฝนกระหน่ำซัด
ผ่านสิงสาลาสัตว์แระเล็มยอด
ผ่านเวลาหมุนเวียนไม่ยอกย้อน
จากต้นอ่อนจึงยิ่งใหญ่ให้ร่มเงา
เพราะผ่านสิ่งเลวร้ายมาหลายหลาก
จึงหยั่งรากยึดมั่นกับแผ่นพื้น
สร้างลำต้นแข็งแกร่งทนหยัดยืน
บ่ท้อ ! ฝืนลำต้นต้านเภทภัย
เปรียบคนเราปัญหาหลากหากสู้ได้
ยึดมั่นไว้ด้วยจิตใจที่แข็งขัน
ร่วมกาย ใจสู้ปัญหาพร้อมเพรียงกัน
คงไม่หวั่นครั้งปัญหามาแผ้วพาล
..แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า..
3 12 - 44