11 ตุลาคม 2546 14:54 น.

อิ่ม

แววดาว

ข้าวหมูแดงยำใหญ่ไข่พะโล้
  แกงเทโพผัดเผ็ดเนื้อเป็ดย่าง
  ยำหมูยอทอดไข่ไก่อบฟาง
  ผัดถั่วค้างแกงส้มข้าวต้มปลา
           ผัดกะเพราไข่ดาวข้าวขาหมู
  ก๋วยเตี๋ยวปูพะแนงแกงไก่ป่า
  มัสมั่นผัดไข่ใส่แตงกวา
  ผัดคะน้ากะหล่ำส้มตำไทย
           ขนมจีนน้ำยาราดหน้ากุ้ง
  ผัดผักบุ้งแกงลาวข้าวมันไก่
  ยำกุนเชียงเกาเหลากุ้งเผาไฟ
  ไข่ยัดไส้น้ำตกห่อหมกปู
           ต้มมะระต้มยำน้ำพริกเผ็ด
  แกงจืดเห็ดปลาเก๋าผัดเต้าหู้
  ผัดพริกอ่อนแกงคั่วยำถั่วพู
  ต้มเลือดหมูหมึกย่างหอยนางรม
           ข้าวหมกไก่ไข่น้ำยำปลาแดก
   ผัดโป๊ะแตกผัดไทยแหนมไข่ต้ม
   หมูผัดขิงข้าวทิพย์ทำใส่น้ำนม
   แกงหอยขมลาบเป็ดผัดเผ็ดเนื้อ
           ข้าวไก่ทอดมะระผัดบะหมี่
   ยำหัวปลีแกงไก่ใส่มะเขือ
   หมูบะช่อห่อเกี๊ยวก๋วยเตี๋ยวเรือ
   กุ้งอบเกลือหมูหย็องปูดองเค็ม				
9 ตุลาคม 2546 15:23 น.

บ้านกำพร้า-ชะตาเด็กน้อย

แววดาว

ตุ๊กตาตัวนั้นที่ฉันพบ
  เคยซ่อนหลบอยู่หลังถังขยะ
  ดูเปรอะเปื้อนเศร้าหม่นแดดฝนชะ
  ใครกันนะใจดำนำมาทิ้ง
          ฉันจึงเก็บมาไว้อย่างใจคิด
  เนรมิตชุดใหม่ให้งามยิ่ง
  ตั้งชื่อว่า น้องแนนแสนเพราะพริ้ง
  เป็นเหมือนสิ่งที่ฉันผูกพันรัก
         คอยเป็นห่วงเป็นใยไม่เลือนร้าง
  เป็นหมอนข้างอบอุ่นนอนหนุนตัก
  เล่านิทานขับกล่อมพร้อมทายทัก
  ก่อนจะพักนั่งนับดาวที่พราวฟ้า
         ฉันมิเคยมีใครจะให้ซึ้ง
  ชีวิตหนึ่งยากไร้ใครปรึกษา
  ยิ้มเยาะกับรอยฝันวันเวลา
  มีเพียงเจ้าตุ๊กตามาใกล้ชิด
         ฉันจึงเก็บเจ้าไว้ในห้องรัก
  พร้อมทอถักสัมพันธ์มั่นในจิต
 เป็นเหมือนญาติเหมือนเพื่อนและเหมือนมิตร
 เป็นคู่คิดเป็นแรงใจไม่ลดละ
        ตุ๊กตาตัวนั้นที่ฉันพบ
 เจ้าเคยหลบอยู่หลังถังขยะ
 เพราะฉันเป็นเหมือนเจ้าเข้าใจนะ
 แค่พันธะเดียวดายคล้ายอ้างว้าง				
9 ตุลาคม 2546 14:33 น.

กรวดแกร่ง-เรือกล้า

แววดาว

ในเศษเสี้ยวคืนวันที่ผันผ่าน
    ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนลมฝน
    อุปสรรคเรียนรู้สู้อดทน
    ฝึกให้คนเข้มแข็งแกร่งกล้าพอ
             เหมือนกรวดแกร่งต้องผ่านการบ่มเพาะ
    คลื่นลมเซาะสรรค์สร้างการเกิดก่อ
    กี่หนาวร้อนแดดฝนอดทนรอ
    พร้อมเติมต่อความเข้มแข็งแห่งกรวดทราย
              ชีวิตคนต้องผ่านการหล่อหลอม
    สติพร้อมเปรียบเรือเอื้อจุดหมาย
    สุขทุกข์เป็นแรงเคลื่อนเหมือนฝีพาย
    หางเสือคล้ายดวงจิตรู้คิดตรอง
               มรสุมรุมเร้าเข้ามาทัก
    ต้องรู้จักปรับเรือเพื่อลอยล่อง
    ต้านกระแสแรงคลื่นฝืนประคอง
    ทางซึ่งมองเห็นฝั่งยังคงมี
               ประสบการณ์สอนคนให้ค้นคิด
    ช่วงชีวิตคือบทเรียนเปลี่ยนวิถี
    เป็นกรวดซึ่งเข้มแข็งแกร่งเดือนปี
    เป็นเรือที่มุ่งหวังสู่ฝั่งใจ				
6 ตุลาคม 2546 17:10 น.

สิ่งที่หนูขาด

แววดาว

หนูเกิดบนถิ่นฐานบ้านหลังใหญ่
  รถยนต์นั่งทันสมัยใช้ขับขี่
   วิทยุเครื่องเสียงสำเนียงดี
   ทั้งทีวีมีสง่าราคาแพง
          สร้างสวนสวยกว้างใหญ่อยู่ในรั้ว
   ห้องส่วนตัวมีระดับปรับเติมแต่ง
   โล่รางวัลสรรเสริญเกินแสดง
   สมตำแหน่งเกียรติยศปรากฎไกล
          พ่อหนูเป็นคนเก่งเคร่งหน้าที่
   แม่หนูมีกิจการงานยิ่งใหญ่
   หนูเลยต้องขาดคนมาสนใจ
   อยู่กับคนรับใช้ไปวันวัน
           พ่อบอกว่าไม่ว่างเพราะงานเยอะ
   หนูเคยเจอะเจอแม่แค่ในฝัน
   โทรทัศน์คือเพื่อนเหมือนผูกพัน
   ความสุขนั้นเลือนร้างห่างชีวี
           หนูมิเคยต้องการบ้านหลังใหญ่
   รถยนต์นั่งทันสมัยใช้ขับขี่
   ทรัพย์สมบัติโก้หรูแม้ดูดี
   ไม่เท่ามีคนห่วงใยเข้าใจรัก
				
6 ตุลาคม 2546 16:51 น.

สภาวะ

แววดาว

วิ่งวกเวียนวุ่นวายคล้ายสับสน
    เปรอะเปื้อนปนเงาภาพฉาบทุกข์เข็ญ
    แปรเปลี่ยนตามวงจรหนาวร้อนเย็น
    ก่อเกิดเป็นสภาวะขณะใจ
             หมุนย้อนกลับปรับแปลงเติมแต่งจิต
    ภาพความคิดสะท้อนซ่อนวิสัย
    กลั่นน้ำตาหัวเราะเซาะวันวัย
    เก่าสู่ใหม่ในกรอบครอบอำพราง
             จึงยิ่งดิ้นยิ่งวนมืดมนอยู่
    ต้องรับรู้คืนวันโศกกั้นขวาง
    เจ็บทุกข์ทนพ่ายแพ้แก่หนทาง
    หลงเคว้งคว้างในห้วงบ่วงมายา
              คล้ายคล้ายกับห้องใจเริ่มไหวหวั่น
    เปลี่ยนแปรผันตรอมตรมถมหมอกฝ้า
    ว่ายวัฏฏะสายธารกาลเวลา
    พร้อมใฝ่หาขอบแสงของแรงบุญ
              ณ ที่ซึ่งจิตสงบพบสัจจะ
    สภาวะแท้จริงรู้นิ่งหมุน
    ทุกข์ขอบเขตอารมณ์เกิดสมดุล
    หมดสิ้นความว้าวุ่น...เมื่ออุ่นธรรม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแววดาว
Lovings  แววดาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแววดาว
Lovings  แววดาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแววดาว
Lovings  แววดาว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแววดาว