15 ตุลาคม 2546 13:51 น.
แววดาว
ขอสั่งจองห้องใจไว้พำนัก
ลิขสิทธิ์ความรักเป็นสักขี
บริษัทคิดถึงซึ้งไมตรี
พันธบัตรความดีมีให้กัน
ธนาคารสายใยสานไออุ่น
เพิ่มต้นทุนใกล้ชิดดังคิดฝัน
ดอกเบี้ยรักเบ่งบานการผูกพัน
เครดิตนั้นมั่นคงตรงต่อใจ
อุปสงค์สัญญามีค่าล้น
อุปทานหวานกมลดลสุขให้
กิจการสองเราเริ่มก้าวไกล
ก่อกำไรอุดหนุนต้นทุนรัก
ค้ำประกันหัวใจไม่เคยเปลี่ยน
จดทะเบียนเขียนไว้ให้ประจักษ์
ห้างหุ้นส่วนสัมพันธ์มั่นคงนัก
บริหารถูกหลักไม่หนักทรวง
ทุนสำรองน้ำคำชื่นฉ่ำหวาน
งบประมาณออดอ้อนอาทรห่วง
ภาษีรักติดตามคอยถามทวง
เศรษฐกิจรักซึ้งห้วงอุ่นดวงมาน
14 ตุลาคม 2546 13:57 น.
แววดาว
สะพานไม้ผุเก่าเสาเอียงโย้
หลังคาโหว่ฝาหลุดพื้นทรุดต่ำ
เหม็นคละคลุ้งชาชินกลิ่นน้ำครำ
ภาพทรงจำซ่อนเร้นความเป็นเมือง
หลากผู้คนทนทุกข์เศร้าซุกร่าง
เคว้งและคว้างคืนวัน...แค่ฝันเฟื่อง
วาดวิมานความหวังอันเปล่าเปลือง
ยุครุ่งเรืองคนยากมากคนจน
อิ่มน้ำตาแทนข้าวร้าวรู้สึก
อ้อมป่าตึกน่ากลัวทั่วทุกหน
ยื้อและแย่งแข่งขันขีดชั้นชน
ฟากถนนเบื้องหน้า ฟ้ากับดิน
ต้องเผชิญต่อสู้อย่างผู้กล้า
เหน็ดเหนื่อยล้า...แรงใจไม่เคยสิ้น
แลกหยาดเหงื่อต่างน้ำมุ่งทำกิน
ท่ามกลางถิ่นเมืองหม่นเล่ห์กลลวง
รอยเส้นเอ็นปูดโปนโชนชีวิต
ฝ่าวิกฤตอดีตกาลผ่านเลยช่วง
จากบ้านนอกคอกนามาเสี่ยงดวง
ภาพเมืองหลวงยิ่งใหญ่...แสงไฟพราง
มากความโศกโลกเศร้าเหงาสะทก
ดังกระจกสะท้อนซ่อนความต่าง
เพียงคำตอบอาจเร้นบนเส้นทาง
คือ ช่องว่างสังคม...อันซมทรุด
13 ตุลาคม 2546 14:51 น.
แววดาว
ผิดหรือที่หลงรักใครสักครั้ง
วาดความหวังเลิศลอยคอยเพ้อหา
พร้อมหัวใจทุ่มเททุกเวลา
ทั้งสัญญารักมั่นนิรันดร์ดร
ผิดหรือที่สบตาคนน่ารัก
แรกรู้จักซึ้งใจยากไถ่ถอน
ยิ่งชิดใกล้ใฝ่หายิ่งอาวรณ์
ยิ่งจะจรจากลายิ่งอาลัย
ผิดหรือที่ละเมอจึงเพ้อฝัน
ทุกคืนวันคร่ำครวญชวนหลงใหล
ยิ้มหวานหวานสวยซึ้งติดตรึงใจ
กับดวงหน้าสดใสซ่อนไมตรี
ผืดหรือเมื่อพากเพียรเขียนจดหมาย
มาทักทายเยี่ยมเยือนเหมือนน้องพี่
ส่งดอกไม้ดอกงามความหวังดี
แทนสิ่งที่หัวใจมอบให้กัน
ผิดหรือที่ห่วงใยอยากใกล้ชิด
เป็นดั่งมิตรคิดถึงยังซึ้งฝัน
จะเนิ่นนานเพียงใดไม่สำคัญ
พร้อมแบ่งปันรักแท้มอบแด่เธอ
ผิดหรือที่เรียงร้อยถ้อยความรัก
เพราะตระหนักว่าใจแอบไปเผลอ
ให้เพลิงรักสุมทรวงห่วงละเมอ
ได้แต่เพ้อทุกข์ทนอยู่คนเดียว
12 ตุลาคม 2546 13:15 น.
แววดาว
คือหนึ่งหยดน้ำตาวิวาห์ร้าง
มอบไว้ต่างน้ำสังข์คราวครั้งก่อน
เมื่อเธอสิ้นน้ำใจไม่อาทร
ทั้งตัดรอนน้ำคำไม่อำลา
จากไปพร้อมน้ำฝนที่หล่นร่วง
เจ็บช้ำทรวงโศกตรมสมน้ำหน้า
เหมือนละครน้ำเน่าเศร้าโศกา
ฉันเหมือนสิ้นน้ำยาทอดอาลัย
เธอเปรียบสายน้ำวนสุดทนต้าน
ดุจสายธารน้ำตกวกเวียนไหล
หรือเธอมีน้ำเค็มเต็มหัวใจ
จึงยากไร้น้ำจิตคิดถึงกัน
เบื้องหลังรอยน้ำหมึกระลึกย้อน
เคยพร่ำวอนน้ำปิงอิงแอบฝัน
ดินน้ำฟ้าเป็นพยานสานสัมพันธ์
คืนที่จันทร์แต้มดาวหนาวน้ำค้าง
เปรียบเธอเพชรน้ำหนึ่งซึ้งคุณค่า
เชื่อวาจาน้ำถ้อยร้อยสรรค์สร้าง
เธอกลับเป็นน้ำกร่อยค่อยจืดจาง
เธอไม่ต่างน้ำนิ่งยิ่งไหลลึก
คำพูดเธอมีน้ำหนักควรจักเชื่อ
สำนวนเจือน้ำตาลหวานรู้สึก
เหมือนน้ำเย็นฉ่ำใจให้เหิมฮึก
มิทันนึกจึงต้องช้ำ...เพราะน้ำเงิน
11 ตุลาคม 2546 15:12 น.
แววดาว
ยิ้มเหงาเหงาเศร้าซ่อนสะท้อนลึก
ค่อนคืนดึกเหน็บหนาวร้าวทรวงหม่น
ร้างแสงเดือนเยือนตาฟ้าเบื้องบน
คิดถึงใครบางคน...สู้ทนรอ
ดาว จะรู้หรือไม่ใครห่วงหา
ดาวจะมาปลอบใจบ้างไหมหนอ
คอยเสียจนอ่อนล้าน้ำตาคลอ
จวนจะท้ออ่อนแอยอมแพ้เธอ
สารภาพจากจิตว่าคิดถึง
เพียงครั้งหนึ่งห่างไกลใจพลอยเหม่อ
ทิ้งเพียงภาพต่างหน้ามิมาเจอ
ได้แต่เพ้อครวญคร่ำช้ำในทรวง
โอ้ดึกดื่นคืนนี้ไร้สีแสง
ไยฟ้าแกล้งซ่อนดาวจากราวสรวง
เมฆหมอกหม่นบังพรางน้ำค้างลวง
หลงในห้วงมายาที่ฟ้าทำ
มิสงสารหรือไรใจเจ้าเอ๋ย
กรุ่นไอรักล่วงเลยเคยหวานฉ่ำ
ผ้าเช็ดหน้าหอมซึ้งตรึงความจำ
รินถ้อยคำฝากไว้แทนไมตรี
แล้วจะหลับอย่างไรในคืนเศร้า
เมื่อความเหงาเยี่ยมเยือนเป็นเพื่อนพี่
กอดหมอนข้างเดียวดายหน่ายฤดี
บทเพลงฝันคืนนี้...ไม่มีดาว