18 ตุลาคม 2550 09:15 น.
แม่มดใจร้าย
เขียนเรื่องนี้มาก็นานมากแล้ว เขียนโดยไม่ต้องร่างก่อน เปิดเว็บบ้านกลอนได้ก็เขียนเลย วันนี้เกิดมีว่างงานมากขึ้นมา ลองเอาหัวข้อมาหาเล่น ๆ จ๊ะเอ๋แบบที่คนอื่นเคยเจอมา
ขอบคุณนะคะสำหรับการนำผลงานไปเผยแพร่
ขอบคุณนะคะ
หัวใจอ่อนล้าหรือกล้าแข็ง
Posted : 13-08-2007 10:11:27
มนุษย์มักพกจิตใจที่อ่อนแออยู่เสมอ
จะเห็นได้จากเวลาที่แต่ละคนมีเรื่องราวที่มากระทบจิตใจ เรามักจะเห็นร่องรอยของคราบน้ำตาที่ไหลเปื้อนใบหน้า
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้ำตาไม่ได้ทำให้ความทุกข์ที่พบเจอนั้นลดน้อยลง และน้อยคนนักที่จะรู้จักคำว่า น้ำตาท่วมอก
เราอาจจะเห็นเขายิ้มแย้ม แต่จะรู้ซึ้งถึงจิตใจหรือไม่ว่าเขามีความทุกข์เพียงใด
ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความอ่อนแออยู่ในหัวใจ บางครั้งบางคราวที่มีเรื่องราวมากระทบจิตใจ
ก็อดไม่ได้ที่จะใช้น้ำตาเป็นเพื่อน จนมีความรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้เหมือนมิตรแท้ ที่ยั่งยืนและถาวร
ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์ เขามักจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ
แต่ในบางครั้งบางคราวเช่นกันที่เรากลับทอดทิ้งเขาอย่างไม่สนใจใยดี
ตลอดเวลาที่ฉันมีความอ่อนแออยู่ในหัวใจ และมีเพื่อนแท้ที่ชื่อว่า น้ำตา
ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าหัวใจของฉัน ได้บ่มเพาะความกล้าแข็งขึ้นเรื่อย ๆ
เหมือนต้นกล้าที่กำลังเจริญงอกงามและเติบโตขึ้น
เป็นความงอกงามของหัวใจที่เรียนรู้ที่จะรัก ให้ และรอ
แต่จะมีคนสักกี่คนที่จะรู้จักบ่มเพาะหัวใจของตัวเองให้กล้าแข็ง ในความกล้าแข็งของหัวใจที่เกิดขึ้นนั้น
ทำให้ฉันเห็นว่ามนุษย์ทั่วโลกนี้ต่างเกิดมาเพื่อชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำขึ้นไม่ว่าจะจากอดีต หรือปัจจุบัน
และจะมีมนุษย์สักกี่คนที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้
เพราะมนุษย์ทุกวันนี้ล้วนมีแต่การแข่งขัน เพื่อให้พบกับชีวิตที่สวยงามตามใจปรารถนา
แต่ลืมมองกลับไปว่าในความสวยงามที่ต้องการนั้นมีสิ่งหนึ่งที่อ่อนล้าลงทุกวัน
นั่นก็คือหัวใจของเรา จะมีคนสักกี่คนที่จะหยุดแล้วมองย้อนกลับไปดูแลหัวใจตัวเอง
และไปบ่มเพาะหัวใจตัวเองที่อ่อนล้าลงทุกวัน ๆ เพื่อให้มีความกล้าแข็งขึ้น
และพร้อมที่จะแบ่งปันความกล้าแข็งนั้นให้ผู้อื่นต่อไป
-----------------------------
หัวใจอ่อนล้าหรือกล้าแข็ง
มนุษย์มักพกจิตใจที่อ่อนแออยู่เสมอ จะเห็นได้จากเวลาที่แต่ละคนมีเรื่องราวที่มากระทบจิตใจ เรามักจะเห็นร่องรอยของคราบน้ำตาที่ไหลเปื้อนใบหน้า ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้ำตาไม่ได้ทำให้ความทุกข์ที่พบเจอนั้นลดน้อยลง และน้อยคนนักที่จะรู้จักคำว่า น้ำตาท่วมอก เราอาจจะเห็นเขายิ้มแย้ม แต่จะรู้ซึ้งถึงจิตใจหรือไม่ว่าเขามีความทุกข์เพียงใด
ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความอ่อนแออยู่ในหัวใจ บางครั้งบางคราวที่มีเรื่องราวมากระทบจิตใจ ก็อดไม่ได้ที่จะใช้น้ำตาเป็นเพื่อน จนมีความรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้เหมือนมิตรแท้ ที่ยั่งยืนและถาวร ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์ เขามักจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ แต่ในบางครั้งบางคราวเช่นกันที่เรากลับทอดทิ้งเขาอย่างไม่สนใจใยดี
ตลอดเวลาที่ฉันมีความอ่อนแออยู่ในหัวใจ และมีเพื่อนแท้ที่ชื่อว่า น้ำตา ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าหัวใจของฉัน ได้บ่มเพาะความกล้าแข็งขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนต้นกล้าที่กำลังเจริญงอกงามและเติบโตขึ้น เป็นความงอกงามของหัวใจที่เรียนรู้ที่จะรัก ให้ และรอ แต่จะมีคนสักกี่คนที่จะรู้จักบ่มเพาะหัวใจของตัวเองให้กล้าแข็ง
ในความกล้าแข็งของหัวใจที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ฉันเห็นว่ามนุษย์ทั่วโลกนี้ต่างเกิดมาเพื่อชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำขึ้นไม่ว่าจะจากอดีต หรือปัจจุบัน และจะมีมนุษย์สักกี่คนที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้ เพราะมนุษย์ทุกวันนี้ล้วนมีแต่การแข่งขัน เพื่อให้พบกับชีวิตที่สวยงามตามใจปรารถนา แต่ลืมมองกลับไปว่าในความสวยงามที่ต้องการนั้นมีสิ่งหนึ่งที่อ่อนล้าลงทุกวัน นั่นก็คือหัวใจของเรา จะมีคนสักกี่คนที่จะหยุดแล้วมองย้อนกลับไปดูแลหัวใจตัวเอง และไปบ่มเพาะหัวใจตัวเองที่อ่อนล้าลงทุกวัน ๆ เพื่อให้มีความกล้าแข็งขึ้น และพร้อมที่จะแบ่งปันความกล้าแข็งนั้นให้ผู้อื่นต่อไป
จากคุณ :
10 ตุลาคม 2550 13:29 น.
แม่มดใจร้าย
มิตรภาพอาบอิ่มใจในวันเหงา
แม้ความเศร้าเข้าใกล้ไม่ห่างหาย
ความเป็นเพื่อนของเรามิเคยคลาย
ตราบชีพวายมิตรภาพมิลืมเลือน
นานกี่ปีแล้วนะ ที่ความเป็นเพื่อนของเรามิห่างหายไป นั่งนึกถึงวันที่เราได้รู้จักกันเมื่อตอนเรียน เราสองคนเป็นคนทำงานที่อาศัยเวลาว่างช่วงเย็นไปเรียนหนังสือเพิ่มเติม เราเจอกันทุกเย็น แล้วก็กลับพร้อมกันทุกค่ำคืน เพราะว่าเส้นทางกลับบ้านของเราสองคนเป็นเส้นทางเดียวกัน ชีวิตของเราสองคนก็คล้ายกัน อาหารมื้อเย็นที่เราสองคนกินกันที่มหาวิทยาลัย ก็ก๊วยเตี๋ยวคั่วไก่ เจ้าเดิมเหมือนเดิม แทบจะมิเปลี่ยนแปลง ความที่เหมือนกันมากเกินไป เราสองคนก็เลยต้องเดินออกจากมหาวิทยาลัยแห่งนั้นพร้อมกัน ภายในเวลาหนึ่งปี..
ฉันไปเริ่มเรียนที่ใหม่ ในขณะที่เธอบอกว่าขอทำงานอย่างเดียวดีกว่า แต่เราสองคนก็ยังนัดพบปะกันตามประสาเพื่อน ที่ไม่เคยห่างกันเลยตลอดเวลาหนึ่งปีที่เรียนด้วยกัน แต่ด้วยหน้าที่การงานของเราสองคน ร่วมถึงฉันต้องเรียนตอนเย็น ทำให้เราสองคนห่างหายกันไปบ้าง จนเวลาผ่านไป ที่ทำงานของฉันเปลี่ยนแปลงเบอร์โทรศัพท์ ที่ทำงานของเธอก็เปลี่ยนแปลงเบอร์เช่นกัน...
ช่วงเวลาที่เราสองคนห่างหายกันไป มิใช่ว่าจะไม่คิดถึงกัน เราต่างคนต่างคิดถึงกันเสมอ ฉันพยายามจนหมดความพยายามและคิดว่า ถ้าเราสองคนยังคงต้องมีความผูกพันต่อกันแล้ว เราสองคนคงได้เจอกันอีก แม้จะเป็นเพียงความหวังอันริบหรี่ในหัวใจ...
แล้ววันหนึ่งความผูกพันก็เรียกร้องให้เราสองคนกลับมาพบกัน หลังจากห่างหายกันไปนานเกือบสิบห้าปี....
เรื่องของเรื่องก็คือฉันต้องตรวจเอกสารการเบิกจ่าย ความที่ต้องดูเอกสารแทบจะทุกแผ่น ทำให้ฉันไปพบชื่อของบริษัทเธอ แล้วนั่นก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันและเธอได้กลับมาพบเจอกัน ในวันที่ฟ้าสดใส หลังจากที่เราทั้งสองต่างส่งใจถึงกันผ่านขอบฟ้า และต่างนึกถึงกันตลอดเวลา...
มิตรภาพของเธอและฉันมีมากมาย เราไม่จำเป็นต้องบอกซึ่งกันและกัน แต่หัวใจของเราบอกกันและกันว่า มิตรภาพของเธอและฉันจะมิคลายจากกัน
ขอบคุณที่ฟ้าส่งเธอมาเป็นเพื่อนของฉัน ขอบคุณที่ฟ้าส่งให้เราได้มารู้จักกัน....
เรื่องจาก www.oknation.net/blog/aihu