7 กุมภาพันธ์ 2553 22:49 น.
แมงกุ๊ดจี่
เสียงกริ่ง...ดังบอกสัญญาณว่าได้เวลา 16.00 น. เป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว ดารินกำลังเก็บของบนโต๊ะ ก็มีเด็กชายวิ่งหอบมาหยุดที่หน้าประตูทางเข้าห้องพักครู
"ครูครับ มีคนมารอครูครับ" เสียงเด็กชายบอกแบบหายใจติดขัดเพราะเหนื่อยจากการวิ่ง ดารินสงสัยเพราะปกติไม่เคยมีใครมาหาตน และเวลาอย่างนี้ก็ไม่มีใครมาหากันหรอก
"ใครหรือครับ ? "ดารินถามกลับไป เด็กชายได้แต่ยืนส่ายหน้า บ่งบอกว่าไม่รู้จัก ยิ่งทำให้ดารินสงสัยมากยิ่งขึ้น...นึกทบทวนว่าน่าจะเป็นใครแต่ก็ไม่ได้คำตอบ..
"งั้นไม่ไรเป็นจ๊ะ เทิดศักดิ์ กลับบ้านได้แล้วจ๊ะ" เสียงครูสาวบอก เด็กชายเทิดก็วิ่งไปข้างล่าง
ดารินเก็บโต๊ะ จัดสมุดการบ้านเรียนบร้อยแล้วเก็บของเสร็จรีบเดินลงมาจากชั้นสอง อาคารเรียนมีสองชั้นซึ่งห้องเธออยู่บนชั้นสอง เป็นห้องพักครูเหมือนโรงเรียนทั่วไป แล้วเดินมาถึงหน้าอาคารก็ต้องอ้อ... คนที่มาพบหล่อนก็คนนี้หน่ะเอง คิดว่าเป็นผู้ปกครองมาพบเสียอีก...
แต่ก็อดแปลกใจ ที่ชายหนุ่มผู้นี้มาปรากฏที่นี้ได้ยังไง การมาของเขาทำให้หล่อนฉงนไม่น้อยเลยทั้งที่ไม่เคยบอกว่าอยู่ที่นี่ และทำอะไร แต่ความฉงนก็ทำให้คิดถึงสุภาพสตรีสูงวัย อย่างคุณป้าศรีพรรณ แต่ก็จะมีข้อมูลขนาดนั้นเชียวหรือ...
ชายหนุ่มผู้มาเยือนเดินมายิ้มแฉ่ง เดินตรงมาทางหล่อนแล้ว แต่มัวแต่เก็บของไว้หลังรถทำให้ไม่ได้สังเกต ว่าเขาเดินมาถึงเมื่อไหร่ เมื่อหันหลังกลับมาเพื่อที่จะเดินไปหาเขากลับต้องตกใจ
"อุ๊ย! คุณ" ทำได้เพียงอุทานก็ต้องหยุดหายใจ ตั้งตัว ตั้งสติเสียก่อน
"เห็นผีหรือครับคุณผู้หญิง" ความทะเล้นไม่มีใครเกินจริง ๆ
"สวัสดีค่ะ คุณรณช" หญิงสาวยกมือไหว้ ทักทายผู้สูงวัยกว่า
"สวัสดีครับ " รณช ยกมือรับไหว้ แล้วก็ยิ้มบอกเลิศนัย
"วันนี้ลมอะไรหอบมาค่ะ" ไม่ทันจะถามต่อชายหนุ่มก็ตอบแบบกวนซะ
"ก็ลมคิดถึงคุณไง" ยิ้มกริ่ม
"ค่ะ ขอบคุณมาถ้านั่นเป็น ความรู้สึกจากใจ " หญิงสาวแควะให้ซะ ทำเอาเขากลั่นหัวเราะไว้ไม่อยู่
"ครับ ครับ ผมไปที่บ้านคุณมา แล้วคุณพ่อคุณบอกว่าคุณอยู่ที่นี่ ท่านบอกให้รอคุณกลับ แต่ผมอยากมาดูว่าโรงเรียนที่คุณสอนเป็นยังไงบ้าง" เขาอธิบายยืดยาว เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดจริง ด้วยความเจ้าเล่ห์ ก็ต้องการมาดูว่าที่นี่มีคู่แข่งสำหรับหรือไม่ และอีกประการเขาต้องการให้คนที่นี่ ได้รับรู้ว่าเขาคือคนที่จะจองผู้หญิงคนนี้เป็นนัย ๆ
"อ้อ คุณพ่อบอกคุณ มิน่าละ" หล่อนเริ่มจะเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วว่าทุกอย่างเป็นยังไงมายังไงแน่
"แล้วนี่ คุณจะไปไหน? หรือว่ากลับบ้านครับ" ที่เขาถามเพื่อจะได้หาแนวทางเพื่อชวนหล่อนไปทานข้าวหน่ะเอง
"วันนี้ไม่ธุระที่ไหนค่ะ กลับบ้านเลยค่ะ" ดารินตอบไปตามตรง ก็หล่อนเป็นคนตรงนี้ น้องไม้บรรทัดเชียวแร่ะ
"งั่นผมขอทานข้าวบ้านคุณนะ" เขาไม่ได้ถามหล่อนสักนิดว่าเต็มใจหรือเปล่า? หรือชวนหรือเปล่าและเขาก็ไม่เปิดโอกาสให้หล่อนชวนหรอก เพราะเขารู้ว่าหล่อนไม่ชวนเขาแน่
"ผลึกคนจังคุณ ฉันยังไม่ได้ชวนคุณเลยนะ" ดารินรีบเตือนคนเจ้าเล่ห์
"ผมรู้ว่าคุณไม่ชวนผมหรอก" เขาตอบพร้อมกับจ้องหน้าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
"รู้ตัวอีกนะค่ะ งั่นก็เอางี้เราไปตลาดกัน คุณไปช่วยฉันถือของด้วย" หญิงสาวรู้ว่าไล่เขาก็ไม่ยอมแน่จึงชวนเขาไปด้วยเลย
รณช ทำหน้าที่ผู้ช่วยได้อย่างดี สงบเสงี่ยม ถือของให้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ทั้งที่วันนี้ดารินเหมือนแกล้งเขา เขาเองก็รู้ ซื้อได้ไงข้าวสาร มัน เผือก ฝักทอง มีแต่ของหนัก ๆ ทั้งนั้นเลย จงใจชัด ๆ เขาคิดแต่ก็ยอมทำตามในเมื่อเขาเองเป็นคนขอไปทานข้าวบ้านหล่อนก็ต้องยอมเขาล่ะ
เมื่อทานข้าวเย็นรีบร้อยแล้ว... ทั้งสองก็นั่งคุยกันอยู่ที่ระเบียงด้านนอก ด้านในเป็นห้องนั่งเล่นที่คุณปาร์นนท์ กับคุณดาวรุ่ง นั่งมองสองหนุ่มสาวอยู่ท่านสองก็ชื่นชม รณช ไม่น้อยด้วยรู้จักก่อนนี้แล้ว ดารินเองไม่มีโอกาสได้รุ้จักกับเขาเพราะไปเรียนและทำงานที่อื่น จนไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน บิดาและมารดาจะเดินทางไปหาหล่อนมากกว่า ทำให้ไม่มีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนๆ ของทั้งคู่ ดารินมีน้องชายร่วมบิดา-มารดาคนหนึ่งตอนนี้ทำงานอยู่ต่างจังหวัด เหตุผลนี้เองที่ทำให้หล่อนต้องกลับมาอยู่กลับบิดา-มารดา เพื่อดูแลบุพการีนั้นเอง ทำให้มีโอกาสได้พบกับรณช
"นี่คุณ ฉันถามคุณจริงๆ นะ คุณจีบฉันเหรอ?" ดารินจ้องตาเขา แบบเอาคำตอบทำเอาเจ้าตัวม้วนเชียว
"คุณ คุณเป็นผู้หญิงนะ" เขาจ้องตอบ ปนกยิ้มมุมปากแบบยี้ยวนซะ
"ฉันเคยบอกคุณแล้วไง ฉันชอบพูดตรง ๆ และอีกอย่างเราสองคนอายุก็สามสิบ Up แล้วนะ" หล่อนอธิบายแก่เขา
"ก็จริง เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำแบบเด็กวัยรุ่นก็ไม่เหมาะ ก็อย่างที่คุณเข้าใจผมจีบคุณ" เขายอมรับแต่โดยดี
แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยินดี ยินร้ายกับคำที่เขาเอ่ยบอก เพราะหล่อนเองก็รู้อยู่แก่ใจและพ่อจะเดาสถานการณ์ต่าง ๆ ออกแล้วว่าผู้ใหญ่เป็นคนจัดการเรื่องนี้แน่นอน หล่อนชักจะแน่ใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม...
"คุณชอบฉัน ทั้งที่ไม่รู้ว่าฉันชอบคุณหรือเปล่างั่นเหรอ?" หล่อนปล่อยคำถามทำเอาเจ้าของคำตอบมีสีหน้ากังวลไม่น้อย
"ใช่ผมชอบคุณ ทั้งที่ไม่รู้ว่าคุณคิดยังไง แต่ผมก็อยากจะทำให้ดีที่สุด" เขาตอบตามตรงสิ่งที่เขาคิด ทำไมเขาจะไม่คิดว่าเขาจะมีสิทธิ์ได้หัวใจดารินหรือไม่ เพราะผู้ใหญ่ให้ข้อมูลก็ตามที่ผุ้ใหญ่รู้และเข้าใจ เขาต้องเสี่ยงบุกรุกเข้ามา เพื่อค้นให้เจอคำตอบด้วยตัวเอง
"แต่เท่าที่ผมรู้ ตอนนี้คุณก็ไม่ได้มีใคร" เขาพูดจบก็สบตาเพื่อขอคำตอบ
"ฉัน....ใช่ไม่มีใคร แต่ไม่ใช่ไม่เคยมีใคร" คำตอบทำเอาเจ้าของคำถามใจแป๋วไม่น้อย แสดงออกชัดเจนทางสีหน้า
"นั่นมันเป็นเรื่องที่เราไม่ควรรื้อฟื้นให้มันกลับมาทำร้ายใจอีกนะ ในความคิดของผม" เขายังคงบอกแนวคิดที่เป็นของเขาเสมอ
"ประสบการณ์ความรัก ที่ไม่ประสบความสำเร็จนั่นจะกลายเป็นเรื่องราวที่น่ากลัวสำหรับเรา" ดารินจ้องมอง รณช ว่านี่คือคำตอบ
"คุณไม่ตอบตามตรง เหมือนปากบอกว่า ชอบตรงๆ " เขาทวงคำพูดที่ตกลงกันไว้
"คุณไม่ได้ถามฉันตามตรงนี้" หล่อนแย้งสิ่งที่เขาพยายามต้อนให้หล่อนจนมุม กับเรื่องราวที่เขาพยายามค้นหา
"ผมเชื่อความรู้สึก และซื่อสัตย์กับความรู้สึกของผมเอง ว่าผมชอบคุณ" เขาชี้แจงความเป็นเขาล่ะ รณช..
"ฉันอาจชอบคุณสักวัน แต่ทุกคนต้องทำตามหัวใจตัวเอง" ดารินหยุดพูด แล้วจ้องมอบสบตาเขา
"ใช่เรื่องหัวใจของใคร ก็หัวใจของคนนั้นจะบังคับกันไม่ได้" เขาหยุดพูดแล้วเบือนใบหน้ามองออกไปที่สวน
รณช ขับรถเพื่อเดินทางกลับ ระหว่างทางเขาคิดถึงประโยชน์ที่ดารินบอกกับเขาก่อนที่จะขึ้นรถ
"ความรักเป็นเรื่องของหัวใจเป็นสิ่งที่ต้องทำตามหัวใจ แต่ฉันมีปัจจัยสำคัญมากกว่าการทำตามหัวใจเรียกร้องเพราะการทุ่มเทให้กับความรัก แบบไม่มีเหตุผล มักจะทำให้ความรักล้มเหลว"
นั่นเป็นประโยคที่หล่อนบอกเขาก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกมา สำหรับเขาแล้วสิ่งที่ทำอยู่ในขณะนี้คือทำตามหัวใจ ในเมื่อเขาชอบผู้หญิงคนนี้ และผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายอย่างที่ไม่เหมือนผู้หญิงที่ผ่านมาของเขา ดารินเป็นคนที่น่าค้นหา แต่บางเสี้ยวนาที แววตาที่เขาจ้องมองนั้นกับมีความเศร้าซ่อนไว้ภายใน...
รณช...รู้ว่าไม่ง่ายนัก ที่จะชนะใจผู้หญิงอย่างดาริน...
2 กุมภาพันธ์ 2553 20:46 น.
แมงกุ๊ดจี่
"คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม? " เสียงชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในมุมระเบียงทักถามจนดารินตกใจระคนแปลกใจว่าเสียงที่ถามนั้นถามเธอหรือเปล่า เธอทำหน้าแบบงง และมองใบหน้าคมสันที่รับกับแสงสลัวๆ ของไฟที่สาดมาจากห้องจัดเลี้ยง และสบตาเป็นสัญญาณว่าถามเธอหรือเปล่า? "ก็คุณนั่นแหละ ผมไม่ได้บ้าพูดคนเดียวหรอก" เสียงเขาส่งมาพร้อมแววตาค้นหา "ฉันเหรอ? " แต่ในใจก็คิดว่าไม่บ้าเหรอ? นายนั่นแหละบ้าชัด ๆ ฉันไม่รู้จักนายซะหน่อย "อืม...ใช่ ผมถามคุณนั่นแร่ะ ผมเห็นคุณตั้งแต่เดินออกมาแล้ว แต่คุณไม่ยักกะเห็นผม" เขาสาธยาย
อะไรกันผู้ชายคนนี้ ทำให้ภายในใจดารินคิดกลัวขึ้นมา ตานี่โรคจิตหรือเปล่านะ ทำให้ต้องโมโหตัวเอง บ่นในใจว่านี้ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะที่หนีออกมาจากงาน เพียงเพราะเซ็งกับเหตุการณ์ภายในงาน มันไม่คุ้มกันเลย กับเหตุการณ์ที่ต้องเจอในตอนนี้ ไม่รู้จะต้องมาถูกตาบ้านี่ลวนลาม หรือจับเป็นตัวประกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ (โหคิดไปได้ไงเนาะ) สิ่งที่ทำใด้เพียงเงียบและจ้องหน้าบุรุษที่อยู่เบื้องหน้า ที่ห่างกันราวสามเมตร พยายามสังเกต ว่ากิริยาอาการท่วงท่าประมาณไหน เมา หรือ กำลังหื่น บ้ากาม หรืออะไรก็แล้วแต่
"คุณไม่ต้องกลัวผมหรอก ผมรู้คุณกำลังกลัว และอยากบอกว่าผมไม่ได้เมาแค่มึน" เขาสาธยาย(พล่ามมากกว่า) เขาหันมามองหน้าที่ตื่นกับเหตุการณ์ ทั้งรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้านี้สวย เมื่อได้สบแวววาที่มาดมั่นนั้น ทำให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ ไม่เพียงแต่สวยยังน่าค้นหาในความสวยเรียบแต่เก๋ ยิ่งพิศดวงหน้ายิ่งละมุนตา ระหว่างที่จ้องดวงหน้าที่คล้ายต้องมนต์สะกด ทำให้เขาสำนึกได้ว่าเขาเสียมารยาทกับผู้หญิงคนนี้ซะแล้ว ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ที่ครุ่นคิดก่อนหน้าหญิงสาวผู้นี้จะเดินออกมาทำลายความคิดเขา จนกลายเป็นเรื่องให้เขา คิดหาเรื่องสนุก ๆ ทำและเธอกลายเป็นเหยื่อให้เขาเล่นตลก...
แต่อีกฝ่ายไม่ได้สนุกด้วยเลยสักนิด ความหวาดหวั่นหวาดกลัวผุดขึ้นมาพร้อมตั้งรับอยู่ตลอดเวลาแววตาที่จ้องมองผู้อยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาระแวงระวัง และมาดมั่นพร้อมรับกับสถานการณ์
"ผมขอโทษคุณครับ ผมมองไม่ถนัดเมื่อสักครู่" เป็นคำแก้ตัวน่ารังเกลียดยิ่งในความรู้สึกของดาริน
"คุณเมาหรือเปล่า" หล่อนถามพร้อมจ้องหน้า
"ป่าวครับ ผมแค่มึนกับไวน์นิดหน่อยเท่านั้นเอง" เสียงเขาพูดเหมือนล้อ ๆ
"ดิฉันขอตัวก่อนค่ะ" ยังจะรักษามารยาทอีกนะ คุณผู้หญิง อะไรจะในเย็นปานนั้น
ในความใจเย็นและให้อภัยนี้เองที่ทำให้ชายหนุ่ม ที่เสียมารยาทกับเธอแอบชื่นชมอยู่ลึกลึกเขายอมรับว่าผู้หญิงคนนี้นิ่ง และเหยียบบางแว๊ปที่แววตาท่อประกายทำให้น่ากลัวดุจเสือร้ายใจรู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้ที่สวย แต่ไม่โดดเด่น แต่ยามมองก็สง่าละมุนในความเรียบหวานซ่อนอยู่เขาจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้กลับไปเจอชายหนุ่มอีกสิบภายในงานเลี้ยงได้อย่างไร...
"อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนไม่ได้หรือครับคุณผู้หญิง" เสียงทุ่มแต่ฟังนุ่มกว่าที่ผ่านมา
"ฉันต้องขอตัวค่ะ ผู้ใหญ่ท่านรอนานมากแล้ว" นางเอกได้อีก ดาริน
ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากเพื่อเซ้าซี้หญิงสาวเพื่อให้อยู่คุยเป็นเพื่อน ก็ผละเสียก่อนเมื่อสตรีวัยกลางคนกำลังเดินออกมาพ้นประตูแล้วกำลังเดินตรงมาหาเขา ที่ยืนเผชิญหน้ากับหญิงสาวในชุดราตรีพลิ้วด้วย ผ้าซีฟรองซ์สีฟ้าคุมเข่าดูเรียบแต่หรู กับท่วงท่าที่นิ่ง บางเสี้ยวนาทีก็ดูน่าสพึงแทบใจหาย
"อ้าว หนูรินมาอยู่นี่เอง รู้จักกันแล้วเหรอ? จ๊ะ " สตรีผู้นี้ก็คือป้าศรีพรรณที่เป็นเพื่อนป้าสร้อยทอง เป็นญาติทางเจ้าบ่าวนั้นเอง ซึ่งหล่อนก็เพิ่งรู้จักก่อนเข้ามาในงานด้วยการแนะนำของป้าสร้อยทอง
"คุณป้า มีอะไรกับรินหรือเปล่าค่ะ" หญิงสาวยิ้มต้อนรับผู้มาเยือนด้วยใบหน้าอ่อนหวานและไม่พ้นสายตาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลไปได้ ทุกกิริยาเขาเก็บไว้เป็นข้อมูลเสียแล้ว
"จ๊ะ ก็คุณสร้อยเขาถามหาหนูริน ป้าก็อาสาเดินมาตามจะมาตามหาลูกชายตัวแสบของป้าด้วยจ๊ะ"ป้าศรีพรรณ ที่อ่อนโยน และใจดี สาธยายการมาขัดจังหวะของสองหนุ่มสาว ซึ่งดารินคิดว่านั้น ถือว่าเป็นโชคดีที่ป้าศรีพรรณมาทันเวลาก่อนที่อะไรร้าย ๆ จะเกิดขึ้น
ดารินรู้ทันที่ว่าบุคคลที่สามในการสนทนาเป็นบุคคลเดียวกันที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหล่อนทำให้ต้องหันไปมองหน้า ที่กำลังจ้องมองมาอย่างไม่วางตาแบบไม่กระพริบ...
"รู้จักกันหรือยังจ๊ะ ถ้ายังเดียวป้าจะแนะนำให้รู้จักจ๊ะ " ป้าศรีพรรณจัดแจงแนะนำสองหนุ่มสาวให้รู้จักันไว้
"นี่จ๊ะ รณช ลูกชายป้าจ๊ะ " ป้าแนะนำบุรุษอัตพาลที่เสียมารยาทกับดารินด้วยไม่รู้ว่าก่อนนี้พ่อตัวดีทำอะไรไว้ดารินไหว้บุรุษที่อยู่ตรงหน้า แต่แววตาหมายคาดโทษเสียแล้ว
"รณช ดาริน โรจน์กาญกิจ ลูกสาวเพื่อนแม่ เป็นหลายสาวของป้าสร้อยทองจ๊ะ" ป้าศรีพรรณ พรรณนาซะยาว
รณช มองหญิงสาวที่มีแววตาคาดโทษ ด้วยแววตาขี้เล่น และยี้ยวน ทำให้หญิงสาวไม่สบอารมณ์แต่ก็ต้องข่มไว้ ต่อหน้าผู้ใหญ่ต้องเรียบร้อยไว้
"สองคนรู้จักกันเป็นทางการแล้ว เข้าไปข้างในกันไหม? จ๊ะ หรือจะคุยกันต่อข้างนอก" ป้าศรีพรรณมาเพื่อสิ่งนี้หรือช่างได้จังหวะเสียจริงนะ ซึ่งแท้จริงแล้วป้าศรีพรรณ และป้าสร้อยทอง หมายหมั่นจะให้สองคนนี้รู้จักกันในการนี้ เป็นเรื่องที่คิดไว้ก่อนแล้ว ซึ่ง รณช ก็รู้ดีว่ามาออกงานกับมารดาครานี้ต้องมีการดูตัวเป็นแน่ แต่ไม่รู้ว่าหญิงสาวที่กระหายผู้ชายคนนั้นจะเป็นใคร การมาที่นี่ของ รณช ถือเป็นเรื่องร้ายร้ายสำหรับเขาทีเดียว แต่เขาก็ต้องยอมมาเป็นเพื่อนมารดาแต่โดยดี เพราะไม่มีเหตุผลใดจะขัดขืนเขาเองก็เพิ่งเลิกกับ ริต้า หรือ "ริศฤา" ที่เธอพบรักใหม่ ทำให้เขาเซ็งกลับชีวิตจนต้องออกมานั่งที่ระเบียง จนเกิดเรื่องเข้าใจผิดกับหญิงสาวที่สวย...
แต่อีกฝ่ายไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย บิดาหล่อนบอกว่าไม่สามารถออกงานได้และไปกับหล่อนไม่ได้เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายบิดาของหล่อนก็สมรู้กับเพื่อนสาวอย่างป้าสร้อยทองแล้วนั่นเอง เหตุผลคือหล่อนเบื่อกับการใช้ชีวิตแบบนี้ที่ไม่เคยมาก่อนและในงานหล่อนก็ไม่รู้จักใครเลยนอกจากป้าสร้อยทอง และน้องก้อย ที่เป็นเจ้าสาวในคืนนี้...
"ครับ เราจะคุยกันสักพักค่อยเข้าไปครับ" เสียง รณช ชิงบอกมารดาก่อนที่สาวเจ้าจะชิ่งหนีเข้าไปในงานเพราะเขารู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้ซะแล้ว เพราะในแววตานั้นช่างท้าทาย น่าค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่เหลือเกิน สัญชาติญาณความเจ้าชู้บอกเขาอย่างนั้น..
ดารินได้แต่ยิ้ม แต่แอบส่งตาเขียวไปหาคนต้นเหตุที่ทำให้ต้องมาทนกับผู้ชายห่วย ๆ ที่เสียมารยาทคนนี้ หลังจากที่ผู้มาเยือนได้กลับเขาไปร่วมงานภายในห้องเลี้ยงรับรอง ก็ทิ้งให้สองหนุ่มสาวอยู่ในความเงียบ แต่ก็เงียบได้ไม่นาน เพราะความนึกหมั่นไส้ของดารินที่มีต่อชายอัฒพาลที่ยืนเคียงข้างพิงขอบระเบียงอยู่ห่างราวเมตรได้ หล่อนฆ่าความเงียบให้ตายลง...
"คุณมีอะไรจะคุยก็ว่ามา " หญิงสาวไม่พูดพล่ามให้เสียเวลา
"ป่าวผมแค่อยากทำความรู้จักกับคุณ และทำความเข้าใจกับคุณให้มากขึ้นก็เท่านั้น" เขาบอกพร้อมมองหน้า
"แค่นี้ งั่นฉันไป" ใบหน้างอน มุ่ยเสียแล้วแต่ก็น่ารักในสายตาของคนที่พยายามเย้าให้เหง้างอด..สมใจเขาล่ะ
"เดี๋ยวสิ ผมรู้คุณอยู่ข้างใน ก็ไม่สนุกเท่าไหร่หรอก สู้อยู่คุยเป็นเพื่อนกันไม่ดีกว่าเหรอ?" ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ
แต่เป็นข้อเสนอที่เขามีแต่ได้ และเขาคาดไว้แล้วว่าหล่อนต้องตกลง...เห็นฟ้องตามเขา ทั้งที่เขาเองก็รู้ว่าหญิงสาวโกรธเป็นไฟแล้ว...แต่ก็ยังตอแยได้อีก คริๆ
ดารินนิ่งสักครู่ก่อนผ่อนลมหายใจ แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ชุดที่มีอยู่ในมุมของระเบียงก่อนที่หล่อนจะเดินออกมา รณช ก็นั่งอยู่ตรงนั้น ดารินจ้องมองชายหนุ่มที่เมื่อนั่งได้เหมาะแล้ว ซึ่งเขายืน ตรงข้างได้องศาพอที่จะสบตาคนที่นั่งได้ถนัดชัดเจน..
"ก็ได้วันนี้เราจะคุยเป็นเพื่อนกัน ฉันให้โอกาสคุณหาเรื่องมาคุยก่อน แต่ไม่เน้นเป็นคำถามเพราะฉันอาจไม่ตอบ" หญิงสาวแจ้งคู่สนทนาก่อนเปิดเวทีสนทนาที่เขาอาจถามจู่โจมโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม นั้นเป็นการกันไว้ก่อน
"ขอบคุณครับคุณผู้หญิง ที่มอบโอกาสแก่ผม" เขาเสียงทะเล้น ก่อนจะเดินไปยืนหลังพิงขอบระเบียง
"ฉันชอบอะไรตรงๆ คุณไม่ต้องอ้อมค้อม เราคุยกับได้สบาย ๆ ฉันจะลืมเรื่องที่ผ่านไม่กีนาทีนั้นซะ" หญิงบอกแกมประชด
"ผมก็ไม้บรรทัดละครับ คุณผู้หญิง" แล้ว เขาก็ยิ้มกริ่มบอกนัย ว่าจะเริ่มแล้วนะเตรียมมือให้ดี
สองหนุ่มสาวเหมือนจะคุยกันได้ถูกคอ รณช ประทับใจในท่วงท่าการว่างตัวของหญิงสาวที่คุมสถานการณ์ได้ไม่ตื่นกลัวเพียงแต่การพบกันกลับไม่ประทับใจอีกฝ่ายสักเท่าไหร่นัก แต่การสนทนา ในค่ำคืนนี้ก็ทำให้ดารินมองเขาดีขึ้นบ้าง...
การสนทนากิริยา ท่วงท่า ของสองหนุ่มสาวอยู่ในสายตาของสตรีสูงวัยทั้งสอง พลอยทำให้ทั้งสองยิ้มกริ่มกับภาพที่เห็นงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา งานแต่งงานเป็นความสุขชื่นของเจ้าสาวและเจ้าบ่าว ที่กำลังจะสร้างครอบครัวใหม่ อีกครอบครัวหนึ่ง
"ดึกแล้วฉันต้องกลับแล้วค่ะ คุณรณช" หญิงสาวเอ่ยเมื่อแขกในงานเริ่มถยอยกันกลับ
"ผมไปส่งคุณไหม? "เขาถามเพื่อนคุยเพลินเขาไป
"อย่าดีกว่าค่ะ ฉันเอารถมา" เธอชี้แจง
"จดไว้นี้ก็ได้พรุ่งนี้ค่อยมาเอาก็ได้นี่ครับ" รณชแนะนำ
"ไม่ดีกว่าค่ะ เพราะพรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงาน" เธออธิบายเหตุผลแก่เขา
"คุณมีเพื่อนกลับไหม? นี่ก็ดึกแล้ว" เขาถามเพราะห่วงความปลอดภัยของหญิงสาวจริง ๆ
"กลับคุณป้าไงค่ะ ขอบคุณสำหรับแนวคิดใหม่ ๆ นะค่ะ" หญิงสาวกล่าวขอบคุณสำหรับการสนทนาในวันนี้
ดารินเดินเข้าไปในห้องเลี้ยงรับรองยังไม่ทันพ้นประตูทางเข้า ก็ต้องหันกลับ
"ผมเริ่มจะเชื่อเรื่องพรหมลิขิตแล้วล่ะ" เขาตะโกนให้ดังพอทันที่ดารินจะก้าวพ้นประตูไปหญิงสาวหันมามองด้วยแววตาไม่เห็นค้นหา และไม่ได้ขัดแย้ง..กับสิ่งที่เขาบอก...
"พรหมลิขิต กำลังจะโยงสองหัวใจมาผูกไว้เป็นใจเดียวหรือว่า พรหมลิขิตเพียงพิสูจน์ดารินเท่านั้น"