17 สิงหาคม 2549 14:43 น.
แมงกุ๊ดจี่
.............
คุณแพร...
เธอนั่งซึมอยู่บนม้านั่งในสวน ที่ร่มรื่น สงบ และเขียวฉอุ่มสวยงาม
ดูเหมือนหญิงสาวจะไร้ชีวิตชีวา เธอดูเหม่อลอย แววตาเศร้า...
เหมือนมีสิ่งใดอยู่ในใจลึก ๆ ดูเหม่อลอย ล่องลอยแบบไร้จุดหมาย...
8 สิงหาคม 2549 18:06 น.
แมงกุ๊ดจี่
...ตึกตั๊ก ตึกตั๊ก........เสียงหัวใจของฉันมันเต้นผิดจังหวะ ไม่เหมือนอย่างเคย พร้อมกับเสียงหายใจที่ติดขัด ไม่เป็นจังหวะอย่างเคยเป็น ฉันนั่งกำมือแน่น ตัวเก็งไปหมด ฉันนั่งลำพังคนเดียวอยู่หน้าห้อง....ซึ่งก่อนหน้านั้น ฉันได้เจอผู้ชายใจดีคนหนึ่งเขาดูภูมิฐาน เขาเอ่ยบอกฉันว่า *ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อย่ากังวลเลย เดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้ว*
...คำพูดที่ปลอบโยนของผู้ชายใจดีคนนั้น ไม่ได้ช่วยให้ฉันคลายความกังวลอะไรเลย ฉันนั่งนิ่ง ตัวแข็งทื่ออยู่ไม่นาน สักพักได้ยินเสียงดังก้อง...ในหู *อย่าทิ้งพ่อนะ ดูแลพ่อนะ* มันวนซ้ำ ๆ ในหูเหมือนอยู่ใกล้ ๆ
ไม่ไกลจากฉันเท่าไหร่ ฉันมองไปรอบ ๆ มีภาพผู้หญิง อายุมากแล้วนอนอยู่บนเตียง สายตาเหม่อลอย จ้องมองมาทางฉันแล้วเอ่ยขึ้น *อย่าทิ้งพ่อนะ ถ้าแม่...ไม่อยู่แล้ว ดูแลพ่อด้วย อย่าลืมนะ* แม่...พร่ำบอกฉัน...ช้ำ ๆ
...ตอนนั้น ที่แม่...เอ่ยออกมาทั้งที่ลำบากในการที่จะเปล่งเสียงออกมา แต่แม่...ก็พยายามที่จะพูด ให้ฉันได้รับฟัง แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้รับปากกับแม่ไว้ ฉันสนิทกลับแม่...ตั้งแต่เด็กจนโต... ฉันซึมซับเรื่องราวของแม่...มากกว่าใคร ๆ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด แม่...ไม่ได้ไว้ใจฉันหรอก แม่...เคยบอกว่า ฉันเหมือนพ่อทุกอย่าง รูปร่าง หน้าตา นิสัยใจคอ ผิวพรรณ แม้นแต่โรคลมในกระเพราะ ก็ยังเหมือนพ่อ....สงสัยตอนฉันอยู่ในท้องแม่ แม่คงรักพ่อมากหรือเปล่า หรือโกรธพ่อน๊า ฉันเองก็ไม่กล้าถาม...
...เมื่อฉันเหมือนพ่อทุกอย่าง จึงทำให้ฉันพยายามทดแทนสิ่งที่แม่ขาด สิ่งที่พ่อไม่เคยให้แม่... ทุกเรื่องราวของแม่...ฉันซึมซับมาทุกอย่าง ความเจ็บปวดทุกอย่างที่พ่อทำไว้กับแม่...พ่อเจ้าชู้แค่ไหน? พ่อนอกใจแม่กี่ครั้ง ฉันรับรู้และรับทราบทุกอย่าง พี่ ๆ น้อง ๆ ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย...
...ฉันไม่ได้ดีใจหรอก ที่รู้เห็นเรื่องราวพวกนี้ ฉันเสียใจต่างหาก และร้าวรานในหัวใจ รักและสงสารแม่มากแค่ไหน? แต่ฉันทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นเพื่อนแม่ ร้องไห้ไปกับแม่เท่านั้นเอง...พ่อไม่ใช่บุคคลที่น่าประทับใจสำหรับลูก ๆ ทุกคน แต่พ่อใม่เคยสอนให้ลูกเป็นคนไม่ดีเลย มีประโยชน์หนึ่งที่พ่อบอกพวกเราเสมอ *รักที่จะเป็นอะไรให้เลือกเอา รักดีก็ทำ รักชั่วก็ทำ* พ่อให้อิสระกับพวกเรา พ่อไม่มาดูแลพวกเรา ทำให้เราไม่ยอมที่จะเป็นคนไม่ดีในสายตาของใคร ๆ
...วันที่แม่ออกจากโรงพยาบาล เพื่อกลับมาบ้าน เป็นวันที่ทรมานในหัวใจเหลือเกิน ฉันไม่ได้ไปทำงาน ฉันนั่งอ่านหนังสือให้แม่ฟัง ใคร ๆ บอกว่าฉันบ้าไปแล้ว ไม่หรอกฉันไม่ได้บ้า... เพราะหนังสือที่ฉันอ่านเป็นคัมภีร์พระไตรปิฎก ทำให้ใคร ๆ คิดว่าฉันเป็นบ้าไปแล้ว แม่เริ่มไม่ไหวแล้ว...ฉันเอียงตัวไปแนบแก้มแม่ และพูดข้าง ๆ หูบอกให้แม่ท่องพุทธโธ พุทธโธ พุทธโธ
*คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้ในใจนะแม่นะ*
...ฉันจับมือแม่ไว้มั่น แม่พยายามพูด แต่ไม่มีแม้นเสียงเปล่งออก สายตาของแม่ดูวิงวอน...เห็นสายตาแม่แล้วทำไม? ฉันจะไม่รู้ว่าท่านต้องการอะไร ฉันตัดสินใจ บอกแม่ออกไป...*แม่ไม่ต้องห่วงนะ หนูจะดูแลพ่อ จะไม่ทิ้ง และจะคอยดูแลน้อง แม่ไม่ต้องห่วงนะ* ฉันพูดเสียงดังฟังชัด ปะปนกับเสียงร้องไห้ โฮของพี่สาว และพ่อที่อยู่รอบ ๆ ข้าง... ปู่และญาติ ดึงตัวฉันออกมา เพื่อไม่ให้น้ำตารดศพแม่ มือของแม่ยังกำมือของแน่น ตาของแม่ไม่ปิด ฉันค่อย ๆ เอื้อมมือไปปิดตาแม่ เพื่อให้แม่หลับตาให้สนิท เหตุการณ์วันนั้นทำให้ฉันรู้สึกผิด ผิดจนถึงทุกวันนี้...
...แหลม แหลม...เสียงดังมาจากข้างหลังทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากพะวังภ์ ฉันหันไปมองพร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วมองหน้าพี่ชาย เห็นเขามาแล้วทำให้ฉันอุ่นใจขึ้นเยอะ ความหวาดกลัววิตกกังวลหายไปบ้าง แต่ก็ยังมีอยู่
พี่ชายของฉันนั้นเอง เขาเรียบร้อนหน้าตาตื่นมา แล้วถามขึ้นแบบเรียบ ๆ ในแบบของเขา *พ่อเป็นไงบ้าง...* เขาเอ่ยถามหน้าของเขาเหมือนเฉย ๆ
แต่แววตาเขาก็กังวลไม่ต่างจากฉันหรอก *ไม่รู้หมอยังไม่ออกมาเลย* ฉันตอบไปด้วยเสียงสะอื้นในคอ... พี่คงไม่รู้สินะว่าฉันกลัวแค่ไหน?
...สักพักผู้ชายใจดีคนที่ปลอบฉันก่อนหน้านั้น เดินออกมาจากห้อง...ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วนะ คนไข้ต้องฟักฟื้นที่โรงพยาบาลก่อน ประมาณ 1 อาทิตย์นะ ฉันมองหน้าพี่แล้ว ความกังวลใจ ที่มีบนใบหน้าก็หายไป ฉันเอยขึ้นพร้อมยกมือไหว้เขา *ขอบคุณมากคะหมอ* แล้วหมอก็เดินจากไป...การผ่าตัดของพ่อผ่านได้ด้วยดี รอแค่การฟักฟื้นเท่านั้น อีก 1 อาทิตย์ก็กลับบ้านได้แล้ว...