หากจะนับรอยโศกวิโยคจิต หว่างชีวิตผลิกผันกับหวั่นไหว มีพลาดผิดหลายคราวมายาวไกล อีกเมื่อไหร่? พบสุขความทุกข์จาง... ทำอย่างไร? จึงปรากฎเรื่องสดใส หรือมีใคร?...นำพาพบฟ้าสาง เถอะสักครั้งบรรเทาทุกข์เบาบาง ปลีกหนทางหวั่นไหวไกลวังวน... อยากปลงใจแน่จริงทุกสิ่งนั้น วิตกพรั่น...ยอมรับว่าสับสน เหลียวทางใดมันฝืดพามืดมน หวังผ่านพ้น...วัฏฏะห้วงชะตา... ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามไตรลักษณ์ ควรตระหนัก...รอยกรรมธรรมดา ความเกิด-ดับวนเวียนกงเกวียนพา- เมื่อถึงครา...ให้ผลรับทนไป... เพราะวันนี้...ที่เห็นและเป็นอยู่ มิอาจรู้...อนาคตปรากฎใด ทุกรอยก้าวซ่อนเจ็บหนาวเหน็บใน ทนข่มไว้...ให้ลึกแม้นึกกลัว... อย่าถามว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร? เรื่องมันไม่ได้ยืดยาว แต่เล่าอย่างไรก็ไม่จบ... เพราะรัก...ทำให้กลัวงั่นรึ? ไม่จริงหรอก... Would you ever let me down? I'm worry so worry that you'll let me down.
นิ่งเนินนานเหม่อมองส่องกระจก ร้าวในอกหวาดหวั่นจิตพรั่นไหว สบเนตรของหญิงหนึ่งอื้ออึงนัย เพ่งมองไป...ได้เห็นความเย็นชา.... แฝงแววโศกหงอยเหงาหม่นเศร้านัก เหมือนหน่วงหนักบากบั่นกับปัญหา ดูเหม่อลอยอ่อนไหวไร้ชีวา ในแววตา...ทุกข์ระทมขื่มขมทรวง... เปรียบแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า ดูอ่อนล้า..สิ้นหวังเรื่องทั้งปวง คงเหนื่อยหน่ายสับสนกับกลลวง จะมีไหม? บางห้วงชีวิตวิจิตรงาม... สบตาเธออีกครั้งก็ยังโศก เหมือนว่าโลกน่าเกลียดน่าเหยียดหยาม แววตานั้นหวาดหวั่นพรั่นเกรงขาม มีนัยความ...แฝงเร้นสิ่งเป็นไป... ปล.๑ : อยากได้ความจริงใจ หัวใจเราก็ต้องจริง และแท้ด้วยสินะ ปล.๒ : ไม่อยากให้ใครโกหก ฉะนั้นเราก็พูดแต่คำจริง จริงใจเป็นปกติของจิต ปล.๓ : แต่ถ้าเราพูดแต่คำจริง แต่กลับถูกโกหกอยู่ตลอดหมายความว่าเรายังจริงไม่พอสินะ ปล.๔ : ทำเป็นไม่รู้บางเรื่องบ้างจะทำให้มีความสุข และอยู่ได้อย่างปกติสุข...
กำแพงใดที่กั้น หนทาง ลองร่วมกันถกถาง ย่อมสู้ พวกเราต่างวาดวาง เกิดก่อก้าวบั่นเคียงเรียนรู้ เพื่อสร้างรักจริง...
ปัจฉิมลิขิต : มาขึ้นบ้านใหม่ ที่ไฉไลกว่าเดิม เพราะคิดถึงจึง ไม่มีอะไรมากกว่า อิอิ บอกตรงๆ งงจังเลย