28 กุมภาพันธ์ 2550 15:57 น.
แมงกุ๊ดจี่
สารภาพออกไปใช่เพราะเผลอ
ใช่ละเมอ...ทำไปด้วยใจหลง
ความรู้สึกจากเคยให้ใจมั่นคง
สิ่งประสงค์...เพียงเผยเอ่ยความใน...
ทุกห้องใจรอคนดีที่คิดถึง
ใจคำนึง...ไม่เคยรู้...อยู่แห่งไหน?
อีกซีกฟ้า...ที่ห่างดูกว้างใหญ่
วันจากไปหัวใจหวังยังคอยหวน...
โปรดกลับมาได้ไหม?ใจขอ
เพราะยังรอ เพียงพี่...ที่ทบทวน
หัวใจหนึ่งมั่นไว้ไม่เรรวน
ยังคร่ำครวญ...วันชื่น...คืนหวนมา...
จะผันผ่านอีกกี่ชาติมิอาจลบ
ผ่านกี่ภพ...หัวใจยังโหยหา
ความรักคงมั่นแน่แค่พี่ยา
รอเสมอมา...ชั่วชีวิต..นิจนิรันดร์...
หยดน้ำตาหลั่งรินแทบสิ้นศักดิ์
ไม่เหลือรักแท้ใด...ไว้คงมั่น
นับจากนาที...ที่เราจบเลิกคบกัน
ขาดสะบั่น ทุกสิ่ง...ทิ้งขว้างไป...
เหมือนไม่มีสิ่งใดเหลือให้จำ
เพียงรอยช้ำความเศร้าฝากเอาไว้
มิเหลือภาพแห่งความรักเคยปักใจ
ช้ำทรวงใน...เพียงฉัน...หวั่นลำพัง...
อยากขอโทษจากใจหากฉันผิด
เพียงสักนิด...ได้โปรดช่วยรับฟัง...
อย่าปล่อยทุกอย่างเป็นความหลัง
เพราะความหวัง...ของฉันนั้นคือเธอ...
รู้แก่ใจ...ไม่อาจย้อนเวลามาแก้ไข
ทุกข์เพียงใด...ใจรู้...อยู่เสมอ
แค่อยากบอกไว้หัวใจมีเพียงเธอ
มั่นเสมอ....คือเธอแน่...แค่หนึ่งคน...
27 กุมภาพันธ์ 2550 10:48 น.
แมงกุ๊ดจี่
"ร้อยเรียงถ้อยสายเสียงสำเนียงส่ง
สิ่งประสงค์คือมิตรจิตรังสรรค์
คือน้ำมิตรจากหัวใจให้แก่กัน
ไม่คิดฝันคือใครในบทกลอน"
มีบางครั้งหัวใจอาจไหวอ่อน
พบบทกลอนเรียงร้อยถ้อยอักษร
อ่านถ้อยคำพร่ำพรอดช่างออดอ้อน
ก้อนเนื้ออ่อนหวั่นไหว...ไกลเกินกู่...
มีบางถ้อยเรียงร้อยคอยเสนอ
พาละเมอเผลอไผล่ใฝ่ครองคู่
เชื่อมั่นว่าใช่บางใครที่คอยอยู่
แต่ก็รู้....ไม่มีใครในบทกลอน...
เหมือนกลอักษรซ่อนเล่ห์เสน่หา
คล้ายภาพลวงตามาหลอกหลอน
อ่านแล้วดั่งสัมผัสได้ใจอาวรณ์
ยากถ่ายถอนลืมไปในเนื้อความ...
เพราะโลกเสมืองจริงคือสิ่งสมมุติ
จำต้องหยุด! อย่ารักคอยหักห้าม
ความรักโลกออนไลน์ไร้นิยาม
อย่าเชื่อตามข้อความที่ได้เจอ.... เหอ ๆ ชีวิตน้อย ๆ
22 กุมภาพันธ์ 2550 13:32 น.
แมงกุ๊ดจี่
คล้ายเส้นแบ่งรอยแยกที่แตกต่าง
กลายเป็นช่องว่างระหว่างความคิด
มิอาจเข้าถึงห้วงของดวงจิต
กลายเป็นมิตรที่ห่างบนทางใจ...
เหมือนเป็นใยเบาบางมากางกั้น
เกินบุกบั่นข้ามผ่านผ้าม่านใหญ่
เป็นเพราะระยะทางอยู่ห่างไกล
ไม่อาจใกล้บอกกล่าวเรื่องราว"เรา"
-----------------------------------------
...ยัยบ๊อง ผ่านมานานแล้ว...
ไม่เคยมีใครได้เรียกชื่อนี้อีก ยัยบ๊องเมื่อไหร่
มะเหงกต้องโดนหัว แต่ก็ไม่เคยโกรธ เพราะคิดว่านั้น
คือความสมดุลระหว่างวัยแล้ว...
...แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป
ความเข้าใจ ความสมดุล เหมาะสม
กลับไม่มีเหมือนครั้งแรก ต่างคนไม่คิดฝืนยืนความรู้สึกเดิม...
...ยัยบ๊อง เธอคิดอะไรหน่ะ
...ยัยบ๊องเอ้ย ติ๊งต๊องแล้วเธอ
...ยัยบ๊อง รักเธอนะ
...ยัยบ๊องเธอเลือกเองนะ
20 กุมภาพันธ์ 2550 11:49 น.
แมงกุ๊ดจี่
เป็น "สาวเฒ่า" เด็กหัวเราะเยาะหยัน
ต่างขบขัน...ว่าไร้มารยาสาไถย
ร้อยเล่มเกวียนหญิงมากไม่อยากใช้
สมแล้วไงต้องโดดเดี่ยวเปลี่ยวเอกา..."
ประสบการณ์วัยรุ่นคล้ายหมุนเวียน
ร้อยเล่มเกวียนที่ฟังยังน้อยกว่า
ไม่ได้ปดหรือหลอกเจ้าดอกหนา
ที่เคยกล่าวว่าร้อยน้อยนิดเดียว...
รักแล้วเจ็บใจเคยอยากเผยบอก
คนช้ำชอกบอกไว้ให้เก็บเกี่ยว
ความรักแรกวัยรุ่นวุ่นเดี๋ยวเดียว
เหมือนน้ำเชี่ยวไหลไปไม่หวนคืน...
เพราะความรักเปลี่ยนไปหัวใจร้าว
ผ่านร้อนหนาวผ่านฝนทนสะอื้น
รักแรกเหมือนความหวังกลับพังครืน
คนขมขื่นเลยเก็บงำช้ำในทรวง......
จึงทนเหงาครองโสดมาโดดเดี่ยว
ไร้ใครเกี่ยวคล้องแขนเป็นแฟนควง
แสนสบายคลายทุกข์เข็ญมาเป็นบ่วง
ปล่อยเลยล่วง...อยู่บนคานสำราญใจ...
13 กุมภาพันธ์ 2550 18:24 น.
แมงกุ๊ดจี่
เพราะว่ามีความรักพิทักษ์โลก
ความเศร้าโศกเลือนหายสลายสิ้น
ทุกหัวใจต่างโหยหาเป็นอาจิณ
คอยถวิล...ไขว่คว้ามาแนบครอง...
ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มที่อิ่มอุ่น
รักละมุมช่วยคลายหายเศร้าหมอง
เมื่อความรักสมหวังดั่งใจปอง
หน้าผาดผ่องสดใสใจเบิกบาน...
ทุก ทุกคนมีนิยามของความรัก
แล้วแต่จักทึกทักหรือถักสาน
แล้วแต่ใครจักจดจำในตำนาน
อย่างนิทานเล่าขานมานานนม...
ขอทุกคนมีความสุขสมหวัง
ที่มุ่งหวังบอกรักให้ได้สม...(สมหวัง สมปอง สมใจ)
จงพบความงามให้ได้ชม
ให้ภิรมย์สมปรานาความรักงาม....