พนมกรกราบลงหน้าองค์พระตั้งสัจจะอธิษฐานบนบานกล่าวนับแต่นี้ขออย่าพบจบเรื่องราวมิสืบสาว...ติดตามคอยถามหา...ขอวอนว่าคลาดแคล้วเลิกแล้วเถิดสิ่งบรรเจิดจารจรดปรากฏหนาคุณความดีเคยก่อต่อกันมาแม้นมีค่า...เพียงใดอย่าใกล้กัน...คงเกิดมา"เพียงพบพานผ่านภพ"เมื่อเรื่องจบ "อโหสิกรรม"เคยผูกพันร่วมชาติเดียว...กรรมเก่าสิ้นเท่านั้นคือนิรันดร์...ปลดปลงอสงไขย...จงเป็นสุขรักษาตนให้พ้นผ่านจะกี่กาล..สุขเสนอเสมอไปกุศลกรรมร่วมกันเคยทำไว้มอบส่งให้...เกื้อหนุนด้วยบุญญา...เกิดชาติใดในกี่ภพอย่าพบพานผ่านกี่กาล...กี่กัปล์เลือนลับหนาหยุดแผ้วพานลดเลี้ยวข้องเกี่ยวหาร้อยอสงไขยเวลาจงล่วงเลย...พนมกรกราบลงหน้าองค์พระลูกนี้จะ...ยินยอม..น้อมเฉลยทุกข์เพราะกรรมติดบ่วงจนล่วงเลยแต่นี้เอย...หลุดบ่วงเขาลวงใจ...ปล.๑ : กรรมมาจากผลของการกระทำนั้นคงจะจริง ปล.๒ : มีอะไรอีกบ้างที่เลวร้ายกว่าที่เป็นนะ อยากบอกแม่ว่าลูกเหนื่อย ปล.๓ : เป็นอีกวันที่คิดถึงแม่ขึ้นมาจับใจ อยากกอด อยากซบ แล้วหลับไปที่ตักแม่ปล.๔ : วันนี้วันพระ สวดมนตร์ทำวัตรแล้วพักผ่อนดีกว่านะ
๑.หัตถกรรมประดิษฐ์ด้วยมือสอง จับประคองไม่ละในประสงค์ ค่อยปราณีตครบครันอย่างบรรจง จิตมั่นคงจีบกลีบบัวด้วยหัวใจ... วางสู่พานจิตหมายถวายพระ สักการะ...บูชาพระรัตนตรัย ธูปเทียนหอมพร้อมเพรียงตั้งเคียงไว้ นบน้อมไหว้นำจิตประดิษฐาน... สำรวมจิตนำบวชเพื่อสวดมนตร์ น้อมกุศล...สดับเรียนขับขาน ถ่องถ้วนทั่วแม่นยำอย่างชำนาญ มุ่งนิพพาน....ในกาลปัจจุบัน... ๒.น้อมบรรจงกราบลงหน้าองค์พระ ตั้งจิตละ...ปล่อยวางทุกอย่างผัน ขออุทิศแผ่ผลบุญเกื้อหนุนปัน กี่กัปกัลป์อโหสิกรรมเคยทำมา... นับแต่นี้...คลาดแคล้วเลิกแล้วเถิด แม้ว่าเกิดกี่ชาติไม่ปรารถนา มิพ้องพานรอยกรรมไม่นำพา สิ้นทุกขาพรากกันนิรันดร์ไป... ปล.๑ : คนรักกันต้องมีเหตุเกี่ยวพันกันมาแต่ปางก่อนหรือ "การรอคอยยังไม่สิ้นสุด" ยังต้องรอ? ปล.๒ : อโหสิกรรมแก่กันจะทำให้ พรากกันไป ตามเส้นทางของตนเพื่อชดใช้กรรมต่อไปงั่นหรือ? ปล.๓ : ถ้าเราเจริญสติปัฏฐานจะทำให้เราพรากกันไปตามแต่บุญของแต่ละคนจริงหรือ? ปล.๔ : แต่น้องแมงเชื่อนะว่า "กรรม" เป็นสิ่งที่กำหนดเส้นทางของคนอย่างเราเรา ปล.๕ : สวดมนตร์ ภาวนา เจริญสติให้มาก จะได้ผ่านทุกอย่างได้ด้วยบุญ(ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว)
หากจะนับรอยโศกวิโยคจิต หว่างชีวิตผลิกผันกับหวั่นไหว มีพลาดผิดหลายคราวมายาวไกล อีกเมื่อไหร่? พบสุขความทุกข์จาง... ทำอย่างไร? จึงปรากฎเรื่องสดใส หรือมีใคร?...นำพาพบฟ้าสาง เถอะสักครั้งบรรเทาทุกข์เบาบาง ปลีกหนทางหวั่นไหวไกลวังวน... อยากปลงใจแน่จริงทุกสิ่งนั้น วิตกพรั่น...ยอมรับว่าสับสน เหลียวทางใดมันฝืดพามืดมน หวังผ่านพ้น...วัฏฏะห้วงชะตา... ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามไตรลักษณ์ ควรตระหนัก...รอยกรรมธรรมดา ความเกิด-ดับวนเวียนกงเกวียนพา- เมื่อถึงครา...ให้ผลรับทนไป... เพราะวันนี้...ที่เห็นและเป็นอยู่ มิอาจรู้...อนาคตปรากฎใด ทุกรอยก้าวซ่อนเจ็บหนาวเหน็บใน ทนข่มไว้...ให้ลึกแม้นึกกลัว... อย่าถามว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร? เรื่องมันไม่ได้ยืดยาว แต่เล่าอย่างไรก็ไม่จบ... เพราะรัก...ทำให้กลัวงั่นรึ? ไม่จริงหรอก... Would you ever let me down? I'm worry so worry that you'll let me down.
นิ่งเนินนานเหม่อมองส่องกระจก ร้าวในอกหวาดหวั่นจิตพรั่นไหว สบเนตรของหญิงหนึ่งอื้ออึงนัย เพ่งมองไป...ได้เห็นความเย็นชา.... แฝงแววโศกหงอยเหงาหม่นเศร้านัก เหมือนหน่วงหนักบากบั่นกับปัญหา ดูเหม่อลอยอ่อนไหวไร้ชีวา ในแววตา...ทุกข์ระทมขื่มขมทรวง... เปรียบแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า ดูอ่อนล้า..สิ้นหวังเรื่องทั้งปวง คงเหนื่อยหน่ายสับสนกับกลลวง จะมีไหม? บางห้วงชีวิตวิจิตรงาม... สบตาเธออีกครั้งก็ยังโศก เหมือนว่าโลกน่าเกลียดน่าเหยียดหยาม แววตานั้นหวาดหวั่นพรั่นเกรงขาม มีนัยความ...แฝงเร้นสิ่งเป็นไป... ปล.๑ : อยากได้ความจริงใจ หัวใจเราก็ต้องจริง และแท้ด้วยสินะ ปล.๒ : ไม่อยากให้ใครโกหก ฉะนั้นเราก็พูดแต่คำจริง จริงใจเป็นปกติของจิต ปล.๓ : แต่ถ้าเราพูดแต่คำจริง แต่กลับถูกโกหกอยู่ตลอดหมายความว่าเรายังจริงไม่พอสินะ ปล.๔ : ทำเป็นไม่รู้บางเรื่องบ้างจะทำให้มีความสุข และอยู่ได้อย่างปกติสุข...
๑.เจ็บร้าวราญเพียงใดใครเล่ารู้ ที่เป็นอยู่เหนื่อยหน่ายพ่ายปัญหา มันอ่อนแอเสียขวัญหมดปัญญา ถึงเวลา...ทบทวน...ว่าควรคลาย... ทุกข์รุมเร้าเข้าข่มอารมณ์หมอง ในครรลองมืดมัวหวาดกลัวร้าย หนทางเดินแคบตีบมาลีบปลาย ชีพนี้คล้าย...ถูกสาปตราบสิ้นลม... ๒.บุญหรือกรรมนำทางมาอย่างนี้ พร่าชีวี...ในวันคืนสะอื้นขม สิ่งที่ตนได้ครองคือหมองตรม ทุกข์ทับถมผ่านล่วงสู่ห้วงกาล... เมื่อถึงกาลเหมาะสมเลิกขมขื่น เลือนวันคืนยอมรับแล้วขับขาน เกิดมาเพียงผ่านภพได้พบพาน อีกไม่นานก็พรากแยกจากไป...