31 พฤษภาคม 2548 11:00 น.
แทนคุณแทนไท
นุชนาฏ...
พี่มิอาจให้อกอุ่นละมุนปลอบ...
ด้วยสัมพันธ์ที่ผันหายเป็นข่ายรอบ...
ดั่งกรงกรอบศีลธรรมจองจำใจ...
มิอาจเอื้อนเอ่ยคำย้ำความว่า...
โอ้ดวงหน้าเคยบูชิตพิสมัย
พี่แสนห่วงจนทรวงหวั่นปั่นป่วนนัย...
ถึงความทุกข์ที่รุกในหทัยเธอ...
มิอาจอ้างคำที่พี่เคยอ้าง...
ทั้งที่แสนห่วงนางมิร้างเสมอ...
แต่ใจเจียมด้วยกายร้างสิ้นทางเพ้อ...
น้ำตาเอ่อจากฝั่งใจไหลท้นทรวง...
คราที่,พี่เคยท้อ...
มีเธอต่อพลังให้ด้วยใจห่วง...
ยื่นไมตรีวลีเอ่ยไม่เคยลวง...
ให้แดดวงได้ดื่มด่ำฉ่ำชื่นใจ...
ยังจำจิตชิดเตือนไม่เลือนดอก...
แต่ข่ายขอบคุณธรรมเกินกล้ำได้...
ตัวพี่เปื้อนเลือนความดีมิเป็นไร...
ขอเพียงอย่ามีใครมาว่าเธอ...
ดูซิ,ที่สวรรค์...
ผลิผ่องพรรณเพ็ญแขแผ่เสมอ...
กระจ่างใสละไมงามดั่งละเมอ...
ดุจดวงใจที่รักเธอเสมอมา...
แม้มิอาจเก็บดาวไปรายรอบ...
มิอาจกอบมอบความปรารถนา...
มิอาจคลายยามเธอท้อทรมาน์...
มิอาจเช็ดน้ำตาเหมือนว่าเคย...
แต่ความดีบรรดามีของนาฏนุช...
จะพิสุทธิ์สวยสว่างกระจ่างเสมอ...
ส่องทางงามท่ามฝันร้ายที่ได้เจอ...
ธรรมจะคุ้มครองเธอคนแสนดี...
ลืมเสียเถิด...
สิ่งใดเกิดเข้าครองให้หมองศรี...
หนึ่งคนรักร้อยคนชังนะคนดี...
ต่อแต่นี้อย่ารำพึงถึงเรื่องนั้น...
นุชนาฏ...
แม้มิอาจให้อกอุ่นละมุนฝัน...
แต่หวังวาดปรารถนาเป็นนิรันดร์...
สลักมั่น ความดีนุช-สุดจะลืม...
แด่เธอ...ด้วยใจรัก
พระอังคารที่ ๓๑ พฤษภาค์ ๔๘
30 พฤษภาคม 2548 10:03 น.
แทนคุณแทนไท
...หากมีคุณในอ้อมกอด
จะพร่ำพรอดพรรณนา
ให้ฉ่ำชุ่มทั้งอุรา
ด้วยว่า...แสนคิดถึง
โอบกอดคงอบอุ่น
ละเมียดมุนทุกคะนึง
หวังไว้สุขสักวันหนึ่ง
จะพึง...ได้กอดนาง
ให้ไออุ่นจากเรา
มาแนบเนาว์ใจเคยห่าง
เสพย์ฝันทั่วสรรพพางย์
แนบดวงมาลย์ผสานใจ
อบอุ่นละมุนนัก
สมานสมัครจักหวามไหว
รัดพรอดกอดดวงใจ
ไม่อยากให้คืนล่วงเลย
เหล่านั้นคือความฝัน
ท่ามคืนวันมินิ่งเฉย
กายยังไกลอย่างที่เคย
ใจยังเผยที่เว้าวอน
ดาวเอยช่วยเอ่ยบอก
หนุ่มบ้านนอกไปพร่ำอ้อน
โปรดอย่า ด่วนตัดรอน
รอก่อน น่ะสาวกรุง
ความหวังที่นอกเมือง
ยังเมลืองทุกวันพรุ่ง
งามงดยังแจ่มจรุง
ท้องทุ่งยังรอคอย
ดอกหญ้ายังโบยโบก
ให้ใจโศกไม่เงียบหงอย
มีแต่เหงาที่เร้าคอย
เหม่อลอย..ถึงกลอยใจ
ฟ้านั่นที่ในเมือง
ยังมเลืองอยู่หรือไม่
ฟ้านี้ที่ถิ่นไกล
ยังรองไรไม่เปลี่ยนเลย
หนาวไหมหัวใจพี่
คนดี..ฟังพี่เอ่ย
อกอุ่นที่คุ้นเคย
มิเคยเผยอกให้ใคร
แขนหนุนที่เคยนอน
มิเคยคลอนให้ใครไหน
ฝันงามอันอำไพ
มิเคย..จินตนาใจ ถึงใครเลย
ฟากฟ้าทะเลฝัน
ทิวาวันมินิ่งเฉย
แต่ใจนั่นมิหวั่นเลย
หัวอกเอ๋ย เลยครวญ,ครวญ
27 พฤษภาคม 2548 17:30 น.
แทนคุณแทนไท
...๑เชิญมาเถิดภารดาถ้าเหว่ว้า
ลองบ่ายหน้ามุ่งสู่ประตูใหม่
เลือดที่หลั่งถั่งโถมโลมลงไทย
ดั่งหยิกเล็บก็เจ็บในถึงเนื้อนั่น
๒ถ้าลองจ้องมองไปในสองตา
จะพบความปวดปร่าทุกไหวหวั่น
ถ้าลองมองจ้องไปในเนื้อนั่น
จะพบความเงียบงันในหัวใจ
๓เสียงไก่โก่งคอขันทุกวันเช้า
เคยบอกเล่าเรื่องราวของวันใหม่
ทุกวานวันรอยยิ้มยังพิมพ์ใจ
แต่วันนี้ขโมยไหนมาไล่ชิง
๔น้ำในตาหลั่งมาท่วมหัวอก
หวาดวิตกตระหนกใจในทุกสิ่ง
อุ่นในเรือนมิอาจได้ไออุ่นอิง
หรือนี่คือทุกสิ่งที่หมายใจ
๕มีตำนานเล่าขานมานานอยู่
ของนักสู้ผู้หมายแผ่นดินใหม่
ล้วนปลดแอกแยกทาสให้เป็นไท
โดยไม่เคยเข่นฆ่าใจประชาชน
๖นี่หรือการต่อสู้อันองอาจ
ช่างสุดแสนเขลาขลาดประหลาดล้น
เห็นเลือดที่ตกนองต้องมณฑล
ล้วนเลือดชนผู้ทุกข์ทนใช่คนพาล
๗หยุดเถิดหนาภารดรถ้าว้าเหว่
ทั้งทั่วแถวแนวทะเลที่เห่ผ่าน
เริ่มจะทุกข์จนเกินทนทรมาน
เพราะน้ำมือลูกหลาน หรือมารร้าย?
..............................................
ไม่มีผู้สร้างที่แท้มาจากผู้ทำลายโดยเฉพาะการทำลายชีวิต
พระศุกร์ที่ ๒๗ พฤษภาค์ ๒๕๔๕
26 พฤษภาคม 2548 10:12 น.
แทนคุณแทนไท
...กลอนสุภาพ
ลึกลงไปในอดีตอันหวีดหวิว
ท้องร้องกิ่วคิ้วขมวดปวดขมับ
ทุกข์ยังโถมโหมกระหน่ำงำรำงับ
มือเขย่าเท้าขยับกลัวจับใจ
อุดมการณ์ผลาญระห่ำอำมหิต
กอรปกรรมกิจคิดใคร่ครวญชวนสงสัย
การต่อสู้ผู้ต่อต้านรุกรานไทย
อ้างอำนาจประกาศใดให้ฆ่าคน
เคลื่อนขบวนชวนประชามาท้าสู้
แผ่นผืนนี้มีใครอยู่กูไม่สน
เมื่อเหลืออดอดแล้วอดจนหมดทน
ยอมฆ่าชนทนหน่อยหวังอันรังรอง
ยังจำมั่นวันที่หมองใครร้องไห้
ศพที่รายตายที่เกลื่อนล้วนเพื่อนผอง
ไหวที่หวั่นปั่นที่ป่วนลองทวนมอง
เลือดที่นองต้องลงตกอกผู้ใด
เลือกวิธีวิถีปืนมายืนจ้อง
สิ้นเสียงร้องของการพบทุกศพใหม่
ความเงียบงำย้ำมาเยือนดั่งเพื่อนไท
ได้ซ่อนแค้นแน่นดวงในทั้งใจนั่น
ปวดจนเหน็บเจ็บจนหน่ายตายจนเบื่อ
กลัวจนเบื้อเชื่อจนบ้าช่างน่าขัน
น้ำตาหยดรดจนทั่วหัวใจกัน
เงียบก็งันฝันก็ฝืนสะอื้นกิน
โน่นก็ขี่นี่ก็ฆ่าน่าหัวร่อ
มีแต่ทุกข์รุกมารอจนท้อสิ้น
เลือดยังรดหยดทั่วแผ่นทั้งแคว้นดิน
หรือน้ำตาต้องห่ารินจนสิ้นไทย
3 พฤษภาคม 2548 19:40 น.
แทนคุณแทนไท
...
เธอคือ...อิสตรี
สุนทรีอ่อนไหวในทุกด้าน
แก้วผลึกแกร่งละไมไม่ร้าวราน
เธอทั้งหวานทั้งดุ "อิสตรี"
เธอ...ดั่งดอกไม้
ตระกาลใจอยู่ในทุกห้องสี่
ระรื่นหอมพยอมยั่วทั่วอินทรีย์
ช่างสดสีสดใสหัวใจชาย
เธอ...ดุจนางฟ้า
ยื่นมือมาทรมานก็ผ่านหาย
ช่างอิ่มงามดั่งความดีมิมีคลาย
ดุจมนต์สายธารธรรมฉ่ำโลกา
เธอ...ดั่งดวงดาว
สุกสกาวพราวพรมห่มฟากฟ้า
ช่วยฉายทิศนิมิตฝันอันจินตนาฯ
ให้ก้าวไปข้างหน้าได้ถูกทาง
เธอ...เปรียบสีรุ้ง
ที่จับคุ้งโค้งรอบขอบฟ้ากว้าง
หลังพายุฝนสาดเสกให้เมฆจาง
ดุจน้ำค้างหยาดใส จากใจอนงค์
เธอ...ดั่งกุหลาบ
กลิ่นกำซาบซึมใจจนไหลหลง
ในทุกความครุ่นคะนึงพึงพะวง
เมื่อซื่อตรงคงหมายจะได้ครอง
เธอ...ดุจสายฝน
ชื่นดวงชนชะดวงใจจนไร้หมอง
ดั่งหยาดทิพย์พรมรดหยดละออง
เปรียบดุจของขวัญของฝากจากฟากฟ้า
เธอ...ดั่งเปลวไฟ
อาจเผาไหม้ได้ดั่งใจปรารถนา
มีชีวิตเหลือคงไว้เป็นกายา
เพราะเมตตาเธอเว้นไว้เป็นทาน
เธอคือ...อิสตรี
สุนทรีอ่อนไหวในทุกด้าน
แก้วผลึกแกร่งละไมไม่ร้าวราน
เธอมัดมานมานานนัก อิสตรี
-------------------------------------------
พระอังคารที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๔๘