21 มีนาคม 2555 16:44 น.
แทนคุณแทนไท
มืดจริงหนอ
เสียงหัวร่อต่อกระซิก
นอนเล่น ตีนกระดิก
ระริกระรี้ มิมีละอาย
หายหัวไปไหนหมด
คำปดคำโป้ โอ้เลยหาย
ความฝัน ซีด กระจางกระจาย
วอดวาย ในจริงจนคุ้นชิน
ขยะแขยงสยดสยอง
หนอนเน่า น้ำหนอง ของหมิน
หาเหล้าสักจอกหลอกจินต์
ให้อินเข้าอก ที่ฟกเฟือน
ความหวังอยู่ในถัง สกปรก
ซ่อนเศษ สวะนรกอันลอยเลื่อน
อย่าว่าจะหวังผ่านไปสักเดือน
แค่หลบความดิบเถื่อนไปวันวัน
เหวยว๊ะ เย้ยเยาะหัวเราะร่วน
สะท้านถ้วนทุกส่วน ป่วนปั่น
ดุจทารกถูกพรากพรมจรรย์
ต่างเพียง เลือดนั้นหั่นจากทรวง
อึงอื้อ
โน่น นั่น แน่หรือ อย่าห่วง
ปากหวาน วารเปรี้ยวประดาปวง
มึงลวง มึงหลอก ดอกเอ้ย
รอหน่อยหนอ
แล้วก็รอหน่อยหนออย่างเงียบเฉย
ชาวนา บ้าบอดอย่างเคย
สวรรค์เลยลวงขยี้บี้ระยำ
หน้าหล่อ หน้าสวย รวยล้นโครต
จะนิโรจไปไยให้ใครขำ
หินถ่วงหู มีมือก็ลองคลำ
ลองบี้บีบ ขยำ กำลังดี
โอ้ อ้าาาาาาาา เทวดาสังวาส
นารีพิฆาต บัดสี
แม่มดร้ายโดนเผาเป็นเถ้าธุลี
กลายเป็นสัมพเวสี ล้นเมือง
มืดจริงหนอ
กำมะลอมีแต่คำคุยเฟื่อง
ที่ผ่านมาทุกอย่างล้วนเปล่าเปลือง
เป็นเรื่อง เทคนิค เทคติกเลว
20 มีนาคม 2555 12:51 น.
แทนคุณแทนไท
เธอว่าฟ้าสิ้นสุดลงที่ตรงไหน...
ถึงรู้ว่าอยู่ที่ใด...ใช่ความฝัน
เอื้อมไม่ถึงคว้าไม่ได้ใกล้ไกลกัน
นั่นคือสายสัมพันธ์ที่เรามี
.
ทราบว่ามีเห็นว่าอยู่รู้ว่าใช่
ใจเข้าใจทั่วถ้วนทุกส่วนศรี
ฟ้ามิอาจจูบดินสิ้นทางมี
แต่ใจเรารู้ดีว่ามีทาง
.
... ทางที่ว่าถ้าใครเคยไปถึง
จะรัดรึงถึงความหมายแม้กายห่าง
ความเป็นจริงฟ้าดินใช่จะเลือนลาง
อยู่สนิทชิดข้างไม่ห่างไป
.
ใจใช้ใจสัมผัสจะชัดชื่น
จะดาดดื่นไปด้วยฝั่งฟ้าใหม่
ที่ซึ่งเธออาจเพิ่งเคยเข้าไป
ดินแดนอันศิวิไลซ์ของไมตรี
.
ถิ่นนั้นมีสีสรรค์สวรรค์สร้าง
ความงดงามแต้มต่างหว่างใจที่
-เข้าไปถึงและซึ้งซาบอาบฤดี
โลกเสรีที่งามงดหมดจดใจ.
.
เถิดมิตรมิ่งทุกสิ่งล้วนจริงแท้
อย่าเพียงแต่ซ่อนโศกในโลกใส
เปิดกว้างเถิดเปิดฟ้ากลัวกล้าไย
มิตรภาพสีใสอยู่ในจินต์
.
... แหนะ ขอบฟ้าสิ้นลงที่ตรงนี้
ขอส่งความปรารถนาดีมิรู้สิ้น
แม้มิได้เปิดปากให้ได้ยิน
เธอคงได้กรุ่นกลิ่นรินริมใจ
.
เขียนให้เธอด้วยถ้อยสร้อยภาษา
จะได้เลิกถามขอบฟ้าอยู่ที่ไหน
สำหรับเราก้าวข้ามคำถามไถ่
เราสัมผัสกันได้ด้วยไมตรี^
5 มีนาคม 2555 10:37 น.
แทนคุณแทนไท
วันเวลากำลังจะล่วงผ่าน
ทิพย์วิมาน สถานสถิตย์วิปริต บัดสี
ทศกัณฐ์ เป็นเทวา อัปรีย์
เรื้อนกาลี ครองถิ่นกินนคร
หนอนเน่า เห่าหอน ร้อนอำนาจ
นิติธรรมเรียราด ปัญญาอ่อน
ภูต เปรต กิเลศหนาสุมฟ้าฟอน
นรกไม่เห็นมาก่อนว่าจะมี
มีสวรรค์อยู่ที่นั่น ชั้นความอยาก
ลืมฐานราก ดีธรรม คำศาสตร์ศรี
มือถือสาก แต่ปากคาบคำภีร์
รู้มิเท่าเศษธุลีความดีเลว
นิยาม "ดี" คือความอยาก กำหนัดหนัก
กินรวบมั่วทั่วพรรคลงปลักเหว
ขุดนิยายมาลด แจกแลกเซล
เชิญเถิดเร็วอนาคตกำลังมา
วิชาการวิชาเกิน เชิญเถิดพวก
ตามสะดวก ให้สบาย สหายข้า
โน่นยังมีทหารกล้าพระราชา
นั่นอีกนับเหลือประมาประชาชน
เอ็งแดงเถือก ข้าเปลือกเหลืองเรื่องตลก
ยังเจือความสกปรกไม่ตกหล่น
อะไรหนอดลให้ใจวกวน
จิตจึงได้มิดหม่น เหลือทนอาย
คิดถึงวันเวลาที่ล่วงผ่าน
นานเหลือนานเกินกว่าจะลบหาย
จะอินทรี หรือว่าปีศาจร้าย
รูปทิพย์ก็ดูละม้ายคล้ายคล้ายกัน
เถิดอินทร์พรหมยมเทพเสพสังวาส
ให้พิล้ำพิลาสนิวาสสวรรค์
ยมทูตผีห่าซาตานมัน
เชิญเถิดถวัลย์เถลิงลาภให้ซาบทรวง
พระจันทร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๕๕ / แทนคุณแทนไท
11 มกราคม 2555 11:12 น.
แทนคุณแทนไท
เหมือนมาเด็ดดอกไม้ในดงหนาม
โดยมาตามทางสายเสน่หา
มาด้วยความจริงใจในดวงตา
ซึ่งหาญกล้า และทรงพลังฤทธิ์
คืนวันเร้าและผดุงความมุ่งมั่น
จุดไฟฝัน อบอุ่นในรักสนิท
ความเที่ยงแห่งแรงหวังตั้งเข็มทิศ
นฤมิตร ความลึกซึ้งซึ่งทบซ้อน
เพื่อ "วันดี" - สีสันอันอ่อนหวาน
อ่อนโยนราวหยาดผสานริ้วเกสร
เหมือนปีกสีผีเสื้อเมื่อโบกฟ้อน
เป็นความงาม เป็นคำพร ค่อยแผ่วไกว
ครึ่งชีวิตที่ฟันฝ่ามาถึงนี่
เธอคือมณีหนึ่งดวงช่วงไสว
สำหรับเธอของฉันโปรดมั่นใจ
ฉันจะให้ครึ่งที่เหลือนี้เพื่อเธอ...
6 ธันวาคม 2554 23:42 น.
แทนคุณแทนไท
จะเขียนอะไร
ระหว่างใจ ระหว่างบรรทัด
สุนทร อักษร กระจายกระจัด
มัธยัด อยู่ใน ถ้อยคำ ที่พรั่งพรู
ครั้งหนึ่ง
คิดถึง ครั้งซึ่งฉันเคยรู้
ในเลือนลางอยู่หว่างกลางพธู
เม็ดน้ำค้างเช้าตรู่ ระเหยหาย
ไม่มีใครคนที่เคยคุ้นหน้า
ในแววตาไม่พบมิตรสหาย
บางโลก จึงได้แต่เดียวดาย
ไร้ซึ่ง ความหมายที่เคยมี
อยู่กัน ที่ไหนหนอที่รัก
พบแล้วหรืออาณาจักรวิเศษศรี
ดินแดน วิไลเลิศประเสริฐดี
ฝุ่นธุลีเป็นเพชรสะเก็ดทอง
เธอยัง ร้องไห้ได้ไหมหนอ
และมีไหมทุกข์ท้อ และหม่นหมอง
ยังจำความปิติปลื้มที่ลิ้มลอง
จำทำนอง เพลงขอทานอาหารเย็น
โลกเธอคงสดใสไร้เดียงสา
ลืมแล้วทุกความขื่นคาผู้ทุกข์เข็ญ
ลิ้นคงไม่รู้รสทั้งหมดเป็น
แค่ประเด็นปลีกแปลกแตกแยกไป
หัวใจหนอแตกยับดับเสียแล้ว
มิเหลือแววแก้วอนันต์เคยฝันใฝ่
ไม่หลงเยื่อจึ่งได้ไม่เหลือไย
นิจจาใจ ไยหยาบผิดบาปแล้ว
จะขีดเขียนอะไรใส่กระดาษ
ให้สะอาดไร้หม่นหมองใจผ่องแผ้ว
หมึกประจดให้หมดยังหมดแวว
ว่าประจงประจารแล้วไม่เลื่อนลอย
เดือนดับไปไหนหนอในความมืด
ดาวยิ่งชืดจืดกว่าแสงแห่งหิ่งห้อย
เอ็งคนป่า ข้าคนเมือง เขาคนดอย
ก็ไม่เท่า เธอเหงาหงอยเพียงลำพัง
นี่อักษรกลอนสารที่จารจับ
รอยประทับกับประสานทุกหวานหวัง
ยังสัตย์ซื่อสื่อถึง เธอพึงฟัง
อย่ามัวนั่งหมองหม่นนะคนดี
มีจดหมายลายมือสื่อสารส่ง
ประจัดจงประเจนถ้อยร้อยสร้อยศรี
กี่ร้อยพับฉบับแนบแถบไมตรี
กี่วลีล้านล้นจากคนไกล
ฉันหยุดเขียนอักษรสุนทรสาร
นับประมาณเนิ่นนานเกินกาลได้
โกหก จริต ความคิดตัวเองไป
ว่ามิเหลืออะไรให้จดจำ
นี่ฉันเขียนอะไรใจไม่รู้
พรุ่งก็ตรู่ เช้าสาย แล้วบ่ายค่ำ
เราอาจลืมสิ่งที่เรานั้นเคยทำ
และอาจร่ำไห้กับสิ่งที่ทิ้งไป
ฉันจึงเขียนกลอนกานต์ละมานจิต
ปล่อยความคิดทั้งมวลให้ร่วนใหล
เหมือนทรายหยาบในตะแกรงโดนแรงไกว
จิตจักได้ใจละเอียดละเมียดมาน
หญิงสาว
เธอพิสุทธิ์ดุจดาวขาวสะอ้าน
กระชับจับมือฉัน อย่าสะท้าน
พระจันทร์ด้านมืดดับระยับรอ
จะเขียนอะไร
ระหว่างใด หว่างใดหนอ
หว่างของความคิดรำพึงถึงมิพอ
ฉันก็ขอเขียนบ้างอย่างนี้นะ
แด่อิสระภาพของข้า / แทนคุณแทนไท