6 สิงหาคม 2549 18:32 น.

เพื่อนเก่า

แดดเช้า

05fed493.jpgชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง
ที่ต้องเกี่ยวพันกันกับมนุษย์อีกหลายๆ คน
ก่อขึ้นมาเป็น สังคม
แต่เหนือกว่าความเป็น สังคม 
นั่นก็คือ การเกี่ยวพันด้วยความรู้สึกทางใจ
ที่เรียกกันว่า ความผูกพัน


ความผูกพันที่เนิ่นนาน ...
ที่ไม่มีการครอบครองหน่วงเหนี่ยวกันและกัน
ไม่มีใครเป็นเจ้าของชีวิตใคร
ไม่มีใครคาดหวังในเส้นทางชีวิตของใคร


ต่างปล่อยชีวิตของแต่ละชีวิตเป็นอิสระ
เท่าที่จิตวิญญาณจะเดินไปตามเส้นทางของชีวิตนั้นๆ
จึงทำให้ชีวิตหนึ่งเกี่ยวพันกับอีกชีวิตหนึ่งจนกลายเป็นคำว่า เพื่อน
และคำว่าเพื่อน ถ้าผูกพันเนิ่นนานเพียงพอ ก็จะกลายเป็น เพื่อนเก่า

05pjt070.jpgฉันเพิ่งวางสายโทรศัพท์ไปเมื่อสักครู่นี้
จากเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่รู้จักกันมานานแล้ว

จะเรียกว่า เป็นเพื่อนเก่าก็ไม่น่าจะผิด
เพราะเธอเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักคบหากันมาเนิ่นนาน
ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม


รุ่ง ... หายไปไหนมา โทร.มาตอนพี่มีลูกได้ 1 เดือนแล้ว
พี่โรส มีลูกแล้วเหรอ ไหนว่า ไม่อยากมีลูก อยากอยู่กันสองคนไง
แหม .. ตอนแรกๆ ก็อยากอย่างนั้นนะ แต่อยู่ไปอยู่มา ก็เลยคิดว่า มีสักหน่อยก็ดีกว่า
ได้ยินว่า โทรศัพท์พี่โรสหาย จะโทร.หาหลายที ไม่ได้โทร.สักที วันนี้เลยโทร.มา
แล้วรุ่งมีแฟนหรือยัง จะแต่งงานเมื่อไหร่
รุ่งเหรอ ... รุ่งยังไม่รู้เลยว่า มีแฟนไปทำไมอะ ถ้ารู้เมื่อไหร่ ก็คงจะแต่งงานมั้ง
ชีวิตก็มีทั้งสุขทั้งทุกข์นะรุ่ง บางทีแต่งงานอาจจะมีความสุขก็ได้
เหรอ ... มีลูกนี่ไม่ใช่ง่ายๆ นะ พี่โรส เหนื่อย กว่าเด็กคนหนึ่งจะโต
ใช่ ... ปีนี้รุ่งอายุเท่าไหร่แล้ว
30 แล้วพี่โรส
จริงเหรอ ... รุ่นเดียวกับน้องชายพี่เลยสิ ไม่น่าเชื่อนะ เห็นหน้ารุ่งกี่ทีๆ ก็คิดว่า เป็นเด็กมหาลัยทุกที
ก็รุ่งเป็นคนตัวเล็กนี่นา ตอนนี้เรียนกฎหมายด้วยนะ
เลือกเรียนอะไรยากๆ ด้วย กฎหมายยากจะตาย น้องชายพี่ก็จบกฎหมาย กำลังเรียนปริญญาโท
รุ่งว่า ไม่ยากนะ สนุกดีออก ... รุ่งชอบ
ดีแล้ว ถ้าเรียนแล้วสนุก แต่กฎหมายเรียนยาก
เหรอ ... ถ้ารู้วิธีเรียน ก็ไม่ยากเนาะ รุ่งว่า ไว้รุ่งจะไปเยี่ยมหลานนะ พี่โรส
เชิญเลยรุ่ง ... พี่กำลังจะซื้อบ้าน ถ้าทำบุญขึ้นบ้านใหม่แล้วจะส่งการ์ดเชิญ


พี่โรส ... เป็นรุ่นพี่อายุมากกว่าฉันประมาณ 4-5 ปี 
ใครๆ บอกว่า หน้าตาคล้ายกับฉัน แม้จะไม่เหมือนกันทีเดียวนัก
และนิสัยบางอย่างก็คล้ายๆ กัน 
แต่พี่โรสจะเป็นตัวของตัวเองและมีความเป็นผู้นำมากกว่าฉันมากมายนัก 


แล้วก็คุยกับพี่โรสได้สักพักหนึ่ง ...
ฉันวางสายได้สักพักแล้ว ... 
นั่งนึกทบทวนถึงเมื่อสองสามวันก่อนที่ฉันพบเพื่อนเก่าโดยบังเอิญ

27wqi220.jpgฉันนำคอมพิวเตอร์ไปซ่อมที่ร้านซ่อมคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ ... 
เคยมีคนส่งเงินจากอีกซีกโลกหนึ่งมาให้ฉันซื้อเป็นจำนวนเงิน 200 เหรียญสหรัฐ

แรกทีเดียวฉันลังเลที่จะปฏิเสธจะรับเงินของเขา
แต่เขาบอกว่า ถ้าไม่รับเท่ากับทำลายมิตรภาพบริสุทธิ์ใจ 
ในที่สุดฉันต้องยอมบอกเลขบัญชีเขาไป
เขาก็ตอบอีเมลกลับมาว่า 
"ดีมากน้อง ... ต้องอย่างนี้สิ"

ในวันรุ่งขึ้น ... 
ฉันก็ได้รับการโอนเงินเข้าบัญชีเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่

จากนั้น ฉันก็ติดต่อกับเขาไม่ได้อีกเลย
ไม่รู้ว่า เขาหายไปไหน
หายจากกันอย่างไม่เหลือร่องรอย
ในโลกไซเบอร์ใบนี้


ฉันไม่พบแม้แต่วี่แววหรือร่องรอยใดๆ เกี่ยวกับเขาอีก
แต่ฉันก็ไม่รู้ว่า เขาเองยังติดตามความเป็นไปของฉันอยู่ไหม?
ผู้มีอุปการคุณอันยิ่งใหญ่คนนี้ของฉัน



นี่คือที่มาของเครื่องคอมพิวเตอร์ ...
แม้จะได้รับการอัพเกรดแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ฉันก็จำได้ว่า ถ้าไม่มีการเกื้อกูลด้านเงินทองจากคนๆ หนึ่ง ฉันก็คงไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้

เขาบอกฉันว่า เขายินดีจะช่วยเหลือฉัน
เพราะว่า ถ้าฉันมีเครื่องมือจะช่วยเหลือสังคมได้มาก
ฉันเองก็ได้ใช้ประโยชน์จากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ในหลายๆ ด้าน

03rlc613.jpgวันที่ฉันนำเครื่องคอมพิวเตอร์ไปซ่อมที่ร้าน 
แล้วเดินหาอาหารมื้อกลางวันรับประทาน
เนื่องจากมื้อเช้าเกิดกินอะไรไม่ลงขึ้นมา
ด้วยความรู้สึกสงสารเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าเครื่องนี้
ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข
และทำให้ฉันได้สร้างสรรค์เรียนรู้อะไรมากมาย


ด้วยความหิว ... 
ฉันจึงคิดว่า ร้านอาหารข้างทางบางร้านอาจจะอร่อยก็ได้
ปกติฉันจะกินข้าวที่บ้าน กินอาหารที่ทำด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่
ไม่ค่อยออกมากินอาหารข้างนอกนัก

พบร้านอาหารร้านหนึ่งจัดร้านได้ลงตัวดูสวยงามดี
สะอาดสะอ้าน เมนูอาหารที่อยู่หน้าร้านก็ดูไม่แพงสักเท่าไหร่นัก


ฉันเดินเข้าไปสั่งอาหารแล้วก็เลือกโต๊ะนั่ง
ไม่นานเท่าไหร่นัก อาหารอุ่นๆ ก็เสิร์ฟมาถึงที่ฉันนั่ง
ไม่ต้องรอนานด้วย ... 
นับว่าร้านอาหารนี้เป็นที่น่าพอใจ

03lwc221.jpgเขาว่ากันว่า 
ถ้ามีใครสักคนนั่งจ้องมองเรา หรือ เราจ้องมองใครสักสามนาที
คนที่ถูกจ้องจะรู้ตัว ...
ก็คงจะจริง ... 
ฉันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสาวผิวขาวอวบอั๋นคนหนึ่งกำลังจ้องมองฉันอยู่
เธอหัวเราะชอบใจ แล้วพูดว่า ใช่จริงๆ ด้วย
ฉันจำได้ว่าเธอคือ เพื่อนเก่า ของฉันสมัยเรียนชั้นประถม


ฉันกับเธอเคยเรียนร่วมชั้นกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอนุบาล
เธอจะไว้ผมยาวแล้วถักเปียเดียวด้านหลังตั้งแต่อนุบาลจนจบ ป.6
จนวันนี้ เค้าหน้าของเธอก็ไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่นัก


เธอมากับเพื่อนร่วมงานของเธอ ... เป็นคนใต้ ผิวคล้ำ
เธอเดินมานั่งที่โต๊ะของฉัน อยู่ตรงหน้านั่งเก้าอี้ตรงกันข้าม
ถามเธอว่า เป็นอย่างไรบ้าง แต่งงานหรือยัง
เธอตอบว่า แต่งงานมาสามปีแล้ว ยังไม่มีลูก



กับเพื่อนๆ บางคนในสมัยเรียนด้วยกัน
เธอมีโอกาสพบเจอเพื่อนหลายคนและพอรู้ว่า บางคนก็มีลูกแล้ว
บางคนทำงานอยู่ที่ไหนต่อที่ไหนบ้าง


ฉันถามถึงเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนหลายต่อหลายคน ...
เธอทบทวนความหลังแล้วบอกว่า ฉันความจำแม่นยำมาก ทำไมยังจำได้เยอะจัง
เธอบอกว่า ฉันเป็นคนเรียนเก่ง แต่งกลอนเก่ง
ฉันบอกว่า อย่างนั้นหรือ ... เพิ่งรู้ตัว
เพราะที่ฉันเรียนหนังสือมาจนจบ ฉันไม่เคยรู้เลยว่า ฉันเรียนเก่ง


เธอบอกฉันว่า ฉันเปลี่ยนไปมาก มีเพียงเค้าหน้าที่ยังเหมือนเดิม พอจะจำได้ และคิ้วก็ยังโก่งเหมือนเดิม 

ครั้งแรกที่ฉันเดินเข้ามาที่ร้าน เหมือนคนคล่องแคล่วมากๆ จนไม่คิดว่า เป็นฉัน
ความคล่องแคล่วว่องไวติดนิสัยจากการเคยทำงานข่าวมาระยะหนึ่งนั่นเอง
จากเด็กหญิงที่มักถูกเพื่อนผู้ชายตัวใหญ่ๆ คอยแกล้งซะเรื่อย ... 
ไม่นึกว่าเวลาล่วงเลยมา 20 ปี จะเปลี่ยนกลายเป็นคนคล่องแคล่วที่ไม่มีใครกล้ารังแกได้



ฉันจำภาพเพื่อนผู้ชายตัวใหญ่ที่ถูกครูจับให้นั่งคู่กับฉัน 
แล้วก็ชอบแกล้งจนฉันนั่งร้องไห้บ่อยๆ ได้อย่างแจ่มชัด 

เขาชื่อ สุธี และรอบข้างฉันก็นั่งอยู่กับเพื่อนผู้ชายอีกสองคน คือ วรศิลป์ กับ วราการ 
เวลาฉันถูกสุธีแกล้ง สองคนนี้ก็จะผสมโรงแกล้งฉันจังเลย

ใช่ๆ จำได้ สุธี ชอบแกล้งเธอ แต่เขาอาจจะแอบชอบเธออยู่ก็ได้นะ ... ถึงแกล้งเธอจังเลย อ้อยพูดหยอกๆ
ไม่หรอก ... เขาไม่ได้ชอบเรา เขาชอบแกล้งเรา เขาไม่มีวันชอบเราเด็ดขาด ฉันยืนกราน
ก็ไม่แน่นา ... บางคนอาจจะไม่กล้าพูด เลยแสดงออกด้วยการแกล้ง 
นี่แหละ ... เหตุผลที่ทำให้เราเรียนกฎหมายเอาปริญญาอีกใบหนึ่ง เพราะไม่อยากเห็นใครถูกคนเอาเปรียบและถูกรังแก
เธอเก่ง เธอเรียนได้อยู่แล้ว เธอความจำดีมากเลยนะ จำเพื่อนได้เยอะกว่าอ้อยอีก ... เพื่อนบางคนที่รุ่งพูดถึง อ้อยก็ยังนึกไม่ออกแล้วเนี่ย
ฉันจึงแกล้งหยอกไปว่า 
อ้อยก็จำได้แต่วิญญูน่ะสิ เขาหลงรักอ้อยมั่นคงตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งจบ ป. 6 
อ้อยจึงหัวเราะขึ้นมา ใช่ๆ คนนี้สิ ... จำได้แม่นเลย


แต่อ้อยจำ นพนันท์ ไม่ได้ 
ยิ่งฉันบอกว่า เป็นคนที่หน้าตาดีๆ ด้วยแล้ว เธอยิ่งนึกไม่ออกเข้าไปใหญ่ เธอบอกว่า จำได้แต่เป้ ... 
เป้ เป็นคนที่เด็กผู้หญิงชื่นชอบกันหลายคน เพราะหน้าตาดีจริงๆ 
แต่ทำไมฉันถึงไม่เห็นสนใจ ... 

เออหนอ ... สงสัยคนหล่อของฉัน คงไม่ได้หล่อสำหรับคนอื่นๆ

30ini862.jpgเธอแนะนำให้ฉันรู้จักกับพี่ชล คนที่มากับเธอเป็นคนใต้
เธอถามฉันว่า เมื่อไหร่จะแต่งงาน
ฉันตอบว่า ฉันไม่รู้ว่า มีแฟนไปเพื่ออะไร และแต่งงานไปทำไม
ฉันหันไปคุยกับพี่ชล บอกว่า บางคนแต่งงานไปเพราะอยาก แล้วพอแต่งงานแล้วจึงรู้ว่า ทุกข์มีจริง
เด็กที่เกิดมา ... 
กว่าจะเลี้ยงให้เติบโตทั้งร่างกายและจิตใจต้องอาศัยพลังใจมหาศาล

อ้อย ... เพื่อนเก่าของฉันสนับสนุนการแต่งงานว่า เขาก็มีความสุขดี 
อยู่กับสามีไม่มีลูก

ถ้าเราเจอคนที่ใจตรงกันก็ดีเนาะ ... แต่ส่วนใหญ่จะไม่ใช่นะสิ  
ฉันเปรยๆ ขึ้นมาบ้าง ...

29yhe566.jpgเรื่องอย่างนี้ อยู่ที่วิบากกรรม ... ฉันคิดเช่นนั้น 
เพราะหลายคนที่ไม่มีวี่แววว่าจะแต่งงานได้ 
แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้ข่าวคราวว่า เขาแต่งงานและมีลูกแล้ว

ใครเลยจะรู้ว่าชีวิตขีดเส้นทางให้เราพบกับใคร
และชีวิตจะกำหนดให้เราร่วมทางกับใคร


ไม่แน่ว่า ... 
ถ้าฉันทำปากดีบอกว่า ฉันอยู่คนเดียวสบายดีแล้ว ไม่แต่งงานหรอก
เกิดถึงเวลาที่วิบากกรรมกำหนดมาให้ฉันพบเจอใครสักคน 
แล้วความคิด จิตใจของฉันเกิดเปลี่ยนแปลงไป 
ถึงเวลานั้น ... ฉันจะกลืนน้ำลายตัวเองไม่ลง

เรื่องของอำนาจกิเลส แรงปรารถนา ความต้องการ ถ้าเกิดรุนแรงแล้ว
ถึงคราวนั้น ... ถ้าไม่มั่นคงเพียงพอ
ก็จะกดข่มมันไม่ลง

ไม่อยากได้ชื่อว่า ปากดี ทำเป็นเก่ง
แท้แล้วก็เอาชนะอารมณ์ไม่ได้

แต่อย่างไรก็ตาม ...
อารมณ์ปรารถนาก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์
ฉันจะไปยั้งหยุดคนอื่นๆ ให้คิดแบบฉันทุกคนก็ไม่ได้

บางคน ... 
อาจจะหาเหตุผลอ้างเอากับฉันได้ว่า เธอไม่เคยมีความรัก เธอไม่เคยรักใคร เธอไม่เข้าใจหรอก 
เธอก็พูดได้ว่า อยู่คนเดียวสบาย ...



เพียงแต่ ....
ฉันไม่รู้เหตุผลเท่านั้นเองว่า ฉันจะแต่งงานไปทำไม?
คนอื่นอาจจะมีเหตุผลดีๆ สำหรับตัวเขาเองก็ได้ ...
ฉันควรเคารพในการตัดสินใจของคนอื่น ... ใช่ไหม?

29gzf811.jpgเมื่อคืนนี้ ... 
ฉันออนไลน์เอ็มเอสเอ็น 
เจอ เพื่อนเก่า เอกภาษาอังกฤษที่สนิทสนมกันในสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย
เธอไปทำงานอยู่ที่อเมริกา และที่เครื่องไม่มีคีย์บอร์ดภาษาไทย
เราจึงคุยกันสองภาษา 


ฉันอ่อนแอภาษาอังกฤษยิ่งนัก แต่อ่านภาษาอังกฤษพอรู้เรื่อง
การสนทนาจึงเป็นไปเช่นนี้ตลอดมาทุกครั้ง
เธอเป็นเพื่อนที่คบหากับฉันมาเป็นเวลาสิบกว่าปี 
เสมอต้นเสมอปลายในความสัมพันธ์ยิ่งนัก



เธอเคยประสบอุบัติเหตุจนสมองกระทบกระเทือน
ความจำบางส่วนเลือนๆ ไปสักพัก ทุกวันนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว
เธอเป็นคนเงียบๆ และระมัดระวังตัว 

ฉันเป็นคนชอบเขียนบันทึก และบางบันทึกฉันก็เอาไปให้เธออ่าน
เธอบอกว่า ฉันเป็นคนน่าสนใจ มีอะไรในตัวเยอะแยะไปหมด
แต่เธอเองไม่เขียนบันทึก ด้วยเหตุผลว่า กลัวเป็นหลักฐานที่ทำให้คนล่วงรู้ความลับของเธอ

ทำไมฉันไม่คิดอย่างเธอหนอ ...
ฉันคิดว่า การเขียนบันทึกเป็นการทำให้ฉันรู้จัก ตัวตน ของตัวเองและ เติบโต ไปในเส้นทางที่ชัดเจน 
เพราะการเขียนย่อมเกิดจากการกลั่นกรอง 
การกลั่นกรองทำให้เราเจริญสติ และสามารถหล่อหลอมตัวเราเองขึ้นมาได้


ถ้าเรื่องราวของฉันได้ถูกถ่ายทอดออกมาแล้วพอเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ประสบการณ์ของคนอื่นบ้าง ก็จะเป็นบุญกุศลมิใช่น้อย ...
ชีวิตที่โปร่งสบาย ไม่ควรมีอะไรบังใจ 
หากเปิดเผยชีวิตออกมาได้ ... ตัวตนก็จะแจ่มชัด สว่างไสว



การยอมรับความจริงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการกลบเกลื่อนปิดบังเอาไว้
เพราะในที่สุด ... 
ตัวตน ของเราก็ไม่ใช่สิ่งจริง
เกิด เติบโต เสื่อม และสลายลงไปพร้อมๆ กับกาลเวลาได้เสมอ
เหมือนๆ โลกใบนี้ที่ถูกสร้างขึ้นมาและทำลายลง แล้วสร้างขึ้นใหม่ 
มีสิ่งชีวิตเกิดขึ้นมาในสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่สมดุลเพียงพอ .... หลายต่อหลายครั้งมาแล้ว 



ทุกอย่างก็เหมือนมายาภาพ เหมือนภาพฝัน ...
อยู่ที่ว่า เราจะสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสิ่งที่อยู่รอบๆ ข้างเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างสมดุลได้อย่างไร ... เท่านั้นเอง

และสำคัญที่ว่า ...
เราจะอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขในใจของเราได้อย่างไร
ไม่มีอะไรที่ทำให้เรามีความสงบสุขเพียงพอได้เท่ากับ คุณงามความดี และอานุภาพแห่ง บุญกุศล หรอกนะ

29uue825.jpgเพื่อนของฉันพูดขึ้นมาว่า ....
อย่าคิดว่า เรากระเดะเลยนะที่พิมพ์แต่ภาษาอังกฤษ เป็นเพราะไม่มีฟอนท์ไทยจริงๆ ทำงานอยู่ที่อเมริกา
ฉันก็ตอบไปว่า อย่าว่าอะไรเราเลยนะ เราไม่เก่งภาษาอังกฤษจริงๆ เราอยากจะสนทนากับกุ้งเป็นภาษาอังกฤษอยู่เหมือนกัน แต่มันยากมาก สื่อความคิดไม่ได้ทั้งหมด เราก็เลยพิมพ์ภาษาไทย แต่ก็ดีเป็นการฝึกภาษาอังกฤษให้กับเราด้วย

แล้วฉันก็บอกว่า ฉันเองเคยหัดเขียนบทกวีภาษาอังกฤษชิ้นแรกและชิ้นเดียว
วันไหนฉันจะส่งให้อ่าน ...
และถ้าวันไหนฉันอยากเขียนบทกวีภาษาอังกฤษ ขอให้เธอช่วยตรวจคำศัพท์ให้ฉันด้วย เพราะฉันไม่เก่งไวยากรณ์จริงๆ
เธอรับคำว่า ด้วยความยินดี

ฉันพูดคุยกับเธอว่า บทกวีภาษาอังกฤษมีศัพท์บางอย่างที่ลึกซึ้งที่ภาษาไทยไม่มี ฉันจึงอยากจะลองสื่อสารความหมายลึกซึ้งตรงนั้นออกมา เธอบอกว่า เธอเห็นด้วยกับฉันที่ว่า ศัพท์บางคำในภาษาอังกฤษสื่อความหมายเบื้องลึกได้



แล้วฉันก็ถามเธอว่า เธอจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ ฉันจะแวะไปหาเธอที่อุบลราชธานี
เธอบอกว่า ปีหน้าคงได้กลับ มาสิ ... ยินดีต้อนรับ
ฉันตั้งใจจะไปถ่ายภาพ เขียนสารคดี และให้เธอหาแหล่งข้อมูลให้
เธอก็บอกว่า ด้วยความยินดี

24jcf189.jpgแล้วฉันก็วกมาถามเธอว่า เมื่อไหร่เธอจะแต่งงาน
เธอตอบว่า รอไปงานแต่งงานของรุ่งก่อน
ฉันก็ตอบว่า ฉันลองคิดๆ ดูแล้วว่า ระหว่างคนที่แต่งงานกับคนที่เป็นโสด ความรู้สึกถึงความมีคุณค่าในตัวเอง ฉันคิดว่า คนที่อยู่เป็นโสดจะมีศักดิ์ศรีมากกว่า คนที่แต่งงานแล้ว แต่งไปแล้วก็งั้นๆ แต่คนเป็นโสดจะมีความงดงามในตัวอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งคนที่เป็นหม้ายด้วยแล้ว ถ้าเทียบกับคนเป็นโสดแล้ว ความรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองต่างกันจริงๆ

เธอก็บอกว่า เห็นด้วยนะ ... แต่เรื่องแบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคนเหมือนกัน
และเป็นเรื่องที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วย 
เพื่อนที่ออฟฟิศของเธอเมื่อเดือนที่แล้วบอกว่า จะแต่งงานในปีหน้า .. แต่เมื่อวานนี้ มาบอกว่าจะแต่งงานในอาทิตย์หน้าแล้ว

26gap991.jpgชีวิตแต่งงานมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ
มากกว่าความคิดฝันที่สวยงาม
บางคนอาจจะวาดฝันว่า แต่งงานแล้วจะมีความสุข
แต่ถึงเวลาจริงๆ ... ยิ่งไปกว่าความฝันนั้นอีก

ความหอมหวานของความรักอาจจะสิ้นสุดลงที่การแต่งงาน
การฝันว่า ได้สวมชุดแต่งงานในงานแต่งงานหรูหรา
แต่หลังจากงานแต่งงานจบสิ้นลง 
บทบาทของชีวิตจริงก็ได้โลดแล่นบนฉากละครแห่งการรับผิดชอบและภาระอันยิ่งใหญ่

24rod946.jpgฉันก็คงคิดอะไรตามประสาของคนโสด ...
ถ้าฉันพบกับคนที่ฉันรักจริงๆ 
ความฝันอันหอมหวานที่จะได้แต่งชุดแต่งงานเดินเคียงข้างใครคนนั้นก็คงจะเป็นภาพที่สว่างไสว งดงาม กระจ่างในใจ เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข นับวันรอให้ถึงวันนั้นโดยไว ... ก็อาจจะเป็นไปได้

แต่ ณ วันนี้ ...
ฉันยังไม่มีใครที่จะสร้างฝันให้เต็มฝัน
ภาพวันแต่งงานก็เลือนลางเต็มทีและอาจจะไม่มีวันนั้นมาถึง
รวมถึง ... สิ่งที่ไม่อยากจะนึกถึงอีกเลยก็คือ ความเป็นจริงเริ่มต้นขึ้นหลังจากงานแต่งงานนั้นจะเป็นอย่างไร



ฉันจะคงเป็น เจ้าหญิง ชุดขาวพราวในวันแต่งงานที่ เจ้าชาย อุ้มประคองไปส่งที่เรือนหอตลอดกาลเลยหรือเปล่า?
หรือกลับชีวิตจากความสงบสบาย กลายเป็นชีวิตที่วุ่นวายกับภาระในครัวเรือน

24dta054.jpgฉันบอกเพื่อนของฉันว่า ...
ถ้าฉันมีสามี ... ฉันคงไม่กล้าคิดจะไปเที่ยวอุบลเพื่อไปเก็บข้อมูลเขียนสารคดีหรอกเนาะ
คงเอาเวลาไปคิดเรื่องภาระในครอบครัวแล้วแหละ
เธอตอบฉันว่า ... จริงๆ แล้วก็อาจจะเป็นเช่นนั้นแหละ

ก่อนที่เธอจะขอตัวออกไปข้างนอก
ฉันบอกว่า ... คงปล่อยให้เป็นเรื่องของวิบากกรรม 
อาจบางที ... วิบากกรรมนำใครสักคนมาให้ฉันต้องอยู่กับเขาตลอดชีวิตก็ได้
มิอาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้ 
และก็มิอาจปฏิเสธการแต่งงาน 
แม้ ณ เวลานี้ที่ฉันไม่มีใครเลยก็ตาม
อีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ... ฉันยังไม่เห็นประโยชน์ของการแต่งงาน


เธอบอกว่า ... เธอรู้สึกดีที่ได้เปิดประเด็นพูดคุยกันเรื่องของการแต่งงานกับฉันในวันนี้
ในโอกาสหน้าคงได้คุยกันอีก

20bzs852.jpgเพื่อนเก่าแก่ของฉัน ...
แม้จะมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไป 
แต่เยื่อใยความสัมพันธ์ยังคงเชื่อมติดต่อกันอยู่เสมอ
ผ่านการสื่อสารในลักษณะต่างๆ กัน



แม้ว่า ...
ความเป็น เพื่อน จะมิใช่การใช้ชีวิตที่อยู่ด้วยกันด้วยความหอมหวานของความฝัน
หรือความอ่อนโยนที่จะต้องทะนุถนอมความรู้สึกอันเปราะบางของกันและกันไว้
แต่ความเป็น เพื่อน ก็มีเยื่อใยเหนียวแน่นเพียงพอที่จะสานต่อกาลเวลา
เรื่องราว การบอกเล่า และประสบการณ์ชีวิต 
รวมทั้งความคิดฝัน ความรู้สึกภายในสื่อถึงกันได้

20bzs852.jpgเพื่อนเก่า ... 
กับเรื่องราวใหม่ๆ ที่ใจฉันมิอาจลืมเลือน.				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟแดดเช้า
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแดดเช้า