11 กุมภาพันธ์ 2549 12:22 น.
แดดเช้า
ใช่ไหม?
หัวใจไว้สำหรับรับรู้สึก
แผ่ซ่านสื่อความหมายมากมายลึก
หรือเพียงนึกใคร่อยากจากอารมณ์
ใช่ไหม?
หัวใจไว้ฉีดเลือดเชือดขื่นขม
ฟอกสีดำช้ำหนองหมองตรอมตรม
ล้างและบ่มเบาบางล้างร่างกาย
ใช่ไหม?
กับหัวใจเธอคิดผิดมุ่งหมาย
ฉีดเลือดพุ่งพลุ่งพล่านอันตราย
อยากทำร้ายใครอีกคนบนร่างยืม
ใช่ไหม?
กับหัวใจของเขาเศร้า - ปลาบปลื้ม
กับสิ่งหลากกระชากชีพหมายจำ - ลืม
หลงกดดัน - ด่ำดื่ม ... คนของใจ
ก็แค่นั้น ...
กับหัวใจของฉันมิหวั่นไหว
เธอจะรักจักเลือกเส้นทางใด
กับเขาทำเจ็บเพียงไหน ... ได้เพียงรู้
ใช่ไหม?
กับหัวใจฉันกร้านเท่าเป็นอยู่
เย็นชา นิ่ง สิ่งกระทบ สบตาดู
อาจรู้สึกเพียงครู่ แล้วหายจาง
ใช่ไหม?
เพียงหัวใจสักคนบนโลกกว้าง
คนหนึ่งทำหน้าที่ที่จักวาง
อีกคนสร้างสื่อสารงานของใจ
กับอีกคน ..
ไม่ดิ้นรนเดือดร้อนกับสิ่งไหน
ผ่านเส้นเลือดเดือดพล่าน หรือ เย็นใด
อยู่เพียงให้เห็นเธอเขา ยังเข้ากัน
คงใช่แล้ว ...
กับสายตาสื่อแววแห่งสุขสันต์
ฉันเพียงผู้รู้รับสื่อสัมพันธ์
มองสิ่งนั้นเพียงสุดขั้วของหัวใจ.
10 กุมภาพันธ์ 2549 15:02 น.
แดดเช้า
ฝนโปรยหล่นกระทบซบผืนหล้า
ซับลงมาถึงถิ่นแผ่นดินไหน
แล้วซ่านซึมซึ้งผ่านนานเท่าไร
เหลือดินไว้ชุ่มชื่นให้ตื่นตา
น้ำซบแทรกชำแรกดิน ณ ถิ่นไหน
สู่รากใหญ่ร่มเย็นเป็นต้นกล้า
ต้นเติบตนตระหง่านแผ่ก้านมา
ขยายสาขาร่มรื่นชุ่มชื่นใจ
หนุ่มสาวพลอดรำพันฝันฟุ้งเฟื่อง
ร่มเงาเยื้องแผ่ผายบังแดดใส
น้ำคำคนล้นหลากเพียงจากไป
พลอดคำใดด้วยอารมณ์ผสมพอ
เพียงฝนชุ่มอุ้มดินถิ่นแห้งผาก
หลงลมปากแว่วหวานซ่านซึ้งหนอ
หวามน้ำคำพร่ำเพ้อเผลอพะนอ
เหมือนฝนขอผ่านดินคลายสิ้นแล้ง
หากอีกใครใจผูกพันอันฉ่ำชื่น
ยึดหยัดยืนคำสัญญามาปันแบ่ง
คาดหวังถึงซึ้งฝันอันอิ่มแรง
ทุกอย่างจึงแจ่มแจ้งเพื่อผูกรัก
จึง "เพียงผ่าน" ซ่านซึ้งหนึ่ง "ผูกพัน"
ด้วยต่างฝันต่างหนทางต่างปลูกปัก
คนหนึ่งคนหวังหวานหว่านคำทัก
อีกคนจักหวังฝันอันโพ้นฟ้า
ฝนโปรยหล่นบนต้นไม้เติบใหญ่ต้น
ใครหนึ่งคนผ่านไปใจเจ็บปร่า
ใครอีกหนึ่งซึ้งซ่านหวานชีวา
หมายวาจาเป็นคำจริง ... สิ่งผูกพัน.
9 กุมภาพันธ์ 2549 20:51 น.
แดดเช้า
ในยามพลบ
หยาดน้ำกลบตาเธอเหม่อฟุ้งฝัน
อกสะท้อนอ่อนล้าพร่าทางตัน
มองหาแสงสักจุดนั้น ... ยังไม่มี
หัวค่ำ
เธอยังช้ำซบบ่าซับหน้าหนี
ไม่อยากเห็นโลกเย็นชาคาวราคี
หวาดวันที่ร้าวร้อนบนฟอนไฟ
น้ำค้างพร่างกลางดึกฉันตรึกตรอง
เธอขอเร้นเงาหมองป้องหวั่นไหว
ขอพื้นที่ใกล้ชิดฉันวันร้าวใจ
ฉันปลอบให้เธอคลายท้อต่อวันคืน
ฟ้าพราว
จันทร์ยังยิ้มหยอกดาวคราวขมขื่น
เธอหลับพริ้มน้ำตาเปื้อนเหมือนกล้ำกลืน
อ่อนล้าเกินหยัดยืนในคืนนี้
ณ อ้อมกอดพลอดรำพันฉันปลอบเศร้า
เห็นเพียงเงาหงอยคว้างเกินห่างหนี
หมอกยังมัวกลั้วกล้ำช้ำฤดี
เธออยู่นี่กับฉัน นะ ขวัญเอย
ตะเกียงจุดสุดแสงแห่งคืนค่ำ
เธอยังย่ำย้ำฝันอันเปลืองเผย
ณ ห้องหับคับแคบแอบคุ้นเคย
ฟังเธอเอ่ยระบายทุกข์ปลุกปลอบใจ
แสงขาวเริ่มแต่งเติมเสริมรอยฟ้า
ขอบดินพร่าเรืองรองของวันใหม่
เธอซบอกสะทกแนบแอบทรวงใน
อุ่นเพียงใดเธออิ่มหลับกลับตื่นตา
แสงตะวันหลั่นเลื่อมเหลื่อมภูเขา
สร่างรอยเงาฝันร้ายคลายเจ็บปร่า
เธอเริ่มดับแสงตะเกียงเพียงร่ำลา
ยิ้มรับฟ้าเช้าใหม่ในอรุณ
ในยามเช้า
ล้างรอยเหงาสร่างโศกเธออบอุ่น
โบกมือลาค่ำคืนชื่นละมุน
เธอคลายคุ้นลาฝันจากฉันไป
บ่าที่เธอเพ้อพร่ำร่ำระบาย
อกอุ่นคล้ายล้างหม่นคนหมกไหม้
แต่ตะวันพลันล้างร้างจากใจ
สิ่งใดใดไม่สำคัญ ... ตะวันทอ
ณ เช้าเหงาเปล่าเปลี่ยวเกี่ยวคืนฝัน
หนึ่งคนนั้นเพียงผ่านเพื่อร้องขอ
พบผู้ให้ในคืนช้ำน้ำตาคลอ
เพียงผู้รอโอบห่วงใยในคืนล้า.
7 กุมภาพันธ์ 2549 08:03 น.
แดดเช้า
ฟ้าที่กว้างห่างดินถิ่นคนฝัน
ระหว่างนั้นมีดาวพราวพร่างใส
สบตาดาวระหว่างดาวยังยาวไกล
เย้าหยอกไล้เล่นล้อต่อฟากฟ้า
ดาวสองดวงห่วงใยคล้ายใกล้ชิด
ช่องทางปิดไกลห่างจะพร่างค่า
สองดาวซึ้งตรึงใจในแววตา
ยังมิกล้าฝ่าฝืนแรงดึงใด
แรงดึงดาวพราวพร่างพาห่างเหิน
ระหว่างช่วงใช่เมินหมางใจใส่
พิศเพลินงามหว่างห่างแม้ต่างใจ
เหมือนชิดใกล้ก่อเกื้อเมื่อเมียงมอง
ดั่งใจฉันมั่นคงตรงต่อรัก
แม้ห่างนักขวากหนามท่ามกลางหมอง
ระหว่างเรา ดาวสองดวง ห่วง-หมายปอง
จึงสอดคล้องลงตัวที่ตัวเรา
อาจจะได้เพียงใจรักอันปักจิต
อันใกล้ชิดช่วงกลางระหว่างเหงา
ไม่เคียงคู่ครอบครองไม่ปองเอา
มีใจเท่าที่ใจจะให้กัน
ฟ้าแตกต่างกลางห้วงหว่างดวงดาว
ฉัน-เธอก้าวเปล่งแสงแรงใฝ่ฝัน
คล้องเกี่ยวใจไหวสะท้านผ่านทางตัน
ไปสู่ถิ่นดาวดวงนั้น ... มั่นด้วยใจ.
6 กุมภาพันธ์ 2549 18:19 น.
แดดเช้า
มืดมิดมาเนิ่นนาน ................ เพียงผันผ่านกาลราตรี
จุดหนึ่งซึ้งใจมี ...................... สุกใสสีแสงดวงดาว
หว่างแว่ว ณ แววตา ............. สะท้อนค่าฟ้าห้วงหาว
จำรัสศรัทธาพราว ................. ร้อยเรื่องราวเริ่มรุ่งเรือง
นวลทิพย์ทอจันทร์เจ้า ........... โสมแสงเร้าเงาหมอกเหลือง
แสงพร่างสว่างประเทือง ......... เพื่อฟ้ามืดกาลยืดยาว
จุดพร่างยังห่างฟ้า ................... ตะเกียงกล้าก่อแสงขาว
วาดหวังหลั่งเรื่องราว ............. เฟื่องคลุ้งคาวคลุกโลกีย์
หวามหวานซ่านซึ้งซาบ ........... สะท้อนทาบแววรัศมี
สบตาเธองามดี ....................... ซึ้งเหมือนที่สบตาดาว
เกิดก่อบ่อบึ้งรัก ...................... มาทายทักจากห้วงหาว
เข้าขั้วหัวใจพราว ................... ร้อยเรื่องราวรักรำพึง
หิ่งห้อยค่อยเบิกปีก ................. ฤๅบินหลีก ณ แดนตรึง
จุดเล็กยังซ่านซึ้ง .................... จบจุดหนึ่งขึงขั้วรัก
มืดมิดมาซ่อนซุก .................... ดาวใสสุกยามอกหัก
ใจหม่นทนทายทัก .................. คนรู้จักยังปลอบซึ้ง.