30 พฤศจิกายน 2548 23:21 น.
แดดเช้า
อาจเห็นเธอเล่นกลิ้ง ................. เป็นบอล
ให้เตะอุ้มว่าวอน ....................... สนุกด้วย
บางทีตักเตือนสอน ................... บ่นพร่ำ
บ้างจิกเจ็บแทบม้วย ................. หมั่นไส้เกินทน
อารมณ์คนยากค้น .................... เสาะหา
ฉันอาจเพี้ยนทุกครา ................ กลั่นแกล้ง
ทำเป็นรักเมตตา ...................... แสนสนุก
อาจเปลี่ยนเป็นไร้แล้ง .............. เชิดร้างไม่เหลียว
กลมเกลียวในช่วงครั้ง ............ ใจเหงา
เมื่อสุขก็เย้าเอา ...................... หยอกย้ำ
กลเล่ห์เล่นเกมเดา ................. ไม่ออก
เหมือนปั่นป่วนใจช้ำ ............... ประทุษร้ายสิ่งฝัน
อยากขอหลั่นโทษให้ .............. เบาบาง
ที่ผ่านมาให้จาง ...................... เหือดแห้ง
เพราะเห็นค่าจึงวาง ............... ใจคิด
และคิดถึงจึงแกล้ง ................. ปั่นให้สาสม
หากอารมณ์ห่างเร้น ............... ไม่ไย ดีเอย
ฉันหลีกมิใส่ใจ ...................... นิดน้อย
เลี่ยงจะเล่นหยอกใน ............. บางช่วง
อาจไม่สำคัญคล้อย ................. หลบลี้หนีหาย
เธออาจคล้ายเตะกลิ้ง ............. ลูกบอล
ฉันอาจทิ้งขว้างงอน ............... หยอกง้อ
หรืออาจถนอมนอน ............... หนุนต่าง หมอนนา
แล้วแต่อารมณ์ล้อ ................. หยอกได้ตามใจ
อภัยฉันได้บ้างเปล่า ............... คนดี
สิ่งผ่านผันมามี ....................... เจตน์อ้าง
ตามรู้สึกที่พลี ......................... ใจใส่
หากไม่สนใจร้าง .................... เกี่ยวข้องไปไย
เข้าใจความคิดบ้าง ................ ที่มี
รู้สึกสิ่งดีดี ............................. มอบให้
ขอโทษสักกี่ที ........................ ได้นะ
ขอแค่อย่าเคืองได้ ................. เกี่ยวก้อยด้วยดี.
30 พฤศจิกายน 2548 11:07 น.
แดดเช้า
ได้แค่นี้คิดจะเอาตั้งเท่านั้น
นั่งเคลิ้มฝันอยากได้อยากใฝ่หา
พอเมินเฉยก็เจ็บหนักกระอักน้ำตา
รู้คุณค่าความรักก็เคลิบเคลิ้ม
ได้แค่นี้คิดจะเอาตั้งเท่านั้น
แล้วอย่างฉันก็แค่นี้ใช่มีเพิ่ม
อยากได้รักหนักหนามาต่อเติม
และริเริ่มมากมายคล้ายไม่พอ
ฉันไม่มีสิ่งใดใดจะให้แล้ว
ให้คว้าแววดวงดาวเอื้อมสาวต่อ
หรือตะวันจันทร์ฟ้ามารองรอ
จึงจะได้เกินขอพอเพียงใจ
ได้เป็นเพื่อนเยือนรักมาทักทาย
เธอยังอยากรักมากมายฉันไม่ไหว
คงต้องถอยค่อยลาห่างจากไป
เป็นคนไกลของเธอสักหนึ่งคน
ได้แค่นี้คิดจะเอาตั้งเท่านั้น
เธอสร้างฝันวิมานน่าสับสน
ฉันเมินหมางห่างแล้วเกินอดทน
ไม่อยากเวียนวกวนคนไม่พอ.
29 พฤศจิกายน 2548 23:16 น.
แดดเช้า
เพียงพอไหม ... ที่มีใจให้เพียงนี้
เพียงพอดีกับสิ่งเป็นอันเร้นไหว
เพียงพอที่เสี้ยวชีวิตคิดให้ใคร
เพียงพอใจกับรักอันจักมี
อาจจะน้อยนักหนาค่าห่วงใย
อาจเหมือนไกลห่างเหินเมินหมางหนี
อาจคล้ายคิดปิดบังหวังดีดี
อาจปากหนักเกินกว่าที่จะเอ่ยคำ
เพียงพอไหม .. กับสายตาอาทรห่วง
แทนถ้อยคำยึดหวงทวงคำร่ำ
อาจเหมือนไม่ใส่ใจใฝ่ใจนำ
และกลับคว่ำไมตรีที่เธอปอง
ความคิดถึงไม่ซึ้งใจหรือไรหนอ
เธอจึงพ้อจึงย้ำพร่ำใจหมอง
หม่นร่ำไห้เจ็บช้ำน้ำตานอง
ระบายใจจับจองหวังครองรัก
เพียงพอไหม ... มีใจให้เพียงเท่านี้
รู้สึกดีดื่มด่ำความแน่นหนัก
ห่วงหัวใจไหวอ่อนเธอวอนทัก
ใช่ฉันจักเมินหมางหนีห่างใจ
ทุกสิ่งที่เธอมีที่เธอมอบ
ทุกคำปลอบทุกคำหวานยังซ่านไหว
ซุกซาบซึ้งซบแนบแอบข้างใน
เพียงพอไหม .. กับเวลาค้นค่านี้
เพียงพอไหม .. หัวใจที่รับรู้
สิ่งมีอยู่ยังทรงไว้ใช่เปล่าปลี้
ระบายวาดดวงใจไหวความดี
เรียนรู้ที่ความเป็นเธอเสมอมา
เหมือนไม่มีหัวใจให้ใครแล้ว
แต่ซ่อนแววความเห็นใจในคุณค่า
เพียงพอไหม ... แค่ใส่ใจในบางเวลา
วางใจว่าเธอคือมิตรนิจนิรันดร์.
29 พฤศจิกายน 2548 12:09 น.
แดดเช้า
ยินหัวใจไหวร้องพร้องเพรียกเสียง
เมื่อไล่เรียงฟังคำเธอร่ำไห้
บอกว่ารัก รักฉันมั่นกว่าใคร
มอบหัวใจอุทิศชีวิตเธอ
ฉันไม่เชื่อ คงไม่จริงเรื่องอิงอ้าง
ถ้าเป็นอย่างที่ว่าต้องกล้าเสมอ
กล้าหรือเปล่า ... หากฉันไม่งามเลิศเลอ
ตาเขข้างปากเหว่อเรอเสียงดัง
หรือหากฉันน้ำเสียงเพียงแห้งแหบ
มองโลกแคบใจหม่นทนมืดหวัง
โลภมากมายโกรธบ้าน่าชิงชัง
หัวใจบังเงาเล่ห์ถ่ายเทไว้
เธอจะรักฉันอีกหรือ .. ถ้าคือฉัน
แม้เช่นนั้นหากชีพสิ้นหมดฝันใฝ่
กายสลายแหลกสูญลมหายใจ
เธอกล้าไหม ... ขุดศพมาซบนอน
ยินหัวใจไหวร้องก้องดวงจิต
ทั้งชีวิตให้ฉันสุขมิซุกซ่อน
หากชีวิตสิ้นลงคงไหว้วอน
ท้าพิสูจน์บทตอนของความรัก
ความรักเอย .. ตัวตนค้นที่ไหน
หรือที่ใจปรุงแต่งเป็นแรงผลัก
ความห่วงหาอาทรอ่อนไหวนัก
จึงหลอมปักเปี่ยมท้นบนใจนี้
หากชีวิตปลิดปลงคงพิสูจน์
สิ่งปากพูดใจคิดจริงทุกที่
รักร่างไร้วิญญาณสลายชีวี
กล้าพอไหม .. หรือจักหนีไม่พลีรัก.
29 พฤศจิกายน 2548 01:46 น.
แดดเช้า
หนึ่งเมล็ดเก็จฝันอันรู้คิด
รู้ชอบผิดยอมรับกับเหตุผล
กระบวนการสานต่อก่องานตน
หนึ่งบุคคลถูกสร้างทางเป็นไป
หยั่งความรักปักแน่นเน้นคุณค่า
หลอมจรรยาอบรมบ่มนิสัย
คือรากหยั่งสั่งสอนเหนือพรใด
เมล็ดพันธุ์มอบไว้ให้ทบทวน
ก่อนเติบต้นเต็มตนบนชีวิต
ประกาศิตแห่งหัวใจไตร่ครบถ้วน
ลำต้นมั่นฝันแกร่งแรงใคร่ครวญ
สติล้วนปัญญาคมมิล้มคลอน
ขยายก้านกิ่งใบใส่ศรัทธา
จากต้นกล้าเป็นต้นใหญ่ไม่โหยอ่อน
ต้านพายุประทุลมข่มแดดร้อน
ฝนบั่นทอนยังยืนหยัดชัดเส้นทาง
แล้วผลิผลเผยคลี่เบ่งกลีบบาน
สรรค์เนื้องานแน่นหนักจักเสกสร้าง
ขจายกลิ่นกรุ่นหอมน้อมตนวาง
เบิกตัวอย่างการเติบโตอย่างโอฬาร
ใต้ร่มไม้ร่มเย็นอยู่เป็นสุข
จากรากลุกตระหง่านต้นทนทางผ่าน
หนึ่งเมล็ดกว่าเก็บตนเป็นผลงาน
อาศัยกาลแดดเผาสักเท่าใด
จึงหยั่งราก - ต่อยอด อย่างเป็นอยู่
พอทนสู้เสริมสร้างอย่างยิ่งใหญ่
ด้วยเข้มแข็งแห่งแรงฝันอันเกริกไกร
และอาศัยดินน้ำคอยค้ำจุน
หนึ่งเมล็ดเก็จฝันกว่าวันนี้
เติบต้นที่ทนทานผ่านแรงหนุน
ต้านอุปสรรคหักหาญการลงทุน
จึงครบคุณครองค่าน่าชื่นชม.