12 ตุลาคม 2548 00:48 น.
แดดเช้า
เล่านิทานกาลครั้งหนึ่งเรื่องซึ้งซาบ
มีตราบาปราหูผู้ฮึกเหิม
หลงรักจันทร์พรรณรายฉายนวลเดิม
อยากจะเสริมบารมีอยู่ .. คู่เคียงจันทร์
จึงตามเฝ้าเป็นเงาเข้าล้อมโอบ
จันทร์เคลื่อนโฉบเฉิดฉายกรายเฉิดฉัน
ไม่สนใจในเงาเคลื่อนเหมือนเมินกัน
ราหูหวั่นอยากใกล้ให้กว่านี้
หน้าที่จันทร์สรรค์ฟ้าทอเรืองแสง
ยามตะวันลับแรงเป็นสักขี
จันทร์ยังจรอ่อนละไมในฤดี
สักกี่ปีจันทร์ยังอยู่คงคู่ฟ้า
ณ ยามสางสร่างมัวสลัวคลาย
จันทร์เฉิดฉายทายทักตะวันกล้า
ก่อความแค้นแน่นกระอักอสุรา
ราหูท้าหึงหวงทะลวงจันทร์
ชังตะวัน ชังฟ้า ชังทุกอย่าง
ชิงจันทร์พร่างไม่ได้ดังใจฝัน
ได้จังหวะเคลื่อนปะทะครอบตะวัน
จะกลืนมั่นมืดมนอนธกาล
หลายครั้งนักราหูมักกู่ก้อง
อยากจะครองจันทร์พราวเข้าหักหาญ
ครอบนวลจันทร์หวั่นไหวทั้งจักรวาล
แค้นรักพล่านในอกสะทกใจ
เป็นเงามืดแห่งอวิชชามาคลุมครอบ
หลงชังชอบมืดหนวกหม่นบอดใบ้
บังเหตุผลวนวุ่นหมกมุ่นไป
และหลงใหลคล้ายเคลิ้มเติมแต่งปรุง
อยากใกล้ชิดมิตรจันทร์มั่นเด่นฟ้า
อยากเข่นฆ่าดวงตะวันมั่นหมายมุ่ง
อยากครองพื้นที่กว้างทั้งฟ้าคุ้ง
อยากเฟื่องฟุ้งเลิศล้ำเพียงลำพัง
จึงเป็นเงาเศร้าเศร้าเฝ้าฟากฟ้า
เหมือนเป็นบ้าอารมณ์ข่มความหวัง
ตามพิฆาตตะวันบั่นเกลียดชัง
ตามบดบังจันทร์งามตามราวี
คือ นิทานราหู ผู้มืดบอด
คอยคุมมอดไหม้ล้างสร่างราศี
เห็นใครเด่นเป็นเลิศเกิดราคี
อยากคุมเดชเด่นดีที่ใครใคร
หากราหูอยู่ครอบในกรอบจิต
คงมืดมิดอวิชชาบังใจใส
ไม่รู้แจ้งแห่งสัจจำรัสนัย
หมองหมกมุ่นมอดไหม้ไฟครอบงำ
จะเร่าร้อนฟอนฟืนตื่นในจิต
จะแผลงฤทธิ์เจ็บร้าวเศร้าถลำ
จะบ้าคลั่งชังแค้นแน่นชอกช้ำ
จะระบมกลืนกล้ำอมน้ำตา
ใจราหูหดหู่ดูมืดมิด
อยากจับผิดจันทร์-ตะวันอันแกร่งกล้า
คลุมเพียงครู่คราวครอบกรอบมนตรา
แสงจ้าสาดอวิชชาสร่างซาไป
แสงสว่างกระจ่างฟ้าชนะหม่น
เพียงอดทนเบิกแสงแห่งฝันใฝ่
มั่นจุดยืนชื่นจิตแผ่มิตรไกล
สุขเพียงใดเมื่อเมตตาพร่างกระจาย
เล่านิทานอ่านโลกโชคชะตา
แม้กรรมมาเวียนวนค้นความหมาย
คุณความดีที่ประดับประทับกาย
ย่อมพร่างพรายราศีที่ตัวตน.
11 ตุลาคม 2548 22:11 น.
แดดเช้า
ฉันกับเธอเผลอใจหรือไรนั่น
จึงรักกันด้วยมุมต่างห่างไกลฝัน
ฉันมั่นหมายตะกายฟ้าคว้าจันทร์พรรณ
อยากเด่นเช่นตะวันวันทอทอง
ส่วนเธอมั่นปั้นดินถิ่นรากฐาน
สืบตำนานหาญกล้ามาปกป้อง
วางฐานะสรวงสวรรค์สรรค์ครรลอง
โยงสอดคล้องระบบทั้งงบดุล
ฉันวางโครงงามหรูดูเลอเลิศ
เพื่อภาพเพริศจินตนามาเกื้อหนุน
อยากแจ่มฝันวันละเอียดละเมียดละมุน
พบไออุ่นอาบรักปักห้วงใจ
เธอวางหลักปักฐานผ่านเสาหลัก
เร่งหาเงินฟูมฟักถักทอให้
ทั้งบ้านรถงดงามตามเป็นไป
เก็บออมไว้บริหารงานครันครบ
ฉันนั่งฝันความสุขปลุกความคิด
ใช้ชีวิตสะดวกสบายคล้ายบรรจบ
ทุกสัมผัสชัดเจนเห็นเพียงพบ
เรืองแสงสบสว่างกระจ่างชีวิต
เธอดิ้นรนค้นหาฐานะสร้าง
ความแตกต่างระหว่างเราจึงเข้าติด
ฉันเฟื่องฟุ้งมุ่งดาวคราวครุ่นคิด
เธอใกล้ชิดดินจริงเหนือสิ่งใด
คือมุมมองของกันและกันสร้าง
ความแตกต่าง ฟ้ากับดิน สิ้นสุดได้
หากบรรจบพบขอบฟ้า ณ ดวงใจ
ประสานไว้เป็นหนึ่งเดียว ... เกี่ยวก้อยเดิน.
11 ตุลาคม 2548 20:45 น.
แดดเช้า
อยากเขียนคำทำนองของความรัก
ประสานสมัครสามัคคีสโมสร
กลั่นสิ่งดีที่พร่างพรายไหลสู่กลอน
กรองคำวอนอ่อนละมุนมาคุ้นเคย
อยากอ่านกลอนซ่อนความท่ามความรัก
ท่วมแน่นหนักจุดยืนอันชื่นเผย
หอมน้ำคำฉ่ำหวานงานรำเพย
กรุ่นคำเอ่ยปลอบจิตคิดใคร่ครวญ
อยากเห็นรักรู้จักกันคนฝันสวย
รินระรวยสายธารหว่านใจหวน
เอื้อไมตรีจากใจใสทบทวน
ซ้องกระบวนอุ่นคล้องกรองสิ่งจริง
อยากได้ยินพิณเพลงบรรเลงคำ
อักษรร่ายเริงรำคำงามยิ่ง
จากสัมผัสศรัทธามาไหวติง
และหยุดนิ่งดวงจิตพินิจความ
อยากสัมผัสชัดแรงแห่งชีวิต
รอยลิขิตขีดฝันมั่นคำถาม
เค้นคำตอบปลอบขวัญวันงามงาม
ประคองข้ามฝันใฝ่ไปด้วยกัน
อยากลิ้มรสมธุรวาทสะอาดหอม
อันโอบอ้อมเกสรอักษรสวรรค์
สร้างเจตน์จินตนาการทุกวารวัน
เพื่อหมายมั่นสบตาคราใจท้อ
อยากเขียนกลอนวอนคำล้ำรู้สึก
แผ่ระลึกมิตรภาพตราบฟ้าก่อ
ทุกคำเขียนเจียระไนนัยฝันทอ
ถักเพื่อต่อจุดประกายไฟอารมณ์
ทุกปรารถนา... ว่าวอนบ้านกลอนไทย
ขอให้ใจสบสันติสติข่ม
เพื่อภาพงามความดีที่สังคม
พร้อมสร้างสมสู่มิ่งมิตร ... นิมิตงาม.
11 ตุลาคม 2548 00:10 น.
แดดเช้า
เด็กน้อย
ค่อยค่อยขีดเขียนภาพใส
เป็นบ้าน เป็นท้องฟ้า กว้างไกล
เป็นต้นไม้ใหญ่ใหญ่ในเขาชัน
ดินสอเปื้อนมือ
จับถือกำแน่นตั้งใจมั่น
ดีใจ ปลื้มใจ รำพัน
รอยฝันทาบวาดรอยใจ
ดินสอกุด
เธอหยุดวาดภาพผันไขว่
มีดคมเหลาลงบรรจงไว้
หมายให้ดินสอแหลมคม
แม่ผ่านมาเห็น
ตกใจแทบเต้น ... ดุข่ม
มีดพลาดบาดมือลึกจม
เลือดไหลเป็นปมในใจ
แม่ตีมือหนูน้อย
น้ำตาตกผล็อยผล็อยถามไถ่
แม่จ๋า ... หนูผิดอะไร
ภาพวาดใสใส ตั้งใจทำ
รอยเปื้อนบนกระดาษ
รอยวาดลบได้ไร้รอยจ้ำ
แต่รอยผิดพลาดบาดแผลจำ
หนูน้อยชอกช้ำตรึงตรา
เลือดไหลผ่านกระดาษ
ภาพวาดเปื้อนแดงเปรอะพร่า
สะอื้นยืนปาดน้ำตา
แผลเจ็บปวดปร่า ... ใครลบ.
10 ตุลาคม 2548 10:03 น.
แดดเช้า
ใครสักคน ... ยลกระจกสะทกจิต
โอ้คงผิดกระจกปดความสดใส
หน้าหม่นหมองของฉันนั่นหรือไร
กระจกคงหลอกไว้ให้ใจตรม
ใครคนนั้น ... พลันทุบกระจกทิ้ง
คงไม่ใช่ความจริงสิ่งขื่นขม
แล้วควานหากระจกใหม่ให้ตนชม
เพื่อจะข่มกระจกเก่าที่ร้าวไป
กระจกใหม่ ... ใสใสได้แจ่มแจ้ง
ใจยังแย้งไยหมองหม่นจนหวั่นไหว
ทุบกระจกอีกครั้งยังหวังใจ
กระจกใหม่คงคืนความชื่นชม
ทุบกระจกหลายอันพลันร้าวแตก
ดวงใจแหลกกระจายเจ็บหนักขม
ส่องกระจกบานไหนใจยังตรม
ทุกกระจกล้วนข่มสะสมร้าว
กระจกใหม่กี่ใบได้ทิ้งแล้ว
ใบหน้ายังส่อแววหมองเกินกล่าว
ไขความจริง ... อิงซ่อนวอนเรื่องราว
อ้อนกระจกช่วยล้างคาวทุกคราวไป
กระจกคงลงความเห็นเป็นความจริง
ใจยังวิ่งวุ่นวายคล้ายหวั่นไหว
โทษกระจกหรือปรับตน ... ยามจนใจ
จึงผ่องใสโดยแท้ ... แค่ตัวตน
ใครคนหนึ่ง ... เริ่มซึ้งค่าคุณกระจก
หวั่นสะทกแล้วแก้ไขไม่สับสน
ริ้วรอยย่นปนแปลกแยกอดทน
ค่อยค่อยค้นคิดแก้และป้องกัน
ใครคนนั้น ... วันนี้จึงมีหวัง
พอประทังพัฒนากว่าถึงฝัน
มีชีวิตจิตจ่อต่อปัจจุบัน
พร้อมสร้างสรรค์แก้ไขในสิ่งจริง.