2 พฤศจิกายน 2548 11:53 น.
แดดเช้า
ร้อนแรงแห่งแสงกล้าสาดสีแสด
คือดวงแดดไม่แปรปรวน ณ ห้วงวิถี
จะอ่อนแรงลงบ้างในบางที
ในคราที่ "เมฆคุ้ม" คลุมตะวัน
เสื้อห่มหุ้มคลุมคุ้มกันลมส่าย
พายุกรายหนาวสะท้านมาผ่านผัน
เมฆปกป้องหมองหมอกออกคุ้มกัน
ทรงกลดขวัญให้งาม ณ ท่ามฟ้า
เป็นกำแพงกั้นแรงลมเมฆโอบรัก
แดดทอถักสะพานแสงแห่งคุณค่า
อุ่นยามบ่ายคล้ายสักขีที่ทาบทา
ร่มเย็นมาเนิ่นนานน่ายินดี
คือความรักแห่งเมฆมาเสกสรร
คุ้มตะวันนานมาไม่ล้าหนี
ยามลมซัดกระหน่ำคล้ายย่ำยี
เมฆก้อนนี้จะปิดคลุ้มหุ้มตะวัน
เราจึงไม่เห็นตะวันอันแจ่มร้อน
ให้โหยอ่อนรุ่มเร่าแล้งเงาฝัน
เราร่มเย็นด้วยเมฆเสกกำนัล
มอบของขวัญสะพานรุ้งปลอบห่วงใย
เว้นบางกาลตะวันยังสุขสันต์
เมฆก้อนนั้นยังห่างไม่ย่างใกล้
โลกจึงร้อนด้วยน้ำแรงแห่งแดดไกว
ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่เพียงลำพัง
คือหน้าที่เมฆหมอกจะออกรับ
ตามจังหวะฟ้ากำกับตามกาลสั่ง
มิใช่คุ้มหุ้มตะวันอย่างน่าชัง
คุ้มลมถั่งเท่านั้น .. ผูกพันใจ
ร้อนแรงแห่งแสงกล้าสาดรัศมี
คงมั่นมีเมฆคุ้มป้องฝันใฝ่
ร่มเย็นเยือนเพื่อนฝันตะวันไกล
เมฆเสกให้ฝนเย็นเป็นรางวัล.
1 พฤศจิกายน 2548 00:09 น.
แดดเช้า
คล้ายท้องฟ้าเล่านิทานขานชีวิต
แห่งมิ่งมิตรจันทร์ฉายเฉิดฉายแสง
แต่ละคืนชื่นใจในบทแสดง
บางคืนแจ้งนวลจันทร์อันงามตา
คล้ายฟ้าเปรียบชีพสร้าง ........... นิทาน
ฉายเฉิดจันทร์ตำนาน .............. ผ่องแผ้ว
แต่ละค่ำชื่นสราญ ..................... แสดงบท
บางค่ำจันทร์นวลแพร้ว ............. เลิศฟ้างามตา
ในบางค่ำจันทร์เสี้ยวเงาเบี้ยวบด
จันทร์ระทดเศร้าระทมลมถั่งบ้า
หลากเมฆจรจนจันทร์อ่อนวิญญาณ์
สลัวหล้าหวาดหวั่นพรั่นทุกใจ
ในคราค่ำบดเสี้ยว .................. เงาบัง
จันทร์ระทดลมพัง ................... ถั่งบ้า
เมฆคลุ้มวกอ่อนหวัง ............... จันทร์ดับ
สลัวหวั่นพรั่นทั่วหล้า .............. หวาดล้าทุกใจ
แม้บางคืนเป็นจันทร์เสี้ยวเปลี่ยวใจหวั่น
แต่แสงอันนวลกระจ่างยังพร่างใส
เหลือครึ่งดวงฉายแสงแรงเรืองไกล
นวลนุ่มไสวสาดสู่จิตมิตรมวลชน
บนฟ้าไกลปลี่ยวเสี้ยว .............. นวลจันทร์
แสงกระจ่างจันทร์อัน ............... พร่างพริ้ม
แห่งดวงครึ่งช่วงฝัน ................ แสงส่อง
นวลนุ่มไสวสาดยิ้ม ................... มิตรแย้มปวงชน
แต่บางคืนฉันยืนเปลี่ยวเหลียวหน้าหลัง
ยังสิ้นหวังจันทร์ดวง ณ ห้วงหน
จันทร์อ่อนล้าลับหายสิ้นแสงยล
ฟ้าเบื้องบนไร้จันทร์อันงามนวล
หวนเหลียวค้นค่ำนั้น ................ หน้าหลัง
ไร้พร่างแห่งแสงหวัง ................. สาดฟ้า
จันทร์ล้าอ่อนใจบัง .................... แสงลับ
ฟ้ามืดไร้จันทร์กล้า .................... ส่องสิ้นแสงนวล
คืออารมณ์ห่มห้อมล้อมจันทร์เจ้า
ที่คลอเคล้ากับฟ้าคราไห้หวน
หรือชื่นใจไสวสว่างพร่างแสงยวน
อาจเชิญชวนพริ้มน้ำผึ้งตรึงนวลจันทร์
รัญจวนฝันห่อห้อม .................. จันทร์ครวญ
คลอแนบฟ้าไห้หวน ................ ร่ำร้อง
หรือฉ่ำชื่นสว่างชวน ................ ใจพร่าง
เชิญฉ่ำน้ำผึ้งพร้อง ................. ดื่มล้ำนวลจันทร์
เหมือนเมฆมืดยืดยาวมาสาวเอื้อม
บังอารมณ์ไหลเลื่อมเกิดมืดหวั่น
"มือที่สาม" นามนี้ที่กดดัน
ผลักแสงอันงามล้ำรักภิรมย์
เมฆข่มดันครอบเอื้อม ............ อารมณ์
ไหลเลื่อนบังบดจม ................. มืดคว้าง
เช่น "มือที่สาม" ผสม...............ข่มกด
ดันผลักแสงสูญล้าง ................ ชดช้อยอภิรมย์
ณ คืนจันทร์เพ็ญมาสยังวาดหวัง
รักจีรังอย่าแปรเป็นแผลขม
ขอแสงสาดวาดนวลชวนชื่นชม
อย่าพลาดล้มเป็นชังฝังดวงใจ
ใฝ่ชมจันทร์พร่างพริ้ม ............ วาดหวัง
ขอรักจงจีรัง ........................... อย่าร้าว
ขอแสงสาดนวลยัง ................. ชวนชื่น
อย่าพลาดเป็นชังกร้าว .......... ลึกเร้นฝังใจ
คล้ายท้องฟ้าเล่านิทานขานชีวิต
อารมณ์คนมืดมิดสว่างได้
ตามแต่สิ่งแปรปรวนล้วนเป็นไป
แม้จันทร์ใสยังหม่นบนฟากฟ้า
ในนภายังเล่าอ้าง ................. นิทาน
สว่างมืดอารมณ์ขาน .............. ทุกผู้
ตามแต่สิ่งแปรกาล ............... ไหลหลั่ง
แม้พร่างจันทร์ยังรู้ ............... หม่นได้บนนภา.
30 ตุลาคม 2548 22:40 น.
แดดเช้า
เสี้ยนเส้นเล็กแสบนักปักทิ่มหนัง
หากเรื้อรังอักเสบเจ็บเกินฝืน
ต้องอดทนฝนเข็มเล็มกล้ำกลืน
แทงเสี้ยนคืนคลายช้ำน้ำตาคลอ
เสี้ยนไม้แทรกชำแรกเนื้อเพียงน้อยนิด
เพียงทนพิษเพียงพักสักหน่อยหนอ
แต่เสี้ยนหนามตำจิตพิษมากพอ
จะเกิดก่ออันตรายถึงวายปราณ
อกกระอักปักแน่นฝังเสี้ยนลึก
ร้าวรู้สึกแค้นเคืองคลุ้มคลั่งผลาญ
พิษแห่งเสี้ยนโกรธกระหน่ำซ้ำแหลกลาญ
กระทบผ่านเพียงหน่อยคอยขัดใจ
แก้พิษเสี้ยนที่จิตใช่ที่อื่น
อาจกล้ำกลืนคุมตนทุกหนได้
แผลโกรธรักอักเสบเจ็บเท่าไร
ข่มใจไว้นิ่งตริสติตรอง
เป็นอุบายใช้เขี่ยเสี้ยนหนามแทรก
ค่อยชำแรกสิ่งดีที่คลายหมอง
เย็นน้ำใจเมตตามาท่วมนอง
ล้างน้ำหนองดวงจิตปิดแผลลง
เสี้ยนเส้นเล็กเจ็บนักอักเสบแผล
หากดูแลดีดีไม่มีหลง
ขอเพียงใจเข้มแข็งแกร่งมั่นคง
ค่อยค่อยบ่งเสี้ยนใจให้หลุดเอง.
29 ตุลาคม 2548 21:25 น.
แดดเช้า
ปรากฏการณ์ "เดจาวู" รู้จักไหม
เป็นอะไรในจิตยามนิ่งมั่น
ภาพอารมณ์พรมพรายคล้ายผูกพัน
หอมกลิ่นฝันความหลังหลั่งสู่ใจ
ในบางครั้งนั่งนึกตรึกชีวิต
ดิ่งสู่จิตนิ่งประหลาดอาจหลั่งไหล
ถึงอารมณ์ลมพรมจากที่ไกล
จากถิ่นไหนไม่รู้ดูลึกซึ้ง
ณ ห้วงฝันยามหลับสุดประหลาด
ใครสักคนเอื้อมอาจเข้าฝันถึง
"สิบสี่ปี" พบหนุ่มน้อยคอยคะนึง
ซ่านฝันตรึงหลับลึกรู้สึกดี
เขาเป็นใครไม่อาจรู้มาฝันทัก
ผมลอนหยักผิวสะอาด ... อยู่ไหนนี่
ขาวบางงามสำอางค์ดูเข้าที
เข้าฝันมายามที่ฉันหลับลึก
ครั้งก่อนเคยทดท้อเขาทักคำ
"มุ่งมั่น" นำอักษรวอนไตร่ตรึก
อีกครั้งมาบอกเรื่องราวคราวคิดนึก
คล้ายนิยายรู้สึกถึงมิตรแท้
หลายครั้งที่เริ่มเลือนเหมือนลืมสนิท
พอหลับนิดเขาก็มาฉายภาพแผ่
ชัดซึ้งฝันวันวารคราวผ่านแปร
คล้ายดูแลอยู่ห่างห่างซาบซึ้งใจ
ภาพเมื่อคืนชื่นหวานผ่านมาอีก
โลกอีกซีกคือโลกฝันช่างหวั่นไหว
ไม่เคยอยากค้นหาว่าคือใคร
คงเทพไท้หรือวิญญาณผ่านมาคุ้ม
บางใครเขาบอกว่าเคยครองคู่
ขบขันอยู่กับฝันอันเสี่ยงสุ่ม
หากทึกทักว่าคู่เราเข้ามาคุม
คงร้อนรุ่มหากเขารู้เราไร้ใจ
ลองเขียนกลอนเผื่อว่าเขามาอ่าน
บังเอิญผ่านมาเจออย่างเผลอไผล
ปรากฏตัวสักทีเถอะ นะ คนไกล
ขี้เกียจฝันถึงใครยามหลับตา
"เดจาวู" อยู่อยู่ก็รู้สึก
ห้วงลึกลึกใครคนหนึ่งอยู่ข้างหน้า
ที่ที่ไกลแสนไกลเดินทางมา
หลงเชื่อว่าเขายังซึ้งคิดถึงกัน
ประสบการณ์ "เดจาวู" รู้จักไหม
เป็นอะไรในจิตยามนิ่งมั่น
ภาพอารมณ์กับฝันฉายมาผูกพัน
หอมกลิ่นฝันถึงใครอยู่ไกลโพ้น.
29 ตุลาคม 2548 10:16 น.
แดดเช้า
หนึ่งบวกหนึ่งเป็นเท่าไรใครรู้บ้าง
คำตอบต่างตามจุดยืนและพื้นฐาน
มีคุณครูผู้สอนอนุบาล
เล่านิทานหนึ่งบวกหนึ่งได้มากมาย
หนึ่งบวกหนึ่งใครนับก็รับรู้
คำตอบอยู่คือสองคล้องความหมาย
เป็นคำตอบของผู้อยู่เดียวดาย
ไม่เกี่ยวสายสัมพันธ์กับใครเลย
หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับหนึ่งครวญซึ้งนัก
คือรวมรักสายสัมพันธ์อันเปิดเผย
ไม่มีเธอไม่มีฉันอันเปรียบเปรย
เหมือนเฉลยความในใจในหนึ่งเดียว
หนึ่งบวกหนึ่งทลายกลายเป็นศูนย์
ผลอาดูรสงครามความหวาดเสียว
ทำลายล้างห่างเมตตามากลมเกลียว
ไฟร้อนเคี่ยวแผ่นดินจนสิ้นทาง
สมการหนึ่งบวกหนึ่งลึกซึ้งนัก
แทนความรักสงครามความเหินห่าง
การรวมกันความเดียวดายทำลายล้าง
เป็นผลต่างผลรวมความสัมพันธ์
หนึ่งบวกหนึ่งเป็นเท่าไรคนไหนรู้
จงเลือกดูหนึ่งสองหรือศูนย์นั่น
หนูยกมือตอบหนึ่งซึ้งรักกัน
ในทุกวันปรองดองรวมหนึ่งเดียว.