18 กุมภาพันธ์ 2549 19:36 น.

พิศจันทร์ยามซ่อนนวล

แดดเช้า

 หมอกระลอกหอบลมมาห่มฟ้า
ยามมืดมาบดบังหวังได้เห็น
ร้าวรอยช้ำย่ำเหยียบเทียบนวลเพ็ญ
ดาวยังเย็นย้ำยอกเหมือนตอกตำ

แอบพิศจันทร์ฝันถึงจันทร์หนึ่งดวง
เคยแจ่มช่วงหวานหวามยามพลบค่ำ
หรือหมอกเมฆกระแทกลมขื่นขมคำ
จันทร์จึงช้ำชอกนักสุดหนักใจ

ยามลมหวนรัญจวนครวญเพ้อหา
ลมปากพาเรรวนจนหวนไห้
จันทร์เจ้าขา ... อาจล้าบ้างคว้างฟ้าไกล
อยากปลอบขวัญห่วงใย ... ได้แต่มอง

ไม่กล้ายิ้มยามจันทร์นั้นโศกเศร้า
ไม่กล้าเคลื่อนเงื่อนเงาคราวค่ำหมอง
ได้แค่คิดพิศเพลินเกินหมายปอง
เป็นแค่คนจับจ้องจองนวลจันทร์

ซ่อนนวลเอยเชยชื่นเพียงคืนนี้
ฟ้าโปร่งดีจันทร์แจ่มแย้มรับขวัญ
ขอเพียงหนึ่งซึ้งซาบอาบแสงนั้น
แสงพร่างพรรณแพรวงามยามจันทร์ทอ

เผยเถอะจันทร์ ... ฉันยังรอพอซึ้งรัก
ในคืนหนักหน่วงล้ากล้าเกิดก่อ
เพื่อมืดมิดชิดเชยหวังพร่างละออ
อย่าเก็บพ้อลมปากจากใครเลย

หมอกระลอกหอบลมมาห่มฟ้า
ขอจันทร์กล้าเจิดนวลชวนชื่นเผย
เพื่อทะนงสูงส่งอุ่น อย่างคุ้นเคย
สักใครเชยชื่นจันทร์ ... ได้ฝันดี. 				
15 กุมภาพันธ์ 2549 22:57 น.

เติม (ไม่) เต็ม

แดดเช้า

เติมชีวิตผิดพลาดอาจเพียงครู่
คนยืนอยู่ย่อมมองยามหมองหมาง
ไม่อยากให้ใจหม่นบนหนทาง
จึงเป็นผู้ถากถางสร้างกำลัง

เป็นโปรยฝนหล่นซ้ำกระหน่ำพื้น
เพื่อแผ่นผืนชุ่มชื่นคืนความหวัง
พอกระทบกลบแล้งแห้งชิงชัง
น้ำก็ขังเพียงครู่อยู่ไม่นาน

เป็นเปลวไฟไสวสว่างพร่างคืนค่ำ
เพื่อสาดส่องมืดดำให้เลยผ่าน
ชำระร้าวคราวหม่นอนธกาล
ฟ้าเบิกบานคลายท้อ ... ขอดับตน

เป็นสะพานผ่านทางถางชีวิต
เพียงเธอคิดสานฝันวันสับสน
เห็นจุดหมายสายใยในตัวคน
เพียงผ่านพ้นเมื่อถึงฝั่งอย่างปลอดภัย

เป็นปรารถนายามล้าอ่อนช่วงตอนหนึ่ง
เธอซาบซึ้งซ่านนักยามหวั่นไหว
เพียงพบสุขสร่างเศร้าคลายเหงาใจ
จึงเป็นได้แค่คนผ่านกาลเวลา

แม้วันไหนใจเธอเผลอเพ้อสุข
เชิดหน้าลุกทระนงสูงส่งค่า
ฉัน .. จึงเป็นแค่คนเก่าเคล้าน้ำตา
เธอส่ายหน้าไม่รับกับฝันใด

เติมโปรยฝนบนดินให้สิ้นแล้ง
เติมความแห้งเหือดฝัน ณ วันใหม่
เติมความกร้านผ่านสว่างกลางเปลวไฟ
เหมือนเติมใจคนคุ้นเคยไม่เคยเต็ม. 				
11 กุมภาพันธ์ 2549 12:22 น.

ใช่ไหม?

แดดเช้า

ใช่ไหม?
หัวใจไว้สำหรับรับรู้สึก
แผ่ซ่านสื่อความหมายมากมายลึก
หรือเพียงนึกใคร่อยากจากอารมณ์

ใช่ไหม?
หัวใจไว้ฉีดเลือดเชือดขื่นขม
ฟอกสีดำช้ำหนองหมองตรอมตรม
ล้างและบ่มเบาบางล้างร่างกาย

ใช่ไหม?
กับหัวใจเธอคิดผิดมุ่งหมาย
ฉีดเลือดพุ่งพลุ่งพล่านอันตราย
อยากทำร้ายใครอีกคนบนร่างยืม

ใช่ไหม?
กับหัวใจของเขาเศร้า - ปลาบปลื้ม
กับสิ่งหลากกระชากชีพหมายจำ - ลืม
หลงกดดัน - ด่ำดื่ม ... คนของใจ

ก็แค่นั้น ...
กับหัวใจของฉันมิหวั่นไหว
เธอจะรักจักเลือกเส้นทางใด
กับเขาทำเจ็บเพียงไหน ... ได้เพียงรู้

ใช่ไหม?
กับหัวใจฉันกร้านเท่าเป็นอยู่
เย็นชา นิ่ง สิ่งกระทบ สบตาดู
อาจรู้สึกเพียงครู่ แล้วหายจาง

ใช่ไหม?
เพียงหัวใจสักคนบนโลกกว้าง
คนหนึ่งทำหน้าที่ที่จักวาง
อีกคนสร้างสื่อสารงานของใจ

กับอีกคน .. 
ไม่ดิ้นรนเดือดร้อนกับสิ่งไหน
ผ่านเส้นเลือดเดือดพล่าน หรือ เย็นใด
อยู่เพียงให้เห็นเธอเขา ยังเข้ากัน

คงใช่แล้ว ...
กับสายตาสื่อแววแห่งสุขสันต์
ฉันเพียงผู้รู้รับสื่อสัมพันธ์
มองสิ่งนั้นเพียงสุดขั้วของหัวใจ.				
10 กุมภาพันธ์ 2549 15:02 น.

เพียงผ่าน - ผูกพัน

แดดเช้า

ฝนโปรยหล่นกระทบซบผืนหล้า
ซับลงมาถึงถิ่นแผ่นดินไหน
แล้วซ่านซึมซึ้งผ่านนานเท่าไร
เหลือดินไว้ชุ่มชื่นให้ตื่นตา

น้ำซบแทรกชำแรกดิน ณ ถิ่นไหน
สู่รากใหญ่ร่มเย็นเป็นต้นกล้า
ต้นเติบตนตระหง่านแผ่ก้านมา
ขยายสาขาร่มรื่นชุ่มชื่นใจ

หนุ่มสาวพลอดรำพันฝันฟุ้งเฟื่อง
ร่มเงาเยื้องแผ่ผายบังแดดใส
น้ำคำคนล้นหลากเพียงจากไป
พลอดคำใดด้วยอารมณ์ผสมพอ

เพียงฝนชุ่มอุ้มดินถิ่นแห้งผาก
หลงลมปากแว่วหวานซ่านซึ้งหนอ
หวามน้ำคำพร่ำเพ้อเผลอพะนอ
เหมือนฝนขอผ่านดินคลายสิ้นแล้ง

หากอีกใครใจผูกพันอันฉ่ำชื่น
ยึดหยัดยืนคำสัญญามาปันแบ่ง
คาดหวังถึงซึ้งฝันอันอิ่มแรง
ทุกอย่างจึงแจ่มแจ้งเพื่อผูกรัก

จึง "เพียงผ่าน" ซ่านซึ้งหนึ่ง "ผูกพัน"
ด้วยต่างฝันต่างหนทางต่างปลูกปัก
คนหนึ่งคนหวังหวานหว่านคำทัก
อีกคนจักหวังฝันอันโพ้นฟ้า

ฝนโปรยหล่นบนต้นไม้เติบใหญ่ต้น
ใครหนึ่งคนผ่านไปใจเจ็บปร่า
ใครอีกหนึ่งซึ้งซ่านหวานชีวา
หมายวาจาเป็นคำจริง ... สิ่งผูกพัน.				
9 กุมภาพันธ์ 2549 20:51 น.

เพียง ผ่าน คืน

แดดเช้า

ในยามพลบ
หยาดน้ำกลบตาเธอเหม่อฟุ้งฝัน
อกสะท้อนอ่อนล้าพร่าทางตัน
มองหาแสงสักจุดนั้น ... ยังไม่มี

หัวค่ำ
เธอยังช้ำซบบ่าซับหน้าหนี
ไม่อยากเห็นโลกเย็นชาคาวราคี
หวาดวันที่ร้าวร้อนบนฟอนไฟ

น้ำค้างพร่างกลางดึกฉันตรึกตรอง
เธอขอเร้นเงาหมองป้องหวั่นไหว
ขอพื้นที่ใกล้ชิดฉันวันร้าวใจ
ฉันปลอบให้เธอคลายท้อต่อวันคืน

ฟ้าพราว
จันทร์ยังยิ้มหยอกดาวคราวขมขื่น
เธอหลับพริ้มน้ำตาเปื้อนเหมือนกล้ำกลืน
อ่อนล้าเกินหยัดยืนในคืนนี้

ณ อ้อมกอดพลอดรำพันฉันปลอบเศร้า
เห็นเพียงเงาหงอยคว้างเกินห่างหนี
หมอกยังมัวกลั้วกล้ำช้ำฤดี
เธออยู่นี่กับฉัน นะ ขวัญเอย

ตะเกียงจุดสุดแสงแห่งคืนค่ำ
เธอยังย่ำย้ำฝันอันเปลืองเผย
ณ ห้องหับคับแคบแอบคุ้นเคย
ฟังเธอเอ่ยระบายทุกข์ปลุกปลอบใจ

แสงขาวเริ่มแต่งเติมเสริมรอยฟ้า
ขอบดินพร่าเรืองรองของวันใหม่
เธอซบอกสะทกแนบแอบทรวงใน
อุ่นเพียงใดเธออิ่มหลับกลับตื่นตา

แสงตะวันหลั่นเลื่อมเหลื่อมภูเขา
สร่างรอยเงาฝันร้ายคลายเจ็บปร่า
เธอเริ่มดับแสงตะเกียงเพียงร่ำลา
ยิ้มรับฟ้าเช้าใหม่ในอรุณ

ในยามเช้า
ล้างรอยเหงาสร่างโศกเธออบอุ่น
โบกมือลาค่ำคืนชื่นละมุน
เธอคลายคุ้นลาฝันจากฉันไป

บ่าที่เธอเพ้อพร่ำร่ำระบาย
อกอุ่นคล้ายล้างหม่นคนหมกไหม้
แต่ตะวันพลันล้างร้างจากใจ
สิ่งใดใดไม่สำคัญ ... ตะวันทอ

ณ เช้าเหงาเปล่าเปลี่ยวเกี่ยวคืนฝัน
หนึ่งคนนั้นเพียงผ่านเพื่อร้องขอ
พบผู้ให้ในคืนช้ำน้ำตาคลอ
เพียงผู้รอโอบห่วงใยในคืนล้า.				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟแดดเช้า
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดดเช้า
Lovings  แดดเช้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแดดเช้า