1 พฤศจิกายน 2553 18:23 น.
แจ้นเอง
นั่งดูข่าวแต่ละช่องล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องน้ำท่วม ใครๆก็บอกว่า"ปีนี้น้ำท่วมรุนแรงที่สุด"เริ่มจากหนึ่งเมตร เป็นสองเมตร เป็นสามเมตร แล้วก็...มิดหลังคา
ห้วงเวลาที่ระทึกคงเป็นช่วงที่น้ำหลากจากเหนือจะมาสมทบอีกไหมคืนนี้...หรือจะมาถึงเมื่อไหร่...หาใช่การรอคอยเพื่อจะสมหวังไม่...หากแต่เป็นการคอยที่ทุกข์ท้น...ว้าวุ่นใจ...และหวาดระแวง น้ำที่ท่วมระมาจากหมู่บ้านหนึ่งถึงหมู่บ้านหนึ่ง จากจังหวัดหนึ่งถึงจังหวัดหนึ่ง...ให้เตรียมตัวอย่างไรก็ไม่พ้นหายนะ"จากต้นสายถึงปลายน้ำ" จะให้เตรียมตัวรับน้ำอย่างไร เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปตลอดเวลา พอคาดหวังว่าน้ำจะลดลงแล้ว ฝนก็กระหน่ำซ้ำลงมาอีก ได้แต่อดทนเพื่อที่ว่าแล้วมันก็ จะผ่านไป...
ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ระทมที่เนืองนองไปด้วยน้ำตา...เราก็จะเห็นธารน้ำใจที่ไหลรินไม่ขาดสาย... จากคนไทยทั่วประเทศ จะมีประเทศไหนในโลกที่เหมือนประเทศไทย...จะร้อนแล้ง จะเหน็บหนาว...เราก็ไม่ทิ้งกัน
น้ำท่วมยังไม่ทันแห้งขอด อิสานก็โดนลมหนาวระลอกแรกมาเยือน อุณหภูมิลดอย่างรวดเร็ว คราวนี้เหนือ อิสานจะต้องอยู่กับความหนาวเหน็บไปอีกนานเท่าใดหนอ...ใต้เองก็กำลังเจอกับดีเปรสชั่นอีกเล่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เหมือนธรรมชาติจะบอกว่า "เอาจริงล่ะนะ"เตือนกันมาหลายหนแล้ว นายทุนทั้งหลายที่ตัดไม้ ทำลายป่า ตอนนี้ท่านทั้งหลาย "ยังสบายดีอยู่หรือ" พวกท่านนั่งมองพี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยากจากน้ำมือท่านด้วยความรู้สึกใดกัน...แหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตระหนักให้กับใครได้บ้าง รัฐบาล องค์กรต่างๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนทั้งหลาย นักพัฒนา โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาที่อาศัยเทคโนโลยีที่มุ่งผลลัพธ์จากภาคเกษตรให้เป็นอุตสาหกรรมที่ทั้งทำลายและคายของเสียในเวลาเดียวกัน โลกที่ร้อนขึ้นทุกวันจนธรรมชาติวิปริตแปรปรวน ท่านๆก็ผ่อนๆกันบ้างก็ได้
ฐานคิดเศรษฐกิจพอเพียงใช้ได้ดีเสมอทุกยุคทุกสมัย มองย้อนกลับไปยังอดีต เราอยู่ร่วมกับป่า กับธรรมชาติ โรคภัยก็ไม่ได้พัฒนาตัวเองถึงขนาดนี้ เอื้ออาทรกับธรรมชาติ โศกนาฏกรรมก็คงไม่รุนแรงระดับนี้ แม่น้ำ ลำคลองมีที่มาและที่ไป หันมาบริหารจัดการน้ำซักทีดีไหม ที่รุกล้ำกันอยู่ก็ขยับขยายให้น้ำได้ไหลผ่าน หรือต่อไปจะสร้างบ้านแปงเมืองก็อย่าไปเกะกะทางเขา ตึกรามบ้านช่องก็ปลูกแบบใต้ถุนสูงก็น่าจะดี หน้าน้ำหลากก็พายเรือรอดใต้ถุน ตกเบ็ด หาปลากันใต้ถุนบ้านไปเลย
เมื่อลมหนาวระลอกแรกพัดผ่านมาทักทาย...เราก็ไม่รู้ว่ามันจะอยู่กับเรานานไหม ตอนนี้ห่วงแต่ธรรมชาติอย่าซ้ำเติมพี่น้องเราให้ระทมทุกข์ไปกว่านี้อีกเลย
18 เมษายน 2553 00:02 น.
แจ้นเอง
อี๊กคิว อิ๊กคิว อยู่ไหนลูก...
เสียงแม่น้องอิ๊กคิวร้องเรียกลูกมาเป็นระยะๆ
อิ๊กคิวเด็กชายผิวขาว ดวงตากลมโต อ้วนจ๊ำหม๊ำกำลังเดินเอามือปัดป่ายใบไม้เล่นอยู่ในสวน บางครั้งก็คุยอยู่กับตัวเองเหมือนกำลังแสดงละคร ไม่ได้สนใจกับเสียงเรียกของแม่
อิ๊กคิวเป็นเด็กสมาธิสั้น ไม่ค่อยจะอยู่นิ่งๆจึงซนมาก คุณแม่จึงต้องคอยเรียกเพื่อจะได้รู้ว่าลูกอยู่ที่ไหน หลายครั้งที่เจ้าตัวน้อยก่อเรื่องให้ปวดหัวเล่น ไม่เว้นแม้ที่โรงเรียน ...
นักเรียนเอาสมุดกับดินสอขึ้นมา วันนี้เราจะวาดรูปปลากัน คุณครูศิลปะ บอกนักเรียน น้องอิ๊กคิวรีบเอาสมุดขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วก็ควานหาดินสอ ผ่านไปหลายนาทีคุณครูจึงหันมาถามว่า
ไม่ได้เอาดินสอมาหรือครับน้องอิ๊กคิว
เอามาครับ แต่ผมหาไม่เจอ แฮ่ๆๆๆ ตอบพร้อมกับทำหน้าตายอมรับผิดเล็กๆ
งั้นก็รีบๆหน่อยนะครับ เพื่อนๆรอหนูอยู่นะครับ
เวลาผ่านไปอีกซักพัก คุณครูเห็นท่าว่าจะไม่ได้การเสียแล้วจึงเอากระเป๋าน้องอิ๊กคิวขึ้นมาล้วงหาดินสอ
นี่ไงดินสอ ทำไมครูหาเจอล่ะ
ไม่ทราบครับ ก็ผมหาแล้วไม่เจอนี่.. เสียงตอนท้ายชักห้วนๆเพราะตัวเองไม่ชอบวาดรูปพอคุณครูบอกให้วาดรูปได้ อิ๊กคิวก็ ...
คุณครู ค ร๊ า บ ผมขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำครับ
คุณครูมองด้วยสายตารู้ทัน เสร๊จแล้วรีบกลับมานะครับ
อิ๊กคิวถลาออกนอกห้องทันทีที่คุณครูพูดจบ แล้วก็หายไปเลย คุณครูมาพบอีกทีก็ตอนเที่ยง ช่วงที่อิ๊กคิวหายไปนั้นที่แท้ก็แอบมาอยู่ห้องน้องอนุบาลซึ่งน้องๆกำลังดูการ์ตูนกันอยู่ อิ๊กคิวค่อยๆย่องเข้าไปนอนอยู่ข้างๆน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูการ์ตูนอย่างสนุกสนาน น้องอิ๊กคิวก็เฮไปกับน้องๆด้วยเนียนนะนี่ และอีกหลายครั้งที่หายไปเฉยๆจนถึงเวลาเลิกเรียน คุณแม่มารับแล้วไม่เจอ ต้องหากันจ้าละหวั่น จนมาพบอยู่หลังโรงเรียน เหตุผลก็คือว่า...
ผมกำลังตามมดมา กำลังจะรู้อยู่เชียวว่าบ้านมันอยู่ไหน แม่กลับไปก่อนได้มั้ย
คุณครูและคุณแม่มองตากันปริบๆ
มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ
ณ สวนหลังบ้านที่มีพื้นที่ไร่กว่าๆคุณตาปลูกไม้ผลไว้หลากหลายชนิด มีทั้งกล้วย ลำไย มะม่วง มังคุด ชมพู่ ลิ้นจี่ ขนุน มะพร้าว ฯ จึงร่มรื่นทั้งให้ร่มเงาและเป็นที่อาศัยของนก กา นา นาพันธุ์ พอถึงฤดูที่ให้ผล ก็ได้ลิ้มชิมรสผลไม้ที่สดจากต้นทุกทีไป
อิ๊กคิว อิ๊กคิว เสียงคุณแม่เรียกพร้อมทั้งบ่นกับตัวเอง หายไปไหนนะ งานยิ่งยุ่งๆอยู่ แต่ก็ไม่ได้ขยับจะตามทันที แต่อิ๊กคิวเริ่มขยับตัวเข้าไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้แล้ว
จิ๊บๆๆๆๆ นกน้อยตัวหนึ่งบินมาเกาะกิ่งไม้ใกล้ๆกับที่อิ๊กคิวซ่อนตัวอยู่ มันหันซ้ายหันขวามองหาเหยื่อ และแล้วมันก็ต้องตกใจ แทบตกจากกิ่งไม้เมื่อมันเหลือบไปเห็นอิ๊กคิวเข้าซึ่งอิ๊กคิวเองก็กำลังจ้องมองมันอยู่
เฮ้ ย ย ย!
อย่าตกใจๆ เราขอโทษ อิ๊กคิวรีบร้องบอกนกน้อย เรากำลังแอบแม่เราอยู่ เราไม่ทำอะไรเธอหรอก
นกน้อยขยับปีกและเกาะในท่าที่ดีแล้วจึงพูดขึ้นว่า ตาโต ...น่ากลัว
อิ๊กคิวยิ้ม อย่ากลัวเราเลย เรากำลังหลบแม่เรา เราขี้เกียจทำการบ้าน จึงมาเดินเล่นในสวน เออ แล้วบ้านเธออยู่แถวนี้เหรอ อยู่ตรงไหนล่ะ
เราอยู่บนต้นมะม่วงอยู่ท้ายๆสวน ไม่ค่อยได้มาด้านนี้หรอก
ทำไมล่ะ
ก็เดี๋ยวนี้ ที่นี่ ไม่มีข้าวให้กินแล้ว
ทำไมล่ะ
ไม่รู้เหมือนกันเมื่อก่อนตอนแม่อยู่แม่มักจะพาฉันมาหากินข้าวแถวนี้ แต่ว่าเมื่อหลายเดือนก่อนแม่ฉันมาจากฉันไป ฉันจึงหาหนอนใกล้ๆแถวนั้นกิน วันนี้ฉันคิดถึงที่นี่ก็เลยกลับมานกน้อยเล่าแล้วทำหน้าเศร้าๆ
เอ๊ะ! ฉันนึกออกแล้ว เธอว่าเธอเคยมาหาเศษข้าวแถวนี้กินเหรอ งั้น ต้องใช่แน่เลย
อะไรเหรอจ๊ะคราวนี้นกน้อยเป็นฝ่ายสงสัยบ้าง
ก็เมื่อก่อนฉันเคยถามคุณตาว่าเอาเศษข้าวโยนขึ้นไปบนหลังคาทำไมน่ะซี
ก็แล้วทำไมล่ะ
คุณตาก็เลยบอกว่าถ้าอยากรู้ก็ให้ฉันตื่นแต่เช้ามาดู ก็จะรู้เอง แล้วฉันก็เห็นนกมากมายมาจิกกินข้าวที่คุณตาโยนไปให้ งั้นตอนนั้นจะมีเธออยู่ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ 555 พูดแล้วก็หัวเราะชอบใจ
อิ อิ อิ น๊านซีนะ มีฉันอยู่ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รุ๊
แต่ตอนนี้คุณตาฉันท่านเสียแล้ว แม่ก็ไม่มีเวลา พวกนกก็ไม่มาอีกเลย
ถึงว่าสิ แถวนี้ถึงได้เงียบเหงาไปเลยนะ
ใช่ๆๆๆ ฉันก็ว่างั้นแหละ
ว่าแต่ ตอนนี้เธอจะไปไหนมาไหนต้องระวังมั่งนะ นกน้อย
ทำไมเหรอ
ฉันเห็นพวกพี่ๆอันธพาลหลายคนพกหนังสติ๊กมาคอยแอบยิงนกในสวนหลายหนแล้ว
ทำไมฉันไม่เคยเห็นล่ะ
เธออยากเจอหรือไงล่ะ เดี๋ยวก็โดนพวกมันยิงเอาหรอก ฝีมือพวกมันร้ายกาจจะตาย
อิ๊กคิว อิ๊กคิวกลับบ้านได้แล้ว
เสียงแม่ฉัน เดี๋ยวคงตามมาแล้วล่ะ เธอกลับไปก่อนนะ ระวังตัวด้วยล่ะ ฉันเป็นห่วง
เป็นห่วงฉันน่ะเหรอ
ก็ เออสิ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่
เอาล๋ะ เพื่อนก็เพื่อน อิอิ
งั้นฉันไปก่อนละนะ บ๊าย บาย
บ๊าย บายบอกอำลาพร้อมกับโบกมือหย็อยๆ
โบกมือให้ใครจ๊ะอิ๊กคิว คุณแม่ถาม เพราะไม่เห็นมีใครซักคน
เพื่อนคิวเอง
เพื่อนเหรอ
ไหนล่ะ บินไปโน่นแล้วตอบพร้อมกับชี้มือไปบนท้องฟ้าไกลๆ
เอาเถอะๆ เราไปทำการบ้านกัน เถลไถล ตั้งนานสองนานแล้ว
ค ร๊ า บๆๆๆๆ
เช้าวันหนึ่ง
ไง แก้ว วันนี้ไปหายิงนกที่ไหนกันดี เทน เอ่ยถามแก้ว
ฉันว่าเราแอบปีนรั้วเข้าไปหามะม่วงบ้าน คุณตากันมั้ยตอนนี้คุณตาไม่อยู่พวกที่บ้านก็ไม่ค่อยมีใครสนใจสวนหลังบ้าน มะม่วงคงสุกงอมหลายลูกแล้ว นายว่าไง
ก็ดีเหมือนกัน วันนี้ฉันก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว ดีกว่าอยู่เปล่าๆว่ะ เทนตอบพร้อมกับยักไหล่
งั้น ไปกันเล้ย
เฮ้อ! วันนี้จะไปไหนดีนะ รู้สึกเหงาๆไงไม่รู้ นกน้อยรำพึงรำพันกับตัวเอง
ร้องเพลงเล่นดีกว่า ล้า ลา ล้า ลา ล่า ล่า ลา ล้า ลา เฮ้ๆๆ
จิ๊บๆๆๆๆๆ
เทนแกได้ยินเสียงนกหรือเปล่าวะ
ได้ยินสิ อยู่บนต้นมะม่วงนี่แหละ ขณะนั้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่แก้วและ
เทนมาแอบปีนต้นมะม่วงพอดี
เอางี้นะ นายเอาก้อนหินเฟี้ยงขึ้นไป พอมันตกใจบินออกมา ฉันจะจัดการเอง
ได้ๆๆๆ เอ้า หนึ่ง สอง อึ๊บ นั่นๆๆๆๆยิงเลยๆๆๆ
แก้วซึ่งง้างหนังสติ๊กเต็มที่ก็ปล่อยลูกกระสุนออกไป
ฝีมือนายไม่เคยพลาดเป้าจริงๆ
ของมันแน่อยู่แล้ว 555 ว่าแต่เรารีบเก็บมะม่วงเหอะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี
เอาไปไม่หมดว่ะ ล้นกระเป๋าแล้ว
ทิ้งไว้เหอะ ไปๆ
หลังจากเสร็จภารกิจแล้วเทนกับแก้วก็แอบหนีไปอย่างลอยนวลทิ้งให้เจ้านกน้อยนอนตายอย่างเปล่าเปลี่ยว
อนิจจาชีวิตเจ้านกน้อย ไม่น่ามาตายเพราะแค่ การไม่รู้จะทำอะไรของเด็กอันธพาลเลย
สายๆวันเดียวกัน
อิ๊กคิวแอบหนีแม่มาเล่นในสวนและกะจะไปหาเพื่อนซึ่งก็คือเจ้านกน้อยนั่นเอง
เฮ้ๆๆๆนกน้อยเธออยู่หรือเปล่า
เงียบ ทำไมเงียบจัง หามะม่วงสุกร่วงแถวนี้กินดีกว่า
ไชโย ได้ลูกนึงแระ เดี๋ยวต้องเอาไปอวดแม่ซะหน่อย เอ๊ะ นี่ก็อีกลูกนึง วันนี้ทำไมมะม่วงร่วงเยอะจังนะ
ทันใดนั้นอิ๊กคิวก็เหลือบไปเห็นซากเจ้านกน้อยที่นอนตายหัวแบะอยู่ตรงพื้นข้างหน้า
โฮๆๆๆ นกน้อย ใครยิงเธอนี่ ฮือๆๆๆๆใครกันนะทำไมใจร้ายอย่างนี้ อิ๊กคิวทิ้งมะม่วงแล้งก้มลงช้อนลูกนกอย่างเบามือด้วยความสงสาร
อิ๊กคิวๆๆๆ เป็นไรไปลูกๆเป็นอะไรเหรอ ร้องไห้ทำไม เสียงแม่รัวคำถามแต่
อิ๊กคิวเอาแต่ร้องไห้แล้วยื่นมือให้แม่ดู
นกน้อยเพื่อนคิว ตายแล้ว มันตายแล้ว
โถๆๆๆ แม่ดึงอิ๊กคิวเข้ามาแนบอก มันตายแล้ว ตอนนี้คงขึ้นสวรรค์ไปแล้วล่ะ ลูกอย่าร้องไห้อีกเลย เราไปช่วยกันขุดหลุมฝังมันดีกว่าไหม
มันได้ขึ้นสวรรค์จริงๆหรือครับแม่
จริงซีจ๊ะ ก็นกน้อยมันเป็นเด็กดีไม่ใช่เหรอ
ครับ
ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหา เด็กดีพระท่านต้องคุ้มครอง ว่าแต่คิวอยากฝังมันไว้ที่ไหนจ๊ะ
ตรงที่เราพบกันครั้งแรกดีกว่าครับแม่ว่าแล้ว อิ๊กคิวก็นำแม่มาที่พุ่มไม้พุ่มเดิม สองแม่ลูกขุดหลุมเล็กๆฝังเจ้านกน้อย อิ๊กคิวหาดอกไม้มาปักบนหลุมให้ด้วย พร้อมกับยืนไว้อาลัย พลางอธิษฐานในใจ
เราขอให้เธอปอยู่บนสวรรค์นะ เราสัญญาว่าเราจะคิดถึงเธอเสมอ
เอาเถอะเสร๊จละเรากลับกันเถอะ แม่ชวน
เดี๋ยวครับแม่ เมื่อกี้คิวเก็บมะม่วงได้สองลูกก่อนที่จะเจอนกน้อย คิวสงสัยว่าทำไมมะม่วงถึงร่วงลงมาตั้งหลายลูก คงมีอะไรซักอย่าง แม่ไปดูกับคิวอีกทีนะครับ อิ๊กคิวเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมวันนี้มะม่วงจึงร่วงมาก แม่พยักหน้าเพราะไม่อยากขัดใจ สงสารที่เสียเพื่อนไปด้วยจึงเดินตามอย่างว่าง่าย
นี่ไงแม่ มีขวั้นติดมาด้วย มีขโมยเข้ามาในสวนแน่เลย แม่มองตามและเห็นด้วยกับอิ๊กคิว
คงใช่อย่างคิวว่าจริงๆล่ะลูก สงสัยเด็กๆแถวนี้แหละ
และมันต้องเป็นไอ้ฆาตกรที่ยิงเพื่อนลูกด้วย มันเลวจริงๆ
แม่ คิวจะแช่งมันให้มันหัวแตกดีมั้ย
เวรกรรมน่ะใครทำอะไรไว้ก็จะได้รับกรรมนั้นเอง อย่าไปแช่งเค้าเลยลูก
คิวโมโหนี่นา
ไปเถอะ เอามะม่วงไปทานกันดีกว่า แล้วแม่จะให้คนงานมาดูแลสวนบ่อยๆถ้าเราเก็บลูกแก่ๆเอาไปบ่ม ก็ไม่มีให้ใครมาขโมยได้อีก ไปเถอะ ว่าแล้วก็พากันกลับบ้าน
เอี๊ยดดดดดด โครม ....
ตาย ๆแหงๆเลยเสียงดังซะขนาดนั้น
เสียงคน เสียงรถมอไซด์ให้วุ่นไปหมดเมื่อเสียงโครมสงบลง
ใครอีกล่ะทีนี้น่ะ เสียงชาวบ้านซึ่งไม่ค่อยอินังขังขอบกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นรายวัน จนจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
บนโต๊ะอาหารเช้า อีกสองวันถัดมา หลังเกิดอุบัติเหตุ
แม่ครับวันนี้มีอะไรอร่อยๆทานมั่งครับ
ลูกจะทานอะไรดีล่ะแม่ทำ ต้มจืดไข่ลูกรอก ผัดหอยลาย ปลาทับทิมสามรส เอาอะไรก่อนดีจ๊ะ
ปลาครับแม่ เงียบไปได้ซักพัก แม่ครับแม่รู้มั้ย อุบัติเหตุวันนั้น พี่แก้วหัวแตกเข้าโรงพยาบาล
พูดเหมือนมีอะไรในใจซักอย่าง ซึ่งแม่ก็พอจะมองออกแต่ก็เงียบเสีย
แม่ครับ ถ้ากรรมมันมีจริงและเป็นอย่างที่แม่ว่าล่ะก็ กรรมคงสนองพี่แก้วเข้าแล้วซีนะ
ณ ระเบียงบ้านของอิ๊กคิวซึ่งเจ้าตัวกำลังนั่งหันหน้าไปทางด้านสระน้ำลมเย็นพัดเอื่อยๆอิ๊กคิวทำตาปรือได้ซักพักก็หงายตึงลงไปกรนคร่อกฟี้
นกน้อย ทำไรอยู่จ๊ะ
ร้องไห้มั้ง หุหุ
เห็นร้องเพลง บอกร้องไห้ พิลึกนิ
อ้าวเห็น อยู่ว่าทำไร แล้วยังมาถามอีก
ก็เห็นมีความสุขก็ถามไปงั้นแหละ ตอนนี้เธออยู่สวรรค์หรือที่ไหนน่ะ
ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็คิดถึงเธอนะ
เธอรู้มั้ยคนที่ยิงเธอน่ะ ตอนนี้หัวแตกอยู่โรงพยาบาลแล้ว
อ้าวเค้าเป็นอะไรล่ะ
โดนรถเฉี่ยวเอาน่ะสิ ฉันว่ากรรมนี่ก็ดีเหมือนกันนะเราไม่ต้องไปแก้แค้นมันแก้แค้นให้เราได้ด้วย
เธออย่ามากังวลกับการตายของเราอยู่เลย ฉันอยากเห็นเธอมีความสุขมากกว่านะ
ได้ๆๆ งั้นเธอต้องมาหาฉันบ่อยๆนะ
ก็ได้งั้นหลับฝันดีนะ ฉันจะร้องเพลงกล่อมเธอนะ ล้า ลา ล้า ลา ล่า ล่า ลา ล้า ลา เฮ้ๆๆ
ไม่มีเฮ้ ได้มั้ย
ทำไมล่ะ
มันจั๊กจี้ อิอิ
ล้า ลา ล้า ลา ล่า ล่า ลา ล้า ลา
คร่อกๆๆ
ฉันไปล่ะนะ อิ๊กคิวเพื่อนรัก
เขียนโดย แจ้นเอง
๑๗ เมษายน ๒๕๕๓
๒๑.๐๗ น.
1 พฤศจิกายน 2552 09:42 น.
แจ้นเอง
กล่องเปล่าไร้สาระใบหนึ่ง ตั้งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าบ้านมีบ้างบางครั้งที่ฉันเองก็มีของที่ไร้สาระและหาประโยชน์ไม่ได้โยนมันลงไปในกล่อง มีบ้างบางหนที่ฉันเดินสะเปะสะปะไปเตะโดนมันบ้าง ...และมันจะรู้สึกหรือไม่ฉันก็หาได้สนใจมันไม่ เพราะฉันคิดว่ามันไม่มีชีวิต มันยังคงสงบนิ่งอยู่เช่นนั้น ...ขณะที่ฉันกำลังว้าวุ่นใจ
แต่เธอมีทั้งเลือดเนื้อและวิญญาณ มีชีวิต แต่การกระทำของเธอไม่ต่างจากกล่องเปล่าที่เมื่อฉันเติมอะไรเข้าไปจึงไม่มีการตอบรับกลับมา ไม่แม้แต่จะลงไปนอนนิ่งอยู่ก้นกล่อง
แล้วไมตรีที่เธอเคยทอดมาให้เล่า ความสนุกสนานร่าเริง ความเอื้ออาทร ที่มีให้กัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปีมันหายไปไหนเสียล่ะ
เธอเคยบอกว่าความสุขต้องค่อยๆซึมซับและตักตวง เหมือนการกินไอศครีม ต้องค่อยๆลิ้มชิมรสหวานชื่นใจนั้นและแม้เมื่อจะเหลือแต่ไม้ก็ยังไม่ยอมทิ้ง ...แต่นี่ความรู้สึกคาใจยังไม่วาย เฝ้าสงสัยว่า การกระทำที่ผ่านมามันคืออะไร ทั้งที่ความรู้สึกนั้นมันจับต้องได้ หรือเป็นแค่ความหวามไหวแล้วปล่อยเลย กล่องทุกด้านคงไม่ยึดแน่นซีนะความรู้สึกเหล่านั้นจึงเล็ดรอดไปได้ จึงทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า ...และเงียบเหงา
คราวนี้มิใช่รู้สึกอิ่มเอม และโหยหา หากแต่เป็นความเดียวดายที่เจ็บปวด อ่อนไหวหรือเล่า เจ้ามิใช่ธาตุดินหรอกหรือ ทำไมอ่อนไหวได้ถึงขนาดนี้
ความเจ็บปวดรานรอนมากขึ้นทุกที ค่อยๆฝังรากหยั่งลึกและเกาะกินใจแทบสิ้น แม้พยายามที่จะลืมและลบมันทิ้งไปแต่ทำได้หรือเล่า
ความทรงจำที่ดีงาม ยังครอบครองหัวใจดวงนี้อยู่ จะเก็บไว้หรือเขี่ยทิ้งก็สุดแต่ใจ ร่ำไห้ก็เปล่าประโยชน์ ...แล้วสายลมเดียวดายก็พัดผ่านมาอีกระลอก
๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
แจ้นเอง
27 มิถุนายน 2552 13:03 น.
แจ้นเอง
แล้วสมุดบันทึกหน้าเก่าก็ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นบันทึกที่ถูกกลั่นออกมาจากความรู้สึก
ปิติยินดี เมื่อความฝันถูกบันทึกลงบนกระดาษและถูกถ่ายทอดไปสู่สายตาคนอื่นและได้รับการตอบรับที่มีน้ำใจไมตรี กำลังใจมี่ได้จากบ้านกลอน
จำได้ว่าวันหนึ่ง เราเข้าไปอ่านกลอนใน Bloggangและเว็ปปู่ลิง รู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นกับการแลกเปลี่ยนจนกระทั่งมาพบบ้านหลังหนึ่ง แรกที่เจอเราได้แต่อ่านและแอบคอมเม้นท์เพราะรู้สึกมีส่วนร่วมในบทกลอนบางบทบางตอนโดยใช้ชื่อต่างๆ
แล้ววันหนึ่งก็ถามตัวเองว่าลองดูมั้ยเผื่อว่าจะมีคนอ่านกลอน/เรื่องสั้นของเราบ้าง แรกทีเดียวเราเข้าไปตั้งกระทู้ก่อน เพราะอยากรู้ว่าในโลกของคนบ้านกลอน มีใครบ้างที่ชอบอะไร สิ่งไหนและยังไง ที่รู้ก็มีหลายท่านที่อยู่ในโลกของการมีส่วนร่วมคือความเป็นเจ้าของโลกใบนี้เช่นเดียวกันจึงมีกระแสของความรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมและท่ามกลาง การเมืองที่ต่างขั้วต่างความคิดก็มีความเป็นประชาธิปไตยในการแสดงออกและเป็นไปโดยธรรมชาติจึงรู้สึกยินดีที่เรามีผู้ดูแลระบบที่น่ารัก เป็นทั้งนักคิดและวิเคาะห์ ขอบคุณคุณอัลมิตราค่ะ โดยเฉพาะก้าวแรกของเรื่องสั้นที่ทำให้มีกำลังใจในการเขียนมากขึ้น คุณผู้หญิงช่างฝันที่มีทั้งเรื่องสั้น บทกลอน และคอมเม้นท์ที่ตื้นตันใจได้เสมอ คุณแทนคุณแทนไท คุณโคลอน คุณกชมนวรรณ ที่แวะมาทำความรู้จัก ครูพิม แม่ครูของเด็กๆที่คอยให้กำลังใจกับทุกคน ที่เข้ามาบ้านนี้ ในเรื่องสั้น น้องนัท นทธี เขียนเรื่องสั้นที่อ่านทีไรเราก็คิดว่าน่าจะเอาไปทำเป็นละครทุกที น้องนัทบรรยายความรู้สึกที่กลั่นออกมาจากใจได้ดีมากๆ ฉางน้อย ผู้น่ารักที่ทำให้ตัวหนังสือทุกตัวในเรื่องสั้นยิ้มได้ คำศัพท์ใหม่ๆผุดพรายมาเสมอและ ยัยวากับพี่เมี่ยงก็เป็นตัวละครที่พาทุกคนไปรู้จักกับการท่องเที่ยวที่มีแก่นสาร สาระและสนุกสนานเสมอ แก้วประภัสสร(น้องแบม) น้องสาวที่สูญเสียคุณพ่อเหมือนกัน ที่ให้น้ำใจคำปลอบโยนกับคนในบ้านกลอนสม่ำเสมอ น้องวุ่นที่แสนอ่อนหวานและบทกลอนที่ละมุนละไม คุณลุงแก้วประเสริฐต้องเรียกว่าคุณครูเพราะมีคนขอเป็นลูกศิษย์ในบ้านกลอนมากมาย คุณฝากฝันผู้มีรักเดียวและแบ่งปันความรู้ให้กับทุกผู้ คุณก่องกิกไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพี่ชายเพราะความกุ๊กกิ๊ก ลุงแทนคอยปลอบโยนเสมอเวลายุ่งยากลำบากใจ คุณยาแก้ปวด คุณเฌอมาลย์ คุณอาราเล่ ที่เก่งด้านโคลง กลอนที่อ่านแล้วก็กลับไปอ่านอีก คุณกานต์(เพลียงพลิ้ว)นักกลอนที่ใช้ถ้อยคำสุภาพและไพเราะมีน้ำใจไมตรีมากมายให้ยามเหงา พี่พุดที่มากความสามารถรักพี่นะคะ พี่ดอกแก้วติดตามงานพี่มากมายและคำสอนที่แจ้นเองพร้อมน้อมรับมีบ้างที่อึดอัดแต่เมื่อมาอ่านบทกลอนของพี่ดอกแก้วแล้วรู้สึกดีขึ้น คุณไร้อันดับทั้งกลอนและคอมเม้นท์ที่แสดงออกถึงความจริงใจตลอดมา คุณหนุ่มน้อย(ที่หายหน้าไปเสียแล้ว)แต่ก็อดที่จะคิดถึงไม่ได้ คุณกันนาบทกลอนที่สื่อถึงความรักในธรรมชาติ วิถีชีวิตและตัวตนของตัวเอง คุณครูกระดาษทราย ผู้มุ่งมั่นและมั่นคง คุณรัมณีย์คุณครูผู้สุภาพและอ่อนโยน คุณนิลวรรณบทกลอนคุณเยี่ยมเสมอมา คุณแมวคราว คุณคนบนเกาะ คุณคอนพูทน ผู้มีความหลากหลายในจินตนาการ ทั้งการบ้านการเมืองและแม้กระทั่งอาหารการกิน คุณผู้หญิงไร้เงาคุณทำให้แจ้นเองมีกำลังใจเสมอและคอยเข้ามาเป็นเพื่อนเวลาเหงา ขอบคุณมากค่ะ
คุณฝนทอง คุณอรุโณทัย คุณพิมญดา คุณไหมไทย คุณเฮาชาวดอย คุณช่ออักษราลี คุณกิ่งโศก
คุณแสงเหนือ คุณเอื้องคำ คุณบุหงารำไป คุณพรไพร คุณอรุณสุข คุณร้อยแปดพันแก้ว คุณนายธนา ล้วนแต่เป็นนักกลอนที่น่ารักบทกลอนที่แจ้นเองแวะเวียนเข้าไปอ่านและถึงแม้บางครั้งไม่ได้คอมเม้นท์ก็ตาม คุณไหมแก้วสีฟ้าคราม เพื่อนที่ไม่เคยทิ้งกันและมีเวลามักจะแวะเวียนมาหาเสมอ คุณแมงกุ๊ดจี่ ชอบชื่อคุณมากค่ะ คุณวิทย์ ศิริ คุณแมวเหลือง คุณจิตรำพัน คุณกิตติเวทย์ คุณTiki คุณกวี ซีม่า คุณหมอวฤก คุณเพลย์บอย คุณยิปซี4 คุณนกยูง คุณชัยชนะ คุณโจ้เอง คุณพริ้มเพรา คุณก้าวที่กล้า คุณไพรน้ำผึ้ง คุณแมวแต้ม คุณน่าน นามเมือง คุณประทีปดาว คุณล้นใจ คุณดอกบัว
คุณตรากลม คุณthepchandhra ล้วนแล้วแต่เป็นนักกลอนที่แจ้นเองชื่นชมผลงานของทุกท่าน แจ้นเองติดตามอ่านตลอดมา คุณคนกุลา คุณภาสุรีย์ คุณอินสวนท่าน บนข ล้วนเป็นผู้มีความรอบรู้และฉกาจด้านบทกวี คุณคนลานเทวา คุณกฤตศิลป์ ชินบุตร ที่มีหนังสือเป็นของตนเอง ชื่นชมมากๆค่ะ
และอีกหลายท่านที่แจ้นเองไมได้เอ่ยนามแจ้นเองไม่ได้ทักทายในที่นี้ขออภัยด้วยนะคะ
ท้ายบันทึกฉบับนี้แจ้นเองขอขอบคุณในน้ำใจไมตรีตลอดขวบปีที่ได้ให้โอกาส แจ้นเองได้พักอาศัยในบ้านกลอน ขอบคุณจากใจแจ้นเอง
1 มีนาคม 2552 18:57 น.
แจ้นเอง
ตาหวานๆๆๆเสียงเอ ร้องเรียกหาเจ้าตาหวานมาแต่ไกล
ตาหวานเป็นลูกหมูตัวเมียหน้าตาน่ารัก ตัวอ้วนพี สีชมพู นายเอ เรียกลูกหมูตัวนี้ว่า ตาหวานมันก็สมชื่อล่ะมันมีขนตาที่ยาวมากและงอนเช้งเชียว ดวงตาใสแจ๋วเวลามองมาที่เอ ทีไร เหมือนมันบอก รักเจ้าของมันงั้นแหละบางครั้งที่ เอ มาเล้าหมูเพื่อให้อาหาร แล้วเกิดไปทักทายพวกพี่ๆมันก่อน เจ้าตาหวานก็จะเกิดอาการงอนทันที มันจะขยับไปนอนทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ท้ายเล้า และไม่ลุกมากินอาหาร เอ ต้องง้อ อยู่บ่อยๆ
พอนายเอ มาถึงก็จะเห็นตาหวานมายืนรออยู่ แล้ว เอยื่นมือไปตบหูมันเบาๆทักทาย เจ้าตาหวานก็จะรีบงับมือ เอ ทันที
จ๊วบๆๆเจ้าตาหวานจะทำอย่างนี้ทุกครั้งในการแสดงความคิดถึงเจ้านายของมัน ซึ่ง นาย เอก็ไม่เคยว่าอะไรมันเลย ออกจะพอใจเสียด้วยซ้ำ พอซักพักนายเอ ก็แอบเหล่ตามองพวกพี่ๆของตาหวาน เจ้าใหญ่ รอง กลาง และเล็กซึ่งพวกพี่ๆของตาหวานมักจะ อิจฉาตาหวานเสมอที่มักจะได้รับความสนิทสนมจากนาย เอมากกว่า เอจึงร้องทักพวกมันบ้าง
เป็นไงใหญ่ รอง กลาง เล็ก ทำหน้าเหมือนได้กลิ่นตัวเองงั้นแหละ 5555 พูดแล้วก็หัวเราะชอบใจที่ทำให้พี่ๆของตาหวานมองค้อนปะหลับปะเหลือก
นายเอเจ้าของเล้าหมูปลายนา ซึ่งสร้างบนบ่อปลาท้ายแปลงนาแห่งนี้ เรียนจบจากวิทยาลัยเทคนิค ด้านช่างยนต์แต่มาเอาดีทางด้านงานเกษตรเพราะเหตุที่พ่อเสียชีวิตและไม่มีใครทำนา นายเอ จึงไม่ยอมไปทำงานกับอู่ซ่อมรถอีก ซึ่งพี่สาวฝากงานให้ นายเอมีฝีมือและเก่งไม่น้อยเลย มีลูกค้าเอารถมาให้ซ่อมไม่ขาดสาย แต่นายเอ ยืนยันกับพี่สาวว่า ตนจะทำอาชีพเกษตรต่อจากพ่อเอง โดยให้เหตุผลว่า
ที่นาเราก็มีตั้งเยอะแยะ ปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงหมู เลี้ยงปลาก็อยู่กันแบบสบายๆแล้วคำว่าสบายของ นาย เอ คือการที่ไม่ต้องเป็นลูกน้องใครและมีอิสระในการทำงาน
ปีนี้ข้าวขายได้ราคาดีและได้ผลผลิตเพิ่ม (เกิดอุทกภัยหลายพื้นที่ทำให้ข้าวได้ผลผลิตน้อย นาในที่ลุ่มเสียหาย) ส่วนปลากับหมูยังไม่ถึงเวลาจำหน่าย ผักของนายเอ มีทั้งคะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักสลัด ผักกาด กำลังงามเต็มสวน ผักของนายเอ เป็นที่รู้จักของแม่ค้าในตลาดเพราะเป็นผักปลอดสารพิษ ขายได้ราคาและลูกค้าติดใจ นายเอ ผลิตปุ๋ยหมักใช้เอง ยาฆ่าแมลงก็ผลิตจากสมุนไพร ซึ่งนายเอ ไปเรียนมาจากโรงเรียนชาวนา ที่ม.ราชภัฎมาเปิดสอนในหมู่บ้าน
นายเอ เป็นคนขยันและมีอัธยาศัยดีมีใจเอื้ออารี จึงมีลูกค้ามากหน้าหลายตามาหาซื้อผักถึงในสวน นอกจากจะขยันแล้วนายเอ ยังจัดว่าเป็นคนมีหน้าตาดีด้วย
นายเอเลี้ยงหมูไว้แค่คอกเดียว และคอกนี้ก็เป็นคอกแรกของนายเอ ตอนที่แม่หมูจะออกลูก นายเอติดช่วยงานบุญที่วัด แม่หมูออกลูกมา 9 ตัวแต่ตกน้ำตายไป 4 ตัว ทำให้นายเอเสียใจมากนายเอจึงรักลูกหมูที่เหลือและเอาใจใส่ ดูแลซ่อมแซมเล้าหมูอยู่เสมอ นายเอตั้งชื่อให้กับลูกหมูทุกตัวโดยดูจากรูปร่าง ลักษณะ และเรียกแม่หมูว่า แม่ด้วย
วันนี้นายเอ ตื่นแต่เช้าและง่วนอยู่ในแปลงผักตั้งแต่เช้า เพราะปุ๋ยหมักที่หมักไว้ใช้ได้แล้วและมีแปลงผักที่ต้องหว่านปุ๋ยใหม่อีก 2 แปลง จนเลยเวลาให้อาหารหมู
ณ เล้าหมูปลายนา แม่หมูโดยปกติมักจะหงุดหงิดเพราะลูกซุกซนและบางทีก็ทะเลาะกันบ่อยๆ วันนี้แม่หมูรอนาย เอ มาให้อาหาร รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นมาซักทีจึงเกิดโมโห แม่หมูใช้ปากดุนไม้ที่กั้นคอกออกแรงจนไม้หลุดและหล่นตูมลงไปในบ่อ และยังใช้ปากกัด แทะไม้กั้นคอกอันที่ติดกันออกอีกแต่อันนี้แค่ตะปูถอนออกเท่านั้นเอง ขณะเดียวกันลูกหมูก็พากันซุกซน มีแต่เจ้าใหญ่ที่เวลาซนมักจะถูกแม่หมูทำโทษจึงยืนแอบๆใกล้แม่หมูและบังช่องโหว่พอดีส่วนเจ้ารองและเจ้ากลางก็เล่นกันอยู่มุมหนึ่งกัดหัวหูกันไปตามประสา แต่เจ้าจอมซน เจ้าเล็กและตาหวาน วิ่งไล่กัดกันไปทั่วทั้งเล้า แม่หมูก็ยืนฉี่ทำตา ปริบๆ ขณะที่เจ้าจอมซนสองตัววิ่งไล่กันอยู่ เจ้าเล็กก็เหยียบโดยฉี่ของแม่หมูถึงกับลื่นไถลไปตามพื้นเฉียดเจ้าใหญ่ไปนิดเดียว แต่ ตาหวานกลับลื่นไถลไปหาเจ้าใหญ่และดูท่าจะเบรกไม่อยู่ เจ้าใหญ่เห็นดังนั้นจึงเบี่ยงตัวหลบทันที เสียง ตูม ดังขึ้นด้วยความตกใจเสียงหมูในเล้าเงียบกริบลงทันทียกเว้น เจ้าตาหวานที่หล่นลงไปลอยคออยู่ในบ่อร้องเสียงดังลั่น
อิ๊ดๆๆๆ
แม่จ๋า ช่วยด้วยๆๆๆมันร้องขอความช่วยเหลือและว่ายเข้าหาขอบบ่อตะกุยตะกายแต่ไม่สำเร็จเพราะขอบบ่อทั้งลื่นและชัน หมูในเล้าตอนนี้ช่วยกันส่งเสียงร้องแข่งกันแล้วเพราะความตกใจและสงสารเจ้าตาหวาน
เสียงหมูร้องนี่ป้าลอย ซึ่งขี่จักรยานผ่านมาทางท้ายบ่อเพื่อจะไปซื้อผักบ้านนายเอ ได้ยินเสียงร้องของหมูผิดปกติจึงจอดจักรยานไปชะเง้อดูแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นลูกหมูกำลังตะกายขอบบ่ออยู่
เฮ้ย! ลูกหมูตกน้ำนี่หว่าแกละล้าละลังจะช่วยลูกหมูแต่ขอบบ่อสูงและชัน แกจึงรีบตัดสินใจปั่นรถจักรยานเพื่อไปบอก เอให้มาช่วยลูกหมูกลัวจะไม่ทันการ
เอ เอ เอ เร็วๆลูกหมูตกน้ำป้านวลตะโกนบอกรัวเร็ว นายเอซึ่งง่วนอยู่กับการหว่านปุ๋ยฟังไม่ชัด จึงได้แต่ขานรับและรีบเดินมาหน้าบ้าน
ครับๆ พอเห็นหน้าคนตะโกนเรียกจึงยิ้มแล้วถามว่า
มีอะไรครับป้าลอย
หมูตกน้ำ ป้าจะช่วยแต่บ่อมันชัน รีบไปเถอะป้านวลเร่งนายเอ ให้รีบไปช่วย ด้วยกลัวว่าลูกหมูจะตายเสียก่อน
ครับๆเอ รีบคว้ามอเตอร์ไซด์ที่จอดใต้ถุนบ้านบึ่งไปเล้าหมูทันที และนึกเคืองตัวเองที่มัวยุ่งกับแปลงผักจนเลยเวลาให้อาหารหมู
พอไปถึง นายเอรีบถลกขากางเกงแล้วไถลลงไปหาเจ้าตาหวานทันที เอคว้าเจ้าตาหวานได้ก็รีบตะกายขึ้นจากขอบบ่อ เอเอาเจ้าตาหวานมาแนบอก ด้วยความสงสาร เพราะสภาพเจ้าตาหวานตอนนี้ขาเริ่มแข็งแล้ว ปากก็เป็นสีม่วงคงหนาวมากและอยู่ในน้ำนาน
ตาหวาน ตาหวานเอเรียกไม่ขาดปาก พร้อมทั้งเอามือตบหูบ้าง ปาดน้ำจากตัวบ้าง แล้วรีบเดินมาที่เล้า เข้าไปดึงเสื้อเก่าๆจากต้นเสาที่เอาไว้เช็ดมือมาเช็ดตัวให้เจ้าตาหวาน ทั้งนวดตัวเพื่อให้ตาหวานอบอุ่นขึ้น
ตาหวาน แกอย่าเป็นอะไรนะ ฉันขอโทษเสียง เอเริ่มจะเครือๆแล้วเพราะตาหวานยังไม่ยอมขยับตัว
ตาหวานๆๆ เอพยายามเรียก
ขณะเดียวกัน ตาหวานก็กำลังฝันว่า วันนี้นายเอมาหาและไม่สนใจมันเลย ตาหวานจึงงอนและไปแอบนอนหลับตาอยู่หลังเล้าหมู แต่นายเอก็ไม่สนใจ จึงไม่ยอมกินอาหาร จนเย็นแล้วจึงได้ยินเสียงเรียกของนายเอ
ตาหวานๆๆๆ
เสียงเรียกของนายเอ จริงๆด้วยตาหวานเริ่มรู้สึกตัวและลืมตาขึ้น
ข้างนายเอ พอเห็นตาหวานลืมตาและขยับตัวได้ก็ดีใจจึงอุ้มเจ้าตาหวานกระโดดจนตัวลอย
5555ในที่สุดแกก็รอดตายแล้ว ฉันดีใจจริงๆนะ ตาหวานทั้งหัวเราะแลตะโกนไปพร้อมๆกัน
และในตอนนี้นี่เองที่นายเอ ได้ยินเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่ของบรรดาหมูๆ
เฮ้ย!หยุดร้องได้แล้ว ตาหวานไม่เป็นอะไรแล้วเห็นมั้ย 5555ว่าแล้วก็ชูเจ้าตาหวานให้ดู แม่หมูร้อง อู๊ดๆๆเป็นการส่งสัณญาณขอลูกคืน เอก็เข้าใจความหมายนั้นดี จึงส่งตาหวานให้แม่หมู และหันไปตักอาหารในกระสอบมาใส่รางอาหารให้
แม่หมูเมื่อได้ตาหวานกลับมาแล้วจึงใช้ปากดุนหลังหูของตาหวานเหมือนเป็นการต้อนรับและขอโทษไปในตัว แม่หมูเองก็คิดว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้แม่หมูก็มีส่วนผิดด้วยที่ไปแทะไปดุนจนเล้าหมูเป็นรูโบ๋ทำให้ตาหวานพลัดตกน้ำแม่หมูจึงลงไปนอนให้ตาหวานและลูกๆกินนม ทั้งๆที่ตัวเองก็หิว
ตาหวานเข้าไปดูดนมเต้าประจำซึ่งคราวนี้พี่ๆซึ่งเคยแกล้งก็ยอมให้กินแต่โดยดี และสงสารน้องด้วย ตาหวานส่งสายตาให้แม่ด้วยความรัก ในห้วงแห่งความตายย่างกรายมาถึงเจ้าตาหวานก็ให้นึกถึงแม่อยากให้แม่มาช่วยใจแทบขาด และนึกในใจ ว่า
ตาหวานรักแม่นะ รักนายเอ และรักพี่ๆด้วย ตาหวานภาวนาให้นายเอมาช่วยตาหวานให้ทันเวลาตาหวานดูดนมไปและคิดไปพลาง
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นายเอจึงพูดกับแม่หมูว่า
ฉันขอโทษนะ แม่นะที่วันนี้ทำงานเพลินจนลืมเวลา ทำเอาเกือบเสียเจ้าตาหวานที่ฉันรักไปด้วย เย็นนี้ฉันจะมาให้เร็วกว่าทุกวันจะมาอยู่คุยด้วยนะ นายเอ พูดกับแม่หมูเหมือนกับแม่หมูเป็นคนและรู้สึกเช่นเดียวกับตนเอง ซึ่งแม่หมูก็มองตอบด้วยความรู้สึก ขอบคุณด้วยเช่นกัน แล้วนายเอก็รีบหันหลังกลับเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ป้าลอยที่ไปส่งข่าวไม่รู้มีธุระอะไรหรือเปล่า จึงรีบควบมอเตอร์ไซด์กลับบ้านทันที
พอไปถึงก็เห็นป้าลอยคอยอยู่ก่อนแล้วและเอ่ยปากถามเมื่อเห็นเอ เข้ามาใกล้
เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ลูกหมูรอดหรือเปล่า
รอดตายแล้วครับ ผมต้องขอบคุณป้าจริงๆที่รีบมาบอก ไม่งั้นไอ้ตาหวานของผมต้องตายแน่ๆเอ ยกมือไหว้ขอบคุณป้าลอย
เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก ถ้าป้าไม่รีบมาบอกสิ ป้าคงเสียใจ หมูมันก็หนึ่งชีวิตเหมือนกันนี่นาว่าแล้วป้าลอยจึงบอกเรื่องที่ตั้งใจมา
ว่าแต่ผักคะน้า เอมีหรือเปล่า ป้าอยากจะซื้อซักโลนึง จะเอาไปผัดราดหน้าเลี้ยงเพื่อนยัยนุ่นหน่อย นุ่นเค้าชวนเพื่อนมาทำรายงานส่งครู
มีครับป้า กำลังงามทีเดียวเดี๋ยวผมตัดให้นะครับ วันนี้ไม่คิดตังค์ครับ เอาไปให้เด็กมันกิน บอกนุ่นให้ตั้งใจเรียน อีกหน่อยจะได้ไปสอบเป็นหมออย่างที่ตั้งใจไว้ นายเอรู้จักนุ่นเพราะในหมู่บ้านนี้นุ่นได้ชื่อว่าเรียนเก่งและมีนิสัยดี เมื่อตัดคะน้าและใช้ใบตองห่อมัดให้เรียบร้อยแล้วจึงยื่นส่งให้ป้าลอย ป้าลอยเอ่ยขอบอกขอบใจแล้วจึงลากลับ
งั้นป้าไปก่อนนะ
ครับ ป้า
เมื่อป้าลอยไปแล้วเอจึงก้มดูตัวเองและบ่นพึมพรำ
หือ เหม็นขี้หมู ชิบ...ทำหน้าเหยเก และรีบไปอาบน้ำาล้างตัว
วันนี้เป็นอีกวันที่ นายเอรู้สึกว่าเป็นวันที่มีคุณค่า ที่สุดวันหนึ่งและยิ้มให้ตัวเอง