26 กุมภาพันธ์ 2548 17:20 น.
แก้ว กรุงเก่า
ไอหมอกเย็นเป็นละอองเหนือท้องทุ่ง
แสงใกล้รุ่งจับฟ้าปลายหน้าหนาว
สงบนิ่งนั่งมองละอองดาว
วูบวับวาวก่อนดับหายลับไป
ไก่ขันรับรุ่งเช้าดุเหว่าร้อง
ยังเหม่อมองดวงจันทร์จนวันใหม่
ใช่เพียงจันทร์บนฟ้าที่ลาไกล
จันทร์ในใจที่ขัารักก็จากจร
หรือเธอหลงเริงไปกับใครเขา
ลืมสัญญาสองเราแต่เก่าก่อน
ลืมรสรักสิ้นหมดลืมบทกลอน
ที่กล่อมนอนก่อนนิทรา....สุดอาลัย
กลิ่นกองฟางกรุ่นแกมกลิ่นแก้มสาว
สองดวงใจดุจดวงดาวสว่างไสว
ในความมืดกลับกระจ่างอยู่ข้างใน
หลอมดวงใจรักครองสองชีวี
ข้างกองฟางอุ่นไอสายไยรัก
นอนหนุนตักดูดาวตกอ้อมอกพี่
กรุ่นกลิ่นแก้มแกมกลิ่นฟางต่างรู้ดี
รักที่มีมอบให้กันนั้นงดงาม
ดอกจานอวดสีส้มรับลมอุ่น
ใต้แสงแห่งรุ่งอรุณเหลืองอร่าม
ลมพัดพลิ้วดอกใบแกว่งไกวตาม
เหมือนทวงถามสัญญาวันลาไกล
ที่กองฟางข้างต้นจาน ณ กาลนี้
ยังคงมีความรักจักมอบให้
ต้องไออุ่นเลยลืมตานึกว่าใคร
เอ็งไปนอนไกลไกลเลย...ไอ้มอม
25 กุมภาพันธ์ 2548 22:56 น.
แก้ว กรุงเก่า
ลองนึกย้อนวันวานที่ผ่านพ้น
สู้สร้างตนแต่ต้นทางอย่างเหมาะสม
ทนอาบเหงื่อทำงานผิวกร้านลม
จนพุงกลมวัยย่างเข้ากลางคน
มีความสุขตามประสาคนห้าสิบ
ไม่งุบงิบร่านราคะอกุศล
อาจมีบ้างบางวาระสัปดน
ประสาคนมีกรรมธรรมดา
มีความฝันมีความสุขปนทุกข์บ้าง
ใช้ยามว่างกับต้นไม้ใจหรรษา
ชอบดื่มบ้างตอนเย็นเย็นพอเป็นยา
ก่อนจะหยิบปากกามาเขียนกลอน
วันเวลาผ่านไปไม่หยุดนิ่ง
ทำทุกสิ่งเป็นธรรมตามคำสอน
ชีวิตคนขึ้นลงเป็นวงจร
ยามนั่งนอนมีเมตตาเป็นอารมณ์
แค่พอมีพอกินพอเหลือเก็บ
ไว้ยามเจ็บป่วยไข้ไม่ขื่นขม
วันนี้เราหยัดยืนเขาชื่นชม
วันหน้าล้มอย่าลดหมดแรงใจ
เพราะห่วงไยมิตรสหายหลายหลายท่าน
จึงเขียนมารำพันด้วยหวั่นไหว
อย่าเหมือนว่าวเริงลมฝนบนฟ้าไกล
หลงเริงใจวิ่งเข้าหาชะตากรรม
5 กุมภาพันธ์ 2548 23:34 น.
แก้ว กรุงเก่า
อาจจะเป็นเรื่องเก่ามาเล่าใหม่
อยากจะให้หลานนั่งฟังสักหน่อย
อย่าเพ่งเบื่อเดี๋ยวลุงกางมุ้งคอย
เจ้าตัวน้อยมานั่งหน้าอย่าร่ำไร
ในนิทานเรื่องนี้มีอยู่ว่า
พ่อให้ลูกไปหากิ่งไม้ไผ่
ได้กิ่งไม้ให้ลูกรักหักทันใด
แต่ละกิ่งหักได้ไม่เหนื่อยแรง
ครั้นพอรวบรวมทำเป็นกำมัด
เหมือนรวมใจแน่นขนัดหลายแขนง
พยายามหักไม้แทบหมดแรง
มันแข็งแกร่ง...สามัคคีแบบนี้ไง
แต่บ้านเมืองเรานั้นทุกวันนี้
สวมหน้ากากหลากสีมาครอบใส่
ใครจะยากใครจะจนไม่สนใจ
ต่างตัวใครตัวมันแย่งกันครอง
ใครพวกมากลากขูดแทบตูดด้าน
ได้ทำงานดีดีไม่มีสอง
พวกเส้นเอ็นเส้นใหญ่เขาไล่จอง
พอได้ช่องเสียบกลางเส้นทางลัด
พวกคนพาลผลาญสุขทุกหย่อมหญ้า
จะถามหาสามัคคีมีจำกัด
วันนี้กิ่งพาลแกร่งแขนงมัด
จะกำจัดหมดได้...ทำไงดี
5 กุมภาพันธ์ 2548 23:05 น.
แก้ว กรุงเก่า
ล่องลอยอย่างอ้อยอิ่ง สงบนิ่งมานานวัน
ยื้อแย่งแมลงวัน ต่างพากันมายินดี
ใครพบประสบพักตร์ ก็ชะงักและเดินหนี
สำทับว่าอัปรีย์ บ้างทำท่าจะอาเจียน
ลอยผ่านหน้าบ้านใคร เขาด่าไล่ไม่อยากเขียน
เสียงบ่นยังวนเวียน และต่อว่าสารพัน
เล่าขานเมื่อกาลก่อน เฝ้าบ้านนอนตอนกลางวัน
คืนค่ำจะแข็งขัน เป็นยามเฝ้าให้เจ้านาย
จดจำคอยสำเหนียก เจ้านายเรียกจะรีบกราย
ภักดีจนตัวตาย กตัญญูรู้คุณคน
วันก่อนเป็นหมาเก่ง เขาเพ่งเล็งประโยชน์ผล
หมา(หัว)เน่าเจ้าต้องทน อย่าครวญคร่ำ...จงทำใจ