18 เมษายน 2555 18:30 น.
แก้วประเสริฐ
* แดนพิศวง ๑๑ *
(กำหนดทิศทาง)
หลังจากที่คณะโบราณคดีได้กลับไปแล้วพร้อมด้วยพี่ชายเขา แม่ม่อมกำลัง
สั่งการให้บรรดาเด็กรับใช้เก็บสัมภาระที่บนโต๊ะอยู่ เป็นระหว่างที่ชายหนุ่ม
กำลังครุ่นคิดหาทางจะออกเดินทางไปยังดินแดนลี้ลับ เขาเองยังไม่ทราบว่าจะ
เริ่มต้นจากที่ใดดี ส่วนพวกนักโบราณคดีนั้นเขาทราบแล้วว่าต้องออกเดินทาง
ไปค้นหาหลักฐานต่างๆแน่นอน ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆเพราะรู้ทางกระแสร์จิต
แล้วว่าหากพวกนี้ออกเดินทางไปจะประสบเหตุการณ์ที่ทุกๆคนจะคาดไม่ถึง
แน่นอน ในยามว่างเช่นนี้เขาก็ไปนำหนังสือเล่มที่สองที่บันทึกเกี่ยวกับ
พลังงานต่างๆไว้ พลางพลิกหน้าไปๆมาๆก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแอบซ่อนไว้
ภายในหลังปกหนังสือนั้น ด้วยความหนาของปกหนังสือหน้าหลังไม่เท่ากัน
จึงนำหนังสือทั้งสามมาเปรียบเทียบดู มีเพียงเล่มนี้เล่มเดียวเท่านั้นที่แปลก
ซึ่งอาจจะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่ในนั้น พลางมองอย่างพินิจพิจารณาด้วยความ
ฉงนสนเท่ห์นัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาส่องยังแสงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามาทาง
หน้าต่างเขาเพื่อตรวจสอบว่าจะหาทางใดที่จะนำสิ่งนั้น ซึ่งเขาคิดว่าอาจจะมี
บางสิ่งบางอย่างซ่อนเอาไว้ก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะปกหนังสือก็ราบเรียบเป็น
ปกติ เพียงแต่ความหนาเท่านั้นที่ไม่เท่ากัน จึงลองไปหยิบมีมาค่อยๆแงะ
รอยต่อของหนังสือ เพราะคมมีดไม่สามารถจะกรีดไปบนแผ่นกระดาษนั้นได้
เลย ทันใดสมองแว๊ปหนึ่งก็ฉุกคิดได้ว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้เห็นทีจะต้องใช้
พลังงานมาช่วยเสียแล้วกระมัง เนื่องจากหนังสือนี้มีความพิสดารอยู่แล้ว
ดังนั้นชายหนุ่มจึงตั้งสมาธิเร่งพลังงานในตัวเขาออกมาพร้อมลูบไปยัง
ด้านในของปกหนังสือโดยใช้พลังงานดึงดูดสิ่งนั้นออกมา พลังงานดึงดูดของ
เขา แผ่นว่างเปล่าปกหนังสือก็ค่อยๆนูนออกมาแล้ว กระดาษที่ซ่อนไว้ก็ทะลุ
ผ่านปกหลังด้านในออกมา ชายหนุ่มดีใจมากจึงลดพลังงานลงพร้อมดึงดูด
แผ่นกระดาษนั้นลอยมาในมือเขา แปลกแผ่นด้านหลังปกหนังสือก็ยังราบเรียบ
เหมือนเดิม เขาพลันคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่านซึ่งเป็นรอยพับไว้ขนาด
เท่ากับหนังสือพอดี ในข้อความระบุถึงพลังงานอำนาจจิตหรือโทรจิตสามารถ
ที่จะสื่อสารไปกับสัตว์ต่างๆได้ หากรู้จักแนวทางในการใช้นั้นให้ถูกต้อง
เหมาะเจาะกับภาษาสัตว์ต่างๆได้อย่างสมดุลย์กัน อาศัยพลังงานด้านโทรจิตให้
เป็นสื่อสัญญาณในการติดต่อไว้ ชายหนุ่มจึงเริ่มต้นค่อยๆฝึกซึ่งอำนาจระบุไว้
ว่าการใช้พลังงานทางด้านโทรจิตนั้นล้วนแล้วขนาดของสัตว์นั้นๆ หากใช้
เกินไปจะทำให้สัตว์นั้นถึงตายได้ ผู้ใช้จึงต้องระมัดระวังพลังงานให้สมดุลย์
เหมาะสมพอดีเท่านั้น มิอาจมากหรือน้อยไปได้ควรต้องศึกษารูปร่างอีกด้วย
ดังนั้นชายหนุ่มมองกระดาษที่อยู่ในมือมีอยู่สามแผ่น แบ่งแยกขนาดปริมาตร
ของบรรดาสัตว์ทั้งหลายไว้ ด้วยความดีใจเขาจึงเริ่มต้นค้นคว้าศึกษาตั้งแต่หน้า
แรก เนื่องจากชายหนุ่มมีพลังงานในตัวอยู่มากมายและสามารถควบคุม
พลังงานนั้นได้ด้วยตามใจนึก เพียงไม่ช้าเขาก็สามารถเข้าใจและอ่านหนังสือ
เหล่านี้จนจบทั้งสามหน้า แต่ละวรรคตอนได้กำหนดขนาดของพลังงานไว้
ตามลักษณะขั้นตอนของสัตว์นั้นๆ เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็ฝึกฝนจนสำเร็จ
หมดสิ้น เขาค่อยๆแยกพลังงานในร่างกายเขาเก็บไว้ในส่วนต่างๆของร่างกาย
เขา หากเขาต้องการใช้กับสัตว์ประเภทใด เมื่อฝึกสำเร็จแล้วก็นำกระดาษนั้น
ไปวางทาบยังหลังปกหนังสือด้านหลังพลางค่อยๆใช้พลังงานส่งกระดาษที่วาง
เรียงไว้แล้วถ่ายทอดพลังงานลงไปในกระดาษกับปกหลังหนังสือ กระดาษทั้ง
สามแผ่นก็ค่อยๆแทรกหายไปในหนังสือเหมือนดังเดิม ชายหนุ่มนึกทบทวน
วิชาโทรจิตส่งสัญญาณกับสัตว์แบ่งวาระขนาดได้อย่างแม่นยำ เพียงขาดการ
จะทดลองของจริงเท่านั้น
เขาจึงก้าวออกมาจากห้องเวลาก็ผ่านใกล้พลบค่ำไปแล้ว เขารำพึงในใจว่าจะ
ทดลองในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าดีกว่า ด้วยช่วงนี้กับช่วงเย็นมักจะมีพวกนกต่างๆ
มาในสวนหลังบ้านเขา ถึงแม้ว่าบ้านเขาจะไม่ใหญ่นักแต่ก็ปลูกต้นไม้นาๆชนิด
ไว้ทั้งเล็กและใหญ่ พวกนกต่างๆมักจะมาหาอาหารกันในช่วงนี้เป็นประจำ
อีกทั้ง บ้านเขาก็ไม่ห่างไกลจากท้องทะเลมากนัก ครั้นแล้วเขาก็รีบไปทาน
อาหารที่ทางแม่ม่อมจัดวางไว้ ซึ่งแม่ม่อมก็ยังนั่งคอยเขาอยู่ครั้นเห็นชายหนุ่ม
ออกมา ก็รีบลุกขึ้นยืนทันทีเพื่อทำหน้าที่เสริฟย์อาหาร ชายหนุ่มทดลองอ่าน
ใจของแม่ม่อมว่ากำลังคิดอะไร ก็หัวร่อทันทีด้วยเป็นเรื่องส่วนตัวของแม่บ้าน
เขาเองจึงไม่กล่าวอะไรให้แม่ม่อมรู้ว่าเขาอ่านจิตใจหล่อนออกเสียแล้ว ด้วย
แม่บ้านเขาเมื่อรับใช้เขาเสร็จก็จะออกเดินทางไปข้างนอก เพื่อไปยังตลาดและ
จะรีบไปสั่งเด็กรับใช้ให้คอยติดตามหล่อนไปด้วย พร้อมซื้อของส่วนตัวด้วย
ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่กล่าวอะไรอีก รีบรับทานอาหารให้เร็วครั้นเสร็จ
แล้ว ก็หันไปทางแม่ม่อมพร้อมควักเงินจากกระเป๋ามาส่งให้แม่ม่อมปึกใหญ่
เพื่อหล่อนจะได้เป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อของส่วนตัวและของใช้ภายในบ้านนี้
ด้วยเขาทราบว่า แม่ม่อมกำลังกังวลเรื่องเงินที่จะไปใช้จ่ายว่าจะคงไม่พอและ
ได้ของมาน้อยต้องเสียเวลา ครั้นจะเบิกเงินก็ดูกระไรอยู่ เล่นเอาแม่ม่อมสะดุ้ง
เพราะชายหนุ่มเอาเงินมาส่งให้เหมือนกับจะรู้ความในใจหล่อน
“เอาไปเถอะแม่ม่อม เงินที่เหลือคงจะไม่พอและอีกอย่างหนึ่งของที่แม่ม่อม
ต้องการนั้นคงเกรงว่าจะไม่เพียงพอกับค่าอาหารในคราวต่อไป เงินจำนวนนี้คง
จะเพียงพอนะ หากขาดเหลืออะไรไม่ต้องเกรงใจหรอกบอกได้เลย”
เล่นเอาแม่ม่อมถึงกับอ้าปากค้างอะไรๆช่างเหมาะเจาะเช่นนี้ คุณชายรู้ได้
อย่างไรกันว่าหล่อนกำลังต้องการเงินเพิ่ม
“เจ้าค่ะ???...เงินขนาดนี้คงพอและจะเหลืออีกนะเจ้าค๊ะ”
“ที่เหลือแม่ม่อมเก็บไว้ซื้อของใช้ส่วนตัวที่แม่ม่อมต้องการก็แล้วกัน เท่านี้นะ
ผมจะออกไปเดินเล่นในสวนสักหน่อย”
“เจ้าค่ะ นี่ก็เย็นมากๆแล้วควรไปดูพระอาทิตย์อัสดงมิดีหรือเจ้าค๊ะ อากาศ
กำลังเย็นสบายอยู่ด้วยล่ะ”
“อืมมๆๆๆๆจริงซินะ ในสวนก็คงจะมืดไป งั้นผมไปก่อนนะแม่ม่อมจะไป
เดินเล่นชายหาดสักหน่อย”
“เจ้าค่ะ!!!!!.....ประเดี๋ยวดิฉันจะเอานางเล็กไปข้างนอกเหมือนกัน เพราะ
ตอนนี้อากาศยังไม่มืดเท่าใดนัก เป็นเวลาที่พวกแพปลาเขานำของมาขายแล้ว
คุณชายจะทานอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าเจ้าค๊ะ”
“ไม่หรอกจ้าแม่ม่อม ซื้อของตามใจแม่ม่อมก็แล้วกันของใช้ส่วนตัวของแม่
ม่อมด้วยนะ เดี๋ยวลืมไปเสียล่ะ”
แล้วชายหนุ่มก็หัวร่อเบาๆ พลางก้าวเดินออกจากประตูบ้านไม่กล่าวอะไร
อีก เล่นเอาแม่ม่อมยิ่งงงมากยิ่งขึ้น คุณชายรู้ได้อย่างไรว่าเราจะไปซื้อของใช้
ส่วนตัวที่ขาดอยู่ด้วย จึงมองไปยังร่างชายหนุ่มจนร่างลับสายตาไป ก็รีบ
กระวีกระวาดเรียกเด็กรับใช้ให้มาหา เพื่อจะออกไปซื้อสิ่งของต่างๆ
เช่นเดียวกัน ด้วยระยะทางไกลพอสมควรจะมืดเสียก่อน
ร่างชายหนุ่มเดินทอดน่องไปตามทางครั้นถึงบริเวณชายหาดก็เดินลงไป
ยังน้ำทะเล ก็แลเห็นฝูงนกนางนวลกำลังบินกันเป็นทางยาวเพื่อกลับสู่รัง
จะมีบ้างบางตัวที่มุ่งหน้าหาปลากินอยู่ ชายหนุ่มใคร่จะทดลองการสื่อสาร
กับสัตว์ทางโทรจิตว่าจะได้ผลประการใดบ้างด้วยพึ่งฝึกมาใหม่ๆ จึงมองไปยัง
นกนางนวลที่ใกล้ที่สุด พลางเอ่ยถามทางโทรจิตทันที
“เป็นอย่างไรจ๊ะแม่นก ทำไมยังไม่กลับอีกล่ะเห็นพวกๆกำลังกลับกันแล้ว”
นกนางนวลสะดุ้งสุดตัวมองซ้ายแลขวาไม่เห็นใครนอกจากชายหนุ่มที่อยู่ชาย
หาดเพียงคนเดียว ที่ยืนแช่น้ำอยู่จ้องมาทางแม่นกนั้น ก็หันมามองดู พลาง
มองด้วยความสงสัย ว่าใครมาถามเพราะว่าพวกมันก็บินห่างไปไกลแล้ว
เหลือเพียงมันตัวเดียว และอีกไม่กี่ตัวก็อยู่ห่าง มีแต่ชายคนนี้ที่ใกล้ที่สุด
“ฉันเองแหละจ้าที่ยืนแช่น้ำอยู่นี่แหละ เป็นอย่างไรหากินวันนี้ไม่พออีกหรือ
เดี๋ยวจะไม่ทันพวกๆแม่นกนะ”
คราวนี้แม่นกนางนวลก็แน่แก่ใจ จึงบินร่อนมาใกล้ๆแต่ยังไม่กล้าเท่าใดนัก
“มาเถอะจ้า ฉันไม่ทำอะไรแม่นกหรอกเพียงสงสัยเท่านั้นเองแหละ”
คราวนี้แม่นกแน่แก่ใจแล้วว่าคนที่พูดกับหล่อนคือชายหนุ่มคนนี้นี่เองแต่
ก็แปลกใจที่ทำไมถึงรู้ภาษาของหล่อนได้ดี พลางร้องแล้วตอบว่า
“เพราะฉันต้องหาให้มากๆจ้าเพื่อจะนำไปฝากลูกๆฉันที่รอคอยอยู่จ้า”
“อ้อๆๆๆ....อย่างนี้หรืองั้นฉันไม่รบกวนแม่นกนะ เชิญเถอะจ้าแม่นก”
“แล้วท่านรู้ภาษาฉันได้อย่างไรกันจ๊ะ”
“ฉันรู้ได้ก็แล้วกันนะจ๊ะ อย่าสงสัยอะไรเถอะ ฉันออกมาเดินเล่นเท่านั้นเอง
พอดีเจอแม่นกที่อยู่ใกล้ที่สุดนี่แหละ จึงสงสัยคิดสนทนาด้วย”
ครั้นแล้วแม่นกก็บินมาเกาะบนไหล่ของชายหนุ่มพลางเอียงคอด้วยความ
สงสัยเพราะว่าหล่อนรู้แล้วว่าชายคนนี้ไม่เป็นภัยแก่หล่อนแน่นอน
“เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อนจ้า โน่นๆฝูงปลาอยู่ไม่ไกลนักแม่นกลองไปดูเถอะจ้า
เดี๋ยวมันจะหนีไปหมดแล้วล่ะ”
แม่นกหันไปมองตามที่ชายหนุ่มชี้มือก็เห็นฝูงปลาฝูงหนึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่
เหนือผิวน้ำ ดังนั้นจึงหันมาทางชายหนุ่มกล่าวว่า
“ขอบใจมากจ้า ฉันไปก่อนนะเดี๋ยวได้อีกสักไม่กี่ตัวก็จะรีบไปให้ลูกๆที่คอย
อยู่จ้า เอ๊ะฉันตั้งแต่เกิดมาก็พึ่งได้ยินว่าคนสามารถพูดภาษาฉันได้ก็คราวนี้เอง”
ชายหนุ่มหัวร่อเบาๆ พลางเอื้อมมือไปลูบบนหัวนกพลางเอ่ยว่า
“ไปเถอะจ๊ะฝูงปลามันพูดกันว่าจะกลับกันแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันนะ”
“อย่างนั้นฉันไปก่อนนะ ไว้วันหน้าจะแนะนำพ่อนกให้รู้จักท่านอีก เดี๋ยวไม่
ทันฝูงปลานั้น”
“จ้าไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันนะแม่นก เอาแค่พอประมาณก็พอ”
“จ้าขอบใจพ่อหนุ่มมากจ้า ฉันไปล่ะ”
แล้วแม่นกก็ผละจากไหล่ชายหนุ่มพุ่งร่างไปยังเบื้องหน้าที่มีฝูงปลากำลังร่า
เริงอยู่ พลางเฉี่ยวแล้วรีบกลืนลงท้องจนเห็นว่าเพียงพอแล้วจึงได้รีบบินจาก
ไป เมื่อชายหนุ่มทดลองวิชาเห็นผลดังนั้นก็มีความดีใจมากที่การฝึกของเขา
สำเร็จ เป็นโอกาสพอดีว่าตั้งใจจะทดลองในวันรุ่งขึ้นเห็นว่าคงจะไม่ต้องแล้ว
ดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินชมวิวไปเรื่อยๆ และมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
อากาศเริ่มขมุขมัว เขาจึงหันหลังกลับเดินเข้าบ้าน ก็พบแม่ม่อมกับเด็กสาวชื่อ
เล็กกำลังช่วยกันหิ้วของพะรุงพะรัง แต่ชายหนุ่มลัดเลาะไปอีกทางเพื่อเข้าบ้าน
เพื่อทบทวนวิชาที่พึ่งร่ำเรียนสำเร็จใหม่ๆ นี่ดีนะที่เขาแบ่งพลังงานไว้ตามใจ
นึกได้สำเร็จ ก็คิดว่าเขาจะออกเดินทางเมื่อใดดีและทางนี้เขาไม่ห่วงอยู่แล้ว
ด้วยยังมีพี่ชายเขาคอยดูแล จึงเดินเข้าห้องพลางร่างจดหมายถึงคุณพ่อคุณแม่ว่า
เขาจะออกเดินทางไม่ต้องห่วงแล้วหากงานสำเร็จเรียบร้อยจะกลับมา แต่เขาไม่
บอกว่าไปทำงานอะไร ซึ่งเขาก็ทราบจิตใจพ่อแม่ดีอยู่แล้วว่าคงจะไม่ห่วงเขา
นักด้วยเชื่อใจเขานั่นเอง เมื่อร่างจดหมายเรียบร้อยแล้วก็ใส่ซองไว้บนหิ้ง
หนังสือ ว่าจะฝากให้แม่ม่อมเวลาเขาออกเดินทางไป แต่ทิศทางที่เขาจะไปนั้น
จะตรงกันข้ามกับ เพื่อนพวกนักโบราณคดีกำลังวางแผนกันจะออกเดินทาง
ชายหนุ่มคิด เขาจะมุ่งเป้าไปที่เนปาลก่อน เพราะที่นั่นมีศาสนสถานมากมาย
โชคดีอาจจะพบดวงแก้วก็อาจจะเป็นไปได้ ชายหนุ่มคิดคำนึงการผจญภัยของ
เขาครั้งนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นประการใดดี หากไม่พบก็จะเลยขึ้นไปธิเบตแล้วล่อง
ลงมายังเผ่านาคาซึ่งที่นี่เขาไม่แน่ใจนัก ถึงแม้จะมีเชื้อสายเผ่าอินคาก็ตาม
ด้วยชนพวกนี้หันกลับมานับถืองูเป็นส่วนมาก ดังนั้นดวงแก้วนี้คงจะไม่อยู่
ด้วยแน่นอนเพราะพลังงานเหล่านี้ บรรดางูทั้งหลายจะเกรงกลัวยิ่งนัก ตามข่าว
สารคดีเผ่านี้ก็ล้วนแต่นับถือพวกงูอยู่และ พวกงูยังอาศัยในบ้านเหล่านี้อีกด้วย
ที่ที่เขาคิดว่าน่าจะไม่ที่ประเทศเนปาลก็คงจะเป็นที่ธิเบตมากกว่า การเดินทาง
ของเขาหากเขาจะอาศัยพลังงานในการล่องลอยไปก็จะเป็นที่สงสัยแก่คนทั้ง
หลาย จึงคิดที่จะเริ่มต้นเดินทางผ่านป่าทางด้านทิศเหนือลัดเลาะผ่านพม่าแล้ว
วกเข้าประเทศอินเดียมุ่งสู่ประเทศดังกล่าวเห็นจะดีกว่าจะเดินทางโดย
เครื่องบินเพราะต้องเสียเวลาเช็คคนเข้าเมืองอีก เรื่องการตรวจสอบเขาคิดว่า
ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาแน่นอน หรือบางครั้งอาจจะได้พบวัตถุอีกชิ้นที่เขา
เองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เพียงพบดวงแก้วก่อนแล้วเรื่องนั้นค่อยว่ากันที่หลัง
เขาคิดเช่นนั้น จึงตั้งใจว่าหากการฝึกการเรียนรู้ภาษาสัตว์ได้คล่องแคล่ว
กว่านี้ก็จะเริ่มออกเดินทางทันที จึงสะบัดศีรษะเบาๆแล้วเดินเข้าห้องไป
เพื่อฝึกฝนวิชาการต่างๆให้คล่องแคล่วมาขึ้น พลังงานทางโลกเรานี้กับ
พลังงานสถานที่ลี้ลับนี้จะเข้ากันได้อย่างไรกันหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เขาคิด
บางครั้งหรืออาจจะเป็นไปได้ว่าพลังงานในสถานที่ลี้ลับที่เขาจะเดินทางนี้
คงจะทรงพลังสูงกว่า ถ้าถึงตอนนี้เห็นที่จะต้องเริ่มต้นประสานกันใหม่อีก
เป็นแน่แท้ จริงอยู่พลังงานในร่างกายเขาจะมีมากมายก็ตามหากไปพบกับ
พลังงานในอีกที่หนึ่ง อาจจะอ่อนด้อยก็เป็นไปได้ แต่เขาก็เชื่อในบันทึกที่
เขาได้รับจากชายสามคนที่ตกทอดสืบกันมาว่าสามารถที่จะทำได้อย่าง
แน่นอน มิฉะนั้นคงไม่ติดตามหาตัวเขาและก็แปลกที่ดวงแก้วทั้งสอง
คือดวงแก้วสุริยันต์จันทราก็ยินยอมและอยู่ในร่างกายเขาอีกด้วย จึงเพิ่ม
ความมั่นใจแก่ตัวเขามาก เขาคิดว่าด้วยความรู้เกี่ยวกับพลังงานต่างๆนี้
อาจจะช่วยเหลือเขาได้ไม่มากก็น้อย หากได้ดวงแก้วอีกดวงซึ่งมีอิทธิฤทธิ์
มากกว่าดวงแก้วสองดวงนี้แล้วไซร้ พร้อมกับได้วัตถุอีกชิ้นหนึ่งคงจะไม่
สร้างปัญหาใดๆแก่เขามากนัก ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองอาทิตย์หน้าเขาคงจะ
เริ่มออกเดินทางได้แล้ว ส่วนพวกนักโบราณคดีนั้นเขาสังหรณ์ใจว่าจะต้อง
มาพบกับเขาในอีกมิติหนึ่งอย่างแน่นอน หรือว่าวัตถุชิ้นนั้นยังถูกเก็บไว้ใน
ท้องมหาสมุทรแอตแลนติคอยู่ แต่ช่างเถอะขอให้เขาพบดวงแก้วนี้เสียก่อน
เรื่องอื่นค่อยมาคิดภายหลัง ดังนั้นเมื่อคิดปลงได้เช่นนี้เขาก็เอนกายลงบน
ที่นอนแล้วทบทวนวิชาการต่างๆด้วยความคล่องแคล่วว่องไวแล้วผลอยหลับ
ไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว
ครั้นถึงวันใหม่ย่างเข้ามาเขารีบตื่นแต่เช้าแล้วออกไปเดินชมสวนซึ่งมีดอก
ไม้ต่างๆส่งกลิ่นหอมทำให้อารมณ์เขาสดชื่น และได้พูดคุยกลับพวกแมลงที่
กำลังเชยชมเกสรดอกไม้เพื่อค้นหาน้ำหวาน อย่างสนุกสนาน ตลอดจนนก
ต่างๆอีกด้วย ตอนแรกพวกแมลงและนกต่างตกใจกันไปตามๆกัน แต่เขา
บอกว่าไม่เป็นไร ฉันไม่ทำอันตรายพวกเธอหรอก เพียงอยากจะสนทนา
เท่านั้นเอง แต่กว่าจะเข้าใจกันได้ก็ใช้เวลานานเหมือนกันถึงจะไดด้ความ
ไว้วางใจกัน ซึ่งการกระทำเช่นนี้เพื่อที่จะให้เกิดความชำนาญในวิชาการมาก
ยิ่งๆขึ้นไปกว่าเดิม จนเขาสามารถรับรู้ภาษานกและแมลงต่างๆได้เป็นอย่างดี
ในขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินอยู่นี้ มีนกตัวหนึ่งบอกแก่เขาว่ามีคนเดินทางมา
ด้านนี้ เขาจึงหันหน้าไปมองเห็นร่างของพี่ชายกำลังเร่งรีบเดินมาหาเขาอย่าง
รีบร้อนนัก ดังนั้นจึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า
“มีอะไรหรือครับพี่วัฒน์ถึงได้เร่งรีบเช่นนี้”
“ไอ้ห่า!!!!!...ตามหาตั้งนานดีนะแม่ม่อมบอกว่ามาเดินเล่นในสวน มีเรื่อง
หนึ่งจะถามแกหน่อย”
“เรื่องอะไรหรือ???...พี่วัฒน์ หรือ มีเรื่องร้ายแรงไหม???”
“ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรอก เพียงแต่ ดร.รพีท่านให้มาถามว่าอะไรหรือที่ให้
นำติดตัวไปไม่ใช่โลหะ พี่เองคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกตลอดจนคนเหล่านี้
ด้วย เพราะว่าเขาจะรีบออกเดินทางในไม่กี่วันนี้แล้วล่ะ”
“อ้อๆๆๆ...เรื่องแค่นี้หรือนึกว่าเรื่องเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่เสียอีก วัตถุที่
ผมบอกไปนั้นต้องมีความแข็งแกร่งแหลมคมไม่ใช่โลหะ พี่วัฒน์คิดไม่ออก
จริงๆหรือ???...”
“เออซิว๊ะ...หากคิดออกจะมาถามทำไม ปกติพี่เองก็ไม่สนใจเท่าใดแต่เกรง
ใจ ดร.รพีเท่านั้น และไม่คิดจะร่วมไปด้วยอีกล่ะ”
“เกรงใจ ดร.รพีหรือว่าเกรงใจ คุณ พัชรา ใช่ไหมล่ะพี่”
“ไอ้นี่วอนเสียแล้วซิ เออๆๆๆทั้งสองอย่างแหละว๊ะ”
“แล้ว คุณพัชราจะร่วมเดินทางไปด้วยหรือไงถึงเป็นห่วงใยมากเช่นนี้”
“ก็เพราะว่าคุณพัชราเขาโทรฯมาหานะซิ ให้มาถามเอ็งด้วยเพราะพวกเขา
คิดกันไม่ออกโว้ย!!!!.....”
“มันมีตั้งหลายอย่างว๊ะ ไม้ก็ไม่ใช่โลหะ กระดูก แก้ว เขาสัตว์ก็ไม่ใช่เพราะ
ไม่มีความแข็งแกร่งอีกด้วย บอกมาเถอะยิ่งพูดยิ่งงงว๊ะ???...”..................
๐ แก้วประเสริฐ. ๐