* แดนพิศวง ๑๐ * (เสาะค้นวิธีการแก้ไข) หลังจากที่หนุ่มนิรุทธ์กล่าวจบ ก็จะลุกขึ้น แต่ถูกคัดค้านจาก ดร.สุเมธ “จะรีบไปไหนล่ะคุณ นิรุทธ์ ตามที่คุณอธิบายมานั้นพวกผมหายข้องใจ ต่อหนังสือและแผนที่ลายแทงนั้น แต่มีข้อหนึ่งคือว่า บริเวณหมู่เกาะแคริเบียน นั้นเหตุใดจึงไม่ค่อยเกิดพายุทอนาโทเหมือนกับแถวอเมริกาเสียล่ะ พ่อหนุ่ม พอจะรู้บ้างไหม??...” ดังนั้นชายหนุ่มก็นั่งต่อพร้อมอธิบายตามที่เขาเข้าใจ พลางเอ่ยปากขึ้นว่า “ตามความเห็นผมนะครับท่าน เพราะว่าเป็นดินแดนอยู่ใกล้เส้นศูนย์กลาง ของโลก อีกประการหนึ่งประเทศนี้สะสมพลังงานนิวเครียสเป็นพลังงาน ที่สอดคล้องกับ พลังงานที่เหลือไว้ในใจกลางใมหาสมุทรแอตแลนติค ผสาน กับกระแสลมพลังงานเมื่อเกิดขึ้น อันเป็นผลกระทบกันและเป็นทางสายลม ที่พัดเข้าฝั่งยังแผ่นดินกว้างใหญ่เป็นประเด็นหนึ่ง จะเกิดพลังหมุนเวียนอาจ บางครั้งอาจจะนำไปสู่ยังอีกมิติหนึ่ง ฉะนั้นการค้นคว้าจึงไม่พบวัตถุที่ถูก ดึงดูด เช่นเหล่าเครื่องบิน เรือ หรือสิ่งบางอย่างเป็นต้น อีกประเด็นหนึ่งพลังงานในทวีปอเมริกากับพลังงานของมหาสมุทรอยู่ใน ลักษณะคล้ายคลึงกัน ดังนั้นพลังงานจึงเข้ากันได้และมักจะเกิดแถวแนวฝั่ง เมอร์บิวด้าเพราะเป็นจุดของสามเหลี่ยมนี้ที่รวมกันก็อาจจะเป็นไปได้ครับท่าน เพราะประเทศนี้มีโรงงานพลังนิวเคลียร์ไว้มากๆและค่อนข้างใกล้ ไปทางพลังงานที่ก่อกำเนิดขึ้นจากมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล พลังงานทั้งสองจึงเข้ารวมตัวกัน นี่เป็นความคิดเห็นผมนะครับ จึงเกิดการหมุนเวียนมักเกิดเป็นพายุทอนอโดขึ้นมากกว่าประเทศอื่นๆตลอดจน กระแสน้ำที่หมุนเวียนย่อมเข้าหาฝั่งทางด้านผืนแผ่นดินนี้อีกด้วยครับ” “ข้อนี้ผมก็คิดเหมือนกันแต่คิดไปเกี่ยวกับลมบกลมทะเล เมื่อมหาสมุทรอัน กว้างใหญ่ไพศาลมากเท่าไหร่การหมุนของคลื่นและลมย่อมมากเท่านั้น แต่ไม่ คิดว่าจะมีมากและแทบจะเป็นประจำเสียด้วยเฉพาะประเทศนี้ครับ” “เหมือนประจุไฟฟ้าของขั้วบวกลบแหละครับ ย่อมจะเข้าหากันเสมอๆครับ หากพลังงานใดมีมากทัดเทียมกันย่อมเข้าหากันและกัน เป็นธรรมดาครับท่าน เท่านี้นะครับท่าน ผมจะไปทำธุระในห้องผมหน่อยครับ เพื่อค้นคว้าบางอย่างครับ” “คุณกำลังค้นคว้าอะไรอีกหรือพ่อนิรุทธ์” ดร.รพีเอ่ยถาม พร้อมมองหน้าเขา ก็เห็นเพียงรอยยิ้ม แต่ทว่าการยิ้มของเขานั้น ทำให้สาวพัชราถึงกับถอดหายใจเฮือกใหญ่ เพราะสองแก้มเขามีรอยบุ๋ม สร้าง เสน่ห์ไปในรูปแบบหนึ่งรับกับใบหน้าที่หล่อเหลาอีกด้วย จวบจนชายหนุ่มยืนขึ้น “เดี๋ยวก่อนซิพี่อนุรุธน์ เสร็จก็จะรีบไปเลยหรือ????..” “มีอะไรหรือครับคุณพัชรา หากไม่มีอะไรผมจะรีบไปครับ” อะไรหรือหล่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกสอบถามเขาในเรื่องอะไร เพราะเหตุใด???... “พัชอยากทราบว่าทำไมคุณรอบรู้มากมายนัก ขอโทษนะค่ะว่าเรียนหนังสือจบ ชั้นใดกันแน่จึงทำให้พัชสงสัยนัก” “อ้อๆๆ...ผมเรียนจบปริญญาเอกทางวิทยาศาสตร์ด้านพลังงานต่างๆ ของจักรวาลและดาราศาสตร์อีกด้วย ส่วนทางด้านธรณีวิทยา และด้านโบราณคดีเพื่อประดับความรู้เท่านั้นเองแหละครับครับคุณ ส่วนด้านชีววิทยาก็ศึกษามาแต่ไม่จบครับ ด้วยผมชอบทางด้านพลังงาน มากกว่าของทางจักรวาลและทางดาราศาสตร์ครับคุณพัช” ดร.สุเมธและดร.รพีตลอดทุกๆคน หันหน้ามามองเขาทันทีด้วยความสงสัย หมายความว่าชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นถึงดอกเตอร์เหมือนพวกเขาด้วยซินะ ซึ่ง เขาไม่ทราบจากคุณนิวัฒน์มาก่อนเลยว่าน้องชายสำเร็จการศึกษาถึงขั้นนี้ “แล้วเรียนจบจากที่ไหนหรือพ่อนิรุทธ์” ดร.สุเมธถามด้วยความสงสัย???....ดร.รพี โกเมศ และพัชราก็หันมามองหน้าเขา “จากประเทศอเมริกา รัสเซีย และญี่ปุ่นตลอดจนอีกหลายประเทศอีกด้วยครับ ก่อนนั้นทางองค์การนาซ่าสนใจผมมากส่งหนังสือมาติดต่อผม แต่ผมไม่ สนใจงานวิจัยของเขาครับ หากจะทำก็จะเกิดปัญหามากมายขึ้นไม่เป็นตัว ของตัวเองครับ สู้ออกมาค้นคว้าจากแหล่งต่างๆเพิ่มเติมจะดีกว่าครับ” “โอ้ว!!!????....เรียนจบขนาดนี้แล้วไม่คิดหางานทำเลยหรือ แปลกจริงๆ “เพราะฐานะด้านการเงินคุณพ่อคุณแม่สร้างไว้ให้ผมแยะครับท่านตามใจผม อีกด้วย เนื่องจากผมไม่ชอบงานทางด้านธุระกิจการค้าประการหนึ่ง อีกประการ หนึ่งผมชอบค้นคว้าทางด้านภูมิศาสตร์อีกด้วยจึงไม่คิดจะทำงานครับ” “ใช่ครับคุณอา เจ้ารุทธ์มันเรียนจบจากเมืองนอกมา ผมก็พึ่งรู้ว่ามันสำเร็จ มาหลายแขนง เพียงได้ยินคุณพ่อบอกว่ามันยังได้เกียรตินิยมทุกวิชาอีกด้วย ผิดกับผมไม่ค่อยชอบการเรียน เพียงจบแค่เมืองไทยเท่านั้นก็พอแล้วไม่รู้ว่าจะ เรียนกันไปทำไมครับ เงินทองกินใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด” “นั่นซิคุณรุทธ์ถึงได้รอบรู้มากจริงๆ ผมนึกว่าแค่เป็นหนอนหนังสือเท่านั้น” “หากไม่มีอะไรผมขออนุญาตขอตัวก่อนนะครับ เพราะมีธุระต้องรีบทำครับ” กล่าวจบไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นรีบลุกขึ้นยกมือไหว้ ลาทุกๆคนยืนขึ้นก้าวออกมา พร้อมออกเดินเข้าไปในห้องของเขาทันที คงปล่อยให้พวกนั้นวิจารณ์กันต่างๆนา เพราะเขารู้ในใจเหล่านี้ว่าจะต้องถามอะไรจากเขาอีก ซึ่งเขาไม่ต้องการตอบปัญหา เพื่อตัดปัญหาโดยเฉพาะหญิงสาวพัชรา อีกอย่างหนึ่งเขาขณะกำลังอธิบายอยู่ ความคิดหนึ่งแว๊ปเข้ามาเรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนต์ต่างๆในอีกมิติหนึ่งนั้นเกี่ยว กับพลังงานธรรมชาติ ที่ชายทั้งสามตลอดจนหนังสือแจ้งเอาไว้อีกด้วย หากพ่อมดและเจ้าโหราธิบดีรู้เวทย์มนต์ก็ต้องรู้ด้านพลังงานไปด้วยและต้อง ใช้ประกอบกันจึงจะมีอนุภาพที่รุนแรง เขาจึงหาวิธีแก้ไขให้ได้เสียก่อน อีกประการหนึ่งเขาต้องการศึกษาเกี่ยวกับวิชาเวทย์มนต์จากศาสนาต่างๆ อีกด้วย เพื่อจะนำมาเปรียบเทียบกันว่าสิ่งใดจะสามารถช่วยเหลือเขาได้ ซึ่งปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก แต่นี่เหตุการณ์ มาบังคับเขา หากเขาไม่รู้ก่อนก็จะพลาดพลั้งในภายหน้าได้อย่างแน่นอน ครั้นเข้ามาในห้องแล้วก็ลั่นกลอนไว้ทันที พร้อมรีบค้นคว้าเวทย์มนต์ ของชาวอียีปต์ก่อนเมื่ออ่านทบทวนแล้วหาได้อัศจรรย์ใดไม่ จึงไปยังศาสนา อื่นๆ จนมาสะดุดในศาสนาพุทธที่เกี่ยวข้องกับอภิญญาฌานแต่ไม่ได้ระบุไว้ เกี่ยวกับเรื่องเวทย์มนต์แต่อย่างใด และทำให้เขานึกถึงภิกษุสงฆ์ที่ตั้งตัวเป็น เกจิอาจารย์ล้วนใช้พลังงานทางจิตแต่ที่สำเร็จได้มักจะเป็นอภิญญาสิบเสียเป็น ส่วนมาก ส่วนศาสนาอิสลามก็ระบุไว้เช่นกันแต่ในหนังสือคัมภีร์กุรอ่านไม่ได้ ระบุไว้ เว้นแต่ศาสนาพุทธทางหินยานและมหายานที่กล่าวถึงเรื่องอำนาจที่แอบ แฝงในร่างกายมนุษย์ไว้ แต่เป็นแค่เพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นเอง จึงเริ่มค้นคว้าเกี่ยว อักษรต่างๆทั่วโลกและของโบราณไว้เพื่อจะได้ร่ำเรียนตำราต่างๆไว้เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเก็บหนังสือทั้งหลายยกเว้นด้านพุทธศาสนาซึ่งสอดคล้องกับ ทางด้านพลังงานจิตและพลังงานอื่นๆไว้อีกด้วย เขาเริ่มต้นนั่งสมาธิทันที ด้วย ที่เขามีพลังงานในตัวอยู่แล้วจึงเป็นสิ่งที่ไม่ยากเท่าใดนัก เขาก็ฝึกฝนจนสำเร็จ เมื่อฝึกฝนสำเร็จและหนังสือเกี่ยวกับเวทย์มนต์คาถาต่างๆก็สามารถจะลบล้าง อำนาจมืดหรือที่เรียกว่าไสย์ดำหากพลังงานทางด้านจิตมีมากก็สามารถลบล้าง อำนาจของพ่อมดได้เป็นอย่างดี หากเอาพลังงานแห่งโลกและจักรวาลเข้ามา ประกอบกับเวทย์มนต์ก็สามารถจะลบล้างกันได้ มีเรื่องหนึ่งจากหนังสือที่ได้ รับมานั้นเกี่ยวกับการร่ำเรียนรู้ภาษาสัตว์ต่างๆ ซึ่งเขาไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าใดนัก จึงได้ฝึกฝนจากสัตว์แถวๆบ้านก่อน จนสามารถเข้าใจภาษาสัตว์ต่างๆได้เป็น อย่างดีสามารถพูดคุยกับสัตว์ต่างๆได้ถึงแม้จะไม่มากนัก แต่หากเป็นสิ่งที่เขา ไปและจะสามารถสนทนากันได้หรือไม่นี่คือข้อกังวลของเขจา การเรียนรู้ เช่นี้ทำให้ชายหนุ่มดีใจเป็นอย่างมากและเริ่มต้นทดลองก็ได้ผล เป็นที่น่าพอใจแก่ตัวเขาเอง เขานึกในใจว่าเขาพร้อมแล้วที่จะออกไป ต่อสู้กับอำนาจของพ่อมดและโหราธิบดีพร้อมสามารถหาวิธีการเพื่อแก้ไข ทำลายอำนาจการสาปของนครนั้นได้อย่างแน่นอน โดยอาศัยอำนาจของพุทธคุณ ประกอบกอบกับอำนาจของพลังงานแห่งจักรวาลอันลี้ลับนี้ผสมผสานกันและกัน ตลอดจนพลังงานในตัวของเขา และค้นหาสิ่งของอีกสองมามาเพิ่มเติมพลังงานเขา เพื่อมิให้พลังงานขาดช่วง จึงทดลองใช้อำนาจแห่งจิตบังคับวัตถุต่างๆให้ลอยไป ลอยมาได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว พร้อมลองใช้อำนาจในกายสร้างแสงพลังงาน พุ่งออกมาจากนิ้วมือตามใจบังคับอำนาจนั้นๆ ครั้นแล้วจึงตั้งสติสมาธิรวบรวม พลังงานภายในร่างกายเขาเพื่อใช้ทดชอาวุธต่างๆในโลกนี้ว่าจะได้ผลประการ ใด บัดดลก็มีลำแสงสีเขียวนวลพุ่งออกมาจากปลายนิ้วมือเขาไปยังสิ่งของและ วัตถุที่ต้องการทันที แต่ปราศจากเสียงระเบิดใดๆ เสร็จแล้วเขาก็ไปยังแจกันที่วาง ไว้ซึ่งยังคงสภาพเดิมอยู่พลางเป่าลมออกจากปากไปยังแจกันนั้น ทันใดแจกันนั้น ก็สลายเป็นผุยผงทันที เขาทดลองจากเล็กไปหาใหญ่ก็มีสภาพเหมือนกันคือเป็น ผุยผงหล่นกองไว้ เขาทดลองใช้พลังงานหนุนร่างกายเขาไว้ให้เกิดความเบาแล้ว วนเวียนไปรอบๆห้องได้อย่างคล่องแคล่วไม่ติดขัด จึงกลับมานั่งมองไปยังด้าน นอกซึ่ง เหล่านักโบราณคดียังกำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับการเดินทางไป เขาหัวร่อ ในใจ นึกว่าการทำงานของพวกนี้อาจจะประสบสิ่งไม่คาดคิดอาจจะทำให้พวก เหล่านี้พบในสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เป็นไปได้อย่างสูง แล้วก็เอนกายลงนอนยังเตียงเขา เพื่อค้นคิดวิธีการเดินทางค้นหาสิ่งของสองอย่างคือ ดวงแก้วมรกตสีทองและของ อีกอย่างหนึ่งที่เขาไม่รู้เพียงทราบจากจิตว่าเป็นอาวุธร้ายแรงมากที่ทำลายอำนาจ ของพลังงานต่างๆได้เพราะเก็บพลังงานต่างๆไว้มากแต่จะเป็นอะไรเขานึกอย่างไร ก็นึกไม่ออก อีกประการหนึ่งเขาจะเริ่มเดินทางจากที่ใดก่อน นี่คือสิ่งที่เขาคิดมาก แล้วทางบ้านนี้ล่ะเขาจะบอกแก่คนในบ้านอย่างไรดี แต่ข้อนี้คงจะไม่เป็นปัญหา ยามที่เขาต้องออกเดินทางไปแต่นี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญนัก เพียงเขียนจดหมาย แจ้งไว้ให้คนในบ้านรู้เท่านั้น ทางนี้พี่นิวัฒน์ก็คงจะไม่ไปไหนหรอกแน่นอน แต่ที่สำคัญคือการไปสู่นครต้องสาปนั่นแหละคือสาเหตุสำคัญและจะ ไปโดยวิธีใดหรือ???.... หรือว่าต้องพึ่งพาอาศัยชายแปลกหน้าทั้งสามอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการนักและก็รู้ด้วยพลังงานแห่งโทรจิตว่าชายเหล่านี้ก็คงจะไม่ รู้เช่นเดียวกัน เพราะว่าตอนนี้อำนาจพลังงานเขาจะสูงล้ำกว่าชายทั้งสามอย่างแน่นอน หรือว่าเขาจะไปหาพวกชายทั้งสามก่อนแล้วค่อยคิดที่หลังถึงการเริ่มต้นเดินทาง แต่นั่น มันหมายความว่าเขาต้องได้รับของสองสิ่งนี้มาก่อนเท่านั้น หรือว่าเขาต้อง ออกผจญภัยไปในที่ต่างๆด้วยตัวคนเดียวเสียแล้ว จึงหันไปยังที่เก็บหนังสือใช้ อำนาจพลังจิตด้วยการใช้อำนาจพลังงานในร่างกายเขา เพื่อเก็บหนังสือโดยการ ดึงดูดหนังสือที่เขาต้องการอันเป็นแผนที่ของนครนั้นมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องนอนเขาก็ดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกของ พี่ชายเขา ว่าแขกจะกลับกันแล้ว เขารีบใช้พลังงานส่งหนังสือนั้นไปเก็บซ่อน ไว้ดังที่เดิม เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้ว ดังนั้นเขาจึงเดินไปเปิดประตูห้องนอน พร้อมก้าวออกมา ยกมือไหว้ทักทายขึ้นกล่าวขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมสนทนาด้วย “คุณอาจะกลับแล้วหรือไม่ครับ ผมไม่ส่งนะครับให้พี่นิวัฒน์ไปส่งก็พอ” “ไม่เป็นไรหรอกคุณรุทธ์ พวกอาจะกลับแล้วล่ะขอบใจมากนะที่ให้ความ กระจ่างแก่พวกเรา คิดว่าจะทดลองค้นหาดูสักหน่อย อยากจะขอเชิญคุณไปด้วย ก็เกรงใจที่คุณบอกว่าจะไม่ร่วมงานครั้งนี้และมีงานอื่นๆที่จะต้องทำ” “ครับผมเองก็ต้องยังมีงานที่จะทำ บางทีเราอาจจะได้พบกันอีกนะครับ ผม เองสังหรณ์ใจเช่นนั้นครับ” “ถ้าเจอกันก็จะดีซินะ คุณช่วยอะไรๆพวกผมได้หลายๆอย่างเสียด้วยซี” “ผมต้องขอโทษด้วยครับ กำลังศึกษาบางอย่างอยู่ครับ” “อะไรหรือพ่อรุทธ์ที่ค้นคว้าอยู่นี่นะ” “บอกพวกคุณอาไปก็จะไม่เข้าใจหรอกครับหรืออาจจะหาว่าผมบ้าครับ” “ไม่หรอกน่า พวกอาไม่คิดเช่นนั้นหรอก” “จริงซิค่ะคุณพ่อ คุณนิรุทธ์ค้นคว้าหากไม่สำคัญคงไม่ทำหรอก” “เธอจะบอกได้ไหมว่าค้นคว้าเรื่องอะไร หากช่วยได้ก็จะได้ช่วยกัน” “เรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนต์สมัยโบราณและปัจจุบันครับ ที่ใช้พลังงานจิต” คราวนี้พวกทั้งหมดยิ่งสงสัย???.. ครั้นจะถามก็เกรงจะเสียมารยาทไป อะไรนักวิทยาศาสตร์หนุ่มคนนี้ยังเชื่อถือเรื่องเวทย์มนต์คาถาอาคมโบราณ ในเรื่องนี้อยู่หรือ ต่างก็ทำหน้าพิกลต่างๆนาๆโดยคาดคิดมิถึง ว่าชายหนุ่ม คนนี้จะยังงมงายในเรื่องไร้สาระเช่นนี้อยู่อีก ชายหนุ่มอ่านใจของพวกนี้ ออกได้แต่หัวร่อเบาๆ พลางเอ่ยว่า “อันที่จริงศาสตร์นี้ไม่ใช่งมงายนะครับ แต่สมัยใหม่มักจะว่างมงายมัน เป็นเรื่องท้าทายมากครับ หากพวกคุณอาทดลองค้นคว้าก็จะทราบเอง แหละครับ ว่ามันแปลกและพิสดารเพียงใด เหตุใดจึงมีอำนาจขึ้นได้ครับ” “หรือๆๆๆหากมีเวลาจะทดลองดูเสียหน่อยนะ เอาล่ะไปก่อนนะ” “ถ้าอย่างนั้นผมส่งตรงนี้ก็แล้วกันนะครับให้เป็นหน้าที่ของพี่นิวัฒน์เอง ขอบคุณมากนะครับที่ ไม่ทำให้พวกคุณอาผิดหวังครับ อ้อๆ.... หากพวก คุณอาจะเดินทางตามที่ตั้งใจไว้ในแผนที่ละก็ ผมอยากจะบอกอะไรให้คุณอา และคณะทุกๆคนด้วยครับ ว่ายามประสบพบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วทุกๆอย่าง จะเข้าสู่วงจรนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุใดที่ทำด้วยโลหะ จะถูกดึงดูดด้วยกระแส แม่เหล็กที่มีพลังงานอันสูง และคุณอาและพวกควรจะหาวัตถุชนิดหนึ่ง ซึ่งพลังงานเหล่านี้ไม่สามารถจะดึงดูดสิ่งเหล่านี้ได้ให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลา จะใช้ในยามคับขันได้ แต่ของสิ่งนั้นต้องมีความแหลมคมมากๆด้วยนะครับ” กล่าวจบชายหนุ่มก็เดินเข้าห้องของเขาไป สร้างความงุนงงแก่บรรดานัก โบราณคดีที่หมายหมั่นจะออกเดินทางค้นหาสิ่งของเหล่านี้ และชายหนุ่มรู้ได้ อย่างไร???....ว่าพวกเขาวางแผนการณ์ในเรื่องนี้ไว้แล้ว แล้วอะไรหรือที่พลังงาน ไม่สามารถจะดึงดูดไปได้ คงจะไม่ใช่โลหะอย่างแน่นอน แล้วอะไรกันล่ะ????.... * แก้วประเสริฐ. *
แดนพิศวง ๙ (บันทึกลายแทง) ชายหนุ่มมองไปรอบๆแล้วพลางยกมือไหว้แขกที่มาทุกๆคน บรรดาแขกที่มาเยี่ยมต่างทึ่งในรูปร่างของชายหนุ่มไปตามๆกัน ประกอบร่างกายสูงสง่าแม้ผมเผ้าจะฟูก็ตามก็ดูมีสง่าราศรีมากว่า พี่ชายนัก เหมือนนักรบโบราณของต่างประเทศทีเดียว ด้วยร่างกาย ของเขาสูงใหญ่กว่าพี่ชายมากนัก สร้างความแปลกใจแก่ทุกๆคน จนอดไม่ได้ที่จะนึกชมในใจ ยิ่งสาวพัชรายิ่งแล้วถึงกับใจสั่นแอบ นึกชอบเขาอยู่ในใจอย่างบอกแก่ตัวเองไม่ถูกว่าเป็นเพราะเหตุใด จึงให้ความสนใจหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษ ร่างเขาเดินเข้ามาหาทุกๆคน แล้วนิวัฒน์ก็เข้ามาเพื่อแนะนำน้องชาย พลางเอื้อมมือหมายไปจับ ตัวน้องชายพร้อมเอ่ยชื่อเขาแก่ นักโบราณคดีทั้งหลาย ก็ต้องร้องลั่นร่างเขากระเด็นออกมา แรงของการส่งร่างทำให้บรรดา เก้าอี้นั้นล้มระเนระนาดไปหมดพร้อมส่งเสียงร้องดังลั่น “โอ้ย!!!!ๆๆๆๆ....อะไรกันว๊ะ เฮ้ยๆๆๆ!!!!!?????......” ร่างของนิวัฒน์พลันกระตุกๆแล้วแน่นิ่งไป ทำให้ทุกๆคนแตกตื่นตกใจ เป็นอย่างมาก ต่างถลาเข้าไปยังร่างหนุ่มนิวัฒน์พลางเขย่าตัว เพื่อเรียกสติ ให้ฟื้นคืนกลับมา แต่พอดร.รพีจับต้องตัวของหนุ่มนิวัฒน์ก็ต้องสะดุ้งเฮือก พลางถอยหลังกลับมา ไม่ใช่เฉพาะ ดร.รพีเท่านั้นแม้แต่ทุกๆคนที่ถูกต้องตัว ต่างก็มีอาการเช่นเดียวกันมากบ้างน้อยบางของการเข้าไปใกล้ไกล ชายหนุ่มมองเห็นเช่นนั้นพลางนึกในใจว่าเขาลืมเก็บพลังงานของเขายาม ที่ได้ทดลอง ดังนั้นพลังงานเหล่านี้จึงวนเวียนในร่างกายเขา เป็นอนุภาคที่ ห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ วิ่งไหลวนเวียนไปๆมาๆรอบๆ พลังงานนั้นจึงแฝงไปในร่างกายพี่ชายเขา ชายหนุ่มจึงรีบไปยังร่างของพี่ชาย พร้อมจับร่างกายแล้ว พร้อมทั้งเก็บพลังงานที่วิ่งพล่านไปตามร่างกายของเขา ทั้งหมดไว้ในที่เก็บในสถานที่นั้น พร้อมจับไปยังร่างของพี่ชายเขาทันที พลาง ใช้อำนาจจิตผสานกับการดึงดูด ดึงพลังงานที่แฝงอยู่ในร่างกายพี่ชายกลับเข้าสู่ ร่างกายเขาทันที ไม่นานนักร่างหนุ่มนิวัฒน์ก็ลืมตาขึ้นพลางสั่นศีรษะไปๆมาๆ อย่างมึนงง พลางหันมองหน้าน้องชายและทุกๆคนอย่างประหลาดใจ ดังนั้นบรรดาคนทั้งหมดก็พยุงร่างของนิวัฒน์ให้เอนพิงฝาผนัง ครั้นทุกอย่าง คืนสู่ปกติ หนุ่มนิวัฒน์พลางหันหน้าไปถามน้องชายเขาด้วยอาการทั้งแปลกใจและ ตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที พลางร้องถามน้องชายว่า.... “เฮ้ยๆๆ...เจ้ารุทธ์ทำไมร่างแกมันถึงมีกระแสคล้ายไฟฟ้ามากมายนักว๊ะ เพียงพี่ยัง ไม่ได้จับถึงตัวแก่เลย ก็ถูกอะไรก็ไม่รู้ดันร่างกระเด็นออกมาหน้าวูบไป????” “อุปาทานกระมังพี่วัฒน์ ลองจับตัวผมอีกซิว่าปกติหรือเปล่าล่ะ...” “อุปาทานห่าอะไร????... แกดูซิร่างพี่กระเด็นจนเก้าอี้หักไปตัวหนึ่งนะ” “ผมว่าพี่จะเป็นลมกระมัง หรือทานเหล้ามากไปเลยเป็นเช่นนี้เอง” “เปล่านี้หว่า จริงๆนะไอ้รุทธ์วันนี้ข้าเพียงจิบนิดๆหน่อยๆเท่านั้น ปกติมากกว่า นี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเช่นนี้เลยว๊ะ????...” “งั้นพี่ลองจับตัวผมอีกทีซิ ว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนเดิมหรือเปล่าล่ะ” ดังนั้นหนุ่มนิวัฒน์จึงเอื้อมมือไปจับแขนน้องชายอีกครั้งเพื่อทดลองดู คราวนี้เขาสามารถจับแขนอันกำยำของน้องชาย ทำให้เขาถึงกับอ้าปากหวอ “ผมบอกแล้วว่าเกิดอาการกระตุกของเส้นเอ็นตอนมาจับผมและเกิด อุปาทานแน่เลย งั้นเดี๋ยวผมขอเวลาหน่อยนะ แล้วจะกลับเข้ามา ใหม่ขอเวลาชำระล้างร่างกาย พึ่งตื่นนอนมายังไม่ได้ล้างหน้าตาเลยพี่” “เออๆๆรีบไปรีบมานะโว้ย ผู้ใหญ่ท่านจะขอคำปรึกษาหน่อย เร็วๆหน่อยนะ อย่าต้องให้ผู้ใหญ่ท่านเสียเวลามากนัก” “ครับพี่ ผมจะรีบไปรีบมา พลางเหลียวไปรอบๆห้อง แล้วเอ่ยว่า ขอโทษทุกๆคนนะครับ แต่ควรไปห้องประชุมถัดไปดีกว่ากระมัง เพราะที่นี่คงไม่สะดวกเละเทะอยู่ ไม่สะดวกแก่พวกท่านนะ” ด้วยในบ้านนี้มีห้องประชุมเล็กๆเพื่อเวลาคุณพ่อคุณแม่จะประชุม เด็กๆคนงานต่างๆ ตลอดจนมอบหมายงานในบ้านไว้ ดังนั้นห้องจึงว่างเปล่า “เออๆๆๆจริงของแกว๊ะ งั้นเดี๋ยวรีบมาก็แล้วกันจะไปรอยังห้องข้างๆนะ” “ครับพี่ ผมจะรีบไปรีบมานะ” แล้วร่างชายหนุ่มก็หันหลังกลับไปยังห้อง อันที่จริงเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เพราะว่าเขาไม่ได้หลับเลยกำลังคิดถึงเรื่องอนาคตที่จะเกิดขึ้นเท่านั้นและทดลอง พลังงานดูเป็นอย่างไร เมื่อเขาเข้าห้องไปแล้วก็ไปที่ยังห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องอยู่แล้ว ล้างหน้าตาหวีผมให้ดูเรียบร้อย ก็เดินออกมา ปรากฏว่าทุกๆคนไปรอเขาที่ห้อง ข้างๆเรียบร้อยหมดแล้ว ดังนั้นจึงเดินตรงเข้าไปเห็นทุกๆคนนั่งกันเรียบร้อย “หล่อจริงๆนะคุณพ่อ น้องชายคุณนิวัฒน์นี่ ทั้งสูงสง่ากว่าพี่ชายแยะเลย” “เงียบไว้ยายหนู เดี๋ยวเจ้าวัฒน์มันได้ยินเข้าจะไม่ดี และเจ้าโกเมศด้วยเพราะ พ่อมองดูแล้วว่าสนใจในตัวแกอยู่เหมือนกันนะ” “โอ้ยๆๆๆหนูไม่สนหรอกนอกจากเป็นเพื่อนเท่านั้นแหละคุณพ่อ มีคนมาสนใจ หนูก็มากมายและน่าตาดีๆกันทั้งนั้นหนูยังไม่สนใจเลยล่ะค่ะ” “ดีแล้วจบมาแล้วจะทำอะไรต่ออีกหรือเปล่าล่ะ???....” “คงจะขอพักสักระยะหนึ่งก่อนค่อยคิด แต่หนูคิดว่าคงหางานได้ไม่ยากนัก” “เออๆดีๆ อย่างนี้ซิถึงสมเป็นลูกของพ่อ แล้วจะเดินทางไปกับพ่อไหมล่ะ??” “ให้หนูคิดดูก่อนจ๊ะคุณพ่อ สงสัยจะอันตรายมากเสียด้วยซินะ” “คงจะเป็นอย่างนั้นนะ เพราะการเดินทางครั้งนี้ต้องผจญภัยไม่รู้เลยว่า จะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง หากไม่ไปก็จะดีจะได้ดูแลบ้านด้วย” แล้วดร.รพีก็หัวร่อเบาๆ พลางหันไปทางดร.สุเมธและคนอื่นๆ ที่กำลังซักไซร้ ไล่เรียงหนุ่มนิวัฒน์อยู่ว่าอะไรเกิดขึ้นแก่ตัวเขา “ผมหวังจะไปจูงมือไอ้เจ้ารุทธ์มันเท่านั้นแหละครับ เพื่อมาแนะนำตัว แต่ทว่าพอผมเอื้อมมือไปยังไม่ถึงแขนมันยังไม่ถึงเนื้อตัวเลยก็ต้องสดุ้งเฮือก ไม่รู้โดนอะไรพุ่งออกมากระแทกใส่ร่างผมครับอย่างรุนแรง มันแรงมาก แรงจากพลังมหาศาลนักทำให้ผมต้องกระเด็นสมองเลอะเลือนไปทันที ไม่รู้สึกตัว แต่คล้ายเคลิ้มๆจนเจ้าน้องชายผมมาจับผมนั่นแหละถึงจะเป็นปกติ ผมว่าแปลกนะทีเมื่อกี้นี้ผมไปจับแขนมันก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา” กล่าวจบก็เกาศีรษะตัวเองอย่างมึนงงสงสัย เมื่อทุกคนได้รับฟังก็งงงวย ไปตามๆกัน ต่างคนคิดไม่ออกว่าทำไมถึงมีเหตุการณ์เช่นนี้ได้ หรือว่า เมื่อกี้นี้เหตุการณ์อย่างรุนแรงจะแฝงไปยังร่างเขา ด้วยเขาไม่รู้ตัวของ เหตุการณ์เมื่อที่ผ่านมานี้ ซึ่งมีอำนาจรุนแรงมหาศาลคล้ายสึนามิ เพราะ ดังขนาดนี้ยังไม่ยอมออกมาจากห้องเลย ต่างคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ไป ต่างๆนาๆ ผิดกับหญิงสาวพัชราไม่ได้คิดเช่นนั้น เพียงแต่คิดถึงความสง่า งามและใบหน้าที่คมคายหล่อเหลาเท่านั้น หล่อนคิดไปต่างๆนาๆถึงเขา สักพักชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามายังในห้อง ทุกๆคนยืนต้อนรับพร้อมบอกเขา ให้ไปนั่งยังโต๊ะข้างๆ ดร.ทั้งสอง พลาง ดร.สุเมธก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ผมได้ยินคุณนิวัฒน์บอกว่าคุณชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจผ่านการ อ่านหนังสือมามากมายนัก ผมอยากจะให้ช่วยถูกบันทึกนี้สักหน่อยพร้อม กับลายแทงนั้นว่าเป็นอย่างไร ผมเองกับดร.รพีและเพื่อนๆต่างไม่เข้าใจใน อักษรเหล่านี้เลย” “ถ้าอย่างนั้นผมจะช่วยเหลือได้หรือครับ ในเมื่อประสบการณ์ต่างๆท่านมี มากกว่าผมเสียอีก แต่ผมก็จะพยายามอ่านไหนๆขอชมหน่อยครับ บอกก่อน นะครับผมว่ารู้ก็แค่หนังสือที่เคยผ่านสายตามาเท่านั้นเอง ส่วนนั้นผมก็อาจจะ ไม่ทราบได้ครับท่าน” “ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม ผมก็เคยให้เพื่อนๆทั้งในและนอกอ่านมาแล้ว เขาก็ให้ความกระจ่างแก่ผมไม่ได้ พอดีคุณนิวัฒน์เอ่ยถึง จึงอยากจะให้ ทดลองดูบางทีอาจจะมีผลได้กระมัง พ่อหนุ่มไม่ต้องคิดมากหรอกนะ” “นี่ไงหนังสือสองเล่มกับลายแทงอีก หนึ่งแผ่น คุณช่วยดูให้หน่อยนะ หากไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องกังวลใจมากนัก” ดร.รพีเอ่ยขึ้น พร้อมนำสิ่งของทั้งหมดส่งมอบให้ชายหนุ่มทันที “ครับ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถก็แล้วกันนะครับ” พลางยื่นมือนำหนังสือทั้งสองเปิดออกอ่านอย่างคร่าวๆและรวดเร็ว เวลาผ่านไปประมาณ ห้านาทีได้ เขาก็เงยหน้าพลางยิ้มกับ ดร.ทั้งสอง พลางเอ่ยขึ้นว่า “เป็นหนังสือภาษาชาวแอสตีสที่หายสาปสูญไปนานแสนนานแล้วครับ รวมทั้งภาษาของชาวอินคา มายา และอียีปต์ด้วยกันทั้งสองเล่ม เพียงแบ่ง แยกออกเป็นหลากหลายเท่านั้นครับ สลับซับซ้อนกัน เข้าใจว่าคนบันทึกไม่ แน่ใจต่ออักษรหนังสือนี้ คงได้จากศิลาจารึกเท่านั้นหรือตามถ่ำต่างๆ การบันทึก จึงสับสนปนเปกันไปไม่เป็นหมวดหมู่ คล้ายๆกับรีบทำไว้ก็ไม่ปานครับ ผมจึงต้องอ่านย้อนสลับไปๆมาๆจึงสามารถจับใจความได้บางอย่างครับ” ดร.สุเมธกับดร.รพีหันมามองหน้ากัน เขาไม่เคยได้ยินเช่นนี้จากเพื่อนเขา เลย อาจจะใช่เพราะเขาเคยได้ทราบประวัติพวกนี้มาแต่ด้านหนังสือนั้นเขา ไม่เคยพบเห็น นอกจากของชาวอียีปต์เท่านั้นที่พอจะอ่านออกได้ นั่นก็ เพียงแค่ภาพแล้วมาประกอบกับลายเส้นหนังสือ โดยอาศัยภาพเป็นหลัก ในการค้นคว้าภาษาอียีปต์นี้ บางส่วนก็อ่านไม่ได้เช่นกัน ครั้นได้ยินชายหนุ่ม เอ่ยขึ้นเช่นนี้ มันแตกต่างจากเพื่อนๆเขาและตัวเองคนละเรื่องเลยทีเดียว ในข้อความ ก็บังเกิดความหวังขึ้นสมกับที่เจ้านิวัฒน์มันว่า ก็บังเกิดความ ดีใจที่น้องชายนิวัฒน์สามารถไขข้อกระจ่างให้เขาทราบ จึงเอ่ยว่า “แล้วในหนังสือสองเล่มนี้บ่งบอกอะไรไว้หรือพ่อหนุ่ม” “อ้อๆๆ...หนังสือสองเล่มเป็นการบันทึกของนักโบราณคดีแต่ไม่ชัดเจนนัก เพราะบางตอนหายไปไม่ต่อเนื่องกัน หนังสือเล่มแรกเป็นภาษาของชาวแอนตีส ชาวอินคาและมายา ผสมผสานกันไว้ครับ กล่าวถึงพลังงานต่างๆของทวีปแอต แลนติคไว้ก่อนจะจมสู่ยังมหาสมุทรครับ เป็นการบรรยายของอำนาจพลังงาน ที่พวกเขาเหล่านี้ใช้อยู่ครับ และพลังงานของจักรวาลต่างๆที่เขาได้เดินทางไป สำรวจค้นพบ แต่เสียดายเหลือเกินบันทึกกล่าวเพียงคร่าวๆเท่านั้น และการใช้ พลังงานอื่นๆอีกมากมายนัก แต่ขาดหายไปจึงไม่ทราบว่าวิธีการใช้นั้นทำได้ อย่างไรกัน ส่วนด้านหลังเป็นของชาวอียีปต์ที่บันทึกถึงเรื่องการรวบรวม อาณาจักรต่างๆ โดยแบ่งแยกการปกครองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเรื่อง ราวของเขาระหว่างอาณาจักรกับศาสนจักร กับอาณาจักรต่างๆที่ได้ รวบรวมกันไว้ ถึงอาณาเขตต่างของชนชาวโบราณไว้ครับ ด้านศาสนจักรกล่าวถึงเวทย์มนต์คาถาอาคมและการสร้างมนุษย์ให้เป็นอมตะ เกี่ยวกับวิญญาณต่างๆไว้ โดยอาศัยพลังงานของสุริยะจักรวาล เป็นบ่อเกิดพลังงานแต่ก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเพราะว่าเขาไม่ได้บันทึก รายละเอียดมากเป็นแค่คร่าวๆครับ ผิดกับเล่มแรกที่กล่าวถึงการใช้พลังงานต่างๆ และทางด้านโทรจิต ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เราตอนนี้กำลังศึกษาค้นคว้าอยู่เป็นพลัง งานเร้นลับใช้พลังงานจิตบังคับวัตถุได้ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรครับ ท่านทั้งสองดูตัวหนังสือซิครับจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จะมีลักษณะคล้ายภาษาทางโลกเราบ้าง ก็มีที่จีน ญี่ปุ่น เกาหลีตลอดจนชาว อินเดีย และชาวอาหรับบ้าง เพราะแต่ละขีดจุดหากเพิ่มแล้วความหมายจะเปลี่ยน ไปทันทีจะเป็นอีกคำๆหนึ่ง ที่คล้ายคลึงมากที่สุดคือภาษาชาวเผ่ามายาและอินคา ด้านภาษาชาวแอตตีสมีน้อยมากๆครับและละตัวอักษรจะคล้ายคลึงกันเท่านั้น คงเป็นระยะยาวนานทำให้อักษรต่างๆแบ่งแยกแตกต่างกันออกไปครับ” เมื่อชายหนุ่มอธิบายหนังสือทั้งสองเล่มทำให้ ดร.ทั้งสองอ้าปากค้างสิ่งที่เขา ค้นคว้ามานานพึ่งจะกระจ่างเดี๋ยวนี้ แต่ความสงสัยถึงชาวเผ่าแอตตีสนั่นเอง จึง ถามชายหนุ่มขึ้นว่า “ในเมื่อพ่อหนุ่มว่าภาษาแอตตีสมีส่วนคล้ายคลึงกับภาษามายาและอินคานั้น แตกต่างกันอย่างไรล่ะ????...” “อ้อๆๆเกิดจากเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันครับของชาวแอตแลนตีส ซึ่งกาลต่อมา เมื่อทวีปจมลง ผู้หนีรอดไปต่างก็เหลือจำนวนน้อยมาก และภาษาก็เปลี่ยนไป ตามสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะกาลผ่านมาเป็นหมื่นๆปีครับ อีกประการหนึ่ง ชนเผ่านี้ได้แตกแยกกระจายกันไปทั่วทุกแห่งของโลกเรา ภาษาจึงค่อยเปลี่ยน แปลงไปตามสภาพสิ่งแวดล้อมครับท่าน” “เป็นเช่นนี้เอง ทำให้เราไม่สามารถอ่านหนังสือเหล่านี้ได้นอกจาก ของชาวอียีปต์เท่านั้นเอง ดังนั้นหนังสือสองเล่มนี้ก็เป็นข้อบ่งบอกถึงเหตุการณ์ เท่านั้นเอง ซึ่งก็ผ่านการศึกษามาแล้วเช่นกัน เว้นแต่ภาษาเท่านั้นที่ไม่สามารถรู้ อ้อๆๆพ่อหนุ่มแล้วลายแทงนี้ล่ะเห็นเป็นภาษาที่พวกเราอ่านไม่ออกเลย” “อันลายแทงนี้เป็นของชนเผ่าอินคาโบราณในแนวทางชาวแอสตีสทั้งหมด เขียนไว้ถึงสถานที่ของทวีปแอนติคไว้ครับ ก่อนจะจมลงทั้งทวีปครับ พร้อมทั้งแหล่งทรัพย์สมบัติต่างๆไว้เท่านั้นตลอดจนคำจารึกไว้ก่อนที่ จะต้องสูญเสีย ดังนั้นภาษาจึงไปในทางภาษาของขาวแอสตีสมากๆครับ เนื่องจากเจ้าผู้นำทวีปนี้ได้เก็บรวบรวมไว้ ก่อนทวีปจะจมหายไป ที่จริงก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเท่าใดนักแหละครับจะมีของสิ่งหนึ่งที่เก็บ สะสมพลังงานต่างๆไว้เท่านั้นเอง แต่ไม่รู้ว่าจะคงอยู่หรือเปล่าข้อนี้ ลายแทงไม่ได้กำหนดไว้ครับ แต่การเดินทางไปค้นหาตามลายแทง อันตรายมากนะครับ เพราะยังมีอำนาจพลังงานบางส่วนคุ้มครองอยู่ แม้จะไม่มากนัก แต่วิทยาการทางวิทยาศาสตร์เราจะก้าวหน้าไปก็จริงแต่ พวกเรายังตามเขาไม่ทันหรอกครับ ในแผ่นลายแทงจะมีรูปลักษณะที่ คล้ายๆกับจักรวาล จะมีรูปภาพเป็นสามเหลี่ยมซ้อนๆกันไว้ยากแก่การ ค้นพบ คงบางครั้งอาจจะมีอำนาจเร้นลับแฝงซ่อนเร้นอยู่ตามลักษณะลายแทง ผมคิดว่าท่านอย่าเสี่ยงไปค้นหาเลยเพราะว่าถึงอย่างไรก็ไม่เป็น ประโยชน์เท่าใดนัก นอกจากแก้วแหวนเงินทองซึ่งผมคิดว่าท่านก็มี พร้อมอยู่แล้วครับ จะพบก็เพียงแผ่นจารึกที่อาจจะหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ยากจะหาคนอ่านได้ครับ ส่วนผมนั้นขอปฏิเสธในเรื่องนี้นะครับ เพราะไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องราวมากนัก ไม่ต้องการชื่อเสียงเท่าใด ถ้าหากพวกท่านได้มา ผมก็ขอปฏิเสธในการอ่านอีกด้วยไม่อยากจะ ให้คนอื่นมาทำลายความสงบสุขวุ่นวายไปครับ” พร้อมทั้งชี้ตำแหน่งและลักษณะใกล้เคียงของแผนที่ที่วาดไว้อธิบาย สิ่งต่างๆพร้อมแผ่นดินและเกาะตามกำหนดลายแทงบ่งบอกไว้ให้รู้ เสร็จแล้วเขาก็มอบหนังสือพร้อมลายแทงคืนให้ไป พร้อมเอ่ยปากขอตัวอีกด้วย เพราะเขาคิดว่าต้องค้นหาบางสิ่งบางอย่าง เกี่ยวกับการแก้ไขอำนาจของเวทย์มนต์ที่ย่อมใช้พลังงานเป็นสิ่งประกอบ “แหมๆๆๆผมคิดอยากจะชวนคุณไปค้นหาจารึกในลายแทงด้วยกัน เพื่อคุณจะช่วยผมได้ง่ายขึ้นครับ” ดร.รพีและดร.สุเมธ เอ่ยขึ้นกับชายหนุ่ม วางแผนอาศัยความรอบรู้เขา “นั่นซิค่ะคุณพ่อ น่าจะให้คุณนิรุทธ์ร่วมไปค้นหาก็จะดีมากเชียวนะค่ะ” “ผมก็เห็นด้วยกับน้องพัชราครับ” ชายหนุ่มลูกของดร.สุเมธเอ่ยปากเช่นเดียวกัน “ไม่ต้องหรอกครับท่านเดินทางไปตามลายแทงก็ย่อมจะพบครับ และผม จะเขียนเพิ่มเติมให้บ้างนะครับ แต่การผจญภัยครั้งนี้ระวังเรื่องการเปลี่ยนแปลง ไว้ด้วยนะครับหาก พวกท่านจะคิดไปค้นหาตามลายแทง บางทีพวกท่านอาจ จะไม่ถึงจุดหมายก็จะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้นะครับ ผมพูดได้เท่านี้เพราะใน ลายแทงเขียนบ่งถึงอันตรายต่างๆไว้ครับ ว่ามีสิ่งแปลกประหลาดซ่อนเร้นไว้” แล้วชายหนุ่มก็ลุกเดินไปในห้องนอน พร้อมนำดินสอออกมา ขีดเขียนและแปล เป็นภาษาไทยกำกับไว้ให้เรียบร้อย พร้อมจุดที่เป็นอันตรายควรหลบเลี่ยง หากเกิดความไม่ชอบมาพากลให้อีกด้วย พร้อมชี้แหล่งต่างๆอันเป็นจุดค้นหานคร ที่จมอยู่ใต้สมุทรของทวีปแอสแลนติค และตำแหน่งผู้นำของทวีปนั้นพร้อมที่เก็บ ทรัพย์สมบัติไว้ให้พร้อมที่อยู่ของแผ่นจารึกอารยธรรมต่างๆของทวีป ก่อนจะสูญสิ้นทวีปไปในที่สุด แล้วชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า "อีกประการหนึ่งหากพวกท่านพบการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะนำท่านไปสู่ยัง อีกมิติหนึ่งก็น่าจะเป็นไปได้นะครับ เรื่องนี้ไม่ใช่การล้อเล่นครับระวังไว้ด้วยก็ดี หรืออาจจะเข้าสู่ดินแดนใหม่ที่ท่านไม่รู้จักก็ได้ควรเตรียมเนื้อเตรียมตัวไว้ด้วย" “ เดี๋ยวพ่อหนุ่มขอถามอีกหน่อยตามลายแทงกำหนดไว้จุดเริ่มต้นไม่ได้กำหนดว่า อยู่ที่แห่งใด พ่อหนุ่มคิดว่าแห่งใดล่ะ???ที่เราควรเริ่มต้นนะ” ชายหนุ่มหันมายิ้มต่อทุกๆคน เพราะคิดว่าลายแทงเป็นสิ่งล่อใจนักค้นคว้า พวกนี้แน่นอน จึงเอ่ยขึ้นว่า “ตามลายแทงถึงไม่ได้บอกว่า แต่ดูจากสิ่งต่างๆแล้วจะเป็นรูปคล้ายสามเหลี่ยม ที่มาบรรจบกันซับซ้อนไว้ ที่ควรหาคือในทวีปแอตแลนติค แต่การเริ่มต้นนั้น ผมคิดว่ากึ่งกลางคือสิ่งที่พวกท่านควรไปของแหลมเบอมิวด้าที่เชื่อมต่อกัน ระหว่างประเทศต่าง รวมทั้งหมู่เกาะใกล้เคียงจนถึงอ่าวเมกซิกัน ในมลรัฐฟลอลิด้า เนื่องจากมีลักษณะสามเหลี่ยมดังลายแทงนี้ไว้ อีกอย่าง หนึ่งตรงกึ่งกลางของสามเหลี่ยมนี้เคยเกิดเรื่องการสูญหายของ เรือ และ เครื่องบินโดยสารและอื่นๆที่ป่านนี้ยังหาร่องรอยไม่พบ จากการดึงดูดของ บางอย่าง ซึ่งจะเกิดพายุพัดหมุนเวียน การทำงานของไฟฟ้าพลังงานมากมาย และรายงานว่าจะมีลำแสงสีขาวๆดึงดูดสิ่งที่เข้าไปในอาณาะเขตนั้นๆ ผมเองเข้าใจว่าน่าจะเกิดจากพลังงานที่ยังเหลือของชนชาวแอสแลนติส สร้างพลังงานอันเร้นลับซ่อนไว้อยู่กระมังครับ ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าขึ้น เพราะที่นั่นเป็นจุดของพลังงานต่างๆที่ชาวแอสแลนตีสหลงเหลือไว้ การเริ่มต้นพวกท่านควรเริ่มต้นที่หมู่เกาะ เปอร์โตริโก้อันเป็นปลายของ สามเหลี่ยมแล้วเดินทางเข้าไปยังส่วนกลางของสามเหลี่ยมจะดีที่สุดครับ"..... แก้วประเสริฐ.