28 มีนาคม 2554 20:50 น.

อทิสมานกาย ๘๒

แก้วประเสริฐ


                   อทิศมานกาย ๘๒


   ระหว่างที่ครอบครัวทั้งสองกำลังนั่งสนทนาปราศรัยกันด้วยอัธยายา

สัยแจ่มใสนั้น

ร่างของเจ้าสินชัยและแสงสีก็ปรากฏกายเดินออกจากห้องชายหนุ่ม

 พลางเข้าไปหา

ซึ่งทุกๆคนในที่นี้ไม่อาจจะแลเห็นร่างทั้งสองได้    หนุ่มโชติหันไป

มอง  เจ้าสินชัยก็เอ่ยรายงานขึ้นว่า

   “ นายเด็กมันบอกว่าอย่าให้พวกกำนันหวนกลับไปตอนนี้จะ

เกิดเรื่องใหญ่ ควรให้

พักที่นี่ก่อนแล้วตอนเช้าค่อยออกเดินทาง  ด้วยทางบ้านของกำนัน

มั่น เจ้าลูกชายและ

พวกกำลังคอยการกลับเพื่อจะฉุดลูกสาวกำนันหวนครับ ตอนนี้มัน

กำลังเตรียมการอยู่”

   ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วทำมือให้กลับไปได้ ด้วยเกรงว่าจะทำให้

เป็นที่สงสัยของ

ครอบครัวพ่อหวน หากเขาเอ่ยกับเจ้าสินชัยและเจ้าแสงสี

   ครั้นทราบดังนั้นแล้วทั้งสองก็เดินกลับเข้าห้องไปทันที  ชายหนุ่ม

พลางแสร้งเงยหน้า

ขึ้นมองท้องฟ้าแล้วปากเอ่ยขึ้นว่า

   “ผมดูฤกษ์ยามของพ่อหวนและแม่เย็นและน้องๆแล้วว่าวันนี้

เห็นสมควรจะพักผ่อน

ที่บ้านก่อนนี่ด้วยมืดค่ำ  อีกอย่างตามฤกษ์ยามกำหนดว่าหากออกเดิน

ทางในช่วงระหว่างนี้บางที

จะมีเรื่องร้ายแรงอันตรายมากๆด้วยครับ   

หากไม่รังเกียจบ้านผมก็อย่าพึ่งกลับไปนะครับ”

      พลางหันไปกระซิบกระพ่อเชียรแม่เย็นที่ทำหน้าสงสัย

ในการกล่าวของลูกชายยิ่งนัก

ครั้นทราบเรื่องราวทั้งหมดก็รีบ หันไปทางครอบครัวพ่อหวนทันที

   “ผมว่านี่ก็มืดแล้วทางหรือก็อันตรายมากจริงอยู่ถึงแม้ว่าพ่อ

หวนและเจ้าชวน

จะไม่เกรงกลัวก็ตามที  แต่เจ้าโชติเขามักจะทำนายไม่ค่อยผิดพลาด

อะไรนักหรอก

  ขอเชิญทั้งหมดพักที่นี่ด้วยกันนะ ถึงจะคับแคบหน่อยแต่ก็คงจะเพียง

พอ 

  กล่าวเสร็จไม่รอคำตอบหันไปสั่งเจ้าชัยและอนาคตสะไภ้  

ชบาด้วยไปช่วยจัดห้องหับที่ว่างอยู่สองสามห้องให้พ่อหวนและครอบ

ครัว

ได้พักนอนคืนนี้นะ”

   “จ๊ะพ่อเดี๋ยวหนูจะไปรีบทำความสะอาดให้เรียบร้อยคงไม่

นานหรอกจ้า”

  กล่าวเสร็จสาวชบาพร้อมเจ้าชัยก็ลุกขึ้นเดินออกไป

โดยมีเจ้าชัยเดินตามไปด้วยเพื่อไปจัดการตามคำสั่งพ่อทันที

   “ไม่ตัองก็ได้นี่นาน้องเชียรพี่เองและเจ้าชวนก็เคยผ่านไปๆ

มาๆ

ในเวลาค่ำคืนทางนี้บ่อยๆเกรงจะทำความลำบากให้น้อง

เปล่าๆ”

    พ่อหวนแม่เย็นเอ่ยขึ้นบ้าง

   “เชื่อน้องเถอะพี่ลองลูกโชติกล่าวเช่นนี้คงจะมีเรื่องอะไร

พิเศษเป็นแน่แท้ 

 เพราะปกติเขาจะไม่ค่อยจะกล่างอะไรแบบหนักแน่นเช่นนี้  น้องรู้

นิสัยลูกคนนี้ดี”

   “หากเป็นพ่อโชติเอ่ยเช่นนี้ และน้องเชียรแม่เย็นเห็นด้วย 

เอาล่ะเป็นอันตกลง

พวกเราจะได้คุยกันนานๆหน่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องเจ้าบงกชเจ้าชัย

 และการบวชของพี่ด้วย  ให้พ่อโชติช่วยดูฤกษ์ผานาทีด้วยนะ

พี่เองก็เชื่อด้วย นับตั้งแต่เขาทำนายก่อนนั้นและการมอบสิ่งของไว้

ป้องกันตัว 

นี่พี่ก็คล้องติดตัวกันทุกๆคนด้วย”     พลางควักเอาพระมาให้

ทั้งหมดดู

   ชายหนุ่มยิ้มพลางขอตัวทั้งหมดเดินกลับเข้าห้องของเขาไปทันที


   “อ้าวไม่อยู่คุยกับลุงป้าและน้องๆด้วยหรือพ่อ

โชติ”     กำนันหวนท้วงติง

   “ผมมีเรื่องจะทำรายงานให้แก่ลูกน้องผมครับ   อ้อๆๆน้อง

ชวน

อย่าลืมที่พี่บอกไว้นะให้มาหาพี่พรุ่งนี้

ราวบ่ายๆทั้งหมดด้วยก็แล้วกัน  โดยเฉพาะนายเปล่งนั้นพี่อยากให้มา

พักที่บ้านพี่ด้วยเขามีปัญหาพันธะอะไรหรือเปล่าล่ะ????....”

   “ไอ้เปล่งมันเป็นโสดครับพี่  มันเป็นคนไม่ค่อยพูดเลยจีบ

สาวไม่เป็น

และค่อนข้างขี้อายด้วยผิดกับพวกทะโมนที่ปากมันเปราะ จีบสาว

เรื่อยๆเปื่อย

แต่ไม่มีใครสนใจ ทั้งหมดยังเป็นโสดทั้งสิ้นครับพี่”

   “ถ้าอย่างนั้นดีแล้วล่ะ  ให้ทุกๆคนยกเว้นเจ้าเปล่งอยู่ช่วยงาน

ที่บ้านน้องก็แล้วกัน 

ด้วยพ่อหวนก็จะไปบวช ไร่นาสวนหรือก็กว้างขวางคนเดียวทำไม่ได้

หรอก  

เอาพวกนี้มาพักจะได้ช่วยผ่อนแรงไปด้วย

อีกอย่างหนึ่งเวลาใช้งานก็จะสะดวกในการรวมพล   หากเรื่องนี้ตกลง

กัน

พี่ก็จะแนะนำคนของพี่ให้รู้จักด้วยจะได้ไม่ต้องกลัว”

   “ไอ้พวกนี้มันไม่กลัวอะไรหรอกพี่คนหรือผีก็ตามเห็นมัน

บอกผมอย่างนี้นะ

 จริงๆผมเองก็ไม่รู้เพียงแต่รู้ว่าเรื่องคนนั้นเชื่อใจได้ครับพี่” 

    ชวนตอบพี่ชาย

   ชายหนุ่มมองหน้าเจ้าชวนแล้วหัวร่อ ฮึๆๆๆแต่ไม่กล่าวอะไรอีก

  พลางลุกก้าวเดินเข้าห้องเขาไป

ดังนั้นทั้งหมดก็มานั่งสนทนากันในเรื่องต่างๆนาๆตลอดจนการทำมา

หากิน

แล้วก็วกกลับมาถึงงานที่กำหนดไว้ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับงานแต่งงาน

และงานบวชที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้ตบแต่งลูกสาวเรียบร้อยแล้ว


   ส่วนทางด้านกำนันมั่นนั้นหลังจากสร้างบ้านใหม่เรียบร้อยแล้วค่อน

ข้าง

จะใหญ่โตกว่าเก่ามากอีกทั้งยังมีที่ซ่อนสิ่งต่างๆไว้อีกรายล้อมรอบบ้าน

  หน้าบ้านใต้ต้นมะขามใหญ่ก็ยังเสริมแคร่ไว้สำหรับใช้เป็นที่พักผ่อน

ของเจ้าแม้นและบรรดาหญิงชายทั้งหลายอยู่  เสียงสนทนาปราศรัย

อวด

อ้างสรรพคุณ  ดังสนั่นลั่นไปทั่วบริเวณโดยเฉพาะเจ้าแม้นนั้นค่อนข้าง

จะเสียงดังมากกว่าใครๆทั้งหมด  ต่างหยอกล้อจับโน่นจับนี่แก่เหล่า

สาวๆ

ส่วนบรรดาสาวๆก็แสร้งทำเป็นระรี้ระริกวี๊ดว๊าด ด้วยมันเคยกันมาจนชิน

   ทันใดนั้นเจ้าเบี้ยวและนางสาวลัดดาก็ขับรถกลับมาพร้อมกับเสบียง

อาหาร

ที่ไปซื้อมาจากในเมืองล้วนแต่เป็นจำพวกกับแกล้มเหล้าและเหล้า

เป็นจำนวนมาก 

 เจ้าสนกับเจ้าแช่มก็รีบไปช่วยกันยกมายังบริเวณแคร่ใต้ต้นไม้ทันที

     ไอ้เบี้ยวก็กล่าวเสียงค่อนข้างดังว่า 


   “พี่แม้น  ข้าได้เห็นกำนันหวนกับครอบครัวมันต่างไปอยู่ที่

บ้านเจ้าเชียร

กำลังปรึกษากันอยู่   สืบได้ความว่ามันยกลูกสาวให้กับเจ้าชัย

ลูกเจ้าเชียรมันแล้วล่ะ???..พี่!!!!.....”

   “มึงพูดจริงหรือว๊ะไอ้เบี้ยว”   เสียงเจ้าแม้นลูกกำนัน

มั่นเอ่ยถามให้แน่ใจมัน

   “ไม่เชื่อพี่ก็ถามอีลัดดาได้นะว่าข้าจะไปโกหกพี่ทำไมกัน

  ข่าวลือนี้

มันดังไปทั่วหมู่บ้านโคกอีกแร้งกันแล้วล่ะพี่  มีแต่พวกเราที่ไม่รู้เท่านั้น

เอง”

   “จะใช้ได้หรือว๊ะอ้ายห่าราก!!!!?????....   กูอุตส่าห์ให้พ่อกู

ไปสู่ขอ

นางบงกชมัน แต่มันกับไม่ยอมยกให้แก่กู  แล้วตอนนี้มันอยู่ที่บ้านมัน

หรือเปล่าล่ะ???.....”

   “เปล่าหรอกพี่มันอยู่ที่บ้านไอ้เชียรแหละทั้งหมดเลย

ล่ะ”

   “จริงหรือว๊ะอีลัดดา”     มันหันไปถามอย่างไม่แน่ใจ

   “จริงจ๊ะพี่แม้น  มันกำลังปรึกษากันเรื่องแต่งงานอยู่แหละ

จ๊ะ”  

  ลัดดาตอบให้ให้แม้นฟัง

     ครั้นไอ้แม้นได้ฟังก็เกิดความโมโห ยกแก้วเหล้าเพียวๆที่ยกเทลง

เพิ่ม

ขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้ว  แล้วพลางหันไปสั่งไอ้สน ไอ้แช่ม และพวก

ทันที

   พวกมึงไปนำอาวุธมาค่ำนี้หากมันกลับมากู  กูจะไปฉุดอีนางบงกช

มันซะเลยแล้วอย่าเสือกไปให้พ่อกูรู้เสียล่ะ.....เดี๋ยวจะเสียการ

ว๊ะ”

   ไอ้สนก็หันไปสั่งพวกเด็กๆที่นั่งกินเหล้าอยู่ห่างๆสั่งให้ไปนำเอา

อาวุธปืนต่างๆมาทันทีพร้อมกำชับว่า

   “อย่าเสือกทำกระโตกกระตากเสียล่ะ  เอ๊าๆๆนี่กุญแจไปเปิด

ห้องเก็บของ

พวกมึงก็รู้นี่นาอยู่ที่ไหน???...”

     แล้วไอ้แม้นก็หันมาบอกพรรคพวกทันทีว่า   ให้แบ่งกำลังเป็นสอง

ฝ่าย

  ฝ่ายหนึ่งบุกไปที่บ้านบางโคบุกปล้นมันเสียเลย  

 อีกฝ่ายหนึ่งคอยดักที่ปากทางเลยบ้านกูก่อนจะถึง  ในระหว่างทางก็

เข้าชิงตัว

จี้มันแล้วฉุดอีกบงกช  หากต่อสู้ยิ่งแม่งให้ตายให้หมด

ยกเว้นอีกบงกชคนเดียวเท่านั้น ฝ่ายนี้กูจะนำไป


ส่วนทางบ้านบางโคให้ไอ้สนกับไอ้แช่มนำพาพวกไปกวาดมัน

ให้เสี้ยนเตียนเลยนะโว้ย  เลือกเอาสิ่งของมีค่ามาให้หมดนะ

หากเสร็จงานเรามาร่วมฉลองกัน  ไอ้สนกับไอ้แช่มนำ ไอ้เจี๊ยบ ไอ้

ผ่อง 

ไอ้เขียว และไอ้ดำไป 

 ส่วนข้ากับไอ้เบี้ยว ไอ้เข่ง ไอ้โจ๊ก ไอ้หาญ และไอ้ผ่อง

  ไปคอยดักฉุดอีกบงกช อีกทางหนึ่งก่อนจะถึงบ้านกูนะ

โว้ย!!!!!...”

         ฝ่าย นางสร้อย ช้อย นวล  ชบา และพลอย เอ่ยทัดทานขึ้นว่า

    “ อย่างนี้มันเท่ากับการปล้นนะพี่แม้นมันจะดีหรือคุ้มค่าหรือ

กับอีกบงกชคนเดียว”

   “มึงอย่าเสือกอีสาวๆ หรืออิจฉาอีบงกชมันหรือ  แล้วอย่า

เสือกปากหมา

ไปบอกกับพ่อกูเสียด้วยหากกูรู้เมื่อไหร่พวกมึงเจ็บตัวทุกๆคนแหละ

ว๊ะ”

   “อ้อๆๆๆหากพ่อกูถามว่าพวกกูไปไหน มึงก็แก้ตัวให้กูด้วยก็

แล้วกัน

 พวกมึงตอแหลเก่งอยู่แล้ว  แล้วพื้นที่ก็ล้วนชำนาญกันทั้งสิ้น

หากงานนี้สำเร็จ ต่อจากอีกบงกช ก็เห็นรางวัลสำหรับพวกมึงแหละ

ว๊ะ” 

 ไอ้แม้นกล่าวจบ   พลางหัวร่อส่งเสียงลั่นด้วยความครึ้มใจมันคิดว่าคืน

นี้

คงจะได้เปลี่ยนรสชาดใหม่ๆมึงเอ๋ยฟ้าไม่เหลืองกูไม่ยอมเลิกลา มัน

รำพึงในใจ   

   “ เอ้าๆๆๆ....พวกมึงรีบดื่มเข้าอย่าเสือกเมาเสียก่อน นี่ก็

สมควรเวลาได้แล้ว

  มึงเอารถกะบะไปให้เข็นไปก่อนนะโว้ย  พอเลยหน้าบ้านค่อยติด

เครื่อง 

 เดี๋ยวเสียงดังจะทำให้พ่อกูรู้เรื่อง”

   ดังนั้นพวกมันต่างก็รีบพากันดื่มกินเพื่อย้อมใจ  ส่งเสียงหัวร่อเฮฮา

กันลั่น

ไปทั่วบริเวณ  ครั้นได้เวลาพวกมันก็รีบทะยอยกันพวกอาวุธปืนออกมา

รอคอยยังนอกรั้วบ้าน  พอรถที่เข็นแบ่งแยกเป็นสองทางก็ออกรถไป

ทำงาน

กันทันที

   ไอ้สนกับไอ้แช่มกับพรรคก็ออกเดินทางไปคอยที่ปากทางบ้านบาง

โค

  เพื่อรอเวลาให้มืดคนในหมู่บ้านได้หลับนอนเสียก่อน  มันจอดรอไป

ไม่ไกล

บ้านอดีตกำนันหวนนัก  เห็นบ้านปิดเงียบสนิทจะมีไฟพลางบ้างก็เพียง

เล็กน้อย

    ครั้นได้เวลาพวกมันก็ล้วงหยิบไหมพรมคลุมหน้ากันถ้วนทั่ว ถืออาวุธ

ปืนต่าง

เข้าไปในบริเวณบ้านซึ่ง   มันรู้สึกไม่สังหรณ์ใจแต่อย่างไรเนื่องจาก

ทราบมาก่อน

แล้วว่าบ้านนี้ไม่มีใครอยู่ นอกจากพวกหญิงรับใช้เด็กเล็กๆบางคนเท่า

นั้น


     ดังนั้นมันจึงเดินเข้าไปกระจายหน้าแถวออกไปอย่างสง่าผ่าเผยไม่

ระวังตัวอะไร

เพื่อให้เป็นไปตามแผนการปล้น   ไอ้สนจึงร้องขึ้นว่า  

     “ไอ้เสือบุก  ใครขัดขืนตายรูปเดียว  ให้นอนลงเอามือกุม

หัวไว้จะได้ไม่ต้องตาย

นะโว้ย    ไปไอ้เสือเอาวา”

      แล้วร่างมันก็หัวร่อลั่นที่มันแกล้งพูดก็เพื่อให้พวกผู้หญิงเด็กตกใจ

เล่นเท่านั้นเอง

เมื่อพวกทั้งหมดเข้าสู่บริเวณลานหน้าบ้านซึ่งเป็นที่แจ้ง   ไอ้สนกำลัง

จะก้าวขึ้นบนบ้าน

และแล้วพวกมันก็ต่างตระหนกตกใจ ในสิ่งที่มันคาดคิดไม่ถึง......

    เสียงอาวุธปืนอาก้าซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงกว่าของอาวุธที่มันนำติดตัว

มา

เพื่อใช้ในการข่มขู่เท่านั้น

    ร่างของไอ้สนก็เต้นเป็นผีเข้าเมื่อร่างมันเจอกระสุนเข้าที่ทรวงอก

อย่างจังและหลายๆ

ลูก  ร่างมันเต้นเร่าแล้วล้มฟุบลงยังตืนบันไดบ้านทันที   ส่วนบรรดา

พรรคพวกทั้งหลาย

ก็ต่างโดนกระสุนเข้าร่างกายกันเต้นเร่าๆกันทุกๆคน  จะมีเพียงแค่ไอ้

แช่มเท่านั้นที่ถลา

วิ่งเข้าไปยังต้นไม้ใหญ่ข้างๆรั้ว    ด้วยมันอยู่ท้ายสุดเพื่อควบคุมการทำ

งานครั้งนี้

     มันรีบทรุดตัวคลานซ้ายทีขวาทีตามวิสัยที่เคยผ่านการฝึกฝนจาก

การ

เป็นทหารมาแต่ร่างมันก็เลือดสาดเพียงแต่โดนที่ไม่สำคัญเท่านั้น 

 แต่สายตามันมองไปยังบรรดาพรรคพวกเห็นต่างล้มตายหมดสิ้น  

 แม้แต่ไอ้สนเองที่ตอนแรกเดินนำหน้าเก๋ไก๋ล้มฟุบตายสนิทคาบันได

บ้าน    

มันรีบคลานไปที่รั้วแล้วค่อยๆแหวกพอนำเอาตัวรอดออกมาได้เท่านั้น

เอง

  มันรู้สึกอ่อนเพลียมากด้วยเสียเลือดที่ไหล่ซ้ายและขวาแถวบริเวณ

น่อง

กับบั่นเอวด้านขวา

    แต่ความกลัวตายทำให้มันต้องอดทนกัดฟันข่มความเจ็บปวด

คลานไปหารถซึ่งยังมีกุญแจคาอยู่   มันคอยจนกว่าสิ้นเสียงปืนสงบ 

  จึงได้รีบสตาร์ทรถเครื่องรีบเร่งขับออกไปทันที  

 หนึ่งในที่ลอบยิงมันวิ่งมาทางถนนพร้อมสาดกระสุนใส่ไปยังล้อรถ

และกระจกด้านหลังแตกกระจุย  แต่ร่างไอ้แช่มรีบหมอบแนบพวง

มาลัย

รถแล้วเร่งคันเร่ง  มันเหยียบน้ำมันจนจม  รถกระชากสายไปๆมาๆแทบ

จะตกถนน   ด้วยความรักตัวกลัวตายคิดว่าอาจจะมีคนขับรถมอเตอร์

ไซค์

ตามมาด้วย  มันรีบปิดไฟเปิดเฉพาะไฟส่องทางเท่านั้น จนรถมันพ้น

เขต

พุ่มไม้ทางโค้งหลบหนีไปได้.............

              แก้วประเสริฐ.

( ตามคำเรียกร้อง ของคุณ " เอื้องอังกูร " ผมจะพยายามเขียนให้จบครับ เว้นเสียจากจะเขียนไม่ได้อีกแล้วครับ ขอบคุณที่เรียกร้องมาครับ)

index.php?action=dlattach;topic=7053.0;a				
10 มีนาคม 2554 15:33 น.

ฝันที่เลื่อนลอย

แก้วประเสริฐ


               ฝันที่เลื่อนลอย


     กาลเวลาที่ไม่รอใคร   เหมือนฉันที่นั่งคำนึงไตร่ตรองเหตุการณ์นั้นในอดีตอยู่

ตะวันฉายแสงดูอ่อนล้า  บอกสิ่งที่จะเปลี่ยนแห่งกาล  ยามตะวันทอแสง

หมู่ม่านเมฆลอยละล่อง  ขวักไขว่ไปมาตามกระแสลม  ที่มองคล้ายจะคลุ้มคลั่ง

สิ่งที่ทอทาบนั้นกลับทอสลับแสงสี   ประหนึ่งมุมเหลี่ยมแห่งอัญมณีพร่างพราย

     เสียงคลื่นยามกระทบฝั่งดังฉาดฉาน   โครมๆ  หันไปมองเห็นละอองน้ำพลิ้วไป

ในอากาศพลันเกิดเป็นรุ้งเล็กๆสองโค้งสลับวาววับแล้วก็หายไป   มันช่างเป็นภาพ

ที่งดงามมากตราตรึงต่อละอองน้อยๆที่รวมตัวกันขึ้นแปรเปลี่ยนภาพรุ้งขึ้น 

   
      โอ้ว!!!!????......มันคล้ายๆกับห้วงในความนึกคิดของฉันมิปาน......

ฉับพลันภาพหนึ่งก็เกิดขึ้นอีกวาระ   เป็นภาพของหญิงสาวสวยตระการตาเคียงคู่กับ

ชายรูปร่างใบหน้าหล่อเหลา   หญิงนั้นหันมายิ้มแต่มองไปเสมือนหนึ่งดังคล้ายๆที่

หล่อนจะเยาะเย้ยมิปาน

   กระแสลมเฉื่อยๆพัดต้องกายสร้างความเยือกเย็น  ถึงมาดแม้นว่าจะไร้ซึ่งสิ่งเหล่านี้

ก็ตาม    แต่กายเขาซิภายในกับเยือกเย็นกว่าและยังสะท้อนสิ่งภายในให้เย็นเฉียบกว่า

กระแสลมเสียอีก

     ชายหนุ่มเฝ้ามองไปยังขอบฟ้าแลระลอกคลื่นที่ไกลแสนไกลพลิ้วเป็นคลื่นน้อยๆต่าง

ทะยอยมุ่งมาทางเขาเพื่อเข้าหาฝั่ง อันเป็นวิถีชีวิตของมัน    เขาเฝ้ามองสมองสั่งการให้คิด

คิดๆๆๆๆ  ทำไมหนอจึงช่างคลับคล้ายกับชีวิตของเขาเสียนี่กระไร????.....

ช่างเถอะในเมื่อเราไม่สามารถจะแทรกเข้าไปได้เสียแล้ว  คงปล่อยไปตามสิ่งที่หล่อนลิขิต

ก็แล้วกัน   ชายหนุ่มหันมามองรอบๆตัวแลเห็นหมู่หินที่อยู่ใกล้ๆริมฝั่งทะเลจึงเดินไปนั่ง

แล้วหันมองไปบนฟากฟ้าที่ปลายหนึ่งจรดขอบแห่งน้ำ  มันช่างสุดเวิ้งว้างห่างไกลเสียจริงๆ

     ร่างที่นั่งอยู่บนก้อนหินเล็กๆท้าวคางขึ้นมองธรรมชาติยามสนธยา   ม่านหมู่เมฆพราวพร่าง

ไปด้วยสีสันต์ต่างๆสร้างไปตามกระแสจิตที่กำหนดไว้  

   สิ่งนั้นกลับเป็นใบหน้าหญิงสาวนางหนึ่งที่ประพิมประพรายยิ่งนัก

   หล่อนงามเสียจริงๆในห้วงความคิดเขาและก็งามจริงๆเสียด้วย!!!!!.....

หากไม่งดงามจนเป็นที่เหลือบแลของบรรดาชายหนุ่มและไม่หนุ่มทั้งหลาย

  คงจะไม่มีวันนี้เกิดขึ้นกับเขาแล้ว  ป่านฉนี้คงจะได้เคียงคู่ครอง

ไปสัญจรในที่ต่างๆอย่างมีความสุขในสิ่งที่ใจปราถนาแห่งหัวใจ


     ใช่ซินะ????.....เขาไม่อาจจะหยั่งรู้ในใจหล่อนได้ถึงแม้นว่าจะเคยคลุกคลี

และมีสัมพันธ์กันบ้างก็ตามแต่ก็ไม่ถึงกับเกินเลยไป   

จะด้วยเหตุนี้หรือไรเล่าเขาจึงต้องมานั่งอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย  ณ  ที่นี้......

     ดีเสียอีก!!!!.....หากเขาไม่รู้ซึ้งถึงสิ่งเหล่านี้   อนาคตเล่าจะเป็นฉันท์ใดบ้าง

ในเมื่อความต้องการที่พันผูกไว้อย่างไม่มีวันลืมเลือนสะท้อนลงสู่ห้วง

แห่งจิตใจไปมากต่อมากแล้ว......

   ในเมื่อหล่อนมีความสุขในสิ่งอันพึงปราถนาของหล่อนเขาก็ยินดี

และยินยอมออกห่างในสิ่งที่เขาไม่ได้คิดว่าจะเกิดในเมื่อกาลเวลาผ่านมานับหลายๆปี

     คงจะไร้วาสนาต่อกันกระมัง???....ชายหนุ่มรำพึงและรีบมองไปยังเหล่านกนางนวล

ที่ทะยอยๆกันเป็นหมู่ๆในแต่ละหมู่นั้นมักจะมีเป็นคู่ๆบินเคียงข้างกันไป และมีบ้างที่

ต้องบินกลับอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างดุจดังเขาที่มีใจแต่ถูกหักจนไร้น้ำใจ   พวกนกเหล่านี้

คงจะกลับในสถานที่มันได้ร่วมกันพักพิง   และหาความสุขกันและกัน

ความคิดเขาย้อนกลับมาสู่เขาอีกครั้งหนึ่ง ตลบย้อนเข้าสู่อดีตที่ผ่านมาของเขายามนึกคิด

ไปยังท้องทุ่งนาตอนเย็นๆก็จะแลเห็นหนุ่มสาวหลังจากเลิกงานพากันจู๋จี๋เป็นคู่ๆ

กลับจากท้องนา    ยามภาระกิจเของแต่ละวันเสร็จไปแล้ว  เพื่อเดินทางเข้าสู่บ้านน้อย

แห่งความรักกันอย่างมีความสุข

     ชายหนุ่มหลับตาพริ้มสูดอากาศที่บริสุทธิ์เข้าสู่ปวดเสมือนหนึ่งจะให้ลืมๆๆๆ

เรื่องที่ย้อนทวนกลับให้หายเลือนรางไปจากสมอง   

 ฉับพลันเขาก็สะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงหวานๆดังก้องเข้าไปในหูทั้งสอง

     “ พี่เชษฐ์ๆๆ...ทำไมมานั่งคนเดียวทำไมไม่ชวน ดา มาด้วยล่ะ 

 แหม๋ทำให้ค้นหาตั้งนาน???ฮึๆๆๆ....”

   “ พี่จะไปรู้หรือว่า ดา  จะชอบในสถานที่แบบนี้  เห็นมัวสาระวลกับพวกเพื่อนๆ

ในการทำอาหารสำหรับใช้เลี้ยงกันในคืนนี้มิใช่หรือ????...   หรือว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

   “ ยังจ๊ะพี่   เหลือบมองไปในหมู่เพื่อนๆเห็นไม่มีพี่ก็เลยชักสงสัยว่า

หายไปไหน  ไม่นึกว่าจะมานั่งคนเดียว”

     หล่อนไม่พูดเปล่ากับเข้ามาเลือกก้อนหินที่ใกล้เขาที่สุดพลางนั่งลง  กลิ่นน้ำหอมอย่างดี

โชยมากระทบจมูกเขามันเป็นน้ำหอมจากฝรั่งเศส   ด้วยกลิ่นนี้เขาเคยชินมาตั้งนมนานแล้ว

  นานจนกระทั่งไม่ได้กลิ่นเอาเสียเลย

   “  อ้าวๆ!!!!!????....  ดา มาตามหาพี่มีธุระอะไรหรือจ๊ะ???....”

   “ทำไมดามาหาพี่ต้องมีธุระด้วยหรือ???”   เสียงที่ตอบค่อนข้างไพเราะเอาเสียมากๆ

ฟังดูติดแง่งอนตัดพ้อนิดๆ แต่ใบหน้ายังยิ้มแย้มแจ่มใส 

   เขาหันไปมองดูเป็นใบหน้ารูปไข่จมูกโด่งเป็นสัน  ดวงตากลมโตคิ้วเป็นเรียวโค้ง

 ใบหน้าที่ขาวสะอาดสดใสนับได้ว่าหล่อนจัดได้เป็นคนที่สวยมากคนหนึ่ง 

   แต่แล้วเขาต้องต้องสะท้อนใจทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องอดีตที่กำลังย้อนกลับมาประดุจ

ดั่งความฝันที่ล่องลอยมาสู่เขาอีกวาระหนึ่ง

   “เปล่าหรอกพี่คิดว่าดาคงจะมีเรื่องธุระใช้พี่หรือคุณพ่อของดาต้องการพบพี่นะ”

ชายหนุ่มกล่าวเบาๆ   พลางย้อนอดีตกลับทันที  ใช่ซินะแม้ว่าหล่อนจะให้ความ

สนิทสนมกับเขามากกว่าบรรดาชายหนุ่มในบริษัทก็ตาม   และแม้แต่ครอบครัว

ของหล่อนหรือก็ไม่รังเกียจอะไร ยามที่เขาไปเยี่ยมท่านเจ้าของบริษัทนำงานมา

มอบให้   จึงได้พบหล่อนที่ยืนรอรับแต่เขามิได้สนในอะไรมากเท่าใดนัก

และทุกๆคนก็ให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดี จนกระทั่งเขาหล่อนเกิดสนิทสนมกัน

มากยิ่งขึ้น   และทางคุณพ่อคุณแม่หล่อนไม่ได้ว่ากล่าวอะไร  ซ้ำให้โอกาสแก่เขา

และหล่อนดูเสมือนหนึ่งจะเปิดทางให้แก่เขา  เท่าที่เขาสังเกตุเห็นมาก็ตาม

     “คุณพ่อดากำลังสนทนาเรื่องธุระกิจกับเพื่อนของท่านอยู่จ๊ะ  หากเป็นเรื่องงานแล้ว

โอ้ยๆๆๆ....ท่านไม่ยุ่งกับใครๆหรอกแม้แต่ดาหรือใครๆก็ตาม   ไม่รู้ว่าจะหาเงินไปถึงไหน

ทั้งๆที่มีก็ไม่น้อยไปกว่าใคร”   เสียงหญิงสาวตอบ   ไม่ตอบเปล่ากลับเอียงร่างมาทางเขา

เพื่อจะซบยังร่างเขา    โดยเอนศีรษะซบไปบนหัวไหล่ของเขาส่วนสายตาจ้องไปยังท้องทะเล   

   ชายหนุ่มสะดุ้งในใจทำไมล่ะ???...เวลาจะเล่นตลกกับเขาย้อนรอยอีกหรือ  เขารำพึงอีก

ก่อนนั้นเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นกับเขามาแล้ว  และแล้วมันก็เป็นเพียงแค่ความฝันที่เลือนลอย

ไปจากเขาเสียจริงๆ   ใช่แล้วถึงเขาจะมีความรู้มากมายสูงก็ตามแต่ความอาภัพในเรื่องนี้

ช่างเกิดขึ้นแก่เขาเสียจริงๆ     ชายหนุ่มมองไปยังขอบฟ้าจรดโค้งระหว่างน้ำกับฟ้าพลาง

คำนึงถึงกาลเก่ากับกาลใหม่ทันที่  ใช่ซินะหล่อนเปรียบดั่งม่านฟ้า เขาล่ะจะเปรียบดั่ง

น้ำหรือก็ไม่ใช่  ด้วยฟ้ากับน้ำยังจรดเข้าหากันได้แล้วเขาเป็นอะไรหรือ???....

    ดินไงล่ะพ่อหนุ่ม???.....เสียงย้อนสะท้อนออกมาจากใจบอก   เห็นจะจริงแล้วล่ะเขา

เป็นได้อย่างมากก็เพียงดินที่ค่อนข้างจะอับเฉาหาใช่ดินดอน แต่เป็นดินที่เป็นโคลนตม

เสียมากกว่า   

      ท้องฟ้าเริ่มจะมืดคลื้มสลัวๆแล้วด้วยดวงตะวันไปหายไปกับขอบฟ้าคงเหลือเพียงแสง

ที่ทอทาบกับผืนน้ำและชายฝั่งก่อนที่มันเลือนรางบอกถึงเวลาจะมืดลงแล้ว

   “กลับเถอะดา นี่จะมืดค่ำแล้วน่ะ  ทุกๆคนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง   หากขาดดาเสียคนงานนี้

คงจะกร่อยเอาเสียนะ”

   “ทำไมพี่ถึงพูดแบบนี้ล่ะ ในเมื่อดาไม่สวยจนเป็นที่สนใจของใครๆหรอก   ดูซิแม้แต่พี่เองหรือ

ก็ยังจะให้ดารีบกลับ”     หล่อนเอนร่างจากที่ซบไหล่เขากลับตั้งตัวตรงเอ่ยขึ้น!!!!!?????....

   “ใครบอกล่ะว่า ดา ไม่สวย ไม่รู้ซิน๊ะแต่ในสายตาพี่จัดได้ว่าดาเป็นคนทั้งสวยและงามมาก

จริงๆน๊ะพี่ไม่ได้หยอกเย้าดาหรอก  มันเป็นเรื่องจริงหากไม่เชื่อกลับไปลองไปถามบรรดาหนุ่ม

รูปหล่อทั้งหลายซิ   แต่ก็แปลกนะพี่เองถ้าพูดถึงรูปร่างใบหน้าแล้วสู้พวกผู้ชายในบริษัทฯไม่ได้

สักคนเดี๋ยว

     เสียงดัง “แปะๆๆๆ” ที่ท่อนแขนเขาเบาๆ.....

     “ไม่รู้น๊ะในสายตาของดากับมองเห็นพี่ถึงบอกว่าไม่รูปหล่อนัก  ดากับคิดว่าหาใช่เรื่องสำคัญใดไม่

ตั้งแต่ดารู้จักคนมาก็มากๆแล้วทุกๆคนเอาใจดาทั้งสิ้น   จะมีก็เพียงพี่นี่แหละที่วางตัวปกติธรรมดา

ไม่เห็นมาระแคะระคายอะไรกับดา  จะสนทนาก็เพียงแค่งานหาใช่เรื่องอื่นผิดกับบรรดาชายหนุ่ม

ทั้งหลายทั้งในบริษัทและนอกบริษัทเลยสักคนเดียว   ทำให้ดาเกิดความสนใจและอยากใกล้ชิดพี่

    ยิ่งได้สนทนากับพี่แล้ว  รู้สึกว่าดาช่างมีความสุขเสียเหลือเกินผิดกับบรรดาคนอื่นที่ล้วนแต่

ป้อยอดาจนชินและแสนเบื่อเสียจริงๆ  จริงๆน๊ะพี่เชษฐ์”

   “จ๊ะๆๆๆพี่เชื่อจ้า  ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อด้วยพี่เองนั้นไม่ได้คิดอะไรเกินเลยเกินไปหรอกจ้า  

แม้กับดาเถอะ

     พี่ก็ให้เกียรติแก่ดาเสมอตลอดจน ดา เป็นถึงลูกของเจ้าของบริษัทฯอีกด้วยน๊ะ 

  ถือว่าฟ้ายังเมตตาพี่ที่ทำให้ ดา ลดตัวลงมาคบหาสมาคมกับพี่ 

 ซึ่งพี่ย่อมรู้ตัวของพี่ดีเสมอๆจ้า   กลับเถอะนะนี้ก็จวนจะมืดค่ำเข้าไปมากแล้ว  

ล่ะเดี๋ยวคุณพ่อจะตามหา ดา จ๊ะ”

       กล่าวจบชายหนุ่มก็ลุกจากการนั่งบนก้อนหิน  พลางหันมายิ้มพร้อมทั้งก้าวเดินออกไป

   “คอย ดา ด้วยซิแหม๋ไม่ยอมช่วยฉุดดาเลยนะพี่นี่”  หญิงสาวเอ่ยแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเดินให้

ทันเขาแล้ว หล่อนก็รีบควงแขนเขาออกเดินกลับทันที

       ชายหนุ่มหันใบหน้ากลับมองทะเลที่น้ำกำลังทะยอยๆเป็นคลื่นเข้ากระทบฝั่งจนเป็นฝอยๆ

ยามกระทบกับโขดหินที่เขานั่ง  น้ำทะเลกำลังขึ้นแต่เขาล่ะใจเขาหรือจะขึ้นเหมือนดังน้ำทะเล

หรือเปล่าหนอ  ชายหนุ่มรำพึงคร่ำครวญในใจ..........................


                         แก้วประเสริฐ.

Cartoon_Animation_08.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ