24 ธันวาคม 2554 14:52 น.
แก้วประเสริฐ
๐ อทิสมานกาย ๑๐๗ ๐
เมื่อรถวิ่งผ่านออกนอกเมืองมาได้ระยะหนึ่ง รถโดยสารก็เริ่มชะลอ เสี่ยเล้ง
หันไปมองข้างหน้ากระจก เนื่องจากมันนั่งหลังคนขับกั้นเพียงสองเก้าอี้เท่านั้น
ดังนั้นมันจึงมองเห็น มีผู้หญิงสาวคนหนึ่งกวักมือเรียกรถเพื่อจะโดยสารไปด้วย
ดังนั้น เมื่อรถจอดสนิทร่างหญิงสาวแสนสวยก็ก้าวขึ้นมาพร้อมของสัมภาระนิด
หน่อยเพียงแค่กระเป๋าสพายเท่านั้น
ด้วยเป็นเวลาสางแล้วหล่อนนับว่าเป็นสาวสวยมากทีเดียว ทำให้เสียเล้งซึ่งมี
นิสัยเจ้าชู้มากด้วยราคะภาวนาให้หล่อนมานั่งใกล้ๆมัน ด้วยยังมีที่เหลืออีกไม่
เท่าไหร่นัก รถก็จะเต็มคันเหมือนฟ้าจะเข้าข้างมัน เจ้าหล่อนก็เดินในขณะรถ
กำลังออกวิ่งมานั่งเคียงข้างเสี่ยเล้งทันที เสี่ยเล้งนึกกระหยิ่มใจนัก ฟ้าเริ่มจะ
มีแสงสว่างเพิ่มขึ้นมาก เสี่ยเล้งคิดว่าก่อนจะถึงกรุงเทพฯก็ต้องเป็นพรุ่งนี้ตอน
สายๆถึงจะถึงที่หมายมัน จึงแสร้งทำท่าวางขรึมส่วนเจ้าหล่อนเมื่อก่อนนั่งนั้น
หันหน้ามายิ้มกับมัน เหมือนขออนุญาตนั่งร่วมด้วยเสี่ยเล้งยิ้มตอบแล้วก็หันหน้า
ไปทางหน้าต่างด้านนอก เสียงหวานถามขึ้นว่า
“คุณอาจจะไปไหนหรือค่ะ ขอหนูนั่งด้วยคนนะค่ะคุณอา”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้าแม่หนู เพราะใครๆจะนั่งก็ได้ไม่ต้องขออนุญาตหรอกจ้า”
“ขอบคุณค่ะคุณอา”
แล้วหล่อนก็ก้มหน้าเปิดกระเป๋าหญิงหนังสือเล่มเล็กๆ เข้าใจว่าเป็นนิยายมา
นั่งอ่านไม่กล่าวอะไรอีก เสี่ยเล้งชำเลืองตามองเป็นนิยายเกี่ยวกับเรื่องผีหัวขาด
ก็คิดในใจว่า แปลกๆๆจริงแม่หนูคนนี้ปกติแล้วมักจะนิยมอ่านหนังสือเกี่ยวกับ
นวนิยาย แต่เหตุใดหล่อนจึงชอบอ่านเรื่องเกี่ยวกับผีๆสางๆ ทำให้มันนึกย้อน
ว่าลูกน้องที่มันพึ่งหลบหนีมานั้นบอกว่ามีพวกผีร่วมในการทำลายล้างงานมัน
ด้วยก็ให้สะดุ้งขนลุกเกลียว เสี่ยเล้งจึงหันมาถามทันทีว่า
“แม่หนู่นี่แปลกนะชอบอ่านเรื่องผีสางๆ ไม่กลัวหรือไรเห็นส่วนใหญ่เขา
มักจะอ่านนวนิยายเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆทั้งนั้น”
เจ้าหล่อนเงยหน้ายิ้มตอบว่า
“หนูอ่านหมดเสียเบื่อแล้วล่ะคุณอา เลยเปลี่ยนแนวเสียบ้างอะไรๆจะดีขึ้นบ้าง
กลัวนะกลัวหรอกนี่ยังมีอีกเล่มหนึ่งคุณอาเอาไปอ่านฆ่าเวลาเล่นๆไหมล่ะ
ค่ะ???....”
“ไม่หรอกจ้าแม่หนู อ่านคนเดียวเถอะ อาไม่ค่อยชอบเรื่องเหล่านี้ด้วย”
เสี่ยเล้งตอบ แค่รอยยิ้มแก้มบุ๋มทั้งสองข้างก็ทำให้เฒ่าเจ้าเล่ห์ถึงกับตลึงในความ
งามของเจ้าหล่อนเสียให้ได้ แต่ถามว่า
“แล้วหนูชื่ออะไรหรือจ๊ะ”
“เรียกหนูว่าน้อย ก็แล้วกันคุณอา แล้วคุณอาล่ะชื่ออะไรหรือ
“อาชื่เล่นว่า เล้ง ส่วนชื่อจริงๆนั้น วรพจน์ อิ้วเจริญกิจ จ๊ะแม่หนู”
“ถ้าอย่างนั้นหนูขอเรียกว่า อาเล้งก็แล้วกันนะ หากจะอ่านบอกหนูจะหยิบมา
ให้คุณอาค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกอาจจะมองทิวทัศน์ แถวนี้สวยต้นไม้แยะภูเขาก็มากเสียด้วย
ช่างสวยจริงๆนะ แล้วไม่หนูไม่ดูบ้างเลยหรือ”
“ไม่หรอกค่ะคุณอา หนูอยู่บ้านป่ามานานแล้ว มีทั้งน้ำตก นกร้องไพเราะมากๆ
ยิ่งน้ำตกนั้นส๊วยสวยมากจริงๆนะคุณอา”
“งั้นอ่านตามสบายเถอะนะแม่หนู”
มันแสร้งวางฟอร์มทำเป็นไม่สนใจทั้งๆที่ใจมันเต้นไม่ปกติ หล่อนช่างสวย
จริงๆ แล้วมันก็หันไปมองทิวทัศน์ต่อไป แสร้งทำเป็นไม่สนใจอะไรๆทั้งสิ้น
รถวิ่งคดเคี้ยวไปมาบ้างขึ้นเขาลงเขาไปตามไหล่เขาจวบจนมืดค่ำ เสี่ยเล้งคิดว่า
คืนนี้แหละ หันไปมองดูเจ้าหล่อนเห็นเก็บหนังสือไว้ในกระเป๋าแล้วแล้วเอน
กายพิงพนักเก้าอี้นอนหลับตาพริ้ม เสียงหมาป่าหอนอย่างโหยหวน
“โบ๊วๆๆๆๆๆ!!!!!???.....”
อย่างต่อเนื่อง อะไรว๊ะแถวในป่านี้มีหมาด้วยหรือมันคิดคำนึงพลาง เขาว่าหาก
หมาหอน โบราณว่าจะมักเจอผี ทันใดนั้นกลิ่นน้ำอบร่ำไทยก็โชยมาเข้าจมูกมัน
เป็นกลิ่นคล้ายๆเขาอาบน้ำศพกัน มันมาจากไหนว๊ะกลิ่นนี้เสี่ยเล้งรำพึงกับตัวเอง
หันไปมองสาวเจ้าหรือก็ทั้งสวยหลับตาพริ้ม เพราะตอนนี้มันตกค่ำแล้ว รถก็ยัง
วิ่งต่อไปเรื่อยๆ จนเสี่ยยกนาฬิกาดูนี่ก็เที่ยงคืนไปแล้ว จึงแสร้งเอนพนักทำเป็น
หลับแล้วแกล้งส่งเสียงกรนเบาๆ สักพักมันก็ค่อยๆเอามือมันวางยังหน้าตักเจ้า
หล่อนซึ่งนุ่งกางเกงขาสั้นรัดรูป เสี่ยเล้งหรี่ตามองมันช่างขาวอวบเสียนี่กระไร
นี่หากเป็นที่กรุงเทพฯล่ะ ฮึ่ม???นางนี้ไม่รอดกูแน่มันคิด แต่เมื่อเอามือวางบน
ขาขาวอวบนั้นหล่อนก็ทำเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คราวนี้มันแสร้งป่ายไป
ยังบนหน้าอกเจ้าหล่อน ได้ยินเสียงหล่อนกรนเบาๆไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้
เสี่ยเล้งยิ่งได้ใจใหญ่ คิดว่าจะลองขยำดูสักหน่อยแต่ ทันใดนั้นหล่อนก็ลืมตา
ขึ้นมองมาทางเสี่ย แล้วยิ้มพลางถามว่า
“เป็นอะไรไปหรือคุณอา แล้วยกมือเอาออกมาวางข้างๆ เสี่ยเล้งลืมตาทันทีแล้ว
เสี่ยเล้งรีบแก้ตัวทันทีกล่าวว่า
“ขอโทษแม่หนูนะอาหลับไปละเมอ ปกตินอนที่บ้านมักจะเปะปะไปเรื่อยๆ
ล่ะ แต่ไม่รู้ล่วงเกินอะไรไปหรือเะปล่าล่ะ???”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณอา คุณอาชอบไหมล่ะ???....”
“ไม่รู้ซิแม่หนู ครั้นจะบอกไม่ชอบก็ไม่ได้เสียด้วยความรู้สึกว่ามันนุ่มมือจริงๆ
เสียด้วยซิ งั้นขอโทษหนูก็แล้วกันนะ”
“หากคุณอาชอบก็ลองล้วงไปในอกหนูก็ได้นี่ค่ะ ว่าจะนิ่มกว่าเก่าหรือเปล่าล่ะ
หรือว่าภายนอกจะดีกว่าค่ะคุณอา”
“หนูล้ออาเล่นหรือเปล่าล่ะ???...เดี๋ยวอาทำจริงๆหนูก็จะร้องขึ้นมาอาจะเอา
หน้าไปไว้ที่ไหนเสียล่ะ???....”
“ไม่หรอกจ๊ะคุณอา ท่าทางคุณอานั้นไม่ใช่คนธรรมดาคงจะรวยมากนักนะ?”
“พูดจริงหรือว่าพูดเล่นแม่หนู ที่กรุงเทพฯไปถามพวกเสี่ยถึงชื่อเสี่ยเล้งใครๆก็
ย่อมจะรู้จักทั้งนั้นแหละจ้า”
“หนูยังไม่มีผัวหรอกคุณอา แต่หนูมันคนจนอยากจะหาคนอุปการะสักคนมี
แต่คนที่ให้อะไรหนูไม่ค่อยได้เสียด้วยซิ”
“หากหนูยินยอมเมื่อถึงกรุงเทพฯไปอยู่กับอานะ อาจะให้ทุกๆอย่างแก่หนูได้
ไม่ต้องกลัวจะซื้อทั้งรถและบ้านตลอดจนเงินเดือนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าหมื่นแก่
หนูนะ เป็นเรื่องจริงๆนะหนูไม่ได้หลอกหนูหรอก”
“จริงๆๆหรือคุณอา ถ้าอย่างนั้นตามสบายคุณอาเถอะจ้าหนูจะยอมทุกๆอย่าง”
พลางหันไปส่งยิ้มให้ด้วยความยียวนเล่นเอาเสียเล้งหัวใจแทบจะออกมาเต้น
ข้างนอกให้ได้ มันได้ใจจึงดึงร่างสาวน้อยมากอด แต่แล้วมันก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้
สัมผัสกับกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากร่างหล่อน มันไม่ผิดกับกลิ่นเมื่อตะกี้นี้เลย
“หนูใส่น้ำหอมอะไรหรือจ๊ะ ทำไมจึงหอมพิกลๆอย่างไรไม่รู้”
“อ้อแป้งร่ำน้ำอบไทย ไงล่ะ แถวบ้านหนูเขาใช้กันเป็นประจำจ๊ะคุณอา”
“เหรอๆๆๆก็แล้วไป หนูคงจะใช้เหมือนๆกันซินะ”
“จ๊ะคุณอาหนูก็ต้องใช้ตามเขาแหละจ้ะ คุณอารังเกียจกลิ่นหรือจ๊ะ”
“ปล่าวๆๆๆหรอกแต่อดทำให้นึกถึงเก่าๆไม่ได้จ๊ะแม่หนู”
“กลิ่นเก่าๆกลิ่นสำหรับอาบน้ำศพดังหนังสือที่หนูอ่านมาใช่ไหมล่ะจ๊ะคุณอา
แต่ว่า เมื่อเข้ากรุงเทพฯแล้วหนูจะเลิกใช้แล้วเพราะคุณอาไม่ชอบนี่นา”
“แต่จะบอกไม่ชอบก็ไม่ได้เรื่องเก่าๆคือเรื่องสมัยโบราณเขามักใช้แป้งร่ำอบ
น้ำหอมไทยไงล่ะ”
ว่าแล้วเสี่ยเล้งก็ดึงร่างสาวน้อยเข้ามากอด สาวเจ้าก็เอนร่างพิงบนหัวไหล่เสี่ย
เล้งทันที เสี่ยเล้งได้ใจก็หันไปจูบยังแก้มสาวเจ้าทันที แต่มันต้องแทบสำลัก
พรืดออกมาก เพราะกลิ่นแป้งร่ำน้ำอบไทยหายไปกลับเป็นกลิ่นสาบสางคล้ายๆ
น้ำเหลืองผีพึ่งตายสามวันเจ็ดวันไม่ผิด ดังนั้นเสี่ยเล้งจึงพลักร่างสาวเจ้าออกไป
แต่สาวเจ้าไม่ยอมก็เข้าสวมกอดเสี่ยแน่น พลางออดอ้อนทันที
“แค่นี้คุณอาก็เบื่อน้อยเสียแล้วหรือไงล่ะจ๊ะ เมื่อกี้นี้กำลังหอมแก้มน้อยพอดี
หรือว่าจะไม่ยอมรับเลี้ยงน้อยเสียล่ะซิ”
“เปล่าๆหรอกหนูน้อย อาล้อเล่นเท่านั้นคิดว่าคงไม่งามกระมัง”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณอา คนอื่นเขานอนหลับกันหมดแล้วนี่จ๊ะไม่เชื่อหันไปดู
ก็ได้ต่างคนต่างนอนกันหมดแล้ว เหลือเราสองคนเท่านั้นเองจ้า”
เสี่ยเล้งหันไปมองรอบๆจริงอย่างเจ้าหล่อนว่ายกเว้นเด็กกระเป๋ากำลังนั่งคุย
กับคนขับรถอยู่เท่านั้นเอง นอกนั้นหลับใหลกันหมดสิ้น ดังนั้นเสี่ยเม้งจึงรีบดึง
ร่างสาวน้อยให้หันหน้ามาทางมันเพื่อจะจูบให้ชื่นใจสักที เจ้าหล่อนก็หันหน้ามา
ให้เสี่ยเล้งทันที แต่เสี่ยเล้งก็ต้องผงะด้วยความตกใจเพราะใบหน้าสาวสวยคน
นั้นหายไปเป็นใบหน้าของผีชัดๆตากลวงโบ๋ข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งย้อยจากเบ้าตา
ลงมาถึงแก้มฟันก็หักที่เหลือก็ดำและเหยเก ใบหน้าที่ดูสดสวยเปลี่ยนไปอย่าง
สิ้นเชิงคงเหลือเพียงแต่หนังหุ้มกระดูกมันเป็นใบหน้าของผีชัดๆ
“ไอ้หย่าๆๆๆ!!!!!ผะ????อี????ผี โว้ย”
เสี่ยเล้งตะโกนดังลั่นรถแต่ทุกๆคนก็ยังหลับใหลไม่รู้สึกตัว เด็กกระเป๋ากับคน
ขับก็ไม่ได้ยินเสียงร้องจากมันเลย
“เฮ้ยๆๆๆๆช่วยด้วยโว้ยผะๆอีๆๆผีๆๆ มันหลอกกู”
ประกอบกับเสียงร้องอย่างโหยหวนระงมไปทั่วบริเวณปนเสียงหมาอีกด้วย
ถึงจะเรียกอย่างไรก็ไม่มีใครสนใจมันสักคนเดียว ทันใดมือที่ขาวอวบก็แห้ง
เหี่ยวตะปบมือมายังลำคอมันพลางบีบๆๆๆๆจนเสี่ยเล้งตาเหลือกลาน จนกระทั่ง
ลิ้นออกมาจากปากมันยาวเยียด เสียงดังกรุ๊ปหัวเสี่ยเล้งหมุนไปรอบๆคอได้ แต่รถ
ยังคงวิ่งต่อไป เสี่ยเล้งตาเหลือถลนดวงตาลิ้นยาวคับปากมันหงายหลังพิงพนัก
เก้าอี้ขาดใจตาย เสี่ยงร้องหัวร่อลั่นแล้วร่างสาวน้อยก็กลับคืนสภาพเดิม พลาง
เดินไปข้างหน้าคนขับแจ้งความประสงค์ว่าจะลงยังที่นี่ กระเป๋าก็สอบถามว่า
“จะลงแล้วหรืออ้าวไหนว่าจะเข้ากรุงเทพฯยังไงล่ะ????”
“ไม่หรอกทีแรกฉันนึกว่าจะไปพอดีผ่านบ้านยาย ก็เลยจะแวะไปเยี่ยมก่อนเข้า
กรุงเทพฯจ๊ะช่วยบอกลูกพี่จอดให้หน่อยซิจ๊ะ”
“ลูกพี่จอดให้หล่อนลงเถอะเขาจะไปหายายเขานะ”
“เฮ้ย???ไอ้เปี๊ยกนี่มันป่านะ สาวๆแบบนี้จะไปได้หรือแน่ใจหรือว๊ะ”
“เถอะน่าลูกพี่ ปล่อยให้หล่อนลงเถอะคงจะชำนาญทางหรอก”
“ตามใจ งั้นก็จะจอดให้ ว๊ะ”
แล้วรถโดยสารคันนั้นก็ชะลอรถจนจอดสนิทพร้อมเปิดประตูให้เจ้าหล่อน
หญิงสาวหันไปยิ้มพลางกล่าวคำขอบใจแล้วก้าวลงเดินไปตามถนน รถคันนั้นก็
ออกเดินทางต่อไป ส่วนกระเป๋าก็มาจ้อกับคนขับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ครั้นรถถึงกรุงเทพเวลาเก้าโมงเช้า ก็ถึงสถานีขนส่งเหล่าบรรดาผู้โดยสารต่างก็
ลงคงเหลือไว้ แค่เสี่ยเล้งคนเดียวที่นั่งพิงหงายหน้าเด็กกระเป๋าก็เดินเข้าไปหาเพื่อ
จะบอกให้ว่าถึงทีแล้ว แต่แล้วตามันก็ต้องเหลือกพร้อมตะโกนเรียกลูกพี่มัน
ทันทีว่า มีคนตายนั่งอยู่ในรถ
“พี่ชัยมาดูอะไรนี่ ไอ้หมอนี่มันตาเหลือกลิ้นห้อยตายเสียแล้ว”
เล่นเอาคนขับสดุ้งโหย่ง พร้อมรีบวิ่งเข้ามาดูพลางขยับตัวให้แน่ใจเมื่อเห็นว่า
ตายจริงๆแน่แล้ว ก็ร้องลั่น
“ฉิบหายใหญ่แล้วล่ะโว้ยไอ้เปี๊ยก มึงรีบไปแจ้งนายท่าด่วนให้มาดูด้วยนะเพื่อ
จะได้ไปแจ้งความกับตำรวจ ซวยฉิบหายวิ่งมาก็หลายครั้งไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย”
ไอ้เปี๊ยกได้ยินเช่นนั้นมันรีบวิ่งลงจากรถไปแจ้งนายท่า ทันใดทั้งพนักงานรถ
และตำรวจหนังสือพิมพ์ก็มาถ่ายรูปกันพัลวัล และเรียกคนขับรถและเด็กกระเป๋า
ไปสัมภาษณ์ทันทีว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ทั้งกระเป๋าและคนขับรถก็แจ้งความ
จริงว่า รถหว่างทางก็ไม่เห็นมีอะไรมันก็ไปดูเห็นนอนหลับกันทุกๆคนแหละ
เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เรียกกระเป๋าคนขับและนายท่าให้ไปที่โรงพักเพื่อสอบถาม
ต่อไปถึงเหตุการณ์ตายของเสี่ยเล้งทันที.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
21 ธันวาคม 2554 14:48 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๑๐๖
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดการนำยาเสพย์ติดที่ชายหนุ่มสั่งไว้ มาครบ
แล้ว ส่วนหนึ่งเก็บไว้พร้อมถ่ายรูปแล้วนำไปเผาตามคำสั่ง เจ้าแสงสีสินชัยก็นำ
ส่วนที่เหลือไปเก็บยังบ้านเสี่ยเม้งกับเสี่ยเล้ง พร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวยไป
ตรวจค้นยังบ้านของเสียทั้งสอง ในขณะนั้นที่บ้านเสี่ยเล้งกำลังนั่งประชุมถึง
แผนการณ์ จากการรายงานของ ลูกน้องทั้งสี่ของเสี่ยเม้งว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้เสี่ย
ทั้งต่างมองหน้ากัน เสี่ยเม้งพลันเอ่ยขึ้นว่า
“ในเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างนี้ กูก็แปลกใจเหมือนกันว่าเหตุใดพวกกูก็
ชำนาญเพราะ มีทั้งทหารและตำรวจได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีทำอะไรพวกมัน
ไม่ได้เลยว๊ะ”
“จริงๆนะเสี่ยไม่เชื่อก็ลองถามลูกน้องเสี่ยเองซิว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“จริงหรือว่าจ่า ที่ไอ้เซี๊ยะ ไอ้มุ้ย ไอ้เเช้ง และไอ้สุย แจ้งมาว๊ะ”
สี่หน้าของเสี่ยเล้งและเสี่ยเม้งขมวดบึ้งตึงดูอย่างเหี้ยมเกรียมมาก
“จริงๆเสี่ย คนห่าอะไรยิงมันไม่เข้าแถมจัดการทั้งๆที่เราตลบหลังพวกมันไว้
แล้ว มันไม่ใช่เฉพาะคนเท่านั้นนะเสี่ย แถมยังมีพวกผีปีศาจมาหลอกหลอนพวก
เราอีกด้วยล่ะ!!!!!???????”
ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่ธรรมดา แล้วจ่ากับพวกเรารอดมาได้อย่างไรว๊ะ
“ข้าและพวกเสี่ยเม้ง เห็นไม่ได้การจึงรีบหนีก่อน เพื่อจะได้มารายงานเสี่ย
ล่ะ?”
“ไอ้หย่า มีพวกผีด้วยหรือว๊ะ หรือมันไม่ใช่พวกตำรวจจริงกระมังว๊ะ กูชัก
สงสัยจริงๆว๊ะ”
“เรื่องนี้พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หรือว่ามันจะมีพวกหมอผีรวมอยู่ด้วย จึงหรือ
เปล่าว๊ะไอ้เซี๊ยะ”
จ่าทหารนอกราชการหันมาทางพวกไอ้เซี๊ยะ ซึ่งพวกมันต่างได้รับบาดเจ็บอยู่
ตามร่างกายพันไว้ด้วยผ้าพันแผล เกือบทุกๆคน จากสภาพของพวกนี้เสี่ยเม้ง
และเสี่ยเล้งรู้ดีว่าเป็นอย่างไร ต่างรู้ว่าพวกนี้ผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก
“จริงหากเสี่ยทั้งสองร่วมอยู่ด้วยก็คงจะเห็นเองแหละ”
ไอ้มุ้ยสอดแทรกขึ้นทันที และทุกๆคนทั้งฝ่ายเสี่ยเม้งและเสี่ยเล้งซึ่งได้รับ
บาดเจ็บไม่น้อยหน้าไปกว่ากันต่างแย่งกันรายงาน
“กูว่าไม่ธรรมดาเสียแล้วล่ะว๊ะไอ้เม้ง งั้นกูจะเข้ากรุงเทพฯคืนนี้เลยล่ะขืนอยู่
ต่อไปคงไม่พ้นถูกจับ จะได้ไปรายงานนายใหญ่อีกทีหนึ่ง”
“ข้าก็เหมือนกันก็จะรีบกลับบ้าน ตอนนี้ต้องระวังตัวกันเสียแล้วล่ะว๊ะ”
นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ทุกๆคนออกมาจากบ้านและยกมือขึ้นเหนือหัวไว้
เสียงโทรโข่งดังขึ้นมา ทำให้บรรดาพวกค้ายาเสพย์ติดต่างตกตลึงกันไปพลางๆ
กัน ทุกๆคนหันมามองหน้ากันอย่างตื่นตนกยิ่ง
“ไอ้ห่ามันดมกลิ่นมาได้รวดเร็วอย่างไร หนีโว้ยตัวใครตัวมัน อ้อๆๆๆพวกมึง
เอาเงินไปก่อนหากจะเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับหนีว๊ะ”
เสี่ยเล้งควักเงินส่งให้หัวหน้าทหารพรานและตำรวจนอกราชการคนละปึก
ใหญ่ๆ เพื่อนำไปแจกจ่ายลูกน้องที่เหลือ หากพวกมึงรอดหนีไปได้นะโว้ย
“ พร้อมตะโกนลั่นพบกันที่กรุงเทพฯนะโว้ย!!!!! หนีกันตัวใครตัวมันว๊ะ”
เหมือนฝูงแตนแตกรัง ต่างคนต่างคว้าปืนประจำตัวออกมาเผ่นกันคนละทิศ
ละทางกัน เสียงปืนดังลั่นจากจ่าและพวกทหารตำรวจนอกราชการ ที่ยิงไปยัง
เสียงที่ได้ยินและประกายไฟที่ออกมาจากปากกระบอกปืนนั้นๆ
เสียงปืนยิงโต้ตอบเสียงโทรโข่งหายไปทันที
“อย่าให้หนีพยายามจับเป็นให้ได้ เสียงสารวัตรชัชวาลย์ดังขึ้น”
ภายในบ้านต่างปิดไฟพรึบหมดคงเหลือแต่ความมืดและประกายไฟจากปืนที่
ยิงตอบโต้ออกมา ต่างระดมยิงกันโต้ตอบกับไปๆมาๆมิขาดสาย
“ให้รถทุกคันเปิดไฟส่องทางบ้านเสี่ยมันด้วย เสียงสารวัตรตะโกนบอก
ลูกน้องทันที ทันใดนั้นไฟหน้ารถสว่างต่างส่องไปยังบ้านทันที”
ดังนั้นจึงพอจะมองเห็นตัวบ้านได้ แต่ก็ยิงกันตามหน้าต่าง ทันใดไฟหน้ารถก็
ดับลงเพราะถูกลูกปืนยิงใส่จนความมืดเข้าครอบงำอีกครั้ง
“ทำอย่างไรดีล่ะท่านสารวัตร มันมืดจริงๆ”
“ก็ยิงมันตามประกายไฟปืนมันซิ จับเป็นไม่ได้ก็จับตาย”
เสียงสารวัตรตะโกนสั่งทันที เพราะจะเกลี้ยกล่อมเห็นจะไม่ได้เสียแล้ว
เนื่องจากเป็นคืนเดือนมืดทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนการณ์ของตำรวจ เสียง
ปะทะกันประปราย ด้วยทุกๆคนต่างรู้ตัวดีต่างหนีออกทางหลังบ้าน อาศัยความ
มืดและต้นไม้ที่ปกคลุมแยกย้ายกันหนี ทั้งเสี่ยเม้งและเสี่ยเล้งต่างมีบอดี้การ์ดพา
เจ้านายมันออกลัดเลาะหนีไปได้ นอกนั้นต่างจบชีวิตจนหมดสิ้นในท่าต่างๆกัน
“ลองค้นหายาดูซิ ด้วยนายสั่งมาว่ามียาซุกซ่อนไว้ ในบ้านทั้งสองด้วย”
“ครับท่านสารวัตรหรืออีกตำแหน่งหนึ่งคือรองผู้กำกับการตำรวจ”
การค้นหาเริ่มอีกครั้งหลังจากเปิดสวิตซ์ไฟสว่างไปทั่วบ้าน ตำรวจที่ค้นหาต่าง
พบยาเสพย์ติดซ่อนไว้ในที่ไม่ค่อยมิดชิดนัก ด้วยทางคนของเจ้าเปล่งได้รับสั่งไว้
แล้ว จึงไม่ยากเย็นอะไร ทางตำรวจก็นำยาเสพย์ติดมาวางคู่กับปืนต่างๆพร้อม
ร่างของผู้เสียชีวิต ต่างถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานทันทีเพื่อประกอบคดี
ส่วนทางบ้านเสี่ยเม้งก็คล้ายคลึงกันคือสารวัตรจำลองนำเจ้าหน้าที่ไปตรวจ
แต่คนภายในบ้านยอมจำนน และต่างถูกจับกุมไว้หมดพร้อมของกลางถูก
ถ่ายภาพไว้หมดสิ้น ทุกๆคนนำไปยังโรงพักทันที
ทางด้านเสี่ยเม้งพร้อมพวกต่างหนีกระเซิงไปตามสวนและไปยืนคอยยังทาง
เพื่อจะอาศัยรถผ่านกลับบ้าน แต่ทันใดนั้นเองทั้งหมดก็ตกตลึงพรึงเพริศเพราะ
ในขณะที่ยืนรอรถอยุ่นั้นปรากฏร่างเคลื่อนเข้ามา ตอนแรกมันนึกว่าเป็นต้นไม้
ธรรมดา แต่หาใช่ไม่เพราะต้นไม้กับเดินได้มายังพวกมัน บรรดาต้นไม้เหล่านั้น
ต่างแยกย้ายเข้าล้อมพวกมันไว้ทุกๆด้านทันที
“เสี่ยๆๆๆดูโน่นซิ ทำไมต้นไม้มันเดินได้ล่ะ???...”
เสี่ยเม้งหันมองไปยังลูกน้องชี้ให้ดูก็เห็นเป็นจริง ตามันเหลือกถลนออกมาคำพูด
มันติดกว่าจะเปล่งออกมาได้แทบแย่ ให้นึกถึงคำของไอ้เซี๊ยะพูดไว้ตอนไปรับ
ของว่าพบผี เมื่อมันขยี้นัยน์ตาดูอีกทีต้นไม้นั้นแปรสภาพไปเป็นผีเสียแล้วต่าง
แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกมัน พร้อมยื่นมืออันยาวเหยียด ร่างของผีร้ายผอมแห้งกลิ่น
สาบเน่าโชยออกมากระทบจมูกเสี่ยเม้งและพวกทันที เล่นเอาเสี่ยเม้งและพวกตัว
สั่นเทาไปหมด เสี่ยงกระเซ่าของเสี่ยเม้งร้องออกแทบไม่เป็นภาษาคน
“เฮ้ย?!!!!.....ผะอะๆๆๆๆผีโว้ย หนีเร็วๆ???....”
บรรดาผีร้ายต่างก็เข้ารายล้อมพวกเสียเม้งทั้งห้าไว้หมด แต่ละตัวไม่
เหมือนกัน บ้างมีแต่ร่างไม่มีหัว อีกมือหนึ่งหิ้วหัวมันไว้ บางตัวหัวมันเริ่มใหญ่
ขึ้นๆ มีทั้งผีหนุ่มผีสาวและพวกผีเด็กๆจำนวนมาก
“ยิงโว้ย????....แล้วรีบหนีด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ สกัดมันไว้ก่อนนะโว้ย”
ทั้งๆที่ตัวมันสั่นเทา คิดจะวิ่งหนีแต่ขามันไม่ทำงานได้แต่สั่นๆ
เท่านั้นเอง ร่างของเสี่ยเม้งถูกผีร้ายคว้าหมับที่ลำคำแล้วยกสูงขึ้นไปเหนือยอดไม้
แล้วก็บีบจนเสียเม้งตาถลนหน้าแดงกล่ำ ทั้งๆที่ร่างกายมันอ้วนใหญ่แต่ไม่ช้ามัน
ก็ขาดใจตาย เสียงหัวร่ออย่างโหยหวน
“มึงๆๆๆ......ทำชั่วมามากแล้วสมควรไปกับพวกกูได้แล้ว”
แล้วร่างเสี่ยเม้งก็ถูกโยนลอยไปบนอากาศ ร่างมันพลันตกลงมายังพื้นดินหัวมัน
ลงทำให้คอสั้นติดกับร่างทันที ส่วนบรรดาลูกน้องก็ไม่ผิดอะไรกับเสี่ยมันต่าง
ถูกผีร้ายฆ่าตายในลักษณะต่างๆกัน บ้างถูกฉีกร่างออกจากกัน โดยไม่มีผู้ใดรอด
ชีวิตกลับไปได้ แล้วร่างของบรรดาผีร้ายตัวหัวร่อชอบใจแล้วก็ค่อยๆจางหายไป
ในที่สุด คงปล่อยร่างที่ไร้วิญญาณของเสี่ยเม้งตายอย่างอนาถบนขอบถนน
ส่วนทางด้านเสี่ยเล้งก็เช่นเดียวกันไม่แตกต่างจากเสี่ยเม้งมากนัก แต่ทว่าเสี่ย
เล้งนั้น รอดชีวิตได้คนเดียวเพราะมันห้อยพระที่ไปทำบุญหลวงพ่อทองได้พระ
มาองค์หนึ่งห้อยคอไว้ ทำให้บรรดาผีร้ายไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนลูกน้องมันตาย
เรียบหมดไม่เหลือสักคนเดียว
ส่วนเสี่ยเม้งวิ่งหนีผีร้ายไปอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด มือมันกำพระที่
สวมใส่ไว้ตลอดเวลา ทั้งๆที่ร่างมันอ้วนแต่มันก็ไม่เป็นปัญหาใดๆเลย มันวิ่ง
หนีไปจนกระทั่งพบรถคันหนึ่งแล่นมามันรีบวิ่งไปขวางทางไว้แล้วขออาศัย
เดินทางด้วยในเมืองตอนนี้เป็นเวลาดึกมากๆแล้วทุกๆร้านต่างปิด คงเหลือพวก
นักท่องราตรีเท่านั้น มันขอร้องให้ไปส่งยังท่ารถที่จะรีบเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
ทันที ร่างมันสั่นเทาเหมือนลูกนกตกน้ำไม่ผิด คนในรถเป็นคนหนุ่มพลางถาม
“เป็นอะไรหรือถึงได้กลัวขนาดนั้น เสี่ยเล้งหันไปมองด้านหลังเหลือบซ้าย
แลขวา ครั้นเห็นปลอดภัยแล้วแต่เสียงตอบมันอดสั่นไม่ได้ว่า
“ไม่มีอะไรหรอกพ่อหนุ่ม ข้าถูกพวกรุมมามันเอาปืนยิงใส่ ดีหลบได้ทันจึง
มาขออาศัยรถพ่อหนุ่มเพื่อหนีล่ะ”
ครั้นตัวสติได้แล้ว เสี่ยเล้งไม่กล้าบอกความจริง เพราะกลัวพวกนี้จะไม่ให้
อาศัยรถไป หากบอกความจริงว่าหนีผีมา จะทำให้พวกนี้ตกใจหมด
“แล้วลุงจะไปไหนล่ะ???.พวกข้าจะไปส่งลุงเอง”
“ขอบใจมากว๊ะหลานชาย ไปส่งลุงที่ท่ารถเข้ากรุงเทพฯก็แล้วกันนี่กี่โมง
ล่ะจะทันเที่ยวยรถหรือเปล่านัดเขาไว้เสียด้วยซิ ไม่ทันก็จะแย่จริงๆ??..”
“อ้อๆๆๆ....เกือบตีห้าแล้วรีบไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันรถหรอก ฉันจะเร่งเครื่อง
ไปส่งให้นะ ไม่ต้องห่วงหรอกลุงเหลืออีกไม่เท่าไหร่แล้วก็จะถึง”
“เออ???...ขอบใจมากพ่อหนุ่ม อ้อ?????ชื่ออะไรล่ะวันหน้าจะสมนาคุณให้
พวกหลานทุกๆคนในภายหน้า หรือไปพบลุงที่กรุงเทพฯก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกขอให้ลุงเดินทางปลอดภัยก็แล้วกันนะ พวกฉันไปสนหรอก
ทางกรุงเทพฯนะ และไม่คิดจะไปเสียด้วยซี”
ว่าแล้วพวกหนุ่มนั้นก็เร่งเครื่องพุ่งฉิวไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะไม่ทัน
เที่ยวรถเข้ากรุงเทพฯ ในไม่ช้ารถก็มาถึงท่ารถเพราะใช้เวลาไม่นานด้วยท่ารถ
นั้นไม่ห่างไกลเท่าใดนัก เสี่ยเล้งขอบอกขอบใจตเด็กหนุ่มเหล่านี้พลางควักเงิน
ออกมาส่งให้ปึกหนึ่งบอกว่า เอาไว้ไปเที่ยวก็แล้วกัน ขอบใจมากนะแล้วก็ก้าวลง
จากรถไปซื้อตัวซึ่งได้เวลารถจะออกแล้ว เสียงตะโกนนายท่าบอกว่าให้รถรอ
ก่อนยังมีคนอีกคนจะเข้ากรุงเทพฯ
เมื่อเสี่ยเล้งขึ้นรถแล้ว รถก็ออกเดินทางต่อไปทันที.
(เนื่องจากเกิดอุทกภัยทำให้เขียนล่าช้า อีกประการหนึ่งห่วงงานด้านนี้จึงทำให้ งานเขียนช้าไปกลับบ้านแล้วพอหายเหนื่อยจากงานจุกจิกก็มาเขียนให้อ่านเอาเพียงเท่านี้ก็แล้วกันนะ.......แก้วประเสริฐ.
๐ แก้วประเสริฐ.๐