29 กันยายน 2553 19:19 น.
แก้วประเสริฐ
ฝากรักฟากฟ้า
แสงตะวันทอสีแห่งยามสนธยา ล่วงจะลาลับกลับคอยรองรับฟื้นสู่ยามรัตติกาล....
ร่างกำยำสูงโปร่งชายหนุ่มค่อนข้างล่วงวัยเข้าสู่กลางคน..........
ผมสีดอกเลาขึ้นอยู่ประปรายสอดแทรกผมอันดำขลับยาวย้อยปรกเป็นลอนลงบนใบหน้า
แม้นอายุจะล่วงวัยย่างผ่านพ้นแห่งชายฉกรรจ์ แต่ก็ยังแฝงซึ้งถึงความหล่อเหลา
ด้วยใบหน้าคมซึ้ง ดวงตาเปล่งประกาย วงหน้าอันยาวรับรูปเป็นสัดส่วนของชาย
บ่งบอกถึงในอดีตที่ผ่านมา ที่ยังหลงเหลือแฝงไว้ของชายหนุ่มร่างนี้ กำลังทอด
อารมณ์ประดุจดั่งหยกเนื้องามขาวสะอาดที่แกะสลักไว้ มองไปยังปลายขอบฟ้า
คล้ายจะค้นหาหรือแฝงสิ่งในใจออกมา ท่ามกลางขุนเขาป่าพงไพรพนาอันเขียวชอุ่ม
ร่างเขานั่งเหม่อมองท้องฟ้านั่งทอดอารมณ์บนก้อนหินที่ปูลาดราบเรียบประดุจสร้าง
โดยน้ำมือมนุษย์มิปาน ใต้ต้นไม้โศกใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาขยายเป็นพุ่มใหญ่
ด้านหลังเป็นภูเขาสูงชัน ล้วนแล้วพฤกษานานาพันธุ์กิ่งก้านใบ เขียวชอุ่ม
บ้างมีดอกกล้วยไม้บนคาคบส่งกลิ่นฟุ้งกระจายไปไกลตามสายลมเอื่อยๆ
หอมโชยล่องมากระทบนาสิกประดุจหนึ่งเทพทิพย์ที่คล้ายๆจะชโลมจิตอารมณ์ที่
ประหนึ่งค่อนข้างจะเงียบเหงาแสนเศร้า เสียงน้ำตกแว่วมาเป็นระยะๆ สลับกับเสียง
ดนตรีธรรมชาติที่เสียดสีของต้นไม้ต่างๆ เสียงวิหคร้องเรียกหากัน ตลอดจนบรรดา
สิงห์สาราสัตว์ ลิง ค่าง บรรดาสัตว์ต่างก้องกังวาน ยามตะวันจะลับหายไปเข้าสู่วันแห่งราตรี
ภายในบริเวณที่เขานั่งรายล้อมรอบเรียงรายไปด้วยพืชพันธุ์ไม้ แต่บริเวณที่เขานั่งนั้น
กลับเป็นชะง่อนผาจึงแลเห็นความเปลี่ยนแปลงของเหล่าหมู่เมฆบนท้องฟ้า........
เบื้องหน้า สายตาชายหนุ่มมองไปบนฟ้าคล้ายๆครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ภาพเมฆสีขาวแต่บัดนี้กลับถูกแสงหลากหลายฉาบไว้ สลับหมุนเวียนเปลี่ยนไปๆมาๆ
ทอพวยพุ่งสาดลอดเหล่าหมู่เมฆเป็นลำแสงอันสดสวยงามนัก ไปยังก้อนเมฆหนึ่งแล้ว
ไปยังอีกก้อนหนึ่ง หักมุมเปลี่ยนแปลงของเหล่าเมฆสลับเป็นสรรสีต่างๆนาๆ
สร้างภาพของเมฆที่กำลังล่องลอยอย่างเชื่องช้า เป็นภาพสัตว์ วิมานนาๆชนิด
บ้างคล้ายเหล่าสตรีที่กำลังเริงร่ายระบำบนท้องฟ้า
ด้วยหมู่เมฆถูกสายลมพัดสลับวนเวียนไปๆมาๆแปรเปลี่ยนนานัปการ
ร่างชายหนุ่มถอนหายใจออกมาประหนึ่งดุจดั่งจะระบายสิ่งซ่อนเร้นภายในใจให้คลาย
สิ่งที่ฝังลึกไว้ในห้วงของเขาส่งผ่านไป ยามเมื่ออดีตเก่าพลิกย้อนหวนคืนกลับมาในห้วง
แห่งความหลัง ทำให้ชายหนุ่มต้องสลัดศีรษะเขาเบาๆ ต่อเหตุการณ์ที่ประดังขึ้นเปรียบ
เสมือนดั่งจะขับไล่สิ่งที่เก็บไว้ให้เหือดแห้งไป อนิจจาสิ่งที่หมักหมมยามเงียบสงัด
ของธรรมชาติภายในป่าและภูผาเช่นนี้ใยเล่าจะขัดขืนได้เล่า
เขาบิดตัวไปๆมาๆผ่อนคลายความเมื่อยขบและลืมสิ่งนั้นๆ
แต่ห้วงแห่งสภาวะยังคงคอยติดตามสะท้อนออกมาจนได้ หลายต่อหลายครั้งที่ทำเช่นนี้
มันมีทั้งความสุขและความปวดร้าวที่แฝงลึกไว้สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกมา
อากาศเริ่มเย็นลงไปเรื่อยๆยามตะวันอยู่ยอดเหนือพุ่มไม้คล้ายๆจะอำลาไปดุจดั่ง
เขาที่ต้องหลีกเร้นหนีความเจ็บปวดร้าวลึกที่เปรเปลี่ยนไปฝากไว้กับธรรมชาติ
มาดแม้นว่าเขาจะลืมโดยเอาธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์เป็นเครื่องชำละล้างจิตใจก็ตามที
แต่สิ่งภายในเหล่านี้มันไหลย้อนลึกสลับขึ้นไปๆมาๆ สร้างความปั่นป่วนอารมณ์อัน
ร้าวรอนของเขายิ่งนักยากที่ใครเล่าจะสอดแทรกเข้ามาจุนเจือลดทอนได้
ในเมื่อสิ่งที่เขาหวังไว้พร้อมกับวิมานน้อยๆที่อุตส่าห์วิริยะสร้างขึ้นมา
ต้องพังพินาศไปอย่างที่เขามิอาจจะกลับไปมองสิ่งเหล่านี้ได้อีกเลย.....
สิ้นแล้วสิ้นความหวัง สิ้นหมดทุกๆอย่าง หากเป็นชายอื่นคงจะไม่ปวดร้าวเช่นเขา
แต่นี่เป็นเขาซึ่งรักมั่นเชื่อมันต่อใจของตัวเองมาก ด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แก่ตัว
ของเขาเอง ดังนั้นจึงมิอาจจะหลีกเลี่ยงหลบหลีกพ้นสิ่งเหล่านี้ไปได้.....โอ้อนิจจา.........
คุณชายๆขอรับ.....เสียงเรียกของชายชราผู้ดูแลคฤหาสน์ที่ปลูกขึ้นแบบกึ่งตะวัน
ตกและตะวันออก ภายในบริเวณเนื้อที่ประมาณห้าไร่เศษๆ ภายในจัดเป็นระเบียบสลับ
อารยะธรรมผสมผสานกันได้อย่างแนบเนียน ใช่แล้วสิ่งเหล่านี้เขาเองเป็นคนออกแบบ
เขียนแบบแปลนทั้งสิ้น ด้านหลังคฤหาสน์เรียงรายไปด้วยบ้านเล็กๆน้อยๆที่เขามอบให้
บรรดาคนรับใช้ บ้างก็มีครอบครัว บ้างก็ไม่มี ประมาณสักหกเจ็ดคน แต่ละหลังนั้นจัด
เป็นระเบียบเรียบร้อย ชายหนุ่มเป็นคนรักความสะอาดยิ่งนัก ดังนั้นทุกๆคนทราบเรื่องนี้
ดีจึงกระทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ด้วยเขามักจะมาตรวจตราหมั่นดูความเรียบร้อย
กับบรรดาบ้านพักเหล่านี้เสมอๆ เขาเองเคยกำชับและเคยไล่ออกไปก็เสียหลายคน
เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เขาวางไว้
ชายหนุ่มสะดุ้งยามที่กำลังพิจารณาเรือนดอกไม้นาๆชนิดที่เขาเสาะหามาทั้งปลูกใน
กระถาง และแขวนไว้ กำลังออกดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมเย้ายวนหลากหลาย
ครั้นได้ยินเสียงเรียกจากชายชรา จึงหันหน้าไปมองซึ่งผู้เรียกนั้นมีร่างกายกำยังลำสัน
ค่อนข้างชราแต่งกายเรียบร้อย พลางเอ่ยถามว่า
มีอะไรหรือพ่อจ้อย????.......
ร่างชายชราน้อมกายลงประสานมือเข้าด้วยกัน พลางเอ่ยว่า
คุณหญิงท่านให้กระผมมาตามคุณชายไปพบขอรับ......
อ้อ!!!.....อย่างนั้นหรือ ไปเรียนคุณแม่ด้วยว่าเดี๋ยวสักครู่จะขึ้นไปหานะ....
ขอรับๆ...คุณชาย
กล่าวเสร็จชายร่างฉกรรจ์ก็ก้มศีรษะแล้วถอยออกไป เดินกลับขึ้นตึกเพื่อเรียนให้คุณหญิงทราบ
สักครู่ใหญ่ร่างชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามายังห้องโถงที่ตรงกึ่งกลางมีตั่งแต่ไม่มีที่พิงตั้งอยู่ตรง
กลางบนตั่งมีหมอนสามเหลี่ยม ข้างตั่งมีโต๊ะเล็กๆใช้เป็นที่วางของจำเป็น บนตั่งนั้นร่างหญิงชรา
นอนตะแคงข้างท้าวหมอน ที่ปลายเท้ามีหญิงสาวกำลังบีบนวดให้อยู่
เรียกผมหรือครับคุณแม่????.....
จ๊ะๆ...พ่อรุทธ์ แม่มีเรื่องหนึ่งจะปรึกษาลูกว่าคิดอ่านประการใดดี ด้วยเป็นเรื่องของลูก
แม่เองไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวด้วยหรอกจ้า อ้อๆๆๆ...แม่ทราบมาว่าคุณหญิงเสาวนีย์เขาโทรฯมา
บอกแม่ว่า ลูกกับลูกสาวเขามีความสัมพันธ์กันมาก็เนิ่นนานแล้ว เขาเป็นฝ่ายหญิงจะทำอะไร
ก็รีบๆนะ เขาเองก็ไม่รังเกียจฝ่ายเรา อีกอย่างเหตุการณ์ไม่สู้ปกตินักด้วยทางพ่อของ คุณดารณี
ไปรับปากกับเพื่อนถึงเรื่องลูกสาวเขา
เขาเห็นว่าแม่กับเขาเป็นเพื่อนสนิทมาสมัยยังเรียนหนังสือกันมา อันที่จริงเขาเพียงบอกให้แม่รู้
ด้วยเห็นลูกกลับหนูดารณีชอบพอกัน ส่วนแม่ไม่เป็นปัญหาหรอกจ้า.....
ร่างชายหนุ่มอึ้งไปพักหนึ่ง ก็เดินเข้ามานั่งข้างตั่งแล้วพลางเอ่ยว่า
แล้วคุณดารณีล่ะแม่ เขารู้เรื่องนี้หรือเปล่าล่ะ
เรื่องนี้...แม่ไม่รู้หรอก แต่แม่รู้ว่าหนูดารณีนั้นเชื่อฟังคุณพ่อเธอมากจ้า อีกประการหนึ่งเด็ก
คนนี้ก็เป็นเด็กที่ดี มีมารยาทเรียบร้อยทั้งยังไม่ชอบการเที่ยวเตร่ดุจเพื่อนๆเขาจ๊ะ
แต่ทว่าๆ.......
มีอะไรอีกหรือลูก?????...
คือว่า....ผมอยากจะให้เรือนหอที่สร้างไว้ด้านข้างตึกเราเสร็จเรียบร้อยเสียก่อนครับ ด้วยเราสอง
ได้ทำความตกลงกันไว้ ผมบอกว่าหากเสร็จเมื่อใดก็จะให้คุณแม่ไปสู่ขอ และยังกล่าวว่าจะขอหมั้น
ไว้ก่อน คุณดารณีบอกว่าอย่าเรื่องมากนักหากไปสู่ขอก็หมั้นและแต่งกันเลยจะได้ไม่ต้องเปลือง
ค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นครับคุณแม่ผมก็ตามใจเธอ อีกอย่างหนึ่งตอนนี้งานสร้างเรือนหอนั้น
ก็เสร็จไปแล้วหกสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับคุณแม่ ผมเองก็อยากจะไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นภายหลังครับ
จะเกิดเรื่องอะไรอีกล่ะ???...พ่อรุทธ์ ตึกเราก็ใหญ่โตจะให้แม่อยู่คนเดียวเลยหรือ....
ไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณแม่...ผมหมายความว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนอื่นจะเหมือนผมไม่ได้ที่คลุกคลี
มาโดยตลอด และอีกอย่างหนึ่งอยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองอีกด้วยครับ ส่วนการปรนนิบัติเขาก็จะ
มาคอยปรนนิบัติคุณแม่ทุกๆวันอยู่ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ
อ้อๆ???.....หากเป็นเช่นนั้นก็ตามใจลูกเถอะนะ เราก็มีกันสองคนเท่านั้นเอง
แต่ลูกกลางวันก็มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ที่นี่ก็แล้วกันนะ
ครับๆ...ผมเองไม่ห่างคุณแม่ไปหรอกครับ จะอยู่คอยปรนนิบัติคุณแม่ ยกเว้นไปดูกิจการงาน
เท่านั้นครับ....
แล้วเมื่อไหร่ล่ะจ๊ะพ่อรุทธ์จะเรียบร้อยแม่จะได้ไปบอกคุณหญิงเขา เขาก็เป็นห่วงทางเราเหมือนกัน
ด้วย สามีเธอนั้นเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่มักจะไม่ค่อยฟังใครๆเขาหรอก และอีกอย่างหนึ่ง
คุณหญิงเสาวนีย์ก็อยากจะเป็นทองแผ่นเดียวกับเรากระชับสัมพันธ์กันมากกว่าเป็นเพื่อน เมื่อไหร่ล่ะ?????....
คุณแม่บอกทางโน้นเถอะครับว่า ขอให้ผมสร้างเรือนหอเสร็จเสียก่อนจะให้คุณแม่ไปสู่ขอครับคงไม่นาน.....
แล้วเขาจะรอลูกหรือแม่เองก็สงสัยเหมือนกัน ด้วยทางพ่อเขาความเห็นไม่สอดคล้องกับ
คุณหญิงเสาวนีย์เสียด้วย ทางโน้นเอาแต่ใจตัวเอง แม่ว่าจะช้าไปนะลูก???.....
หากเรามีวาสนาต่อกันแล้วจะช้าหรือเร็วก็คงไม่เป็นปัญหานะครับคุณแม่
ชายหนุ่มเอื้อนตอบผู้เป็นมารดา
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ตามใจลูกเถอะ นี่แม่มาบอกให้ลูกรู้ไว้ก่อนนะ ทำให้แม่นึกถึงคำเขากล่าวไว้
ว่า เวลาและนาทีจิตนารีย่อมเป็นอื่น รักที่หวานชื่นกลับขมขื่นก็มากไปจ้า....
แม่เองก็เห็นว่าลูกรักชอบพอกับเขามาก ก็เพียงมาแจ้งให้ทราบเท่านั้น หากลูกมีธุระก็ไปทำได้
แล้วจ้า แม่จะพักผ่อนสักหน่อยยิ่งแก่มากเท่าใด ร่างกายก็ปวดเมื่อยมากเท่านั้นนะ......
ครับคุณแม่.....
แล้วร่างร่างหนุ่มก็เข้าไปกอดคุณหญิงพลางหอมแก้มมารดา ลุกขึ้นเดินออกไป คุณหญิงมอง
ลูกชายคนเดียว พลางยิ้มและนึกภาวนาขอให้อย่ามีอะไรเกิดแก่ลูกคนนี้เถอะ พลางย้อนคิดไปถึง
ตอนยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ลูกคนนี้ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้พ่อแม่เลย เรียนก็จัดอยู่ในแนวหน้าเสมอ
แต่มารู้จัก หนูดารณีก็ตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน หญิงชรารู้ว่าลูกคนนี้เป็นคนใจเดียวเสมอ
เป็นคนตรงไปตรงมา แต่ค่อนข้างจะเก็บสิ่งต่างๆไว้ในตัวเองไม่ระบายอะไรให้ใครๆฟังเลย
หญิงชราจึงได้แต่ทอดถอนใจ แล้วพลางสั่งให้เด็กสาวที่หยุดการบีบนวดให้ทำงานต่อไปพลางนอน
หงายหลับตาพริ้ม............
ชายหนุ่มนาม อนุรุทธ์ หรือ รุทธ์ตามที่คุณหญิงผู้เป็นมารดาเรียก เดินย้อนกลับไปยังเรือนไม้
อีกครั้งหนึ่ง พลางนึกถึงใบหน้าอันหวานซึ้งรูปไข่ ดวงตามกลมโต มีรอยลักยิ้มข้างซ้าย ยามหล่อน
ยิ้มช่างสวยงามเสียนี่กระไร เขานึกถึงรูปร่างทรวดทรงสูงระหงส์ได้สัดได้ส่วน หากไปเป็นดาราหรือ
นางแบบก็ไม่น้อยหน้ากว่าใครๆหรอก อีกไม่นานนะขอให้บ้านเราเสร็จก่อนจึงจะให้คุณแม่ไปสู่ขอ
ตามประเพณี ทั้งสองสนิทสนมไปเที่ยวด้วยกันเสมอๆแต่ก็มิได้ล่วงเกินใดๆทั้งสิ้น ทั้งสองรับปากว่า
ขอให้เราแต่งงานกันก่อนนะ ชายหนุ่มให้สัญญาดังนั้นปัญหาต่างๆจึงไม่เกิดขึ้น อีกฐานะเล่าก็ทัดเทียม
กันไม่ห่างกันมากนัก
พ่อแม่หล่อนรึก็เป็นนักธุรกิจกว้างขวางเป็นที่รู้จักในวงสังคม ส่วนแม่หล่อนก็เป็นคนกว้างขวาง
ในระดับคุณหญิงคุณนาย ยกเว้นแม่เขาเท่านั้นที่ไม่ค่อยจะไปสุงสิงกับบรรดาคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย
ยกเว้นแม่ของหล่อนเท่านั้น ที่รักใคร่กันมากระหว่างการเรียนและติดต่อมาตลอดไม่เคยห่างกันเลย
จึงรู้ใจกันและกันยิ่ง
เขาเองหลังจากคุณพ่อเสียไปหลายปี ก็เข้าควบคุมกิจการค้าต่างๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ
คนเดียว ด้วยความรู้ความพากเพียรอุตสาหะ กิจการก็รุ่งเรืองเป็นที่นับหน้าถือตาในวงสังคมและ
การเมือง แต่เขาเป็นคนที่วางตัวเฉยๆกับสิ่งเหล่านี้ แต่ก็ช่วยเหลือเพื่อปูทางในกิจการเขาเท่านั้น
หลังจากชมบรรดาต้นไม้ที่กำลังออกดอกเบ่งบานส่งกลิ่นหอมโชยมา เขาก็เดินไปดูการก่อสร้างที่อยู่
ไม่ห่างไกลจากตัวตึกเท่าไหร่นัก เขามองแบบแปลนที่เขาเขียนขึ้นไว้และสั่งให้ผู้ควบคุมจัดการพร้อม
เดินเข้าไปตรวจสอบจนเกิดความพึงพอใจแล้ว เขาก็ออกมาจากบริเวณนั้น.........
เวลาผ่านไปการก่อสร้างยังไม่เรียบร้อย ด้วยเขาเป็นคนพิถีพิถันนักส่วนใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว
เหลือเพียง ตบแต่งภายในซึ่งเขาสั่งของมาตบแต่งห้องหอต่างๆ ชายหนุ่มยิ้มกับตนเองในทางกลับกัน
เขาก็ยังติดต่อกับหญิงสาว แล้วพามาดูหอรักแห่งนี้ด้วย เขาถามหล่อนว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมอีก
หรือไม่ หญิงสาวได้แต่ยิ้มยืนพิงร่างชายหนุ่มพลางกล่าวว่า
ในเมื่อพี่รุทธ์เข้าคุมงานเอง พิมหรือจะสู้พี่ได้ล่ะ พิมหรือดารณีกล่าวพลางแหงนหน้ายิ้มกับ
ชายหนุ่ม
ไม่แน่นะพิม สิ่งนี้ต้องตามใจผู้อยู่จ๊ะ แล้วเขาก็หัวร่อ ทั้งสองก็ห่อร่อ ชายหนุ่มสวมกอด
หญิงสาวไว้ในทรวงอก แล้วก้มลงจูบบนหน้าผากหญิงสาว หญิงสาวหลับตาพริ้มยินยอมพร้อมใจ
เสมอ
อีกไม่นานนะเราสองคนจะได้มาอยู่ที่นี้นะพิม
จ๊ะพี่.....เราจะมาสร้างเรือนหอหลังนี้ให้มีความเฉิดฉันท์จ๊ะ หล่อนกล่าวด้วยน้ำคำอ้อยอิ่งหวาน
จนชายหนุ่ม เคลิบเคลิ้ม
ครั้นเรือนหอหลังนี้เรียบร้อยสมบูรณ์ แต่แล้วเหตุการณ์ที่เขาไม่คิดมาก่อนก็เกิดขึ้น คุณแม่ท่าน
ได้เสียไปตามอายุขัยอย่างกะทันหัน
ดังนั้นงานที่คาดหวังไว้ว่าจะไปสู่ขอก็ต้องชะงักไปด้วย ตามโบราณกล่าวไว้ว่า ต้องให้พ้นล่วงเวลาไปสามปี
ก่อนถึงจะจัดงานมงคลได้
เหตุฉะนี้เขาจึงแจ้งให้หล่อนทราบ หลังจากจัดงานศพคุณแม่ไปแล้ว ทางฝ่ายหญิงก็มิได้กล่าวว่ากระไร
กลับบอกว่า ขอให้พี่สบายใจได้ พิมจะคอยพี่เสมอจนกว่าพี่จะสบายใจจ๊ะ เขาก็เริ่มมีอาการซึมเศร้าด้วย
ความผูกพันระหว่างแม่ลูกนั้นลึกซึ้ง บัดนี้เขาอยู่ตัวคนเดียว โพธิ์ทองหักไปอีกต้นแล้วคงเหลือเขา
แต่เพียงผู้เดียว ระยะนี้เขาไม่ใส่ใจที่จะทำกิจการค้าเท่าไหร่แล้ว งานเขาก็จำเป็นต้องห่างออกไปอีก
ตามคำกล่าวของคนโบราณ ซึ่งจะไม่เชื่อก็ไม่ได้อีกประการหนึ่งไม่อยากให้คนเขานินทาว่ากล่าวได้
บรรดาสิ่งที่ไม่เคยคิดหวังต่างๆใยจึงแทรกซ้อนขึ้นกับเขา
ดังนั้นชายหนุ่มจึงมอบภาระการงานให้คนเก่าคนแก่ที่เขาเคารพซื่อสัตย์สมัยคุณพ่อเป็นดูแลแทนเขา
ชายหนุ่มได้แต่โศกเศร้าเสียใจในการจากไปของคุณแม่ เขาจึงสงบใจด้วยการไปบวชวัดที่
เขาศรัทธา เพื่อศึกษาธรรมและหาความสงบในด้านจิตใจเขา แต่กระนั้นหญิงสาวก็คอยมา
ปรนนิบัติอยู่ เขาตั้งใจว่าจะบวชแทนคุณพ่อแม่สักสิบห้าวัน และด้วยธรรมอันลึกซึ้งจึงได้บวช
ต่อจนครบพรรษา ด้วยเรื่องความรักนั้นยังไม่ครบกำหนดที่จัดงานมงคลได้ จึงเอาธรรมเข้า
กล่อมจิตใจเขาไปพลางๆก่อน........
หลังจากสึกออกมาเหตุการณ์ก็กลับตาละปัดไปเสียสิ้น ดารณีถูกคุณพ่อเธอบังคับให้แต่งงาน
กับลูกเพื่อนของคุณพ่อเธอ หล่อนโศกเศร้าเสียใจมากแต่ด้วยความรักที่เชื่อฟังคุณพ่อเธอมาตลอด
จึงทำให้ ความรักเขากับหล่อนต้องขาดสะบั้นลงไป เพื่อทดแทนคุณบิดาซึ่งถูกเหตุการณ์ทาง
การเมืองบีบบังคับ ในเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้หล่อนเกลียดสิ่งต่างๆที่เข้ามาทำลายความรัก
สิ่งที่หล่อนหวังไว้ภายในห้วงใจเธอตั้งใจไว้ว่าหากแต่งงานวันใด ก็จะไม่ขออยู่เมืองไทยอีก
ต่อไปซึ่งไม่เฉพาะคนรอบข้างแม้แต่การบ้านการเมืองก็มาสร้างความรักหล่อนจนพินาศสิ้น
ดังนั้นหล่อนถึงจำเป็นต้องแต่งงานทั้งๆที่ไม่มีความรักกับเพื่อนพ่อสักนิดเดียว
แต่ ด้วยความรักคุณพ่อเชื่อฟังมาตลอด อีกประการหนึ่งความรักแท้จริงของหล่อนเองนั้นได้
มอบให้แก่เขาจนหมดสิ้นเสียแล้ว แต่หล่อนอ้างกับคุณพ่อเธอว่า หากเธอแต่งงานแล้วจะไม่ขออยู่
เมืองไทย จะไปอยู่ต่างประเทศ คุณพ่อเธอตกลงภายหลังแต่งงานแล้วเธอและครอบครัวได้ออก
เดินทางไปอยู่ที่ประเทศอเมริกา เพื่อหลีกหนีความรักอันแสนขมขื่นที่เธอทำไว้กับเขา และยังได้
มีจดหมายสารภาพความผิดครั้งนี้ที่ผิดสัญญาด้วยความรักและทดแทนพระคุณจะไม่ขอกลับเมืองไทย
ตราบชั่วชีวิตของหล่อน แม้ว่าอะไรๆจะเกิดขึ้นอีกก็ตามคงปล่อยให้เป็นไปตามวาสนาเท่านั้น....
ปานดั่งสายฟ้าฟาดแสกหน้าชายหนุ่ม จดหมายได้ล่วงหลุดจากมือยามได้อ่านและร่างเขาก็ค่อยๆ
ทรุดร่างลง สิ้นแล้วสิ้นสุดทุกๆอย่างที่หวังไว้ เขามองเรือนหอน้อยที่สร้างเรียบร้อย หยาดน้ำตา
ไหลซึมตกใน หวนนึกถึงความทุกข์ที่เขาไประบายกับอุปัชฌาย์ที่เขาบวชเรียนมา ท่านเคยกล่าวไว้
ว่า สิ่งที่รักมากย่อมเศร้าโศกมากเป็นธรรมดานะโยม ไม่มีสิ่งใดหรอกที่จะยั่งยืนทุกๆอย่างต้อง
เปลี่ยนแปลงดับไปหมดสิ้น โยมจงหมั่นตรึกตรองข้อนี้ให้ดีๆแล้วปรับปรุงแต่งอารมณ์เสียใหม่
นะโยมนะ แล้วทุกอย่างก็จะเห็นแจ้งก็จะพ้นจากทุกข์นั้น ชายหนุ่มมานั่งคิดและทบทวน
เสียงนี้ยังก้องกังวานเข้ามายังห้วงลึกแห่งหัวใจยามเมื่อเขาไปนมัสการพระอุปัชฌาย์ เขาไม่รู้ว่า
จะระบายให้ใครนอกจากอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนเขายามบวชเท่านั้น
หากโยมเชื่ออาตมาควรไปหาที่สงบๆเจริญวิปัสสนาสมาธิ มีสิ่งนี้เท่านั้นที่จะช่วยชำระจิตใจ
เธอได้นะโยม สิ่งที่ดีที่สุดคือความสงบ ธรรมชาติเท่านั้นที่จะช่วยผ่อนคลายได้ไม่มากก็น้อยโยม
ดังนั้นเขาจึงมอบหมายหน้าที่การงานทั้งการดูแลบ้านให้คนที่เขาไว้ใจได้ ออกเดินทางมายัง
ต่างจังหวัดอันเป็น บริเวณที่คุณพ่อคุณแม่ซื้อไว้สร้างบ้านน้อยๆอันอุดมไปด้วยพฤกษานานาพันธุ์
ธรรมชาติอันงดงาม เขาพักและบัดนี้ได้มานั่งชมความงามของธรรมชาติ ณ บริเวณนี้ ใช่แล้ว
ธรรมชาติเท่านั้นที่จะชำระจิตใจเขาให้เยือกเย็นได้ ใช่แล้วธรรมเท่านั้นที่จะลบล้างสิ่งซ่อนเร้นใน
จิตใจเขาได้
ชายหนุ่มมองไปที่ขอบฟ้าอันสุดเท่าที่สายตาเขาจะแลเห็นได้ พลางนึกถึง หญิงอันเป็นที่รักยิ่ง
โอ้ดารณีจ้า.....ถึงแม้นพี่ไปได้แต่พี่ก็ไม่สร้างความปวดร้าวให้แก่เธอและครอบครัวหรอก พี่เองยอม
รับความโศกเศร้านี้ไว้เพียงผู้เดียว ประดุจต้นโศกที่แม้จะทอดกิ่งก้านสาขาสวยงามดอกที่สวยงามแต่
ทว่าก็ยังถูกเรียกว่าเป็นต้นโศกอยู่ดี เหมือนเราที่บัดนี้ประหนึ่งดั่งต้นโศก
ที่ไร้ซึ้งกิ่งก้านสาขาเสียแล้ว ใบก็ล่วงหลุดหายไป นับวันคอยแต่จะแห้งเหี่ยวเฉาตายไปกาล
สุขเถิดที่รัก...... สุขเถิด....ด้วยใจพี่นี้สัญญาว่าจะขอมีแต่เธอเพียงคนเดียว.........
ประดุจต้นโศกถึงอย่างไรก็ยังเป็นต้นโศกที่คอยแต่จะอับเฉาตายไป
พี่ขอฝากใจถึงเธอด้วยนะขอบฟ้าจ๋าจงนำใจ........
ของข้าไปส่งให้ถึงเธอด้วยนะ ดารณีที่รักๆพี่ลาลับมิลาร่วงต่อบ่วงใจที่พี่แสนหวง................
๐ รวดร้าวใดไหนเล่าเท่าเคล้าโศก
วิปโยคทรวงในยามไม่เห็น
รักปนโศกโศกรักมักลำเค็ญ
สุดหนีเร้นเช่นโศกหัวอกเรา............๛จบ.
* แก้วประเสริฐ. *