อทิสมานกาย ๕๗ ระหว่างการกินอาหารร่วมกันโดยมีสาวชบาร่วมด้วย กำนันหวนและแม่เย็น ต่างก็ชมสาวชบาว่า ช่างสวยจริงนะ มีสง่าราษีอีกด้วย แล้วหันไปถามพ่อเชียรว่า “ลูกสาวน้องออกเรือนหรือยังล่ะ???...แล้วอายุเท่าไหร่ล่ะ??....” “ยังหรอกพี่ พึ่งจะย่างเข้ายี่สิบเก้า กระมัง ใช่ไหมล่ะ??...” พ่อเชียรพลางหันไปถามสาวชบาพร้อมตอบคำถามกำนันหวนไปด้วย “จ๊ะพ่อ พึ่งจะเต็ม ยี่สิบเก้าเดือนนี้เอง???...” หญิงสาวชบากล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัยยิ่งนัก “ไม่มีอะไรหรอกหนู ที่ถามนี่ว่าจะอายุไล่เลี่ยกับลูกสาวลุงหรือเปล่านะ” กำนันหวนกล่าวขึ้น “เอ๊ะๆๆแปลกนะพี่หวน คนบ้านนี้ทำไมมีอายุกันแต่ร่างกายกับไม่สม กับวัยเสียเลย???” แม่เย็นแทรกขึ้นมา พร้อมหันไปจ้องใบหน้าหญิงสาวชบา “ดูซิพ่อโชติหรือก็ปาเข้าไป สี่สิบห้า แล้วก็ยังเหมือนพึ่งจะขึ้นเลขสาม เท่านั้นนะ ไม่มีแววว่าจะมีอายุมากขนาดนี้ ข้ามองไปดูคนทั้งหมด อีกทั้งแม่เข็มพ่อเชียรเล่าหรือก็ดูไม่แก่เอาเสียเลย” แม่เย็นย้ำขึ้นอีก “ก็ไม่ได้คิดมากอะไรนี่นาแม่เย็น ทุกๆคนเมื่อไม่คิดมากก็ย่อม ต้องไม่แก่จริงไหมพี่หวน???. ด้วยทุกๆอย่างมีเพียบพร้อมกันอยู่แล้ว เพียงแค่คอยระวังรักษากันเอาเอง เท่านั้นแหละ ผลเก็บเกี่ยวหรือก็ไม่ต้องไปส่งให้เขา มีคนมาถึงไร่สวน นา หรือก็แค่ทำกินไปปีๆหนึ่งเท่านั้นเอง” พ่อเชียรเอ่ยขึ้นบ้าง “นั่นซิแม่เย็น น้องเชียรกล่าวไว้ถูกต้องแล้วล่ะ??...อย่างหลวงพ่อก็เคยกล่าว กับข้าว่าอย่าไปคร่ำเคร่งกับงานให้มากนัก หามามากก็อันตรายซ้ำยังให้เราคิดมาก อีกด้วย ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่างเดียว” กำนันหวนเอ่ย “ก็จริงอย่างพี่ว่าแหละจ้า แต่พี่ดิ้นรนหาเรื่องเองนี่นาจะมาบ่นอะไรอีกล่ะ???...” แม่เย็นได้โอกาสเสริมขึ้นทันที “อืมมๆๆ...ก็จริงอย่างแม่เย็นพูดก็ถูก ข้ามันหาเรื่องไปเองทั้งๆที่เราก็มีกิน อยู่สมบูรณ์แล้วมาตัดใจได้ก็ตอนใกล้จะตายนี่แหละ จึงปลงตกได้และจะเข้าวัด ถือศีลแต่มาคิดอีกที การถือศีลอย่างเดียวคงไม่พอแก้ไขได้หรอก นอกจากบวชแล้วไม่สึกนั่นแหละถึงจะช่วยเหลือได้” กำนันหวน กล่าวพลางสีหน้าสลด “ช่างเถอะน่าพี่...ไหนๆเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วมาคิดให้เปลืองสมองทำไม มันเป็นอดีตไปนี่แล้วนา เริ่มต้นใหม่ก็ยังไม่สาย และข้าเองก็ขออนุโมทนาด้วยคนหนึ่งล่ะ” พ่อเชียรเอ่ยตัดบท “จริงอย่างพ่อเชียรพูดจริงๆจ๊ะ คนเราทุกๆคนย่อมพลาดกันได้ แต่พลาดแล้วรู้สึกตัวกลับตัวเองก่อนอะไรๆมันจะสายก็ยังดีกว่าไปหลงงมงาย มันอีก ใช่ไหมแม่เข็ม???...” แม่เย็นพลางไปผู้ช่วยสนับลนุนทันที “ที่แม่เย็นพูดมานี้ก็ถูกอีกล่ะ เห็นทีแม่เย็นจะทำใจได้แล้วกระมัง???....” “ทุกๆอย่างฉันไม่เคยขัดวางเขาหรอกแม่เข็ม เคยเตือนเหมือนกัน คนเราเมื่อโตๆกันแล้วทำไมจะต้องพูดกันมากนัก ผิดชอบชั่วดีย่อมรู้แก่ใจ เองแหละ อายุหรือต่างก็มากๆกันแล้วนาจะคอบพร่ำสอนเหมือนเด็กได้อย่างไร” แม่เย็นตอบพลางหันไปพยักหน้ากับแม่เข็ม “แล้วพ่อเชียรเห็นว่าอย่างไรล่ะ ไหนๆมันเรื่องก็ผ่านไปแล้ว แต่ไม่รู้ซินะ ทำไมเรื่องนี้จึงมาคุยกันได้ที่นี่ได้นา หรือว่าเราทั้งสองครอบครัวคง จะเคยทำบุญร่วมกันมานา” “ที่แม่เย็นกล่าวก็มีเหตุผลเหมือนกัน พี่หวนเองก็ทำใจได้เถอะนะทุกอย่าง ปล่อยให้เวรกรรม เขาตัดสินใจกันก็แล้วกันจะได้สบายใจ อย่าไปคิดอะไรอีกเลยทุกๆอย่างมัน ก็เลยไปแล้ว นี่พี่ก็จะหันหลังให้ทางโลกแล้ว คงอีกไม่นานก็จะเกิดพุทธบุตรอีก การเกิดคราวนี้จะถาวรเสียด้วยซิ ด้วยผ่านเหตุการณ์ต่างไปกันมาแล้ว แสดงถึงว่าบุญยังคุ้มครองพี่หวนอยู่น๊ะ????” “ข้าเองได้ยินคำของน้องเชียรแม่เข็มและแม่เย็นก็ให้รู้สึกคลายใจได้มากโข เอาล่ะต่อไปนี้ข้าจะไม่คิดอะไรอีกแล้ว นอกจากจะเคร่งครัดในธรรมวินัย อย่างเดียวเท่านั้น” “สาธุๆๆๆอนุโมทนาด้วยกันจ้า” เสียงของพ่อเชียรแม่เข็มและแม่เย็น ต่างยกมือไหว้เหนือหัว “ข้าให้สัญญาไว้ต่อพวกเรานี่แหละว่าจะอาศัยร่มผ้ากาวพัตรเป็นเรือนตาย ไม่ออกมาอีกแล้วด้วยสัจจะวาจาของลูกผู้ชายชื่อไอ้หวนนะ ทุกๆคนสบายใจได้แล้ว งั้นพวกข้าจะขอลากลับเสียเลยนี่เวลาก็บ่ายโขแล้ว เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน แล้วน้องเชียรน้องเข็มพาเด็กๆไปเยี่ยมพวกข้าบ้าง ด้วยนะ ข้ามานั่งคิดดูที่นี่แหละก็เห็นว่าที่นี่เท่านั้นจะเป็นที่พึงพิง ของครอบครัวข้าได้เสียแล้ว” “เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกพี่หวน โอกาสว่างๆจะต้องไปเยี่ยม ครอบครัวพี่หวนและจะคอยเอาใจใส่ให้ด้วย ให้ไปบวชให้สบายใจได้เถอะพี่” “ข้ายิ่งมาได้รับคำรับรองจากน้องเชียรและแม่เข็มทำให้จิตใจข้าที่กังวลหายไป เกือบหมดเชียวล่ะ เอาล่ะๆๆแม่เย็น เจ้าชวน บงกช ไปลาพ่อเชียรแม่เข็มและพี่ๆน้องๆได้แล้วล่ะ สมควรแก่เวลาแล้วน้องๆจะได้พักผ่อนบ้าง” กำนันหวนเอ่ยขึ้น แล้วทั้งหมดก็เข้าไปร่ำลากันตามอาวุโส ระหว่างที่กำนันหวนและพ่อเชียร และแม่บ้านคุยกันนั้นชายหนุ่มได้แต่นั่งอมยิ้มฟังการสนทนาของทั้งหมดนั้น ใจของชายหนุ่มวาดไปถึงอดีตของกำนันหวน คงมีแต่เขาเท่านั้นที่จะช่วยได้ และเมื่อเห็นพ่อแม่และน้องๆต่างก็ให้ความรักสนิทสนมกัน เขาจึงอดอมยิ้มไม่ได้ พลันก็เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าลุงและน้าและน้องๆจะกลับ คอยข้าเดี๋ยวนะ ข้านึกสังหรณ์อย่างไร ชอบกลนักจึงอยากจะให้ของไว้ป้องกันตัวในยามค่ำๆคืนบ้าง อาจจะช่วยลุงและน้าตลอดน้องๆได้ครับ” “มีอะไรหรือลูก????....” พ่อเชียรแม่เข็มถามขึ้นด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่ผมสังเกตุใบหน้าทุกๆคนอาจจะมีเคราะห์ ที่ซ่อนเร้นบางอย่างอยู่” ชายหนุ่มกล่าว เมื่อได้รับฟังคำเอ่ยของลูกทำให้พ่อเชียรชักเอะใจด้วยรู้ว่าลูกนั้นเป็นอย่างไร ก็นั่งหลับตาสักครู่ พลันเข้าใจเหตุการณ์ที่ลูกกล่าวดังนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ดีแล้วล่ะลูก รีบๆหน่อยนะด้วยจะมืดค่ำเสียก่อน” พ่อเชียรเอ่ย “ครับคุณพ่อ” กล่าวเสร็จชายหนุ่มก็หันไปยิ้มให้กับทุกๆคนทางบ้านบางโค แล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง “มีอะไรหรือน้องเชียร ” กำนันหวนถามด้วยความสงสัย “เดี๋ยวก็รู้หรอกพี่ ไม่มีอะไรมากนักหรอก” พ่อเชียรกล่าวพลางหัวร่อเบาๆ สักครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ก้าวออกมาจากห้อง เขาถือสายร่มพร้อมสิ่งของ เดินเข้ามาหาแล้วก็กล่าวขึ้นว่า “ให้ลุงและน้าน้องๆนำเอาสิ่งนี้ไปห้อยคอไว้ในระยะนี้ อย่าได้ถอดออก เป็นเด็ดขาดแม้จะเข้าห้องน้ำก็ไม่เป็นปัญหาหรอกครับ” พลางยืนสิ่งของในมือให้แก่พวกบางโคทันที “พ่อว่าให้แกสวมพระให้แก่ทุกๆคนแหละดีนะ ด้วยมีอะไรชอบกลๆอยู่ใน บางอย่างบอกพ่อด้วยล่ะ” พ่อเชียรเอ่ยขึ้น “จะดีหรือครับคุณพ่อท่านเป็นผู้ใหญ่นา” ชายหนุ่มกล่าว “เออนาเชื่อพ่อเถอะใครสวมจะสู้ลูกสวมได้หรือ” แล้วหันไปทางกำนันหวนและพวก พลางกล่าวว่า “พี่หวนและแม่เย็นตลอดจนเจ้าชวนแม่บงกชเข้ามาหาเจ้าโชติมันซิ มันจะได้สวมวัตถุมงคลให้ คงจะเป็นหลวงพ่อทองสั่งแก่ลูกโชติไว้กระมัง” ครั้นกำนันและพวกได้ยินพ่อเชียรเอ่ยถึงหลวงพ่อทองในเรื่องนี้ ความสงสัยต่างๆ ก็หายไปหมดสิ้นคงมีแต่เพียงแค่กังขานิดๆเท่านั้น แต่ก็ทำตามคำพูดของพ่อเชียร ต่าง ก้มศีรษะไว้คอยให้ชายหนุ่มสวมวัตถุมงคล เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นพลางหลับตาแล้วเขาก็เป่าลงไปในวัตถุมงคล สามคาบทันที แล้วค่อยเข้าไปหายังเบื้องหน้าของกำนันหวนก่อน พลางยกมือขึ้นไหว้ขออภัย แล้วกล่าว “ลุงผมขอโทษนะครับที่ต้องสวมสิ่งนี้บนคอผ่านศีรษะลุงครับ” “ไม่เป็นไรหรอกหลานชาย ทำตามพ่อเขาบอกเถอะ” กำนันหวนตอบ ชายหนุ่มก็ค่อยๆขยับร่างไปหากำนันหวนทันที แล้วบรรจงสวมพระ ที่เลี่ยมไว้กันน้ำในเชือกสายร่มสวมไปคล้องคอกำนันหวน ทันใดร่างของกำนันหวนก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกทำความแปลกใจแก่แม่เย็นและเจ้าชวน สาวบงกชเป็นอันมาก ที่เห็นร่างของกำนันหวนสั่นเทาๆเหมือนราวกับเป็นไข้ เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน แลเห็นร่างกำนันสั่นๆไปๆมาๆตลอดเวลาที่ชายหนุ่มเป่าลง บนศีรษะ ของกำนันหวนถึงสามครั้งสามครา ก็ทำความประหลาดใจยิ่งนัก ด้านกำนันหวนเมื่อชายหนุ่มสวมวัตถุมงคลแล้วยามที่กายกระทบกับองค์พระ ร่างกายรู้สึกมีกระแสเยือกเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายถึงก็หนาวสั่นขึ้นทันที ยิ่งได้สัมผัสกับลมปากจากชายหนุ่มที่เป่าตามไปด้วยก็ยิ่งสะท้านเหมือนถูกราด ด้วยน้ำแช่เย็นจากน้ำแข็งมิปาน เมื่อแม่เย็น เจ้าชวนและสาวบงกช ครั้นได้รับการสวมคล้องคอด้วยพระเครื่อง ที่ชายหนุ่มนำมาสวมให้ก็สัมผัสอาการเช่นเดียวกับพ่อกำนันหวนเช่นเดียวกัน ต่างให้รู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างยิ่งนัก สาวบงกชจึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่โชติ???...ทำไมเวลาพี่สวมพระให้กชแล้วจึงหนาวอะไรเช่นนี้เล่าพี่???...” “ข้าเองก็เหมือนกันแปลกจริงๆ???...”แม่เย็นเอ่ยขึ้นบ้าง “ผมก็เหมือนกันครับแม่และน้องกช แปลกจริงๆ คราวไปให้พระที่มาท่านเป่า ขม่อมยังไม่รู้สึกอะไรๆเลย ไม่เหมือนพี่โชติเพียงแค่สวมพระเท่านั้นเอง???....” พ่อเชียรแม่เข็มครั้นได้รับฟังเช่นนั้น ไม่กล่าวอะไรเพียงได้แต่หันมามองหน้ากัน แล้วต่างก็อมยิ้มกันไปตามๆกัน เจ้าชัยหรือก็ให้แปลกใจจึงเอ่ยขึ้นว่า “แล้วผมกับพี่ชบาล่ะพี่โชติไม่ได้พระเลยหรือ???...” ชายหนุ่มหันมายิ้มกับน้องชายและสาวชบาพลางเอ่ยว่า “สำหรับเจ้ากับน้องชบาเห็นจะไม่ต้องกระมังด้วยพี่เคยสอนอะไรๆให้แล้วนี่นา” เจ้าชัยและสาวชบาครั้นได้ยินเช่นนั้นต่างก็เข้าใจก็เงียบเสียงไม่เอ่ยแต่ประการใด กำนันหวนนั้นตอนแรกคิดใคร่จะกลับก็อดสงสัยหันไปมองหน้าพ่อเชียรแม่เข็ม “ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอกพี่หวน เจ้าโชติมันร่ำเรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อทอง จนสำเร็จทุกๆแขนงแล้วล่ะ พี่ก็รู้ว่าหลวงพ่อท่านเก่งขนาดไหนนี่นา” พ่อเชียรเอ่ยขึ้น “ หากพ่อหนุ่มสำเร็จวิชาจากหลวงพ่อทอง พี่เองก็ไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว ทำให้พี่รู้สึก ว่าความกังวลในครอบครัวมันหายไปสิ้น ภายในใจหลังจากสวมพระแล้วให้รู้สึกว่า ช่างปลอดโปร่งภายในเสียเหลือเกิน” กำนันหวนกล่าว “ข้าเองก็เหมือนกัน แล้วนี่เป็นพระของหลวงพ่อทองท่านสร้างในงานสงกรานต์คราว ที่แล้วใช่หรือเปล่าล่ะพ่อโชติ” แม่เย็นถาม “ถูกแล้วล่ะแม่เย็น เป็นพระที่ท่านทำเป็นครั้งแรกหรืออาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้คง จะไม่มีการสร้างวัตถุมงคลใดๆอีกแล้ว ฉนั้นขอพวกเราจงเก็บรักษาให้เป็นอย่างดีด้วยนะ” พ่อเชียรสั่งกำชับไว้แก่ทุกๆคน “เป็นอย่างนี้นี่เองถือว่าพวกข้ายังมีวาสนาได้สัมผัสกับวัตถุมงคลของหลวงพ่อทอง ถึงแม้ข้าจะเคยติดสอยห้อยตามมาตั้งแต่สมัยท่านยังหนุ่มๆรู้ก็รู้ว่าท่านมากมายไปด้วย วิชาต่างๆ เคยรบเร้าท่านให้สร้างเหมือนกัน ท่านเพียงตอบข้าว่า เวลายังมาไม่ถึงน้อง” “ฉะนั้นพี่หวนก็เถอะถึงจะบวชไปแล้วก็ไม่ควรให้พระองค์นี้ห่างตัวเป็นเด็ดขาดนะ” พ่อเชียรเอ่ยกับกำนันหวนทันที “อืมๆๆ...ข้าก็คิดเหมือนกันแหละน้องเชียรถึงแม้ว่าจะบวชสละแล้วก็ตามแต่นี่เป็น พระพุทธรูปขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เก็บเอาไว้เวลาสวดมนต์จะได้นำมาตั้งไว้ แล้วสวดมนต์แทนพระพุทธรูปบูชาก็ได้นา” กำนันหวนเอ่ยลอยๆ “ได้เลยพี่ใช้แทนกันได้และดีเสียด้วย นาพี่ลองเอาพระท่านออกมาดูซิว่าเป็นอย่างไร” เมื่อได้ยินคำพ่อเชียรกล่าวดังนี้ ทั้งหมดต่างนำพระออกมาดูต่างก็สะดุ้งในใจด้วยความ แปลกประหลาดยิ่ง ที่เห็นองค์พระช่างงดงามและยังมีประกายพราวสดใสด้วยสีกระจาย ออกมาจากองค์พระด้วย ยิ่งทำให้บังเกิดความปิติยินดีเป็นล้นพ้น พลางหันไปทางชายหนุ่ม กล่าวขึ้นว่า “ข้าทั้งหมดนี้ขอขอบใจพ่อหนุ่มยิ่งนักที่ไม่หวงแหนในสิ่งนี้อุตส่าห์มอบให้ด้วยความ เป็นห่วงเป็นใจแก่ครอบครัวข้า เป็นยิ่งนัก” พลางเข้าไปสวมกอดชายหนุ่มทันที “ผมเห็นใบหน้าของทุกๆคนปรากฏรอยหมองไหม้ขึ้นครับพ่อกำนันเลยนึกถึงพระนี้ได้ และคิดว่าภายในสองสามวันนี้อาจจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้นในบ้าน ฉะนั้นพ่อกำนันไม่ต้อง กลัวหรือห่วงอะไร หากพบสิ่งนั้นให้อาราธนาพระให้อาศัยบารมีช่วยแผ่คุ้มครองด้วยเท่านั้น เภทภัยต่างๆจะทำอะไรพ่อกำนันและครอบครัวไม่ได้หรอกครับ” ชายหนุ่มเอ่ย “ถึงอย่างไรก็ต้องขอขอบใจทุกๆคนที่นี้ด้วยนะ นี่ก็ชักจะเย็นมากแล้วล่ะ งั้นพวกข้าขอ ลากลับบ้านก่อนนะ หากว่างๆก็ไปเยี่ยมบ้างนา” กำนันหวนเอ่ยชักชวน ดังนั้นทั้งหมดก็พากันร่ำลากันแล้วทะยอยก้าวลงจากชานเรือนบ้านเพื่อ ออกเดินทางกลับบ้านบางโคทันที.................. *แก้วประเสริฐ.*
* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๘ * สิ่งที่ข้าพเจ้าได้นำเกี่ยวกับตัวยาสมุนไพรกลางบ้านนั้น มาเผยแพร่ทางนี้ด้วยเวปฯนี้ เป็นเวปฯที่ มีบุคคลมาชมกันมากเวปฯหนึ่ง อีกประการหนึ่งข้าพเจ้ามักจะไม่เปลี่ยน แปลงในการเล่นเวปฯหลากหลายนัก อันการนำมาเผยแพร่ก็เพื่อเป็นวิทยาทานสนอง พระเดชพระคุณให้แก่ พระเทพวิมลโมลี (บุญมา คุณสมฺปนฺโน ป.๙ แห่งวัดเบญจมาบพิตร) เพื่อให้งานของท่านที่อุตสาหะวิริยะได้เผยแพร่ขจรไกล อันเป็นทางหนึ่งของบุญกุศล แก่พระคุณท่านไว้ หากท่านผู้ใดนำไปใช้แล้วได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล้ว ก็พึงรำลึกถึง ความกตัญญุตาของเจ้าของตำรายานี้และท่านพระคุณเจ้าในทางหนึ่งทางใดที่อันพึงแสดง ไว้ในความกตัญญุตา ที่พระคุณท่านทรงได้รวบรวมไว้เพื่อเผยแพร่เกี่ยวกับเรื่องสมุนไพร ให้เป็นที่รู้จักว่า อันสมุนไพรไทยนั้นหาใช่ด้อยคุณค่าไปกว่าประเทศอื่นใดก็หาไม่ มาดแม้นว่าข้าพเจ้าจะเสี่ยงในการนำมาลงก็ตามที จะละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่นั้น ด้วย เจตรารมณ์อันบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า หวังจะสานงานนี้ให้แก่พระเดชพระคุณท่านเท่านั้น หาได้กระทำเพื่อผลประโยชน์แก่ตัวเองก็หามิได้ เพียงแต่รักษาไว้ในตำรายาอันยากยิ่งหาสิ่ง ใดเปรียบเทียบได้เท่านั้น จึงเรียนท่านทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ว่า การกระทำของข้าพเจ้านั้นด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์มิได้ หวังผลประโยชน์ในเรื่องการเงินการทองใดๆทั้งสิ้น ด้วยข้าพเจ้าก็เพียบพร้อมอยู่แล้ว แต่ ทว่าหวังให้ทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนี้ จะได้ตื่นเต้นว่าอันคนเก่าแก่นับแต่อดีตกาลนั้นก็รอบ รู้ในเรื่องตัวยาสมุนไพรเสมอเหมือนประเทศอื่นๆด้วยว่าคนไทยเราก็รอบรู้เกี่ยวกับด้านนี้ เหมือนกันไม่ด้อยไปกว่าชนชาติใดๆในโลกนี้ ในความคิดส่วนตัวว่าอันคนไทยที่ดำรงไว้ มาได้ตราบทุกวันนี้อาจจะมากกว่าชนชาติใดๆในโลกนี้เสียอีก จนกระทั่งแพทย์แผนปัจจุบัน ก็ยอมรับในเงื่อนไขนี้ และได้รับการบรรจุเป็นคำสอนให้แก้นายแพทย์ต่างๆไว้ด้วย อีกประการหนึ่งอันตัวยาสมุนไพรใช้ในรักษาโรคนั้น ประเทศเราอุดมสมบูรณ์มากหากใช่ ด้อยไปกว่าชนชั้นใดๆทั้งสิ้น บางครั้งสิ่งรอบตัวเราอาจจะไม่รู้ซึ้งถึงคุณค่าของสมุนไพรเรา ได้ อย่างเช่น หัวของแห้วหมู หรือ จำพวก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผลมกรูด ผลยอ เป็นต้น ทุกอย่างในโลกนี้ที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ก็คือ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป อันเป็นไตรลักษณ์ ทั้งสิ้นมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ แต่บางครั้งก็สามารถทุเลาแก้ความเจ็บทุกข์ทรมานได้บ้าง สิ่งนี้ แหละคือผลพวงแห่งความดีในทางกุศลในแนวทางพระพุทธศาสนาของชาวไทยทุกๆหมู่เหล่า ข้าพเจ้าขอเกริ่นเพียงพอหอมปากหอมคอ และเข้าสู่เรื่องราวเกี่ยวกับสมุนไพรได้แล้ว แต่ทว่า เมื่อผู้ใดนำไปใช้รักษาได้ผลดีแล้ว ก็ควรจะทำบุญสุนทานบ้างโดยรำลึกนึกถึงท่านพระ เดชพระคุณพระเทพวิมลโมลี (บุญมา)และเจ้าของตำหรับยาที่ลงไว้ โดยข้าพเจ้ามิได้ตัดทอน ทุกอย่าง แต่อาจจะมีการเสริมขึ้นบ้างตามแต่สติปัญญาที่ได้รับการรอบรู้ตกทอดสืบต่อกันมา เพียงแค่หวังอย่างยิ่งว่าจะรักษาตำรายานี้ไว้ให้แก่อนุชนรุ่นหลังสืบต่อไป ด้วยความเคารพ * แก้วประเสริฐ. * ยาแก้ปวดท้อง - ท้องขึ้น – ท้องเสีย ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา ใบสะระแหน่ มากพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ผสม กับ เหล้า กรองเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรค-ท้องขึ้น- ท้องเสีย ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ขนาน ๒ ท่านให้เอา ผลมะกรูด ๓ ผล นำมาฝานทางด้านจุกออก คว้านเอาเนื้อในออกให้หมด ทั้ง ๓ ผล ใส่หัวกระเทียมบรรจุให้เต็ม ๑ ผล ใส่พริกไทยร่อนบรรจุไว้ให้เต็ม ๑ ผล ใส่เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) บรรจุให้เต็ม ๑ ผล แล้วเอาฝาที่ฝานออกนั้นปิดไว้ตามเดิม ใช้ไม้กลัดไว้ให้สนิท นึ่งให้สุก ตำให้ละเอียด ปั้นเป็นลูกกลอน ใช้รับประทาน (ในตำราไม่ได้กล่าวไว้ว่าจะใช้ ลูกกลอน กี่เม็ด ข้าพเจ้าคิดว่า ปั้นลูกกลอนเม็ดเล็กนั้นควร ๓ เม็ด หากเม็ดใหญ่เม็ดเดียวก็คงจะพอ ด้วยยานี้จะออกรสเพ็ดมาก หากใช้น้ำผึ้งแท้เป็นตัวช่วยก็คงจะดี ด้วยน้ำผึ้งนั้นสรรพคุณช่วยในการ ฟื้นฟูกำลัง อ่อนเพลีย ได้อย่างดี ตลอดจนรักษาโรคบางอย่างได้ดียิ่ง.....แก้วประเสริฐ.) ใช้รับประทาน มีสรรพคุณ แก้โรคท้องขึ้นอืดเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยว และเป็นยาอาวุวัฒนะ ได้ผลดี อย่างชะงัดนักแลฯ (พระอธิการจำเนียร อภินนฺโฑ วัดดอนไร่ อ.สามชุก สุพรรณบุรี) ขนานที่ ๓ ท่านให้เอา หัวขิงแก่ๆ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ทุบพอแตก ผสมกับ น้ำร้อน หรือ ผสม กับเหล้า กรองเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรค ปวดท้อง-ท้องขึ้น-ท้องเฟ้อ-ขับลม ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ยาแก้โรคท้องอืดเฟ้อ ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา อบเชยเทศ ๑ อบเชยญวน ๑ อบเชยไทย ๑ ชะเอมเทศ ๑ ก้านพลู ๑ ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้ เอาหนักอย่างละ ๑ บาทเท่านั้น การบูร กับเมนธ่อล เอาหนักอย่างละ ๒ สลึงฯ วิธีปรุงยา....... พึงคั่วก้านพลูให้สุกเหลืองเสียก่อนแล้ว นำยาทั้ง ๗ อย่าง นั้นมาตำผสมกันให้ละเอียด ห่อด้วยผ้าขาวบาง ใส่โหลไว้ ต้มน้ำให้เดือดแล้ว ยกลงรอให้น้ำอุ่นๆ แล้วเทลงในโหลนั้น ปิดฝาโหลให้สนิท เก็บไว้ ๓ คืน ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรคท้องอืด-ท้องเสีย-ปวดท้อง-จุกเสียดแน่นท้อง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูวรกิจจาภิรม วัดท้องคุ้ง อ.บ้านหมี่ ลพบุรี) ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา ข่า ๑ ตะไคร้ ๑ ใบมะกรูด ๑ หัวกระชาย ๑ ใบโหระพา ๑ หอมแดง(ผิงไฟ) ๑ ตัวยาทั้ง ๗ อย่างนี้ กำหนดเอาอย่างละพอควร นำมาต้มยำกับปลากะป๋อง ใช้รับประทานเป็นอาหาร ประจำวัน มีสรรพคุณแก้โรคอืด ท้องเฟ้อ ในฤดูร้อน ให้หายไปอย่างชะงัดนักแลฯ (นายสานิต เนตรฤาชา โรงงานน้ำตาลอุตรดิตถ์) ยาแก้โรคจุกเสียดแน่นท้อง ท่านให้เอา ขิงแก่ๆมากพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด ใส่หม้อดิน ต้มกับน้ำพอควร ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณแก้โรค จุกเสียดแน่นท้องให้หายไป และทำให้นอนหลับสบายดีอีกด้วยฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ยาแก้โรคอาหารเป็นพิษ ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา รากต้นตะไคร้ (ต้นตะไคร้ใส่แกง) ๑ รากต้นหญ้านาง ๑ รากต้นว่านน้ำ ๑ ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ฝนกับฝาละมีหม้อ ผสมกับ น้ำต้มสุก ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรคอาหารเป็นพิษ เพราะผิดสำแลง ที่เกิดจากการรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว ทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นเหียนอาเจียน ท้องเสีย ให้หายไปได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระราชวิสุทธิโสภณ วัดศรีโคมคำ พะเยา) ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา กะลามะพร้าว นำมาเผาไฟให้ไหม้จนแดงแล้ว ใช้คีมครีบไฟบีป (ที่สะอาด) ปิดฝาปีบเพื่อให้ไฟดับ เอาถ่านกระลามะพร้าวนั้น นำมาบดให้ละเอียด ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ช้อนคาว ผสมกับ น้ำสะอาด มีสรรพคุณ แก้โรคท้องเสีย เพราะอาหารเป็นพิษ อาหารไม่ย่อย ให้หายไปได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (วิ่ทยาทานสงวนนาม) ยาแก้โรคท้องขึ้นอยู่ไฟไม่ได้ ท่านให้เอา หัวบัวบก ๑ พริกไทยร่อน ๑ หัวแห้งหมู ๑ กัญชา ๑ ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้ เอาอย่างละ ๕ ตำลึงเท่ากัน บดให้ละเอียด ผสมกับ น้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอน ขนาดเท่าเมล็ดพุทรา ใช้รับประทานครั้งละ ๑ เม็ด วันละ ๓ เวลา มีสรรพคุณ แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ หลังการคลอดลูก แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้กระสัยเส้น เป็นยาเจริญอาหาร ทำให้กินได้นอนหลับ แก้ความคิดฟุ้งซ่าน เป็นยาระงับประสาท ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ยาแก้โรคลงแดง ท่านให้เอา ลูกมะกอก ๑ ใบต้นทับทิม ๑ ใบต้นเทียน ๑ ผลมะตูม ๑ รากต้นแก้ว ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ บอระเพ็ด ๑ ใบมะกา ๑ ตัวยาทั้ง ๘ อย่างนี้ เอาอย่างละเท่าๆกัน นำมาใส่หม้อดิน ต้มกับน้ำพอควร ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรคลงแดง ซึ่งมีอาการถ่ายท้องอย่างแรง ขนาดเข้าชามออกชาม คล้ายลำไส้ตรง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (วิทยากรสงวนนาม) ยาแก้โรคท้องผูก ขนานที่ ๑ ท่านให้รับประทาน ผลมะละกอสุก บ่อยๆทำให้ท้องไม่ผูก ถ่ายอุจจาระสะดวก จะไม่เป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก มีสรรพคุณชะงัดนักแล (วิรัตน์ แซ่แต้ สิงห์บุรี (หมอชาวบ้าน)) ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา ผลสมอเทศ ๑ ผลสมอไทย ๑ ผลสมอพิเภก ๑ (ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ เอาเฉพาะเนื้อ เอาเม็ดออกเสีย) ผิวมะกรูด ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ยาดำ ๑ ตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้ เอาอย่างละ ๑ บาทเท่ากัน นำมาตากแดดให้แห้ง บดให้ละเอียด ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดพุทรา ใช้รับประทานกับ น้ำร้อน ครั้งละ ๒-๓ เม็ด วันละ ๒ เวลา เช้า-เย็น มีสรรพคุณ เป็นยาระบายอ่อนๆ แก้อาการท้องผูก ขับลมในลำไส้ และเป็นยาช่วย เจริญอาหารอีกด้วย ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (วิทยากรสงวนนาม) วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ต่อไป เป็นยาแก้โรคบิด ซึ่งจะมีมากขนาน ถึง ๒๖ ขนาน ท่านอาจจะงุนงงมาก ต่อตัวยานี้ แล้วจะนำมาลงภายหน้าในโอกาสต่อไป สวัสดี. * แก้วประเสริฐ. *
อทิสมานกาย ๕๖ ครั้นล่วงได้เวลาถวายเพลพระเมื่อกลองเพลดังขึ้น บอกเวลาแก่พระภิกษุสงฆ์ให้ล่วงรู้ หลวงพ่อทองก็ออกเดินนำหน้า ไปยังอาสนาะที่ฉันท์อาหาร บรรดา กำนวนหวนและ พวกอีกกลุ่มของพ่อเชียรก็เดินสนทนากัน เป็นที่ถูกอัธยาสัยยิ่ง ต่างก็รีบนำอาหารที่พวก ตนได้นำมาจัดแจงใส่ถาด ส่วนข้าวนั้นก็เทใส่กาละมัง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยต่างก็นำ ไปประเคนถวายแก่ภิกษุสงฆ์ตามลำดับ ระหว่างที่ผู้ใหญ่ทั้งสองกลุ่มกำลังสนทนาไปพลางในระหว่างจัดเตรียมนั้นเหล่า พวกเด็กอันได้แก่เจ้าชัย เจ้าช้วนและสาวบงกช ต่างพากันยิ้มแย้ม ต่างช่วยเหลือหยิบ โน่นส่งนี้ด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ยิ่งเจ้าชวน เจ้าชัย และสาวบงกช เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย แล้ว และช่วยพ่อแม่เข้าประเคนถวายของพระนั้น สาวบงกช เจ้าชวนและเจ้าชัยก็ รู้สึกแปลกใจในการถือปฏิบัติของเหล่าสงฆ์นี้ ต่างอุทานกันขึ้นมาเบาๆ “พี่ชวนๆ ดูกิริยาท่าทางอันเคร่งขรึมระหว่างการรับส่งต่อของพระท่านซิพี่ ช่างมีมารยาทเรียบร้อยยิ่งนัก ผิดกับทางวัดแถวบ้านเราตรงกันข้ามมากเชียวนะพี่” สาวบงกช เอ่ยกับพี่ชาย เบาๆในระหว่างนั่งพับเพียบพนมมือทั้งสอง “จริงซิน้องกช ทางวัดบ้านเราเวลาฉันท์อาหารก็มานั่งเรียงแถวกัน และส่งเสียง สนทนากัน ต่างติชมอาหารกันแซดไปหมด ไม่ได้ฉันท์ในบาตรเลยสักรูปเดียว ล้วนแล้วแต่มีสำหรับกับข้าววางตรงข้างหน้าท่านเท่านั้น และต่างตักกันบางครั้ง ช้อนยังแทบจะชนกันก็มีนะ แม้กระทั่งสมภารก็เหมือนกัน เอ๊ะๆๆ แปลกจริงๆ แบบนี้น่านับถือศรัทธามากนะน้อง” พี่ชายกล่าวลอยๆ “จริงของพี่จ๊ะ???....ท่าทางระหว่างการฉันท์อาหารไม่ได้ยินเสียงอะไรกันเลยล่ะ” สาวบงกชถามแล้วพลางหันหน้าไปทาง เจ้าชัยพลางเอ่ยขึ้นว่า “แล้วพี่ชัยเห็นแปลกหรือว่าเคยเห็นมาแล้วกระมังพี่ ” หญิงสาวถามเบาๆ “เป็นครั้งแรกเหมือนกันจ๊ะน้องกชที่เห็น ถึงจะอยู่ใกล้ๆกันก็มัวแต่ทำงานอยู่ใน ไร่นาสวน ส่วนใหญ่พี่ชายพี่มักจะมาเป็นประจำกับพ่อและแม่จ้า” เจ้าชัยเอ่ยตอบ “พี่ชัยยังมีพี่อีกหรือนึกว่าตัวคนเดียวเสียอีก” หญิงสาวเอ่ย “มีอีกสองคนจ๊ะ ชายหนึ่งหญิงหนึ่งจ้าน้องกช” ชายหนุ่มตอบ “อ้าวๆๆๆ!!!....พี่เองนึกว่าเป็นลูกชายคนเดียวเสียอีก????....” เจ้าชวนเอ่ยขึ้นบ้าง ชายหนุ่มชื่อชัยหันไปทางเจ้าชวนและสาวบงกช พลางตอบว่า “คนโตชื่อโชติจ๊ะพี่ ส่วนคนรองเป็นหญิงชื่อชบาจ๊ะ เรามีพี่น้องกันเพียงสามคน เท่านั้นแหละ และยังมี???.....” เจ้าชัยก็หยุดเสีย “อ้าวนึกว่ามีแค่สามคนเสียอีก กลับมีใครมาเพิ่มอีกล่ะเจ้าชวนและสาวชบาถาม ด้วยความสงสัย???...” “อีกสองคนจ๊ะพี่และน้องกช...เขาชื่อแสงสีและสินชัย เป็นลูกน้องสนิทของพี่โชติ ก็มาพักบ้างไม่พักบ้างจ๊ะ” เจ้าชัยตอบความจริง ซึ่งตอนแรกมันไม่กล้าบอกด้วยมันก็ไม่แน่ใจ เพราะบางครั้งก็พบชายทั้งสองออกมาจากห้อง บางครั้งก็หายไปในห้องแต่ ทั้งสองไม่เคยมาวิสาสาะสนทนากันกับครอบครัวเลย ครั้นถามพ่อกับแม่ ท่านได้แต่หัวร่อแต่ไม่ให้ความกระจ่างใดๆกับมันเสียเลย นอกจากบอกว่าเขาเป็นเด็กคนสนิทของพี่เอ็งเจ้าโชติอย่างไรล่ะ อย่าไปรู้เลย เขาเป็นแบบนี้แหละมักจะทำตัวแบบเงียบๆ ไปๆมาๆไร้ร่องรอยจริงๆว๊ะ มันทราบจากพ่อแม่ตอบเพียงเท่านี้ ครั้นมันจะรบเร้าถามก็ไม่สมควรนัก จึงเก็บความสงสัยไว้คนเดียว เมื่อพี่ชวนซึ่งแก่กว่ามันประมาณห้าปีได้ ส่วนสาวบงกชอ่อนกว่ามันหนึ่งปี ถามมาถึงจะนึกออก “ได้ยินว่าขากลับพ่อเชียรเชิญพ่อกำนันไปเที่ยวบ้านด้วยนา จะจริงหรือยังไง ยังไม่รู้แน่นอนนะ แต่ดูอากัปกิริยาของพ่อกำนันแล้วและแม่เย็นด้วยอยากจะไป เที่ยวเหมือนกันนะชัย” “หรือพี่เรื่องนี้ผมไม่ทันสังเกตุมัวแต่นั่งคุยเรื่องไร่นาสวนกับน้องบงกชอยู่ครับ” “นั่นซิๆๆ...พี่เห็นแล้วเลยไม่สะกิดให้ดู แต่ได้ยินว่าเมื่อถวายเพลรับฟัง พระท่านอนุโมทนาแล้วก็จะพากันกลับไปเลย” เจ้าชวนกล่าวขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็จะได้เจอกับพี่โชติกับพี่ชบาด้วยล่ะ จะได้รู้จักกันเอาไว้ก็ดีเหมือนกัน จ๊ะพี่” เจ้าชัยตอบ “พี่คิดเองก็ว่าดีเพราะหมู่บ้านทั้งสองก็ไม่ห่างกันจนเกินไป เพียงคั่นด้วย หมู่บ้านบางกระดี่เท่านั้นเอง ใช้เวลาคงไม่นานหรอกหรอกน้องกช” เจ้าชวนเอ่ยขึ้น “ได้ยินพ่อเชียรกล่าวกับหลวงพ่อว่า ทุกวันนี้ก็ได้พี่ชัยนี่แหละเป็นหลัก ในการทำไร่นาสวนอยู่ แค่เห็นหลวงพ่อได้แต่หัวร่อฮึๆๆๆเท่านั้นเองแหละพี่” สาวบงกช ตอบพี่ชายมัน ครั้นเสียงพระกำลังสวดอนุโมทนา พวกบรรดาหนุ่มๆสาวๆก็หยุดการเจรจากัน ต่างพากันรับการอนุโมทนาและพากันตรวจน้ำ จนพระสวดจบนั่นแหละจึงพากัน หันมามองหน้ากัน เพื่อจะดูว่าผู้ใหญ่จะทำอะไรต่อไปบ้าง หลังจากเข้าไปอำลาหลวงพ่อ เรียบร้อย หลวงพ่อก็กล่าวอนุโมทนาบุญผลแล้ว ก็บอกให้รีบกลับกันได้ ทั้งหมด หลวงพ่อจึงหันไปทางกำนันหวน เอ่ยขึ้นว่า “ไอ้หวนเอ๋ย!!!!....เรื่องที่เอ็งคิดนั้นข้ารับรองว่าสำเร็จแน่นอนไม่มีปัญหาหรอก???...” “ครับหลวงพ่อผมจะมาหัดขานนาคกับหลวงพ่อนะ” กำนันหวนกล่าว “เอ็งเอาหนังสือนี้ไปอ่านไม่ต้องมาหรอกมันไกลเหมือนกัน ยิ่งกว่านี้มึงยังท่องได้นี่นา” หลวงพ่อเอ่ยขึ้น แล้วทั้งหมดก็ก้มลงกราบท่าน ต่างทะยอยกันถือของๆใครของมันเพื่อจะกลัยบ้าน พากันเดิน ก้าวลงบันไดจากกุฎิหลวงพ่อทอง หญิงสาวหันไปมองแลเห็นพ่อเชียรกำลังจูงมือพ่อกำนันคล้ายๆจะสนทนาอะไรกัน ส่วนแม่เย็นก็จูงมืองแม่เข็มต่างหัวร่อคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรดาเด็กก็ ออกเดินตามหลังไปทันที กำนันหวนหันหลังมาสั่งลูกทันใดว่า “ชวนกชเอ๋ยกลับคราวนี้แวะที่บ้านพ่อเชียรก่อนนะลูกแล้วค่อยกลับบ้านบางโคเรา” “จ๊ะพ่อ ” เจ้าชวนกับสาวบงกชตอบ “แล้วน้องเชียรเอารถอะไรมาหรือ ” กำนันหวนถาม “มารถมอเตอร์ไซค์สะดวกสบายดีจ๊ะพี่ ผมขับคนเดียว ส่วนเจ้าชัยมันซ้อนแม่มันกลับ” “นึกว่าเดินกันมาเห็นบ้านก็ไม่ไกลจากวัด จะได้กลับด้วยกัน อย่างนั้นน้องขับนำหน้า พี่ไปก็แล้วกันนะ พี่จะขับรถตามหลังไปด้วยระยะทางมันไกลเหมือนกันเลยเอารถกะบะมา” “จ๊ะพี่ ถ้าอย่างงั้นผมนำหน้าพี่ไปก็แล้วหากพี่พร้อมแล้ว” ดังนั้นทั้งหมดก็ออกเดินทาง ไม่นานนักทางด้านหลังวัด แต่ทางคดเคี้ยวไปมาตามเนินเขาบ้าง ไหล่เขาบ้าง สักครู่ใหญ่ก็มาถึงหน้าบ้าน พ่อเชียรก็จะเดินลงจากรถไปเปิดประตูก็แลเห็น ลูกสาวชบาเดินมาเปิดประตูบ้านให้ ดังนั้นทั้งหมดก็ขับรถเข้ามาในบ้าน พ่อเชียรแม่เข็มก็นำ กำนันและแม่เย็น พร้อมกับทุกๆคนขึ้นไปบนเรือนทันที “พ่อเอาใครมาหรือเจ้าชัย” สาวชบาถามน้องชายทันที “กำนันหวนแห่งหมู่บ้านบางโคจ๊ะพี่ เกิดถูกชะตาอะไรกันไม่รู้ เห็นพ่อเราชวนกำนัน มาเที่ยวบ้านด้วย” เจ้าชัยตอบ “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าไปจัดเตรียมน้ำท่าไว้ก่อนนะจะได้ไปให้แขกเรา” “จ๊ะพี่แล้วพี่โชติล่ะยังไม่เห็นเลย” เจ้าชัยถาม “พี่เขาอยู่ในห้องแหละ ไม่ได้ไปไหนหรอก วันๆก็คลุกๆแต่ในห้องเขา คงนั่งทบทวน ตำรากระมัง พี่เองก็พึ่งได้ออกมานี่แหละระหว่างพ่อแม่ไม่อยู่พี่โชติบังคับให้ทำแต่สมาธิ อย่างอื่นๆยังไม่ได้เตรียมอะไรกันเลยนอกจากของเก่า หากมีแขกมาก็จะต้องทำอาหารเสริม อีกนะ แล้วพวกกำนันจะกินอาหารด้วยหรือเปล่าล่ะ???....” หญิงสาวชบาถาม “เอ้ๆๆๆ...เรื่องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันแหละพี่ ด้วยเห็นพ่อกับแม่สนิทสนมกันมากคงบางที อาจจะชวนกินอาหารกลางวันด้วยกันกระมัง???...” เจ้าชัยเอ่ยขึ้น อย่างไม่แน่ใจ “ถ้าอย่างนั้นพี่เห็นทีจะต้องรีบไปแล้วล่ะ เดี๋ยวเอ็งเอาน้ำไปให้พวกเขากินก่อนนะ ส่วนพี่ จะคอยจังหวะว่าจะอยู่ทานอาหารมื้อกลางวันกับเราหรือเปล่า แล้วเอ็งรีบมาบอกข้าเสียล่ะ??.. จะได้เตรียมตัวทัน แต่ของเราก็มีแบบเกือบสำเร็จรูปอยู่แล้วล่ะคงไม่ช้าหรอก” หญิงสาวเอ่ย ครั้นแล้วทั้งสองก็แยกกันออกไปปฏิบัติหน้าที่กัน เจ้าชัยก็เดินออกมาจากในครัวถือถาดที่ ใส่แก้วน้ำพอกับจำนวน คนพร้อมกับโถใส่น้ำฝน พอถึงก็รีบเทน้ำลงใส่แก้วยื่นส่งให้พ่อกำนัน แม่เย็น พี่ชวนและสาวบงกชทันที “อ้าวๆแล้วแม่ชบาล่ะไปไหนเสียล่ะเจ้าชัย???...” แม่เข็มถาม “อยู่ในครัวครับแม่ กำลังจะจัดเตรียมทำอาหารมื้อเที่ยงด้วยกันนี่แหละครับ” เจ้าชัยหันมาตอบ พร้อมชม้ายสายตายิ้มส่งไปให้สาวบงกชทันที เล่นเอาสาวบงกสะเทิ้นเอียงอายไป เพราะภายในใจเจ้าก็ให้ความสนใจแก่หนุ่มผู้นี้อยู่ ครั้นทั้งสองสบตากัน สาวบงกชก็ถึงกับหน้าแดงนิดๆ แต่ไม่พ้นสายตาพี่ชายไปได้ พลางกระแอมออกมาเบาๆ ไม่กล่าวอะไรได้แต่หัวร่อในลำคอเสียงเล็ดรอดดัง ฮึๆๆ นั่นแหละทั้งสองจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนใบหน้าสาวบงกชนั้นแดงระเรื่อๆทันที “เออเอ็งเข้าไปบอกพี่ชบาด้วยให้ไปตามพี่เขามารู้จักมักคุ้นกับพี่กำนันและแม่เย็นด้วยนะ” พ่อเชียรกล่าว แล้วหันหน้าไปคุยกับกำนันหวนต่อเหมือนจะถูกอกถูกใจกันนัก “จริงซินะลูกโชติยังไม่เห็นหน้าเลยล่ะ” แม่เข็มก็เอ่ยขึ้น ยังไม่ทันเจ้าชัยจะลุกไปทำตามคำสั่งของพ่อแม่เลย ร่างของชายหนุ่มก็ก้าวออกมาจากห้อง ก่อนจะถึงพลางนั่งลงคลานมาหาพ่อแม่และบรรดาแขกๆของพ่อแม่เขา พลางหันไปยกมือไหว้ กำนันหวนและแม่เย็นทันที พลางกล่าวว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมจะเข้ามาแล้วยังไม่ได้โอกาสพ่อดีแม่พ่อต้องการพบตัวผมก็เลยออกมา” ชายหนุ่มตอบ พลางหันไปยิ้มกับเจ้าชวนและสาวบงกชทันที เมื่อเห็นร่างของผู้เป็นพี่ชายของชัยแล้ว ก็ถึงกับสะดุ้งหล่อนคิดว่าเจ้าชัยนั้นรูปร่างใบหน้าคมคาย แล้ว แต่หากมาเทียบกับพี่ชายแล้วยังกับฟ้ากับดินเชียว พี่ชายกับหล่อเหลามากๆเสียด้วย รูปร่างหรือ ก็เพรียวสันทันกำยำ ผิดกับชัยที่ร่างกายนั้นจะเตี้ยกว่าพี่ชายเพียงแต่รูปร่างนั้นชัยกำยำมากกว่าพี่เท่านั้น แต่ลักษณะท่วงทีวาจากลับห่างไกลกันมากนัก เล่นเอาสาวบงกชถึงกับตลึงจังงังไป ส่วนเจ้าชวน ก็ยิ่งแปลกใจ ว่าทำไมพ่อเชียรกับแม่เย็นจะมีลูกที่แตกต่างกันเช่นนี้ ลูกหรือกับขาวมากกว่าคล้ำ ใบหน้าหรือก็สง่างามนัก มิน่าเล่าพ่อเชียรไม่เคยเอ่ยปากถึงลูกเลยในการรู้จักสนทนา มันเองคิดว่ามัน นั้นในแถบหมู่บ้านบางโคหรือบริเวณนี้ก็ยากจะหาใครมาเทียบได้ แต่หากจะนำมาเปรียบเทียบกับ ลูกพ่อเชียรแม่เย็นแล้วก็ยังห่างไกลอีกมากนัก ดังนั้นมันจึงยิ้มแล้วกล่าวขึ้นว่า “ผมเองก็ไม่ได้ยินพ่อเชียรแม่เข็มกล่าวถึงพี่อีกเลย พึ่งมาพบนี่แหละครับ ผมชื่อชวนครับนี่น้อง สาวชื่อบงกช” เจ้าชวนเอ่ยปากทักทายก่อน “แต่ว่าเอ๊ะ???...ทำไมผิวพ่อเชียรแม่เข็มแตกต่างกับพี่มากนักล่ะครับ” เจ้าชวนสงสัยถาม “ผมเองไม่ได้มาที่นี่เสียหลายๆปีล่ะ ??..” “ อ้อๆๆแล้วนี่อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ ผมเองพึ่งย่างเข้าสี่สิบห้านี่แหละ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบ “แปลกจริงๆดูยังราวกับอายุสามสิบอ่อนๆแน๊ะ จริงๆนะครับรูปร่างใบหน้าผิดกับอายุมากจังผม เองพึ่งอายุได้ยี่สิบแปดครับพี่” เจ้าชวนตอบ “ก็ผมเองไม่ได้ออกแดดนี่ครับ แล้วก็ไม่ได้ช่วยพ่อแม่ทำไร่นาสวนด้วย เพราะพึ่งมาถึงได้ไม่ เท่าไหร่ลางานมาเพื่อเยี่ยมพ่อแม่ครอบครัวเท่านั้นเอง ทำงานหรือก็ไม่ต้องตากแดดด้วยล่ะ” “นั่นนะซิผมถึงเห็นผิวพี่แตกต่างกับพ่อแม่มากนัก เพราะเหตุนี้นี่เอง ฝากตัวเป็นน้องด้วยคน นะครับพี่” เจ้าชวนเอ่ยฝากเนื้อฝากตัว “พี่เองไม่ขัดข้องอะไรหรอกครับ ยินดีเสียอีกที่จะได้น้องเพิ่มขึ้นอีก”ชายหนุ่มเอ่ย “หนูก็ขอฝากตัวด้วยนะพี่???....” แล้วหล่อนก็ชะงักจะเอ่ยชื่อ เมื่อก่อนก็ได้ยินชัยเอ่ยชื่อให้ฟังแต่หล่อนไม่ค่อยจะสนใจเท่าใดนัก คิดว่าความคมคาย หล่อเหลาคงจะสู้ชัยไม่ได้ แต่ทว่าหล่อนคิดผิดพลาดไปหมด และยิ่งได้ยินชัยบอกว่า อายุขึ้นเลขสี่ไปมากเหมือนกัน ก็ยิ่งไม่สนใจใหญ่ ด้วยคนละรุ่นกันและคงจะแก่เหมือน ชาวไร่นาสวน พออายุขึ้นเลขสี่ไปมากทั่วๆไปทั้งสิ้น แม้แต่พี่ชวนเองก็เถอะนับว่ารูปร่างน่าตา ดีแล้วสำหรับคนในละแวะนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้ อายุย่างเข้าสี่สิบแล้วก็คงจะเหมือนกันกับพวก ชาวบ้านทั้งหลายนี่แหละ ด้วยคงจะกินเหล้ามาก ทำให้ร่างกายก็จะทรุดโทรมไปเหมือนๆกันมิต่างกัน หล่อนคิดอยู่ในใจ ครั้นเมื่อได้มาพบตัวจริงและเพียงแค่สายตาเท่านั้นถึงกับสะท้านไปทั่วร่างทันที จิตใจชักลังเล คนอะไรอายุย่างเข้าไปปูนนี้ยังเหมือนกับพึ่งจะเข้าสามสิบอ่อนเท่านั้นเอง ใบหน้าหรือ ก็เกลี้ยงเกลา ผิวหรือก็ขาวผุดผ่อง รูปร่างก็ได้สัดส่วนสูงกำยำแต่ไม่ล้นออกมา ยิ่งคิดก็ยิ่งลังเล ใจระหว่างพี่ชายกับน้องชาย “วันนี้ดีเหมือนกันนะครับ ได้รู้จักและได้น้องเพิ่มขึ้นอีกตั้งสองคนแน๊ะ” ครั้นกล่าวจบชายหนุ่มก็หันไปทางผุ้ใหญ่ที่เห็นพ่อเขากำลังชี้มือมาทางเขา ได้ยินพ่อเอ่ยว่า “นี่แหละลูกชายคนโตผมล่ะครับพี่กำนันแม่เย็น เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ก่อนนั้นอยู่ในกรุงเทพฯ แต่เขาเกิดที่นี่ สอบชิงทุนไปเรียนที่ในเมืองและสอบชิงทุนในเมืองได้ไปต่อที่กรุงเทพฯเลยพี่กำนัน” “แล้วทำงานอะไรหรือในกรุงเทพฯล่ะ??...น้องเชียร” กำนันหันมามองเห็นความสง่าผ่าเผย ใบหน้าเกลี้ยงเกลา คมสันหล่อเหลา รูปร่างงดงามสูงใหญ่ “เอๆๆๆ...ได้ยินเขาบอกเหมือนกันว่า ทำงานเกี่ยวกับรักษาความปลอดภัยเป็นหัวหน้ายาม กระมังพี่” พ่อเชียรตอบ “คงเงินเดือนดีซินะ ดูเหมือนกับว่าจะทำงานสบายๆ ด้วยผิวพรรณนั้นขาวสะอาดสะอ้านดี” “ผมเองไม่เคยถามเรื่องเงินเดือนเขา หรอกพี่ แต่เขาส่งมาให้ไม่เคยขาด เดือนละหนึ่งหมื่นบ้าง สองหมื่นบ้างพี่” พ่อเชียรกล่าว “จ๊ะพ่อกำนัน ลูกคนนี้ลางานได้ก็มาเยี่ยมเลยล่ะ ทุกๆวันไม่ยอมออกไปไหนกับเขาหรอกนอก จากออกมาเดินเล่นเท่านั้น ส่วนใหญ่อยู่แต่ในห้องเขา” แม่เย็นเอ่ยขึ้นบ้าง “แหมๆๆแม่เข็มนี่ลูกส่งมาให้แบบนี้ก็คงสบายนะซิ ฉันมองดูเห็นอาณาเขตกว้างขวางนัก?” แม่เย็นถาม แม่เข็มก็หันไปตอบว่า “ก็ขายของบ้างแต่ละปีและเป็นวันที่คนเขามารับของไปขายแหละแม่เย็น อีกทั้งเดือนๆก็ ยังได้รับเงินจากลูกชายคนนี้เก็บๆไว้ด้วยว่าไม่ค่อยจะได้ใช้อะไรนัก ด้วยในไร่นาสวนก็มีพร้อม อยู่แล้ว ก็พ่อเชียรเขานั่นแหละช่างคิดช่างค้นหาสิ่งแปลกมาทดลองใช้ในพื้นที่นี้ก่อน อีกทั้งเขา ยังผสมพันธุ์ต้นไม้แยกออกไป และยังขายต้นไม้ที่เพาะชำระไว้ด้วยอีกจ้า” แม่เข็มตอบ “ผมเองไม่มีเวลามาครับ มาได้ก็ลางานเขามาไม่เท่าไหร่หรอกครับ ต่อไปไม่รู้เหมือนกันว่า เขาจะไล่ผมออกหรือไม่ มาแล้วก็ติดใจนึกถึงตอนเป็นเด็กครับ เลยอยู่เกินเวลาลาครับ” หนุ่มโชติกล่าวขึ้นบ้าง “จะเป็นอะไรไปพ่อเอ๋ย ไร่นาสวนก็มีมากมายเช่นนี้ คงจะไม่อดตายหรอกจ้า” แม่เย็นกล่าวขึ้น “แต่ผมไม่ได้ทำมาหลายปีแล้ว คงจะทำไม่ไหวหรอก ก็อาศัยน้องๆนี่แหละช่วยเหลือเป็นกำลัง หลักครับ วันๆหนึ่งผมจะลงไปช่วยพ่อแม่น้องๆเขาห้ามไว้ ไม่รู้จะห้ามไปทำไม กลัวผมจะลำบาก กระมังครับ” “โอ้ย!!!....คนเกิดที่นี่ก็ทำได้ทุกๆคนแหละจ้า...จะติดขัดก็สักพักหนึ่งเท่านั้น” แม่เย็นเอ่ย “ผมก็คิดเหมือนน้าแหละครับ แต่พ่อแม่น้องๆมันไม่ยอมครับ มันบอกว่าให้คอยแค่คิดบัญชี เรื่องค่าใช้จ่ายรายรับต่างๆก็พอครับ บอกว่าพวกมันไม่มีความรู้ด้านนี้เพียงอาศัยแรงกายเท่านั้น ผมเองเรียนมาสูงกว่าเขา ก็ควรทำหน้าที่ดีกว่า ส่วนแรงงานเขาจะเป็นคนทำเองดูซิครับน้า พ่อ แม่จะจ้างคนมาทำงานกับเจ้าชัย มันบอกว่าไม่ต้องหรอกเสียดายเงินนอกจากงานใหญ่ๆเท่านั้น” ชายหนุ่มกล่าว “นั่นซินะแม่เข็ม เจ้าชัยและน้องกล่าวก็ถูกอีกแหละ หากรูปร่างผิวพรรณแบบนี้ ให้ไปตากแดดจะทนได้สักกี่น้ำ สู้เอาไว้ใช้สมองดีกว่า จริงไหมพ่อหนุ่ม” กำนันหวนเอ่ยขึ้นบ้าง “สงสัยจะเหมือนพ่อกำนันกล่าวเสียแล้วล่ะครับน้า ทุกๆคนลงความเห็นเหมือนกันหมด พอผมคว้าจอบเสียมเท่านั้น เจ้าชัยมันก็รีบมาแย่ง บอกว่าให้ไปนั่งพักและคอยคิดเงินคิดทอง ดีกว่า เล่นเอาผมหัวร่อแทบตาย บอกกับมันว่า หากไม่ให้พี่ช่วยแล้ว หากพี่เป็นง่อยขึ้นมา ใครจะมาดูแลพี่เสียล่ะ?......ถ้าหากผมเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาขึ้นมาจริงๆ พูดนะพูดได้แต่เวลาจริงจะได้หรือเปล่ากับคนพิการเช่นผมนี้ น้องชบามันก็บอกว่าน้องเลี้ยงดูแลให้เอง ผมถึงกับหัวร่อใหญ่เชียวครับ” ชายหนุ่มเอ่ยไปหัวร่อไป เสียงหัวร่อของเขาช่างทุ้มกังวานยิ่งนัก เล่นเอาพ่อกำนันแม่เย็น ตลอดจนเจ้าชวนสาวบงกชหันมามองเป็นตาเดียวกัน มันเป็นเสียงหัวร่อของผู้มีอำนาจมากๆ โดยเฉพาะสาวบงกชถึงกลับปากอ้าตาค้างไปเลย เสียงนั้นช่างทุ้มหนักแน่นกังวานไพเราะนัก ส่วนเจ้าชวนนั้นมันเคยได้ยินเสียงกล่าวๆแบบนี้มาจากในเมืองแต่มันตอนนี้นึกไม่ออกว่า เสียงแบบนี้ได้ยินจากที่ใดกัน แล้วพ่อเชียรแม่เย็นก็ตัดบทขึ้นทันที “พี่หวนมื้อนี้ทานข้าวด้วยกันนะทุกๆคนด้วย” แล้วหันไปทางเจ้าชัยให้ไปบอกแก่สาวชบา ให้จัดเตรียมอาหารมือเที่ยงด้วย ซึ่งที่จริงนั้นนี่ก็บ่ายโมงกว่าๆแล้ว แต่ทั้งหมดไม่ได้ทานอาหาร จากวัดมาด้วยกันทั้งหมด ด้วยพี่กำนันว่าจะมาเยี่ยมตามที่พ่อเชียรชวนให้แวะกินน้ำท่าก่อน “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องขอตัวไปช่วยชบามันด้วยนะมันตัวคนเดียวคงจะไม่ทันหรอก” แม่เข็มเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างงั้นให้พวกผู้ชายและเด็กๆมันคุยรู้จักกันก็แล้วกัน เราแก่แล้วมาๆๆ ไปช่วยด้วยคน” แม่เย็นกล่าวแล้ว ลุกขึ้นทันที............. * แก้วประเสริฐ. *
* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๗ * ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมเองกำลังเปื่อยมากๆด้วย อาจจะทิ้งช่วงไปบ้างทั้งที่พึ่งจะ ทุเลาขึ้นบ้าง แต่ให้ห่วงในสิ่งที่ทำไปยังไม่สำเร็จ การลงให้ศึกษาตัวยาสมุนไทยเราโบราณ เรานั้นถึงแม้นว่าจะเต่าล้านปีก็ตาม ใช้ก็ได้ไม่ใช้ก็ดีด้วยต้องมาคัดเลือกในสิ่งที่ค่อนข้างจะ หายากสักหน่อย ผมจะแนะนำให้หากไม่รู้จักและต้องการใช้ยาขนานใดขนานหนึ่งแล้ว เราหาไม่ครบ ให้จดรายการนี้แล้ว ให้คุณไปที่ร้านเจ้ากรมเป๋อ ข้างวัดสามปลื้ม กทม. หรือสอบถามคนแถวๆนั้น ซึ่งเขาก็จะรู้จักกันแทบทุกๆคน เป็นศูนย์กลางของสมุนไพรไทยเราแทบจะหมด เขาค้าขายมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ต้นตำหรับนั้นรับราชการหลายสมัยต่อเนื่องมา จนได้เป็นถึงเจ้ากรม แต่ท่านชื่อเล่นว่า “ เป๋อ ” สืบสายมาจนชั่วลูกชั่วหลานดำรงไว้ตามที่ต้นตำหรับ ร้านอยู่ติดกับข้างประตูเข้าวัด พอเดินไปเกือบถึงก็จะได้กลิ่นหอมของตัวยาต่างๆ อาจบางทีถึงไม่ต้องสอบถามก็รู้ จำหน่ายหรือก็ราคาถูกหรือปานกลางไม่ได้คิดเพิ่มไปมากอีกเลย กำไรนิดๆหน่อยๆ ด้วยฐานะเขามั่นคงเป็นทานแก่บุคคลยากจน จึงคิดในราคาเกือบจะต้นต้น คุณเชื่อไหมล่ะ???.....ว่าตัวยาต่างๆอันไร้คุณค่าในสายตาปัจจุบันนี้จะดำรงไว้ศักดิ์สิทธิ์นัก ด้วยช่วยเหลือคนต่างๆมาตั้งแต่อดีตกาลจวบปัจจุบันให้รอดตายหายจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มาก็มากเสียมากแล้ว ในบางครั้งสิ่งใกล้ตัวเราแต่เราไม่รู้วิธีการใช้ก็จะไร้ค่าไป แม้นแต่แพทย์ แผนปัจจุบันก็ยังยอมรับในข้อนี้ ยอมบรรจุลงในหลักสูตรการสั่งสอนไว้ด้วย และได้จัดการ ทดสอบผลการเล่าเรียนรู้จากคนทั่วๆไป ยังออกประกาศนียบัตรให้อีกด้วย ยกย่องว่าเป็น แพทย์แผนโบราณ ให้เป็นเกียรติยศสืบต่อในวงศ์ตระกูลอีกด้วย เท่านี้ก่อนนะครับ ขอให้ทุกๆคนปราศจากโรคา พยาธิ อันพึงทรมานนี้ด้วยเทอญฯ * แก้วประเสริฐ. * ยาแก้โรคท้องเดิน (ต่อ) ขนานที่ ๑๐ ท่านให้เอาพริกแห้ง ๕ เม็ด (ลงด้วยพระเจ้าห้าพระองค์คือ นะ โม พุท ธา ยะ องค์ ๑ เม็ด) กลั้นใจเด็ดเม็ดพริกแห้งทั้ง ๕ เม็ดนั้นให้ขาดจากกัน หัวข่าสด (กลั้นใจหั่นเป็นแว่น)๗ แว่น แล้วลงด้วยพระพุทธคุณ (อิติปิโส ไปจนถึง ภควาติ) บนแว่นข้าทั้ง ๗ นั้น เกลือทะเลตัวผู้ (เกลือที่เม็ดยาวๆ) กลั้นใจหยิบด้วยนิ้วมือทั้ง ๓ คือ (นิ้วหัวแม่มือ ๑ นิ้วชี้ ๑ นิ้วกลาง ๑ ) ๑ หยิบมือ นำตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดินต้ม กับน้ำพอควร ใช้น้ำยารับประทาน ครั้งละ ๑ ถ้วยชา (ยาขนานนี้เป็นยาผีบอก ก่อนต้มยา ให้จุดธูป ๓ ดอกในที่กลางแจ้ง บอกขออนุญาตยาเจ้าของนี้ด้วย) มีสรรพคุณ แก้โรคท้องเดินอย่างรุนแรง มีอาการทั้งลงทั้งราก จนคนป่วยมีอาการตัวเย็น ซีดเหลือง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้วฯ (พระอธิการกุศล ถิรธมฺโม วัดหน่องกระทู้ (สมานสามัคคี) อ.สองพี่น้อง สุพรรณบุรี) ขนานที่ ๑๑ ท่านให้เอายาแก้ปวดทัมใจ ๑ ห่อ นำมาผสมกับน้ำปลา หรือ ผสมกับน้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ก็ได้ พอประมาณ ใช้รับประทาน ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรคปวดท้อง โรคท้องเดิน (โรคท้องร่วง โรคลงท้อง) ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูสิทธิอรุณรังษี วัดรังษีสุทธาวาส อ.ศรีราชา ชลบุรี) ขนานที่ ๑๒ ท่านให้เอา เปลือกต้นขี้อ้าย พอประมาณ นำมาใส่หม้อดิน ต้ม กับน้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ใช้น้ำยารับประทาน ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรคท้องเดิน ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูศรีวรพินิจ วัดบางนาใน เขตพระโขนง กรุงเทพมหานครฯ) ขนานที่ ๑๓ ท่านให้เอา ซังข้าวโพด (ฝักข้าวโพดที่ต้มสุกกิน เนื้อหมดแล้ว) ๑ ฝัก กับ เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ๑ กำมือ ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอควร ใช้น้ำยารับประทาน ครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรคท้องเดิน โรคท้องร่วง โรคท้องเสีย ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระสมุห์อ่อน จุลฺลวํโส วัดนิคมวาสี อ.พระพุทธบาท สระบุรีป ขนานที่ ๑๔ ท่านให้เอา กล้วยตีบดิบ ๑ ผล กับ เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับ น้ำต้มสุก ประมาณ น้ำยา ๑ ถ้วยชา ใช้รับประทาน มีสรรพคุณ แก้โรคท้องเดินได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระสมุห์อ่อน จลฺลวํโส วัดนิคมวาสี อ.พระพุทธบาท สระบุรี) ขนานที่ ๑๕ ท่านให้เอา เปลือกส้มโอ ๑ เปลือกต้นพุทรา ๑ ใบฝรั่ง ๑ หวายลิง ๑ ตัวทั้ง ๔ อย่างนี้ เอาอย่างละ ๑ กำมือเท่ากัน ขมิ้นอ้อย ๕ แว่น ลงด้วยพระเจ้าห้าพระองค์ คือ(นะ โม พุท ธา ยะ แว่นละ ๑ พระองค์) ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำ ๓ ส่วน เคี่ยวให้เหลือน้ำ ๑ ส่วน ใช้น้ำยารับประทาน ๑ ถ้วยชา จำนวน ๓ ครั้ง ระยะห่างกันครั้งละ ๓๐ นาทีถึง ๑ ชั่วโมงฯ ถ้าเป็นโรคท้องเดินอหิวาตกโรค ให้แทรก ผิวมะกรูด กับ กำมะถันเล็กน้อยฯ ยาขนานนี้ มีสรรพคุณ แก้เด็กถ่ายเป็นมูกเลือด แก้ไข้รากสาด ไข้อติสาร ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระธรรมปิฎก วัดชนะสงคราม กรุงเทพมหานครฯ) ขนานที่ ๑๖ ท่านให้เอา ยอดต้นฝรั่ง ๔-๕ ยอด นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอคว ร ใส่เกลือทะเล(เกลือใส่แกง) ลงผสมเล็กน้อย ใช้น้ำยารับประทาน ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรคท้องร่วงของเด็กและผู้ใหญ่ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล (จำลอง ศิริเพ็ญพงศ์ กรุงเทพมหานครฯ) ขนานที่ ๑๗ ท่านให้เอา ใบต้นฝรั่ง มากพอสมควร นำมาตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำ ผสม กับ น้ำผึ้งแท้ ประมาณ น้ำยา ๑ ถ้วยชา กวนให้เข้ากันดีแล้ว ใช้รับประทาน มีสรรพคุณ แก้โรคท้องร่วงได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (ประพันธ์ พัทยาวรรณ จ.ตาก) ขนานที่ ๑๘ ท่านให้เอา ผลมะเฟืองสุก (ที่มีรสเปรี้ยวจัดๆ) จำนวนมากพอสมควร นำมาคั้นเอาน้ำ ๑ ถ้วยกาแฟ ผสมกับ น้ำตาลทรายขาว พอมีรสหวาน ใช้น้ำยารับประทานครั้งเดียวให้หมด แล้วนอนพักผ่อน หลังจากรับประทานยานี้แล้ว จะถ่ายอุจาระอีก ๑-๒ ครั้ง แล้วจะหยุดท้องร่วง แล้วหายปวด มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ (พระอธิการอินสม เรือนเพ็ชร วัดพระธาตุคว่ำหม้อ อ.เมือง ลำปาง) ขนานที่ ๑๙ ท่านให้เอา ใบชาจีน (ใบชาใช้ชงน้ำร้อน) ๑ หัวหอมแดง (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ) ๑ น้ำตาลทรายแดง ๑ ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ เอาอย่างละ เท่าๆกัน ห่อผ้าขาวบางแช่ในน้ำร้อน ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา ประมาณวันละ ๓-๔ ครั้ง มีสรรพคุณ แก้โรคท้องร่วง ท้องเดิน โรคบิด ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระอธิการสมจิตต์ นิทฺเทสโก วัดตาล อ.ปากเกร็ด นนทบุรี) ขนานที่ ๒๐ ท่านให้เอา ผิวมะกรูด ๑ ผล นำมาตำให้แหลก ผสมกับน้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) และแทรก พิมเสน เล็กน้อย ประมาณน้ำยา ๑ ถ้วยชา ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคท้องร่วง โรคจุกเสียดท้อง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูพิบูลรัตนากร วัดสามกอ อ.เสนา อยุธยา) ขนานที่ ๒๑ ท่านให้เอา ใบต้นข่อย ๑ กำมือ นำมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำประมาณ ค่อนแก้วกาแฟ ผสมกับ สุรา ใช้รับประทาน ชั่วระยะเวลา ๑๐ นาที อาการโรคท้องร่วง และ อาเจียนจะหยุดทันที มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ (พระทองใบ เตชปุญฺโญ วัดลำนารายณ์ อ.ชัยบาดาล ลพบุรี) ยาแก้ ปวดท้อง-เจ็บท้อง-เสียดท้อง ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา หัวข่าแก่ๆ นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ประมาณ ๒ ถ้วยแก้ว กวนให้เข้ากันดีแล้ว กรองด้วยผ้าขาวบาง ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้อาการปวดท้อง-เจ็บท้อง-เสียดท้อง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระทองใบ เตชปุญฺโญ วัดลำนายรายณ์ อ.ชัยบาดาล ลพบุรี) ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา ตะไคร้ ๕ ต้น (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) นำมาล้างน้ำให้สะอาด สับเป็นท่อนๆใส่หม้อดินต้มกับน้ำ ใส่เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ลงผสมพอสมควร ถ้าท้องผูก พึงใส่เกลือให้เค็มจัดๆ ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ แก้ว มีสรรพคุณ แก้โรคปวดท้อง ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ขนานที่ ๓ ท่านให้เอา ขนุนดิบๆ (ปอกเปลือกออกเสีย) ๑ เมล็ด กับ เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) พอสมควร นำมาใส่ปากเคี้ยวให้ละเอียดแล้ว กลืนลงท้อง มีสรรพคุณแก้โรคปวดท้องให้หายไปทันที ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระเอื้อน เถรธมฺโม วัดสี่แยกบ่อนอก อ.เมือง ประจวบคีรีขันธ์) ขนานที่ ๔ ท่านให้เอา ใบมะนาว ๑๐๘ ใบ ก้านสะเดา ๑๐๘ ก้าน ใบมะกา ๑ กำมือ ขมิ้นอ้อย ๕ แว่น บอระเพ็ด ๗ องคุลี ฝักคูณ ๗ ฝัก ตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดิน ต้มกับน้ำพอควร ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณแก้โรคปวดท้องของคนสูงอายุ ซึ่งปวดเป็นประจำ กินยาอะไรๆก็ไม่หาย เคยใช้รักษาหายมาหลายคนแล้ว มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ (พระครูปัญญาวัชรากร วัดหนองปลาไหล เพชรบุรี) วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ หากทุเลากว่านี้จะลงให้มากๆครับ ขอให้พ้นจากโรคา พยาธิ นานานับประการเทอญ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แลฯ * แก้วประเสริฐ. *
อทิสมานกาย ๕๕ ยามราตรีค่ำคืน ท้องฟ้าลอยละล่องด้วยเหล่าเมฆไปตามกระแสลม เบื้องหลัง เต็มไปด้วย ดวงดาวพร่างพรายระยิบระยับ บ้างก็กระพริบ บ้างก็ค้างเพียงแต่ ทอแสงเต็มไปหมด ในรูกลักษณ์ต่างๆกัน งดงามยิ่งนักชวนน่าทัศนา หลังจากที่กำนันหวนได้กลับมายังบ้านของตัวเองแล้ว ในตอนค่ำฟ้าสาง อากาศเริ่มย่างเข้าสู่หน้าหนาวที่ใกล้ๆภูเขาของหมู่บ้านบางโคนั้น บ้านกำนัน เริ่มมีคนตื่นขึ้นมาแล้ว ทุกๆคนต่างเป็นห่วงในการหายไปของกำนันหวนทั้งสิ้น “บงกชเอ๋ย???....ตื่นหรือยังล่ะ???...” เสียงเรียกจากเมียกำนันเอ่ยขึ้น “ตื่นนานแล้วจ๊ะแม่.....แม่มีอะไรจะให้ทำหรือ???....” เสียงขานตอบดังเพียง แค่ได้ยินเสียงเท่านั้น “พ่อเจ้าหายไปตั้งนาน ป่านนี้น่าจะกลับมาบ้านได้แล้ว แต่นี่ยังไม่มีวี่แววสักนิด??...” เสียงผู้เป็นแม่กล่าวตอบลูกสาวกึ่งสอบถาม “นั่นซิจ๊ะแม่ หนูเองก็อดเป็นห่วงพ่อไม่ได้ ไม่เคยเห็นพ่อไปช้าเหมือนคราวนี้เลย” เสียงตอบจากหญิงสาว รูปร่างนั้นค่อนข้างสัดส่วนสวยมีรูปร่างเพรียวกระทัดรัดงามแบบชาวบ้านที่งามกว่า นับว่าเป็นหนึ่งในแถบบริเวณแถวนี้ เป็นที่หมายปองแก่หนุ่มๆในหมู่บ้านและอื่นๆ บริเวณใกล้ๆเคียง อายุหรือก็ค่อนข้างเข้าไปถึง ๒๕ ปีแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าหญิงสาวนี้ จะสนใจชายอื่น มุ่งมั่นแต่ช่วยพ่อแม่ทำมาหากินเท่านั้น “นั่นซิลูก แม่เองก็ชักสังหรณ์ใจเหมือนกันจะเป็นอะไรไปหรือก็ไม่รู้น๊ะ” ผู้เป็นแม่ เอ่ย ในขณะเดียวกันก็สาระวนอยู่ในครัวเพื่อจัดเตรียมหาอาหารดั่งเคย “แม่จะให้หนูช่วยอะไรบ้างล่ะ” เสียงนั้นเดินเข้ามาในครัวแล้วนั่งลงข้างๆผู้เป็น แม่ หญิงกลางคนค่อนข้างมีอายุหันไปมองลูกสาว พลางเอ่ยว่า “กช!!!!....เอ็งปีนี้อายุได้เท่าไหร่แล้วนะ แม่ชักจะลืมๆไปแล้วล่ะ” “ย่างเข้า ๒๕ จ๊ะแม่ ” หญิงสาวกล่าว พลางหันไปคนหม้อข้าวที่ตั้งอยู่บนเตาไปกำลัง เดือดๆอยู่ ส่วนแม่เขานั่นมัวสาระวนกับอาหารในการกินอยู่ “อืมๆๆ!!!!.... อายุก็นับว่ามากพอควรนะเป็นสาวเต็มตัวแล้ว เอ็งมองใครไว้หรือเปล่า ล่ะ???.... นี่ก็นับว่าอายุมากแล้วนะ” ผู้เป็นแม่ถาม “เรื่องนี้หนูยังไม่สนใจหรอกจ้าแม่ เห็นพ่อหรือก็เอาแต่หาเงินหาทอง ส่วนแม่หรือก็ยัง เข้าไร่สวนทำงาน ถึงแม้จะมีพี่ชวนมันมาช่วยก็เถอะ แต่ว่ามันก็ดีนะแม่ ถึงจะยังไม่มี ครอบครัว แต่พี่ก็มีความรักใคร่กับครอบครัวเราดุจญาติและมองฉันคอยเป็นห่วงเป็นใย ดุจพี่ชาย ฉันหรือก็เคยถามเขาว่าทำไมยังไม่คิดมีเมียเสียล่ะ พี่ชวนก็มักจะหลีกเลี่ยงบอกว่า ยังไม่ถึงเวลา เป็นห่วงพ่อแม่และน้องคือฉันอยู่ว่า หากพี่เขามีเมียไปแล้วจะไม่มีใครมาช่วยดู ทางนี้ได้เต็มตัวจ๊ะแม่ พี่เขายังบอกว่ามีน้องสาวคือฉันนี่แหละกำลังเป็นสาวๆเดี๋ยวจะมี ใครมารังแกเอาจ๊ะแม่” หญิงสาวตอบ “นั่นซิพ่อแกเขาเลี้ยงเจ้าชวนมาตั้งแต่พ่อแม่มันตายยังเด็กๆอยู่จนบัดนี้มันก็สามสิบกว่าๆ ไปแล้วล่ะ แม่เคยบอกว่าหากชอบพอใครๆในหมู่บ้านหรือใกล้เคียงมาจะได้ไปสู่ขอให้ มัน กลับบอกว่าพ่อแม่และน้องมีคนคอยดูแลแล้วหรือ หรือว่ารังเกียจมันจะได้ให้มัน มีครอบครัวเร็วๆ แล้วมันยังกราบแม่อีกว่าขอบคุณแม่ต้องคอยให้พ่อแม่สบายดีกว่านี้ และน้องสาวมีเย้ามีเรือนเสียก่อนนั่นแหละมันถึงจะวางใจได้ มันตอบแบบนี้เอาแม่ถึงกับซึมน้ำตาไหล ไม่คิดว่ามันมีความกตัญญูมากซินะ และมัน จะรักพวกเราดุจพ่อแม่และรักเจ้าเหมือนน้องมันจริงๆ จึงเอ่ยปากถามมันอีกพลางรบเร้ามัน ไม่ต้องห่วงอะไรทางนี้หรอก แต่มันหัวร่อพลางยิ้มแล้วตอบแม่ว่า แม่ๆคอยดูไปก่อนทุกวัน นี้มันสบายขึ้นและไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้วล่ะพอจะพึงพาอาศัยให้มัน เท่ากับแม่และพ่อกับน้องเท่านั้น” “นั่นซิแม่ พี่ชวนนั้นก็นักเลงเสียด้วยซิไม่กลัวคนสู้คน ครั้งหนึ่งตอนไปเที่ยวงานวัดที่ วัดโคกอีแร้ง มีคนมาแซวหนูเท่านั้น เล่นเอาพวกมันหมอบกระแตไปตามๆกัน เขาประกาศ ก้องกลางลานวัดเชียวว่า คนอื่นยุ่งได้แต่อย่าเสือกมายุ่งกับน้องสาวกูนะโว้ย นี่ดีนะเป็นบริเวณ วัดมิฉนั้นพวกมึงอาจจะมีใครตายไปด้วย เล่นเอาพวกนั้นเลิกเที่ยวหนีกลับบ้านไปกัน สืบได้ว่า เป็นหมู่บ้านอื่นไม่ใช่หมู่บ้านเราและหมู่บ้านโคกอีแร้ง พูดตามความรู้สึกนะว่า พวกหมู่บ้าน โคกอีแร้งนั้นหนุ่มๆล้วนนิสัยใจคอดีๆกันเกือบทั้งสิ้นจ้าแม่” หญิงสาวตอบแม่ และแล้วทั้งสองก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกๆๆดังมาจากข้างล่างบ้าน “แม่ๆๆๆๆเร็วๆๆๆน้องกชด้วย พ่อถูกยิงมา ให้ไปหายามาใส่แผลด้วย” เสียงเรียกของ ชายหนุ่มตะโกนนำทางมาก่อน สักครู่ร่างเจ้าชวนก็พยุงร่างพ่อกำนันหวนขึ้นมาบนบันไดบ้านอย่างทุลักทุเล พลางพยุง นำไปวางยังเสื่อที่ปูไว้นั่งเล่นก่อนแล้ว ร่างกำนันหวนไม่เป็นอะไรมากนักเพียงเลือดที่แห้ง กรัง บัดนี้แห้งหมดแล้ว แต่มีหลายๆรอยอยู่ที่ยังมีเลือดซืมๆออกมาบ้าง “ใครทำพ่อมาหรือพ่อ เดี๋ยวข้าจะไปจัดการเอง” เจ้าชวนเอ่ยพลางปลดเสื้อผ้ากำนันหวน ออกพลางนำวาง หาผ้าอื่นที่สะอาดนำผ้าชุบน้ำมาล้างแผลให้อย่างลุกลี้ลุกลน “ไม่เป็นอะไรมากหรอกลูก โดนแค่ถากๆเท่านั้นเอง เออๆไอ้ชวนๆ” กำนันเอ่ย “ครับพ่อมีอะไรหรือจะให้ข้าช่วยหรือบอกได้เลยข้าจะนำคนไปจัดการเดี๋ยวนี้แหละจ้า” “ไม่มีใครทำอะไรพ่อหรอก แต่ที่พ่อเรียกเจ้านั้นจะบอกว่า ต่อไปนี้เห็นทีพ่อจะวางมือ จากเรื่องแบบนี้เสียที เจ็บรอดตายคราวนี้ทำให้พ่อสำนึกบาปบุญคุณโทษได้แล้วล่ะ จะขอ วางมือด้านนี้และลาออกจากกำนัน แต่ข้ายังเป็นห่วงแม่และน้องเจ้าอยู่เท่านั้นมีทางเดียว ที่จะหนีรอดอุ้งมือพวกมันได้คือหนีไปบวชตลอดไป ด้วยพ่อรู้ความลับมันมามากพอควร แต่ทางด้านนี้ก็จะขอให้เจ้าเลิกให้หมดด้วย และช่วยพ่อคอยดูแลแม่และน้อง หากน้องเจ้าได้แต่งงานไปก็จะทำให้พ่อยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากนัก” กำนันหวนตอบกับเจ้าชวน “อ้าวๆๆ????....ไหนๆเรื่องเป็นอย่างไรหรือพ่อ” ไอ้ชวนถามด้วยความสงสัยนัก แล้วกำนันหวนก็เล่าถึงเหตุการณ์ต่างให้ไอ้ชวนลูกเลี้ยงมันฟังในระหว่างทางคอยรถ นั้นมันก็เกิดความรับผิดชอบชั่วดี ทั้งยังรอดตายกลับมาส่วนพวกที่นำไป สงสัยจะตายหมด ดีนะที่ไม่ให้เจ้าชวนไปด้วยเกิดลางสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างขึ้น จึงให้คอยดูแลทางนี้แทน อีกอย่างหนึ่งเจ้าก็พึ่งจะหายดีคราวที่แล้วก็เกือบตายเหมือนกัน เมื่อกำนันเล่าให้ไอ้ชวนฟังแล้วหันไปทางตบไหล่เจ้าชวนและลูบหัวมันกล่าวขึ้นว่า “ ถึงมึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของกูก็เถอะ แต่กูก็รักมึงเหมือนลูกแท้ๆของกู เห็นว่ามีแต่มึง เท่านั้นที่จะช่วยเหลือพ่อได้ว๊ะ แต่กูรู้นิสัยใจคอมึงดีเห็นพอจะพึงพาอาศัยได้ยามกูไปบวช จึงจะขอกำชับและให้มึงรับปากกูว่าจะเลิกนิสัยก้าวร้าวนอกเสียจากคนจะมารังแกมึงเท่านั้น” “พ่อธรรมดานั้นใจข้าเองก็ไม่ค่อยชอบทางด้านนี้อยู่แล้วล่ะ แต่นี่เห็นเป็นงานของพ่อ ทำให้ข้าต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ หากปล่อยพ่อเท่านั้น แต่เมื่อพ่อพูดเช่นนี้ก็พึงพอใจมาก ใจข้าก็จะสงบมากขึ้นด้วยมันเสี่ยงไม่ใช่เฉพาะพ่อเท่านั้น แม่และน้อง ก็พลอยเอี่ยวไปกันหมด ลำพังข้าเองนั้นไม่เท่าไหร่หรอกตัวคนเดียวอยู่แล้ว ที่โตขึ้นทุกๆวันนี้ก็ด้วยน้ำมือพ่อและแม่เท่านั้น ที่ให้ความเอ็นดูแก่ข้ารักข้า ดุจดังลูกของตัวเอง ทำให้ข้าคิดว่าจะเพียงขอทดแทนไม่ว่าด้วยชีวิตหรืออะไรก็ตาม นิสัยข้าเองก็ไม่ค่อยชอบทางนี้อยู่แล้วล่ะพ่อ ข้าให้สัญญาว่าจะคุ้มครองดูแลแม่และน้องให้ สบายจ๊ะพ่อและจะเลิกนิสัยนักเลงให้หมด” ไอ้ชวนกล่าวขึ้น ครั้นกำนันหวนได้ฟังมันกล่าวเช่นนั้นถึงกับน้ำตาไหลออกมาแล้วดึงร่างมันไปสวมกอด พลางเอ่ยว่า “ขอบใจมากว่ะเจ้าชวน ส่วนทรัพย์สมบัตินั้นข้าจะแบ่งให้เจ้าบงกชมันกับเจ้าคนละครึ่ง เรื่องนี้เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก ถึงแม้ว่าจะทำไปในสิ่งไม่ดีก็หาใช่ด้วยน้ำใสใจจริงของข้าหรือ ก็ไม่เคยคิดว่าจะหลงทางเข้ามาในวังวนนี้ ข้าเคยคิดเหมือนกันจะเลิกเสียตั้งนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสอำนวย ที่ทำไป ก็ด้วยไปทางทางกระแสเท่านั้นเอง เมื่อได้ยินเจ้ากล่าวเช่นนี้ข้าก็สบายใจ เมื่อหลังหลังจากทำแผลเสร็จก็จะนำอาหารไปถวายเพลหลวงพ่อทองเสียหน่อยด้วย สมัยหนึ่งข้าเคยเป็นศิษย์สอยห้อยตามไปตอนท่านยังหนุ่มๆอยู่ไปธุดงค์ในป่าเขาต่างๆ ข้ายังเป็นเด็กๆอยู่ตอนยังไม่ได้มาครองวัดนี้ พบท่านในระหว่างธุดงค์เกิดศรัทธาเลยหนี พ่อแม่ติดตามท่านไปในที่ต่างๆ ท่านก็สอนวิชาอาคมให้แก่ข้าบ้างเพื่อใช้ป้องกันตัวแต่ เหมือนมีอะไรมาบังตาข้าทำให้ข้าไม่ชอบ ที่ออกร่วมเดินทางไปด้วยมองเห็นท่าน มีร่างกายผ่องใสงดงามนัก ข้าติดใจในรูปกายท่านเท่านั้นจึงขอติดตามไป ตอนแรกก็คิดๆจะร่ำเรียนเหมือนกันตอนนั้นนะ ครั้นโตขึ้นข้าก็แยกทางกับท่านไม่ คิดว่าท่านจะมาครองวัดโคกอีแร้ง เคยไปหาบ้างไม่หาบ้าง พบท่านๆก็สั่งสอนเหมือนท่าน จะรู้ว่าข้าทำอะไรไป ข้าเองได้แต่รับฟัง แต่เหมือนคนตาบอดจึงฟังหูไม่ฟังหูล่ะ” กำนันเอ่ย “นั่นซิพ่อ ข้าเองก็สงสัยเหมือนกันว่า เหตุใดพ่อถึงมักจะไปทำบุญที่วัดโคกอีแร้ง ก็ด้วยเหตุนี้พึ่งจะเข้าใจเอง ทั้งๆที่วัดใกล้หมู่บ้านเราหรือก็อาศัยอยู่ในเขตของหมู่บ้าน บางโคคือวัดบางโคทอง ซึ่งได้ข่าวว่ากำนันคนอื่นๆก่อนพ่อจะมาเป็นกำนัน นั้นมักจะไปทำบุญและสร้างวัดนี้ขึ้นมา แต่พอมาถึงพ่อ ข้ากับเห็นพ่อหันไปทำบุญทางวัดโคกอีแร้ง ข้าสงสัยมานานจะถามพ่อก็หลายๆครั้ง แต่เกรงใจพ่อเห็นกำลังมีงานอยู่จะยุ่งยากแก่พ่อไป” เจ้าชวนตอบพลางหายสงสัย เห็นกำนันหัวร่อฮึๆๆ พลางเอ่ยว่า “ หลวงพ่อทางวัดบางโคทองนั้น ท่านไม่ค่อยใส่ใจอะไรกับวัดนัก ครั้นได้เงินมาก็แบ่งเป็นสองทางครึ่งหนึ่งของวัดอีกครึ่งหนึ่งนำมาแบ่งตัวเอง และครอบครัวก่อนจะมาบวชและได้เป็นเจ้าอาวาส ผิดกับหลวงพ่อทองซึ่งหมู่บ้านโคกอีแร้งกว่าจะเชิญมาครองวัดได้ก็แทบ จะกระอักเลือด ยามที่วัดร้างเจ้าอาวาสอยู่แต่ข้าก็ไม่ทิ้งวัดนี้ไป ยังร่วมไปนิมนต์ หลวงพ่อด้วย ครั้นท่านเห็นเป็นข้าจึงยอมรับนิมนต์ด้วยท่านจำข้าได้ และยังถาม เกี่ยวกับข้าอีก ข้าจำเป็นต้องโกหกท่าน แต่ดูเหมือนท่านจะรู้ได้แต่อมยิ้ม ซ้ำยังเทสน์อบรมแก่ข้าอีกจนข้าต้องรีบเผ่นกลับบ้านเชียวล่ะ” กำนันเอ่ยเล่าความหลังให้เจ้าชวนฟัง “อ้อๆๆแบบนี้นี่เองเห็นพ่อไปทำบุญที่ไรมักจะไปทางด้านโน้น ส่วนทางด้านนี้ เห็นพ่อไม่ค่อยจะกระตือรือล้นเท่าไหร่นัก” เจ้าชวนตอบผู้เป็นพ่อบุญธรรมมัน ในระหว่างการสนทนากันอยู่นั้น แม่เย็นกับบงกชเข้ามาต่างร้องกันแล้วถลา เข้ามาดูอาการกำนันทันที “พ่อๆๆๆเป็นอะไรไปหรือมากแค่ไหนล่ะ พี่ชวนนี่จ๊ะยาที่พี่ตะโกนบอก” หล่อนหันไปทางเจ้าชวนพลางยื่นกล่องใส่ยาให้พร้อมกับน้ำร้อนอุ่นๆด้วย “พ่อไม่เป็นอะไรหรอกลูกแม่เย็นด้วยไม่ต้องห่วงข้า เออๆๆๆมาครบก็ดีแล้วข้า จะบอกแก่พวกเจ้าด้วยว่า ให้จัดเตรียมอาหารมื้อเพลไว้ด้วยข้าจะไปยังวัดโคกอีแร้ง” “แล้วเรื่องงานของพ่อล่ะเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ” แม่เย็นถามกำนันผู้ผัว “ไม่เรียบร้อยหรอกแม่เย็น ข้ารอดตายมาก็นับว่าบุญเก่ารักษาอยู่ แต่นี้ไปข้าจะ ลาออกจากกำนันแล้วไปบวชที่วัดโคกอีแร้ง คิดว่าจะไม่สึกออกมา แม่เย็นและเจ้า บงกชเห็นอย่างไรกับข้าบ้าง ส่วนเจ้าชวนนั้นมันเข้าใจอะไรๆหมดแล้ว” “อนุโมทนาจ้าพ่อกำนัน พ่อเองก็ยังไม่เคยบวชมานี่นา อีกอย่างหนึ่งก็เคยเป็นลูกศิษย์ ของหลวงพ่อทองอยู่แล้วคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก แต่เรื่องของทางการล่ะพ่อจะ ทำอย่างไรกัน” แม่เย็นถามพ่อกำนันหวน “ เรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหาหรอก ข้าจะประชุมผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยพรุ่งนี้จะเล่า เรื่องทั้งหมดให้ฟังแล้วปรึกษากันกับเขา แต่วันนี้เพลๆมีอาหารไหมล่ะ???...แม่เย็น” “เรื่องอาหารนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกพ่อ เดี๋ยวข้ากับลูกบงกชทำกันเองไม่ต้อง ให้ใครๆมาช่วยหรอก อีกอย่างข้าวปลาอาหารก็เพียบพร้อมอยู่ด้วยแล้วล่ะ” แม่เย็นกล่าว ครั้นทั้งสามเมื่อทราบเจตนารมณ์ของพ่อกำนันก็เข้าไปกราบและร่วมอนุโมทนาด้วย กัน เมื่อได้เวลาใกล้ฉันท์เพล คนทั้งสามก็มาพร้อมกันที่วัดโคกอีแร้ง เจ้าชวนคอยพยุง ร่างพ่อกำนันดูแลตลอดเวลา จนพ่อกำนันต้องร้องบอกว่า “พ่อไม่เป็นอะไรหรอกลูก ไม่ต้องหรอกเจ็บเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง เอ็งไปช่วยแม่ และน้องขนของขึ้นไปถวายเพลหลวงพ่อเถอะ “จ้าพ่อ ” มันกล่าวแล้วรีบผละจากกำนันหวนไปช่วยทั้งสองทันที เมื่อก้าวขึ้นไปบนกุฎืหลวงพ่อทองกำนันหวนก็เห็น มีคนอยู่สนทนากับหลวงพ่ออยู่แล้ว ก็ต่างให้เมียและลูกขนของขึ้นมารวมกันไว้ที่บริเวณที่ข้างๆใช้สำหรับฉันท์อาหารเพื่อรอ จังหวะที่หลวงพ่อว่างๆจะได้ไปสนทนาด้วย กำนันหันมากล่าวกับเมียและลูกๆว่า “แม่เย็นเจ้าบงกชเจ้าชวน แล้วเอ็งจะเห็นว่าลูกวัดท่านปฏิบัติตนอย่างไรบ้างน่าศรัทธา อย่างไรเอ็งคอยดูก็แล้วกันผิดกับวัดบางโคทองเลยล่ะ” ครั้นต่างคนต่างจัดการอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อย แม่เย็นก็เข้ามาสะกิดกับกำนันหวน ทันทีเอ่ยว่า “พ่อๆเห็นหลวงพ่อหันมาทางเราแล้วกวักมือเรียกให้ไปหาล่ะพ่อ” แม่เย็นเอ่ย กำนันมองไปทางมือของเมียแล้วก็ชักชวนให้ทุกๆคนเข้าไปหาหลวงพ่อทันที ทั้งหมดก็รีบเข้าๆหาพลางกราบหลวงพ่อกันทุกๆคน ก็ได้ยินหลวงเอ่ยขึ้นว่า “ ความคิดเอ็งดีแล้วล่ะ ไอ้หวนเอ๋ยไม่เห็นโลงไม่หลั่งน้ำตา บัดนี้เคราะห์ของมึงพ้นแล้ว ไม่มีทางไหนอื่นอีกเท่าทางนี้หรอกว๊ะไอ้หวน” หลวงพ่อทองเอ่ยขึ้น “นี่ๆๆมาๆๆ ให้รู้จักกันไว้ด้วยนะ นี่คือพ่อเชียรแม่เข็มนั่งข้างๆมันคือไอ้ชัยลูกของพ่อ เชียรแม่เข็มเขา พ่อเชียรและแม่เข็มเป็นอุบาสกอุบาสิกาประจำทุกๆวันพระน่ะ” หลวงพ่อทองกล่าวขึ้น เมื่อกำนันหวนได้ยินหลวงพ่อกล่าวก็สะดุ้งในใจคิดว่าสมแล้วที่เป็นพระธุดงค์มาเป็นบุญของมัน และมันเคยเป็นศิษย์สอยห้อยตามมา คงจะทราบเรื่องทั้งหมด จึงพนมมือเอ่ยว่า “ครับหลวงพ่อระยะนี้ผมไม่ค่อยมาวัดเสียเลยแต่ก็ยังนึกถึงคุณหลวงพ่อเสมอๆครับ” “เรื่องนี้พ่อเองก็เข้าใจ แต่บุญของมึงยังมีพอที่จะเห็นผิดเป็นถูกได้ เอาล่ะๆๆทำความรู้ จักกันไว้ด้วย ข้ามองเห็นว่าอีกหน่อยมันก็จะสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวมึงและครองครัวเขา” หลวงพ่อเอ่ยทำนายให้กำนันหวนฟัง เล่นเอากำนันหวนแปลกใจมากยิ่งขึ้น พลางหันไปทาง พ่อเชียรและแม่เข็มต่างก็พากันยิ้มแย้มต้อนรับมันอยู่เลยเข้าไปหาและสนทนากันไล่เลียงถาม อายุกัน ได้ความว่ากำนันหวนอายุมากกว่าพ่อเชียรเกือบห้าปี และเมื่อต่างสนทนากันก็ทำให้ กำนันหวนสบายใจมากยิ่งขึ้น แล้วขอตัวจากพ่อเชียรพลางคลานเข้าไปหาหลวงพ่อทองทันที “กระผมมาวันนี้ใคร่จะขอรบกวนหลวงพ่อด้วยครับหลวงพ่อ” กำนันหวนเอ่ย “เออๆๆๆดีแล้วล่ะไอ้หวน หมดเวรกันเสียทีก็คราวนี้แหละ ข้าเองไม่ปฏิเสธกับการขอ ของเอ็งหรอก คิดดีแล้วหรือ???... แล้วถามความเห็นแม่เย็นเขาหรือเปล่าล่ะ” “หลวงพ่อเจ้าขา...อิฉันกลับดีใจยิ่งจ๊ะหลวงพ่อ หากพ่อกำนันจะบวชคราวนี้” ครั้นแม่เย็นฟัง ดูก็ทราบด้วยปัญญาว่าหลวงพ่อคงจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ จึงยิ่งเกิดความศรัทธายิ่งๆขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่ทำความแปลกใจมาก็ได้แก่สาวบงกชและเจ้าชวน ที่ต่างมองหน้ากันไปๆมา พลาง หันไปทางกลุ่มของพ่อเชียร สาวบงกชแลเห็นเจ้าชัยนั่งพนมมือไหว้ก้มหน้าอยู่และรูปร่าง ของมันสันทัดกำยำของร่างกายใบหน้ายามก้มหรือเงยก็ช่างหล่อเหลานัก ก็ถึงกับสะท้านลึกเข้าไปให้ห้วงใจหล่อนทันที ทำให้อาการเกิดการขวยเขิน อันไม่เคยมีมาก่อน จึงไม่ยอมมองไปอีก ส่วนเจ้าชวนหันไปทางกลุ่มของพ่อเชียรแล้ว ก็ให้รู้สึกถูกอัธยาสัยยิ่งนัก มันรำพึงว่าเหตุใดคนในหมู่บ้านโคกอีแร้งถึงไม่ยอมไปยุ่งเกี่ยว กับเรื่องที่พ่อกำนันมันทำนัก หรือจะเป็นด้วยสาเหตุนี้นี่เอง ก็ให้สะท้อนใจมันยิ่งนัก จิตใจมันก็ได้ล่วงรู้อะไรๆดีขึ้น พลางหันไปกราบทางพ่อเชียรแม่เข็มทันที ครั้นพ่อเชียรแม่เข็มและเจ้าชัยหันไปมองพบก็เห็นร่างเจ้าชวนก็ให้พึงพอใจนัก พ่อเชียร ก็พยุงร่างเจ้าชวนเอ่ยว่า “เราคนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องทำถึงอย่างนี้หรอก ชื่ออะไรหรือพ่อหนุ่ม” พ่อเชียรถาม “ผมชื่อชวนครับพ่อเชียรเห็นหลวงพ่อยกย่องพ่อเชียรมากก็รู้สึกศรัทธาต่อบุคคลิกท่านอีก อย่างขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยคนครับ” “ไหนๆคนเราคงจะเคยทำบุญร่วมกันมาถึงได้มาถูกอัธยาสัยเช่นนี้ เอาล่ะได้ฟังหลวงพ่อเอ่ย เช่นนี้ สงสัยพี่หวนคงจะคิดออกบวชกระมังเสียล่ะเจ้าชวนเอ๋ย” พ่อเชียรแม่เข็มเอ่ยขึ้น คราวนี้กำนันหวนหันขวับมาทางพ่อเชียรแม่เข็มทันที ด้วยความสงสัย ก็ได้ยินหลวงพ่อ เอ่ยขึ้นเพื่อมิให้สงสัยมากไปกว่านี้ “โยมเชียรกับโยมเข็มเขาทั้งสองก็มีวิชาอาคมเสมอหลวงพ่อนั่นแหละว๊ะหวน ตลอดจน สมาธิต่างๆก็เชี่ยวชาญด้วย ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอก” “หรือว่า???!!!!.....” แล้วกำนันก็ได้ยินหลวงพ่อเอ่ยขึ้นอีกว่า “ไม่ต้องหรือวง เดี๋ยวว่าหรอก เอ็งเคยเห็นไหมว่าข้าเคยจะยกย่องใครๆบ้างล่ะ???....” “นั่นซิครับหลวงพ่อ ปกติหลวงพ่อจะไม่รับแขกเท่าไหร่หรือรับก็เล็กๆน้อยเท่านั้น นี่ผมมาเห็นคุยกันอย่างสนิทสนมก็สงสัย เลยไม่กล้าเข้ามาขัดจังหวะครับหลวงพ่อ” “เออๆๆดีแล้วล่ะ??....เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเอ็งกำหนดวันของเอ็งหรือเปล่าล่ะ” “ผมจะประชุมผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยพรุ่งนี้แหละครับ ก็จะชวนกันไปลาออกจากกำนัน เสียที และบอกแก่ผู้ใหญ่บ้านให้รักษาการณ์ไปก่อนกับท่านนายอำเภอคนใหม่ครับหลวงพ่อ” “ข้าเองมานั่งคิดดูหากเองกล่าวเช่นนี้คงหมดปัญหาไปหรอกว๊ะหวนเอ๋ย ไม่ต้องมาบอก ข้าก็รู้แล้วล่ะ ให้เอ็งกำหนดวันก็แล้วกัน” “ครับหลวงพ่อผมเชื่อหลวงพ่อมากๆครับ” กล่าวเสร็จกำนันหวนก็หันไปทางด้าน พ่อเชียรและแม่เข็ม และยิ่งเห็นเจ้าชัยด้วย ในใจก็พลางนึกคิดว่าคงจะสมประสงค์แน่แท้ ด้วยเจ้าชัย รูปร่างหรือตลอดจนใบหน้าก็คมคายยิ่งนัก เห็นว่าหากได้คนนี้มาเป็นเขยทุกๆอย่าง ก็คงจะเดินไปตามประสงค์ของเรา ส่วนเจ้าชวนหรือก็ให้รู้สึกต้องอัธยาสัยของเจ้าชัยมาก ด้วยกำนันหวน เห็นมันทั้งสองคุยกันอย่างสนุกถูกปากถูกคอเกี่ยวกับงานในไร่นาสวนกัน ส่วนทางด้านแม่บงกช ก็เพียงแค่ชำเลืองตามองเจ้าชัยตลอดเวลา............. * แก้วประเสริฐ. *