31 ธันวาคม 2553 17:37 น.

อทิสมานกาย ๖๑

แก้วประเสริฐ

76.gif
                          อทิสมานกาย ๖๑

   หลังจากที่ชายหนุ่มสนทนากับพ่อแม่อยู่นั้น จิตเขาก็สัมผัสกับจิตที่ส่งกระแสมาเรียก
จึงหาทางหลีกเลี่ยงเพื่อจะไปพบกับ เจ้าแสงสีสินชัย ซึ่งคงจะรอคอยเขาอยู่ในห้อง
ดังนั้นเมื่อผละจากพ่อแม่แล้ว เขาก็รีบเดินเข้าสู่ห้องทันที  ก็พบว่า เจ้าแสงสีสินชัยนั่ง
คอยเขาก่อนอยู่แล้ว  พอมันเห็นหน้าเขา เจ้าแสงสีก็เอ่ยขึ้นทันที
   “นายครับ  เด็กๆมันส่งข่าวมาให้ทราบแล้วว่า เสี่ยเม้งมันให้ลูกน้องมันขนย้ายสิ่งของ
ไปเก็บไว้ยังภูเขา คนละทิศกันครับแต่ผมให้เด็กๆมันเฝ้าคอยดูแต่กำชับมันยังไม่ต้องลง
มือแต่ประการใด จนกว่าจะมีคำสั่งจากนายมาอีกที”    ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้
   “ดีแล้วล่ะแสงสีปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละด้วยยังไม่ถึงเวลาการจับกุม หากทำตอนนี้
เรื่องมันจะกระโตกกระตากไป คอยเวลาสักพักหนึ่งก่อน แล้วค่อยจะได้ลงมือพร้อมๆกัน
ให้ได้ทั้งตัวบงการและคนอื่นๆในเวลาพร้อมๆกันด้วย  แต่ทว่าข้าคิดว่ายามกลางคืนให้
พวกเด็กๆ  ออกไปหลอกหลอนมันบ้างเป็นบางครั้งบางคราวก็ดีเหมือนกันนะ  มันจะได้
เกิดความกลัวแล้วกลับไปรายงานหัวหน้ามัน ว่าสถานที่นำไปนี้เต็มไปด้วยพวกผีปีศาจ
แล้วทางเจ้าล่ะ???....จะเห็นเป็นประการใดหรือ???....”

   “ก็ดีเหมือนกันแหละนายเรายังไม่ดำเนินการตอนนี้แต่เพียงให้มันถูกหลอกหลอนจน
ประสาทมันรวนเรและ จะไม่กล้าเข้าไปรักษาของๆมันในยามค่ำคืน”
 เจ้าสินชัยออกความเห็น
   “อย่างน้องสินชัยเอ่ยนี้ก็ดีเหมือนกันแหละนาย ฉนั้นการลงมือในยามค่ำคืนก็จะหาคนมา
ช่วยได้ยากครับนาย”  
แสงสีกล่าวขึ้น
   “ในเมื่อเราตกลงกันได้เช่นนี้ สินชัยและแสงสีก็ให้เด็กๆมันไปบอกพวกที่เฝ้าดูไว้
ก็แล้วกัน เรายังไม่ต้องลงมืออะไรทั้งสิ้น   ส่วนเจ้าทั้งสองก็ฝึกสมาธิกันต่อไปทั้งพวกที่
อยู่กับเราด้วยนะ  แล้วช่วยถ่ายทอดวิชาอาคมที่ข้ามอบไว้ให้มันด้วย”
ชายหนุ่มสั่งทั้งสอง
   “ครับนาย  หลังจากผมไปสั่งงานมาแล้วจะมานั่งทบทวนวิชาอาคมให้ชำนาญเสร็จแล้วก็
จะเจริญสมาธิต่อไป”  ทั้งสองเอ่ยขึ้น
   “ตอนนี้เจ้าทั้งสองนั้นผ่านจากอทิสมานกายไปแล้วนะ ดีใจกับเจ้าด้วย ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น
ที่จะทำให้เจ้ารอดพ้นจากอบายภูมิได้ หากเจ้าทั้งสองไม่ได้เจริญทางด้านนี้ ต้องมีสักวันหนึ่ง
ที่จะต้องลงไปสู่อบายภูมิ  แต่บัดนี้สิ่งที่เจ้าทำไปนั้นทำให้เป็นมหากุศลในทางอ้อมไว้ทำให้
เจ้ารอดพ้นไปได้ อีกทั้งเจ้ายังจะเข้าสู่ขั้นเทพเสียด้วย หากเมื่อถึงเวลาก็จะไปสู่แดนเทพต่อไป”
   “ครับนาย...ที่ข้าทั้งสองได้รับความรู้นี้ก็ด้วยพระคุณของนายทั้งสิ้น ที่ชี้หนทางสว่างให้
แก่พวกข้าจนมาถึงวันนี้”
       เสร็จคำพูดมันทั้งสองก็ก้มลงกราบชายหนุ่มทันที  ชายหนุ่มก็พยุงตัวมันขึ้นพลางเอ่ยว่า

    “เห็นทีว่าเจ้าทั้งสองกับข้านั้นในภพใดภพหนึ่งเคยทำบุญร่วมกันมาถึงได้มีวันนี้แหละ
ดังนั้นขอให้เจ้าสบายใจได้ แต่ทุกๆวันอย่างลืมเจริญสมาธิเป็นอันขาด ด้วยข้านั้นสามารถ
ปล่อยวางเจ้าได้แล้ว นอกจากคอยดูแลหากเวลาได้เจ้าเดินผิดทางจะได้เพียงแค่คอยเตือนก่อน
ที่จะล่วงล้ำผิดทางไป”
   ชายหนุ่มกล่าวแก่ทั้งสอง ซึ่งบัดนี้จากสภาพของหุ่นที่เขาสร้างขึ้นมานั้นได้ถูกอำนาจฌาน
สมาธิเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว  ชายหนุ่มเห็นรังษีแผ่ออกมาจากคนทั้งสองเป็นประกายแวว
พรั่งพรูออกมายามที่มันเคลื่อนตัวของมัน  เพียงแค่รังษีมันเท่านั้นก็สามารถสยบ บรรดาเหล่า
ผีปีศาจทั้งหลายได้อยู่แล้ว จึงอมยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า
   “ต่อไปเจ้ามาถึงขั้นนี้แล้วอย่าได้ทำการเบียดเบียฬใครเขา สิ่งใดหลีกเลี่ยงการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ได้ก็ควรจะหลีกเสีย ให้พิจารณาถึงมันว่าจะถึงฆาตที่จะอยู่ในร่างของมนุษย์ได้อีกต่อไปหรือไม่
ซึ่งตอนนี้เจ้าก็สามารถแยกแยะได้แล้วนะ  ในค่ำคืนนี้ให้พวกเด็กๆของเจ้าทำการหลอกหลอน
พวกที่เฝ้ารักษาของผิดกฏหมายได้แล้วล่ะ???....” 
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น

   “ครับนายเดี๋ยวผมจะไปสั่งพวกเด็กๆให้รีบออกเดินทางไปได้แล้ว และให้มันกลับมารายงานทุก
ขั้นตอนด้วยครับ”  
ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมๆกัน
   “เอาล่ะงานนี้ก็ไปได้อีกขั้นหนึ่งแล้ว  แต่ข้าอยากให้เจ้าช่วยเหลือเขาในการทำบุญเป็นกุศลแก่
พวกเจ้าอีกทางหนึ่งคือ  บุคคลนี้ถึงแม้อดีตชั่วเลวร้ายแต่กลับใจได้แล้วก็เห็นสมควรสนันสนุนเขา
เช่นดั่งองค์คุลีมาลอดีตโจรร้ายที่ฆ่าคนมาจำนวนมากด้วยหลงเชื่ออาจารย์ที่บอกทางผิดๆแก่เขา
จวบจนมาพบพระพุทธองค์จึงด้วยบุญบารมีเก่าถึงคราวจะพ้นกรรมได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้
เขาคนนี้ก็เหมือนกัน  ข้านั่งสมาธิดูเห็นว่าต่อไปในภาคหน้าเขาจะได้ครองวัดโคกอีแร้งแทน
หลวงพ่อทองต่อไปอย่างแน่แท้   ฉนั้นตอนนี้เขากำลังประสบเคราะห์กรรมที่ย้อนกลับมาหา
หากเราได้ช่วยเขาไว้จะได้ผลานิสงฆ์ไว้มากอีกทางหนึ่งด้วย  ฉนั้นข้าจึงให้เจ้าทั้งสองไปช่วย
เหลือเขาเพื่อจะได้ผลบุญอันนี้สืบสานเจ้าให้เจริญขึ้นมากกว่าเดิมนะ”
   ชายหนุ่มเอ่ยแก่ทั้งสอง
   “ครับนาย...ที่จะให้ข้าทั้งสองไปช่วยนั้นใครกันล่ะนาย???...”
   “อ้อๆๆ...กำนันหวนแห่งหมู่บ้านบางโคไงล่ะเจ้าคงจะจำได้นะ ตอนนี้เขาจัดการงานด้านที่เขา
ตั้งใจไว้ก่อนจะไปออกบวชตลอดชีวิต เพื่อละในสิ่งไม่ดีงามต่างๆไว้  อีกสองสามวันนี้แหละ
บรรดาเหล่าปีศาจที่หนีมาจากอาจารย์เจี๊ยะเปิง   ซึ่งอาศัยเร่ร่อนส่วนใหญ่แอบพักตามชายคา
ต้นไม้ในเนื้อที่ของกำนันนี่แหละ ครั้นมันรู้ว่ากำนันจะออกบวชตลอดชีวิตด้วยรับรู้จากพวก
มารทั้งหลายโดยได้รับคำสั่งมา  ก็จะหาทางกีดกันขัดขวางกลั่นแกล้งมิให้กำนันนั้นออกบวช
ได้”   ชายหนุ่มกล่าว

   “อ้อๆๆๆ...อีกอย่างหนึ่งข้าทราบว่า พวกผีปีศาจเหล่านี้มันครบวาระแล้วที่จะต้องไปชดใช้
กรรมของมัน  ให้เจ้าทั้งสองเพียงแค่ขัดขวางมันเท่านั้นไม่ต้องไปทำอะไรมันหรอก ด้วยจะ
มีคนของทางเบื้องล่างขึ้นมารับตัวมันทั้งหมดในไม่ช้านี้แล้วล่ะ”  ชายหนุ่มกล่าวย้ำขึ้นอีก
   “ครับนาย...เมื่อพวกข้าจัดการเรื่องของนายเรียบร้อยแล้วก็จะรีบไปช่วยเหลือทางกำนันหวน
ทันที  และอาจจะไปถึงก่อนจะได้ตรวจสภาพต่างๆได้  โดยจะนำคนของเราไปประมาณสิบตน
ได้ครับนาย”  แสงสีสินชัยเอ่ยขึ้น
   “แล้วสั่งคนของเจ้าด้วยว่าไม่ต้องไปทำอันตรายมัน เพียงคอยปกปักเขาไว้เท่านั้น หากว่ามัน
ยังกำเริบเสิบสานมากด้วยได้ใจ  ก็แสดงให้มันเห็นเสียบ้างเท่านั้นนะ”
   “ครับนาย  เดี๋ยวข้าจะรีบไปทำงานทางด้านนายเสียก่อนแล้วก็จะเลยไปทางบ้านกำนันหวน
ทันทีครับ  ด้วยพอจะทราบข่าวเรื่องพวกผีปีศาจนี้เหมือนกัน ด้วยก่อนมันก็เคยมาทางบ้านเรา
แต่โดนพวกเด็กๆมันไล่ตะเพิดหนีไป ต่างได้รับความเจ็บปวดมาแล้วนาย”
   “ดีแล้วล่ะ  วันนี้แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะไปออกกำลังกายสักหน่อย นี่ก็จวนจะมืดเสียก่อน”
    “ครับนาย”   แล้วร่างมันทั้งสองก็หายวับไปทันที
            ชายหนุ่มเมื่อเห็นเจ้าแสงสีสินชัยออกเดินทางไปแล้ว เขาก็ออกมาจากภายในห้อง แล
เห็นสาวชบากำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเสียงดังเล็ดรอดออกมาจากในครัว   ชายหนุ่มยิ้มเมื่อ
นึกถึงที่เขาปลอบใจแม่ของเขา  ด้วยเขารู้ว่าอนาคตต่อไปของเขาจะเป็นอย่างไรเสียแล้วก็อดที่
จะนึกทึ่งในความเห็นของแม่สาวเทพอัปสรเสียไม่ได้   ชายหนุ่มรู้แต่เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้น
ในเมื่อฟ้าดินลิขิตเส้นทางเดินของเขาไว้ล่วงหน้าเสียแล้ว  จึงไม่อยากจะฝ่าฝืนดวงชะตาและอีก
อย่างมันไม่ร้ายแรงเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นผลดีแก่เขาด้วย จึงหัวร่อในใจ แล้วรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว
ไปเพื่อออกกำลังกายที่ทำเป็นกิจวัตรประจำวันเสมอๆ

      ด้านกำนันหวน แม่เย็น ชวนและ บงกช  เมื่อออกจากบ้านพ่อเชียรแม่เข็มไปได้ระยะหนึ่งแล้ว
กำนันหวนที่นั่งมาในรถกะบะ มีเจ้าชวนขับอยู่ก็เอ่ยขึ้นว่า
   “ ข้าเองก็ไม่เคยคิดเลยและไม่สงสัยเลยว่า เหตุใดพ่อเชียรและแม่เข็มจึงได้รับการยกย่องจาก
หลวงพ่อทองมากนัก ตอนแรกก็ไม่ค่อยจะเชื่อนัก ภายหลังได้มาสนทนานี่แหละถึงจะเข้าใจว่า
เหตุใดหลวงพ่อทองท่านจึงยกย่องเสมอท่านนะแม่เย็น”
   “ฉันเองตอนแรกก็งงเหมือนกันนะพ่อกำนัน ยิ่งมาเห็นอัธยาสัยไมตรีเช่นนี้  พี่สังเกตุไหมว่า
ตอนที่ฉันลงมาทำธุระเบานั้นนาน  ฉันได้ลอบออกไปยืนมองบริเวณสถานที่ไว้ด้วยนา”
   “ข้าเองก็พอๆจะรู้เหมือนกันเกี่ยวกับครอบครัวนี้นะ แต่ตอนนั้นไม่สนใจเท่าใดนักด้วยงานมัน
เร่งมาเสียด้วย รับเงินเขามาแล้ว แม่เย็นก็รู้นี่นาว่าข้าเป็นคนอย่างไรในเมื่อรับปากแล้วจะต้องทำ
แต่ก็ดีไปอย่างหนึ่ง หากไม่เกิดกับตัวเองแล้วคงจะไม่คิดถึงเรื่องกุศลเลย”
   “เรื่องนี้ฉันเองก็ออกอดจะปลาบปลื้มใจไม่น้อยเลยล่ะพี่และก็แปลกใจไปเหมือนกันนะ หรือว่า
พี่จะถึงคราวหมดเวรหมดกรรมทางเรื่องนี้แล้วล่ะ???...”
   “ข้าเองเรื่องจะลาออกนะไม่ห่วงเท่าไหร่หรอก แต่มาห่วงอีหนูมันนะซิ ข้าสังเกตุมองเห็น
ว่าในหมู่บ้านเราและบริเวณแถบนี้ที่ข้าคุ้นเคยดี ไม่มีครอบครัวใดที่เหมาะสมไปกว่าครอบครัว
ของพ่อเชียรแม่เข็มไปได้ แต่ทว่าเราเป็นฝ่ายหญิงนะจะเอื้อนจะเอ่ยหรือก็ดูกระไรอยู่นะไม่เย็น
อีกอย่างหนึ่งข้ามองลูกชายคนโตเขาก็ให้ถูกอัธยาสัยแก่ข้ามากว่าเจ้าชัยเสียอีก แต่มาคิดๆดูบุญวาสนา
ลูกเราคงจะไม่ถึงหรอก  หากพ้นจากคนๆนี้ก็ให้เรามีทางเลือกอีกคือด้านเจ้าชัยนี่แหละถึงแม้ว่ามันจะ
สู้พี่มันไม่ได้แต่ก็ไม่เลวไปเสียทุกอย่างนะ มันก็ขยันขันแข็งรู้จักรับผิดชอบของมันได้ดีไม่แพ้พี่ชาย
ของมันเท่าไหร่นัก เมื่อข้าคิดตกลงแก่ใจเช่นนี้ก็ให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
แม่เย็นช่วยแนะนำข้าบางซิ ลางทีความคิดของแม่เย็นอาจจะดีกว่าข้าตอนนี้ก็ได้นา” กำนันเอ่ย

   “เรื่องนี้มันต้องเป็นของฝ่ายหญิงเท่านั้น ไม่ใช่ว่าฉันจะดูถูกความคิดของพี่นะ  ด้วยความละเอียด
อ่อนของผุ้หญิงย่อมมีมากกว่าของผุ้ชาย  ในเมื่อเราสนิทสนมกับเขาขนาดเรียกพี่เรียกน้องได้นั้นก็
เป็นหนทางให้แก่เราอยู่แล้วนะพี่   ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนี้ฉันจะจัดการเองแหละ ทางที่ดีที่สุดคือ
ทางฝ่ายหญิงเขานั่นแหละพี่ดีที่สุด ตกลงว่าใจพี่จะเลือกใครกันแน่ล่ะ???...”
   “ก็ข้าบอกแม่เย็นไปแล้วนี่นา  ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งก็ได้ข้ายินดีต้อนรับเสมอแหละ ไม่เกี่ยงใดๆ
ทั้งสิ้น แล้วแม่เย็นเห็นเหมือนข้าไหมล่ะ???”
   “ใช่แล้วพี่เรื่องนี้ดีทั้งสองทาง หากได้ทางใดทางหนึ่งก็ถือว่าบุญของอีหนูมันแล้วล่ะ แต่ข้าสังเกตุ
ยามแรกอีหนูมันสนใจเจ้าชัย แต่พอเจอพี่ชายมันเท่านั้นไหนเปลี่ยนไปกระทันหันนี่ซิทำให้งุนงง”
   “ถ้าเป็นแม่เย็นตอนสาวๆก็เถอะข้าคิดว่าก็เหมือนอีหนูมันหรอก ไม่คิดอะไรเพราะว่าพี่ชายของ
เจ้าชัยนั้นทั้งหน้าที่การงานหรือก็เป็นน่าเป็นตาได้อีกทั้งวิชาอาคมหรือก็เป็นศิษย์หลวงพ่อทองอีก
นับว่ามันประสบความสำเร็จทั้งสองด้านเลย  แล้วหญิงใดล่ะจะไม่เปลี่ยนใจกันง่ายๆ ส่วนเจ้าชัย
นั้นมันดีแต่เฉพาะด้านการงานเท่านั้นเอง”  กำนันหวนกล่าวก็หัวร่อฮึๆๆ
   “อืมมม???...เรื่องนี้พี่แยกแยะมาถูกต้องถึงเป็นข้าก็เถอะนะพี่ อย่างไรก็ต้องลองสักตั้งและนะ”
แม่เย็นเอ่ยยั่วผู้ผัว

   “ข้าหรือ  ฮ่าๆๆๆ ก็ต้องยอมเขาแล้วล่ะ ด้วยข้าตอนนั้นมันจนมากๆเสียด้วย ที่ได้เป็นกำนันมามี
หน้ามีตาก็ด้วยข้ามาทำงานด้านนี้มีเงินมีทองมากมาย แล้วไอ้คนในหมู่บ้านบางโคนั้น มันเห็นเงิน
ได้เสียเมื่อไหร่ละแม่เย็น คงจะเหมือนกับข้าแหละไม่คิดว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันจะเข้าตัวเองดุจดั่งขึ้น
บนหลังเสือ ครั้นจะลงหรือก็ช่างแสนยากเย็นอะไรเช่นนี้ ถึงป่านนี้ก็เถอะนะใจข้ายังหวั่นๆชอบกล
อยู่  แต่มาปลงตกได้คือว่าหากข้าตายไปครอบครัวก็สบายไปแล้ว และตายก็ขอให้ตายในร่มผ้ากา
สาวพัดนี่แหละ  จึงไม่คิดอะไรมากหากว่าอีหนูมันได้เป็นฝั่งเป็นฝาแล้วก็หมดห่วง หันมามองด้าน
แม่เย็นหรือก็ไม่เป็นปัญหาอยู่แบบสบายๆอยู่แล้วและอายุหรือก็ล่วงมาจนป่านนี้แล้วทำให้ข้าได้
หมดห่วงไปอีกเปลาะหนึ่ง  เฮ่ออๆๆๆๆพูดเรื่องนี้ เจ้าประคุณสาธุหากข้ามีบุญในใต้ร่วมผ้ากาสาว
พัดแล้วขอให้ความคิดนี้สำเร็จด้วยเถิด”  กำนันหวนกล่าวจบก็ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว
   “เรื่องครอบครัว ฉันก็หมดภาระเป็นห่วงแล้วหากอีหนูและเจ้าชวนมันสบายๆนะ นึกถึงเจ้าชวนเอง
ก็ให้อดสงสารมันไม่ได้ถึงมันจะไม่ใช่ลูกแท้ๆเราก็เถอะ แต่เราก็เลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยอีกมัน
หรือก็รักเราเหมือนพ่อแม่ของมันเองที่ตายไปแล้ว อีกครอบครัวพ่อแม่มันหรือก็หนีไปในกรุงเทพฯ
กันหมดที่ทางก็ขายเสียเกลี้ยงซ้ำยังเอาที่ของมันไปขายเอาเงินไปแบ่งกันเมื่อพ่อแม่มันตายไปแล้ว
จึงรีบหนีไปกรุงเทพ  มันจึงเสมือนไร้ญาติขาดมิตรไปเลยล่ะพี่”  แม่เย็นเอ่ยถึงเจ้าชวน

   “เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาหรอกแม่เอ๋ย ก่อนจะบวชอีกไม่นานข้าก็จะไปโอนที่ให้แบ่งกับอีหนูมันคนล่ะ
ครึ่งที่อำเภอคราวไปลาออกจากกำนันนี่แหละ สบายใจได้แล้วแม่เย็น”
   “หากเป็นเช่นนี้ใจฉันก็สบายหลังจากอีหนูเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว ส่วนเจ้าชวนนั้นก็ไม่อยากจะเข้า
ไปก้าวก่ายในเรื่องผู้หญิงหรอก ให้มันหาของมันเองแต่เรื่องนี้ฉันก็ไม่เป็นห่วงแล้วด้วยมันเมื่อได้
รับมรดกจากเรา ไหนเลยผู้หญิงจะไม่มองมันและรูปร่างหน้าตามันก็ไม่เป็นรองใครในหมู่บ้านเรา
อีกด้วยนะพี่   ฉันเองว่าเมื่อทุกๆอย่างลงตัวกันแล้วก็จะไปขอหลวงพ่อออกบวชชีเหมือนกันล่ะ???”
   “หากแม่เย็นคิดได้อย่างนี้ทำให้ข้ายิ่งหมดห่วงไปอีกหนึ่งล่ะ อนุโมทนาบุญด้วยคนนะแม่เย็น”
   “ฉันเอาแน่พี่หากทุกๆอย่างสมบูรณ์ตามความคิดเห็นของพี่และฉันนะ  ฉันก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่ง
เกี่ยวกับครอบครัวของอีหนูและเจ้าชวนมัน วางมือเสียทีนะเพียงจะเอาเงินไปก้อนหนึ่งไปเพื่อกิน
ในระหว่างบวชชีด้วยไม่มีรายได้อะไรเลยและได้ทำบุญสร้างวัดบ้างจ๊ะพี่”
   “เป็นความคิดที่ดีจ้าแม่เย็น ข้าก็จะเบิกเงินจากธนาคารมาเข้าบัญชีแม่เย็นไว้เวลาไปบวชจะได้มี
เงินใช้จ่าย ส่วนข้านั้นไม่เอาอะไรทั้งสิ้นจะถ่ายเทออกเป็นสามส่วนให้เงินพวกมันไปลงทุนบ้าง
ส่วนเหลือนั้นจะถ่ายเข้าธนาคาร ธกส. ให้แม่เย็นหมดเลย”

        แล้วทั้งสองก็ต้องหยุดการสนทนากัน ด้วยได้ยินเสียงเจ้าชวนหันมาถามว่า
   “พ่อๆๆ พ่อจะแวะบ้านกำนันมั่นหรือเปล่าล่ะพ่อ???”
   “คงจะไม่ล่ะลูกนี่ก็จะมืดแล้ว เลยไปเลยพ่อเองเมื่อมาทางนี้ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว”
   “จ๊ะพ่อ ข้าจะได้เร่งเครื่องให้มันเลยไปอย่างรวดเร็วนะ”
   “เออดีแล้วล่ะ ไอ้มั่นจะคิดอย่างไรช่างมันเถอะ”
        ครั้นพอรถกะบะซึ่งจะต้องแล่นผ่านบ้านกำนันมั่นก่อน  เจ้าชวนก็เร่งเครื่องรถทันที เสียงรถดัง
สนั่นด้วยบนถนนนั้นบ้างขรุขระ รถจึงกระแทกกับพื้นเกิดเสียงดัง แล้วรถก็หายลับตาไป
     เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากภายในบ้าน ซึ่งไอ้แม้นไอ้สนไอ้เบี้ยวตลอดจนสาวๆทั้งหลายกำลัง
ได้เวลาจัดเตรียมอาหารมานั่งกินเหล้ากันเช่นเคย
   “ไอ้ห่า!!!!...ไอ้สนไอ้เบี้ยวมึงไปดูซิว่ารถใครว๊ะ ไอ้เหี้ยนี่ไม่รู้ว่าใครเป็นใครกันบ้าง???ยิงปืนไล่
มันเลยว๊ะ???...”  ไอ้แม้นสั่งด้วยความโมโหเมื่อได้ยินเสียงรถดังสนั่นก้องเข้าไปในหูพวกมัน
   “ไอ้สนไม่ต้อง เดี๋ยวกูจัดการเอง”  กล่าวเสร็จไอ้เบี้ยวก็ชักปืนออกจากเอว วิ่งเหยาะๆไปหน้าบ้าน
เพื่อจะยิงมันสักเปรี๊ยงสองเปรี๊ยง แต่มันไม่เห็นตัวรถ เห็นแต่ฝุ่นเป็นทางยาวทิ้งเอาไว้ คลุ้งไปด้วยฝุ่น
ทั้งสิ้น   ด้วยความคะนองมือจึงยกปืนขึ้นบนท้องฟ้ายิงออกไปสามนัด ปั๊ง!!!..,ๆๆ   ได้ผลชะงัด

   เสียงตะโกนออกมาจากบนบ้านทันที  
   “ไอ้พวกห่าราก???...  มึงยิงปืนทำไม ยิงหาพ่อหาแม่มึงหรือว่าจะยิงโคตรพ่อโคตรแม่มึง???...”
คราวนี้เสียงจากพวกไอ้แม้นเงียบสงบทันที  ไอ้เบี้ยววิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นๆ
    “ไม่ต้องห่วงหรอกว๊ะไอ้เบี้ยว พ่อกูก็แบบนี้แหละ มาม๊ะมา เอ๊านี้แก้วเหล้าของมึงโว้ย???...”
   “ค่อยยังชั่วหน่อยนี่ไอ้แม้นไม่เอ่ย???...มีหวังข้าโดนเต๊ะแน่ๆๆๆ”  ไอ้เบี้ยวกล่าว
   แล้วทั้งหมดก็ต่างนั่งล้อมวงคุยกันสารพัดเรื่อง ล้วนแต่เรื่องความเก่งกล้าสามารถของพวกมัน
ทั้งสิ้น จวบจนตะวันลับไปความมืดเข้ามาแทนที่...........

                                   * แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
30 ธันวาคม 2553 22:47 น.

อทิสมานกาย ๖๐

แก้วประเสริฐ

76.gif
                           อทิสมานกาย ๖๐

   หลังจากที่กำนันหวน แม่เย็น และลูกๆได้ออกเดินทางกลับบ้านกันแล้ว
ภายในห้องกว้าง พ่อเชียรแม่เข็มและโชติกำลังนั่งสนทนากันในเรื่องราว
ต่างๆเกี่ยวกับในเมือง  ที่มีการเปลี่ยนแปลงจนชวนน่าสัยนัก และในเรื่อง
ทางกรุงเทพ จับกุมพ่อค้ารายใหญ่ซึ่งทรงอิทธิพลในเรื่องไม้ที่ถูกจับกุมใน
เขตพื้นที่ใกล้เคียงกับหมู่บ้านโคกอีแร้ง ให้ลูกชายฟัง
   “โชติเอ๋ย??...ตั้งแต่มีการปรับการทำงานของทางราชการนี้ พ่อดูๆนะ
มันวุ่นวายไปหมด รู้สึกว่าทางการจะเข้มงวดกวดขันขึ้นกว่าเก่ามากนัก
ตลอดจนการปราบปรามผู้ร้ายหรือก็ได้ผลมากอีกเสียด้วยนะลูก  แรกเริ่ม
ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดลงมาถึงอำเภอต่างๆและไปถึงโรงพักต่างๆอีกด้วย
        ถ้าหากผู้ใหญ่ๆที่มีอำนาจดำเนินการแบบนี้  คงอีกไม่ช้าหรอกแผ่นดิน
เราก็จะเกิดความสงบสุขและจะกระจายไปทั่วๆแน่ พ่อคิดเช่นนี้
 เจ้าจะออกความคิดเห็นอย่างไรบ้างลูกในฐานะลูกก็รับราชการมา”
พ่อเชียรเอ่ย  พลางหันไปมองหน้าลูก

   “จริงซิพิเชียร??...  ข้าว่านะก็ดีเหมือนกันนะพี่  ดูซิในเขตเรา
 กำนันต่างๆล้วนแต่เก็บตัวเงียบๆกันไปหมด  แม้กำนันหวนหรือ
ก็ยังคิดจะออกบวชเลิกยุ่งเกี่ยว มันยังไงๆนาพี่ เมื่อพี่เอ่ยมา
ทำให้ข้ามานั่งคิดดูชักจะเห็นคล้อยพี่เสียแล้วล่ะ??...
 พ่อโชติล่ะมีความเห็นอย่างไรบ้างล่ะ???...”
แม่เข็มเอ่ยบ้าง  พลางมือก็ลูบพื้นไปพลางๆ   
   “ตั้งแต่ได้ชบาและเจ้าชัยมาอยู่ทำให้บ้านเราและไร่นาสวนก็ดีขึ้นทันตาเห็น
บ้านหรือก็ช่างสะอาดสะอ้าน ของที่เคยวางเกะกะก็เป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น
ข้าเองหรือก็แก่เสียแล้วกำลังวังชาหรือก็ไม่เหมือนเก่าๆนะพี่ มันมาอยู่ไม่เท่าไหร่
  ทางไร่นาสวนหรือ
    มันก็เป็นแรงกายให้พี่ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยมากเหมือนแต่ก่อน”
   “นั่นซินะแม่เข็ม ข้าหรือก็เบาใจขึ้นอีกโขเชียวล่ะ มานั่งคิดดู
หากชบามันแต่งงานไปกับคนอื่น  ข้าคงทำใจไม่ได้แน่ๆเชียว
 เสียดายจริงๆนะแม่เข็มหากมันได้กับลูกเราเจ้าโชติหรือ
ข้าเองก็จะตายตาหลับคราวนี้แหล่ะแม่เข็มเอ๋ย???” 
 พ่อเชียรกล่าวเบาๆ สายตาชำเลืองไปในครัวและลูกชายคนโต

     “นั่นซิพี่เชียรข้าเองก็คิดๆนอนๆคิด ก็ให้รู้สึกชักสับสนมากจริงๆนะพี่???..
 แล้วจะแก้ไขกันอย่างไรดีล่ะ บอกตรงๆนะพี่ แต่ก่อนนี้ข้าก็เฉยๆ
แต่เดี๋ยวนี้มันสับสนไปหมดคิดอะไรไม่ออกเอาเสียเลยล่ะ เสียดายจริงๆพี่??....”
  แม่เข็มกล่าวด้วยสีหน้าสลดยิ่ง
   “แม่เข็ม...ไม่ใช่ข้าไม่คิดนะก็เหมือนแม่เข็มเหมือนกัน 
แต่หากว่าเรื่องนี้ทำให้ข้าและแม่เข็มสะเทือนใจมากล่ะก็ ฮึๆๆๆ???......”  
พ่อเชียรเพียงกล่าวเท่านี้ สายตาก็จ้องไปยังหน้าลูกชายสุดที่รักทันที
   “จะคิดอะไรๆ???....ก็รีบคิดนะพี่  ข้าบอกตรงๆว่าวุ่นวายใจไปหมด
 ด้วยระยะนี้ข่าวความสดสวยของมันก็ยิ่งกระจายไปทั้งหมู่บ้านด้วย 
   ตั้งแต่มาอยู่กับเราสง่าราศรีมันยิ่งมากดังไปทั่วเป็นที่ต้องการของบรรดา
พวกหนุ่มๆมากตาอีกด้วยนา”
  แม่เข็มกล่าว  ครั้นนึกได้เลยเอ่ยอีกว่า
   “ก่อนนี้ก็ไม่มีแหละพี่  แต่เดี๋ยวนี้นะเห็นไอ้พวกหนุ่มๆมัน
มาแวะหยุดมองหน้าบ้านเราเสมอ  ข้าสังเกตุแต่ชบามันไม่สน 
มัวแต่ให้ข้าวอาหารหมูเท่านั้นเอง  เมื่อพี่พูดขึ้นมาข้าเองก็ใจหายไม่น้อยเชียวละ”

   “เออน่าแม่เข็มอย่าคิดอะไรมาก หากจนปัญญาข้าก็จำเป็นต้องตัดสินใจ
อะไรบางอย่างซะแล้ว เอากันอย่างไรก็เอากันนะ”   พ่อเชียรเอ่ยให้แม่เข็มฟัง
  “อ้าวพ่อแม่แล้วลืมๆที่พูดตอนแรกหมดแล้วหรือครับ 
พูดกันไปพูดกันมาไหงมาลงที่ผมล่ะครับ”  ชายหนุ่มยิ้มไปกล่าวไป
  “นั่นซิเจ้าโชติเอ๋ย พูดถึงเรื่องนี้มาข้ายิ่งใจแป๋วไปหมด ทำอะไรไม่ถูกว๊ะ???...
ทั้งแม่เขาอีกโอ้ยๆๆๆปวดหัวจังว๊ะยังหาทางไม่ออกเลย” 
 พ่อเชียรเอ่ยให้ลูกชายฟัง
   “จะไปเห็นยากอะไรล่ะครับ หากเป็นความนสุขของพ่อแม่
ผมยินดีทุกอย่างครับ อย่าไปคิดอะไรๆมากเถิดครับ ทำใจให้สบายได้ครับ
เรื่องนี้นะมีทางออกตั้งแยะไปครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยให้พ่อแม่ฟังจะได้สบายใจ
   “ฮะฮ้า???...จริงหรือเจ้าโชติไหนๆลองแย้มให้พ่อแม่ฟังหน่อยซิ”  
   “จริงด้วยลูก???...แม่ก็กำลังกลุ้มใจอยู่นี่นา”
 แม่เข็มรีบเอ่ยขึ้นทันที พร้อมจ้องหน้าลูกเหมือนจะคาดคั้นเอา
     แล้วชายหนุ่มก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ๆพ่อแม่กลัวคืนอื่นจะได้ยิน
 แล้วกระซิบเบาๆ    “????......????....” แล้วก็หัวร่อเบาๆ
       คราวนี้ทั้งพ่อเชียรและแม่เข็มต่างตบเข่าดังเสียงผลัวะๆๆ 
 พลางหันหน้ามองกันต่างหัวร่อจขึ้นทั้งสองคน ใบหน้าหมองก็สดชื่นทันที
   “ฮ่าๆๆๆความคิดดีนี่ลูก.....พ่อแม่ก็จะได้ไม่เป็นห่วง เรื่องลูกนั้น
พ่อแม่รู้ว่าอย่างไรก็ต้องตามใจพ่อแม่อยู่แล้ว  ฮ่าๆๆๆ” 
 ทั้งสองเอ่ยคล้ายๆแย่งกันพูดด้วยความดีใจยิ่งหัวร่อร่วน
   
   ทำให้ทั้งสองลืมคำถามเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมืองไปหมดไม่ย้อนถามอีก
   ครั้นชายหนุ่มเห็นพ่อแม่สบายใจขึ้น เขาก็ขอตัวบอกว่ามีงานกำลังรอทำอยู่
 แล้วลุกขึ้นหมายจะเข้าห้องหลีกหลบการสนทนาของพ่อเชียรแม่เข็ม 
   สาวชบาแอบฟังอยู่ในครัวใบหน้าหล่อนแดงซ่านด้วยเลือดฉีดวัยสาวพลาง
ยกมือขึ้นลูบอก แล้วหลับตาพริ้ม  จริงซิหล่อนให้รู้สึกสะท้านเยือกเย็น
เข้าไปภายในใจ ที่จริงนั้นหล่อนก็มีใจกับชายหนุ่มคนนี้มากอยู่แล้ว
 แม้จะมีหนุ่มมากหน้าหลายตามาเมียงมองแต่หล่อนก็หาสนใจใดไม่ 
จนบางครั้งเจ้าชัยต้องไล่ตะเพิดพวกนั้นกระจายไป แล้วหันมาล้อหล่อนเล่น
   หากว่าเรื่องนี้เป็นจริงหล่อนนึกในใจว่าจะปรนนิบัติพ่อเชียรแม่เข็มให้ดี
จวบจนดินกลบหน้า  เพื่อทดแทนพระคุณอันหาไม่ได้คราวนี้
ที่สร้างความสำเร็จให้แก่หล่อน จนมีร่างกายและครอบครัวหล่อนด้วย
 ยิ่งคิดหล่อนก็ยิ่งเอียงอายมากยิ่งขึ้น ถึงยิ้มกับตัวเอง แล้วหล่อนก็ต้องสะดุ้ง
รีบแอบมองดูต่อไป
     “จะสำเร็จหรือลูกโชติอย่างหลอกพ่อแม่ให้สบายใจนะลูก” 
 แม่เข็มพลางเอ่ยย้ำอีกที”
     ชายหนุ่มหันมาหัวร่อ พลางเอ่ยว่า
      “ไม่เป็นปัญหาหรอกครับเรื่องนี้ผมรับรองว่าจะไม่ให้พ่อแม่ได้อาย
ใครๆเขาหรอกครับจะมีบ้างก็พวกไม่สมหวังเท่านั้นเอง” 

      “เรื่องอายนะพ่อและแม่เจ้าแก่ๆแล้วไม่อายหรอกลูก
 เรื่องแบบนี้อีกอย่างหนึ่ง???...
ช่างมันเถิดปากคนเราห้ามกันไม่ได้นี่นา เราไม่เสียหาย
เสียของของเราใช้ได้นะลูก”
พ่อเชียรเอ่ยตอบลูก
   “ไปเถอะลูกงานของลูกนะไปทำก่อน หรือว่า???....
อ้อๆๆใช่แล้วมันนึกไม่ถึงหรอกเรื่องนี้นะ”
พ่อเชียรกล่าวแล้วหัวร่อฮึๆๆๆ ส่วนด้านแม่เข็มก็พลอยหัวร่อไปด้วย
 แล้วต่างโบกมือให้ลูกชายเข้าห้องไป 
     สาวชบาได้ฟังก็ยิ่งงงสงสัยมากยิ่งขึ้น หล่อนไม่เข้าใจความหมาย
ที่ทั้งสามกล่าวเอาเสียเลย
พอเหลือบแลอีกทีก็เห็นชายหนุ่มเดินลับหายเข้าห้องไปแล้ว
 หล่อนรีบกระวีกระวาดนำภาชนะทั้งหมดไปล้างทันใด 
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกมาจากห้องครัว 
 หล่อนพยายามจะเดินหลีกเลี่ยงไม่ให้พ่อแม่เห็น 
 แต่หล่อนก็ต้องสะดุ้งเฮือกพลางยกมือทั้งสองลูบอกทันที
    “ลูกชบาเอ๋ยจะรีบไปไหนล่ะ???...มาๆๆมาคุยกับพ่อหน่อยซิลูก”
 พ่อเชียรเรียกทันที
    “จริงซิพี่เชียร จะรีบไปไหนล่ะ???.ลูก”  แม่เข็มก็เอ่ยขึ้น
    “มานั่งคุยหน่อยวันนี้พ่อแม่ไม่ได้ไปไร่นาสวน อยากจะคุยด้วยนะ”
แม่เข็มกล่าว

    เมื่อตั้งสติได้หล่อนค่อยๆย่อตัวลงแล้วคลานเข้ามาหาพ่อเชียรแม่เข็มทันที
 พอถึงก็นั่งพับเพียบ    ก้มหน้ามองพื้นรอคำถามทันที
   “ตอนนี้พี่เขาอบรมเกี่ยวกับสมาธิไปถึงไหนแล้วล่ะ???” 
 พ่อเชียรถาม     อุ๊ยๆๆๆสาวชบานึกในใจค่อยๆโล่งอกไป 
 ก็รีบเอ่ยตอบทันที
   “เห็นพี่เขาบอกว่าก้าวหน้าไปมากจ๊ะพ่อ” หล่อนเอ่ยตอบ
   “แต่พ่อมองดูเจ้าผิดปกติไปมากจริงๆนะลูก” พ่อเชียรเอ่ย
   “นั่นซิพี่เชียร ข้ารู้สึกว่ามันมีประกายออกมาจากตัวลูกเราด้วยนา”
 แม่เข็มพูดเมื่อเห็นท่วงท่างามนักตลอดรังษีต่างๆของสาวชบา
   “อย่างแม่เข็มกล่าวคงจะไม่ผิดหรอกนะ  
ข้าเองก็ชักสงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน  ชบามันคงจะไม่หยุด
เพียงเท่านี้หรอกนะคงจะได้ฌานลึกๆไปมากๆเสียด้วยนา”
   “คนที่ได้ฌานระดับนี้อย่างน้อยมันก็ต้องอนาคามีนะพี่”
   “ข้าเองก็ว่าอย่างแม่เข็มเอ่ยเหมือนกัน คงไม่เท่าไหร่มัน
คงถอดกายทิพย์ได้แล้วล่ะ”
   “จวบจนป่านนี้พี่และข้ายังไม่มีทางที่จะทำได้แบบพี่ว่าได้เสียด้วยซิ”
   “แบบนี้มันต้องแล้วแต่วาสนาของบุคคลเท่านั้นที่สร้างสะสมมา
แต่ชาติก่อนนะแม่เข็ม”
   “แล้วพี่เขาว่าอะไรอีกหรือล่ะลูก”  แม่เข็มถามขึ้น

   “เห็นพี่อ้อยและพี่รัตนาบอกว่าคงไม่วันนี้ก็วันพรุ่งนี้
แหละคงสำเร็จจ๊ะแม่ ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน???..”
   “และยิ่งแม่อ้อยและแม่รัตนาเอ่ยเช่นนี้คงสำเร็จล่ะลูก ด้วยทั้งสอง
นั่นบัดนี้ต่างเป็นเทพอัปสรไปกันแล้วล่ะ  คงมองอ่านไม่ผิดหรอก”
พ่อเชียร เอ่ยด้วยความยินดีกับสาวชบาด้วยใจจริง
   “หากฝึกสำเร็จแล้ว เจ้ามีความคิดอีกประการใดหรือลูก”
แม่เข็มเอ่ยปากถามทันที
   “ถือว่าเป็นบุญของหนูจ๊ะแม่ ส่วนเรื่องอนาคตนั้นคงจะตอบไม่ได้
หรอกจ๊ะแม่ คงปล่อยไปตามชะตาฟ้าดินเองนั่นแหละ”
หญิงสาวก้มหน้าตอบ
   “คนเรานะชั่วชีวิตนี้ของคน หากทำสิ่งนี้ได้ถึงขั้นนี้ถือได้ว่าพ้นจาก
อบายภูมิได้แล้วล่ะ แต่ทว่ามันเปาะบางมากด้วยยังอยู่ในโลกียะอยู่จึง
ให้เจ้าอย่าได้ประมาทเด็ดขาด ได้มายากครั้นจะเสียมันง่ายดายจริงๆ”
พ่อเชียรเอ่ยตักเตือนสาวชบาขึ้น
    “จ๊ะพ่อหนูเองจะตั้งอยุ่ในความไม่ประมาทจ๊ะ จะยึดถือคำสอนของ
พ่อแม่ไว้ท่องอย่างขึ้นใจจ๊ะ”  สาวชบาตอบ

    “ถ้าอย่างนั้นพ่อแม่มีเรื่องถามเท่านี้ล่ะลูก แล้วอีกอย่างหนึ่ง
งานในครัวเรียบร้อยแล้วหรือยังไงจะต้องให้แม่เข้าไปช่วยไหมลูก???...”
 แม่เข็มเอ่ยถาม
    “เรียบร้อยแล้วจ๊ะแม่  หุงข้าวและทำอาหารเสร็จแล้วมื้อเย็นนี้ เพราะพี่
เขาจะให้รีบไปฝึกสมาธิต่อด้วยเขาบอกว่าใกล้จะสำเร็จบางอย่างก็ต้อง
ฝึกติดต่อไว้ มิฉะนั้นจะเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดายจนอาจจะแก้ไขไม่ได้
 ระยะนี้เขาเข้มงวดมากจ้า    จากแม่นางทั้งสองด้วยจ๊ะ”
หล่อนกล่าวแล้วมองเข้าไปในห้องของชายหนุ่มด้วย
   “จะเข้าห้องแม่ไปจะทำอะไรอีกหรือลูก” แม่เข็มถาม
   “ว่าจะตรวจความเรียบร้อยแล้วก็จะพักผ่อนสักครู่จ๊ะ 
ด้วยคืนนี้พี่ทั้งสองกำชับให้รีบเข้าไปฝึกสมาธิต่อไปจ้า” 
หญิงสาวเอ่ยตอบ
   “จริงซินะพี่เชียรตั้งแต่แม่นางอัปสรทั้งสองมาอยู่อีก
ทั้งเจ้าแสงสีและสินชัยนั้น รู้สึกว่าทุกๆอย่างมันช่างสะดวกสบาย
ไปเสียทุกๆอย่างเชียวนะ”
แม่เข็มเอ่ยถึงบุคคลดังกล่าว
   “ที่แม่เข็มเอ่ยนี้ แม่นางทั้งสองก็เป็นถึงเทพอัปสรไปแล้ว
 ข้านั่งตรวจดูว่าเจ้าแสงสีและสินชัยนั่นบัดนี้มันล่วงพ้นผ่าน
อทิสมานกายไปอีกแล้วแล้วล่ะ”
   “คงจะเป็นแบบนี้นี่เอง เจ้าควายของพี่ถึงไม่กล้าออกมาเพ่นพล่าน
เหมือนเดิม นอกจากออกมาบ้างเป็นบางคราวนะพี่”
   “มันจะออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร ด้วยคนในบ้านเรานะ
ไม่ใช่แค่ที่ข้ากล่าวนี้นะแม่เข็ม”  พ่อเชียรเอ่ย

   “อ้าว????....แล้วยังมีอะไรอีกหรือ ระยะนี้ข้าวุ่นวายใจเรื่องนางชบา
มันนี่ล่ะจึงไม่ได้ทำสมาธิ พอเข้าไปมันฟุ้งซ่านไปหมดเลยล่ะพี่” 
 แม่เข็มกล่าว
   “อย่าว่าแต่แม่เข็มเลยข้าก็วุ่นเหมือนกันนะเรื่องนี้ แต่ที่ข้ารู้มันก่อน
จะเกิดเรื่องนี้บ้านเรายังมีทหารอีกจำนวนมากอาศัยอยู่
 เฮ่อๆๆๆแต่ก็ดีไปอย่างนะ เล่นเอาไอ้พวกผีต่างๆที่เที่ยวเพ่นพล่านก่อนนี้
มันหายหัวไปหมด ไม่รู้มันหายไปไหนนะแม่เข็ม”
   “เหรอทำไมข้าไม่ยักกะรู้ แสดงว่าข้านี้ชักจะแย่เอาเสียเลยนะพี่”
   “ไม่หรอกแม่เข็ม เพียงแต่ว่า มันหายไปฝึกกันในป่าหน้าบ้านเรา
นี่แหละ และลูกโชติแม่นางอัปสรตลอดเจ้าแสงสีสินชัยมันบังคับด้วย”
   “ถึงอย่างไรเรื่องใหญ่แบบนี้ข้ามักจะรู้เสมอๆนี่นาพี่”
   “บางสิ่งบางอย่างมันเหนือกว่าความรู้เราจ้าแม่เข็ม”
   “อืมๆๆๆถ้าจะจริงอย่างพี่บอกเสียแล้ว แม้แต่ทหารมากมายข้าเองยัง
ไม่รู้ว่าอยู่ในบ้านข้าเลย เฮ่อๆๆๆ...ไม่แก่แต่ร่างนะจิตข้าพลอยแก่ไปด้วย”
   “ไม่ต้องท้อใจอะไรหรอก  ลูกเรานั้นสูงกว่าเรามากมายนักจ๊ะแม่เข็ม”
   คราวนี้ไม่เข็มไม่เอ่ยอีก แต่พยักหน้าแทนพลางยิ้มเมื่อได้ยินว่าลูกชาย
นั้นไม่ว่าทางโลกและทางธรรมล้วนแล้วแต่เก่งกว่าพ่อแม่ ทำให้แม่เข็ม
ภูมิใจลูกคนนี้ ครั้นย้อนมาคิดถึงคำพูดของลูก เกี่ยวกับชบายิ่งสบายใจมาก
ยิ่งขึ้น ความกังวลในใจหายไปหมดสิ้น  จริงๆซินะชบามันเดินถูกทางมาจน
ถึงขั้นนี้มีหรือมันจะลงไปเกลือกกลั้วกับคนที่ต่ำกว่ามันอีกมากมายนัก
   เมื่อแม่เข็มคิดได้เช่นนี้ก็ลุกขึ้นยืนเดินเข้าห้องไป ส่วนพ่อเชียรหรือก็ลง
ไปข้างล่างไปดูหมูที่เลี้ยง พลางคิดว่าคงจะเลิกเลี้ยงหมูด้วยมันอาจจะเป็น
เวรต่อกันในภพต่อไป บัดนี้เขามีทุกๆสิ่งทุกๆอย่างเพียบพร้อมแล้ว
ก็เดินไปหัวร่อฮึๆๆไป................

                  * แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
29 ธันวาคม 2553 20:06 น.

อทิสมานกาย ๕๙

แก้วประเสริฐ

76.gif
                            อทิสมานกาย ๕๙

    เสี่ยเม้งมองไปทางเบื้องหน้าก่อนจะสู่ภูเขาไปยังถ้ำนั้น
  ตลอดระยะทางแคบๆตลอดริมทางทั้งสองด้านเต็มไปด้วยพุ่มไม้
สูงๆต่ำแต่พื้นดินนั้นเต็มไปด้วยใบไม้แห้งๆ พื้นดินหรือก็ชุ่มๆแฉะๆ 
ไอ้มุ้ยมันบอกว่าให้ระวังพวกทาก พวกปลิง โดยเฉพาะปลิงกระโดด
  มันเคยได้ยินมาว่าตัวของปลิงนั้นมันดีดตัวใส่สิ่งมีชีวิตเพื่อดูดเลือดกิน 
และจะมาเป็นจำนวนมากๆอีกด้วย
    มันนึกถึงสภาพของตัวปลิงที่มันเคยเห็นมันก็ขยะแขยงผิวกายมัน
 ครั้นจะกลับด้วยกลัวปลิงเดี๋ยวพวกลูกน้องมันจะหัวร่อเยาะเย้นเอา
   ครั้นของหรือก็เป็นห่วงที่มีราคานับมหาศาล จะเข้าไปหรือก็นึกขึ้นมา
ก็ให้รู้สึกขยะแขยงจนขนมันลุกชัน
    ฉับพลันสมองของมันก็พลันนึกขึ้นได้  จึงหันไปเรียกพวกทันที
   “เฮ้ยๆๆๆ   ไอ้เซี๊ยะ ไอ้เช้ง ไอ้สุย และพวกมึงอีกสี่คน ไอ้หว่า ไอ้เม่งจ่าย
 ไอ้เจียงกับไอ้ใช้มาล้อมตัวกูไว้นะโว้ย ส่วนไอ้มุ้ยออกเดินนำหน้าพา
พวกนำกูไปดูของได้แล้ว”

   “เฮียพร้อมแล้วหรือ คิดดีแล้วหรือเสี่ย???...”  ไอ้มุ้ยเอ่ยถาม
   “ไอ้ห่า!!!!...มึงอย่าพูดมากโว้ย มึงนำหน้าไปได้แล้ว”
 เสี่ยเม้งกล่าวขึ้น
   “เมื่อทุกๆคนพร้อมกันแล้วไป ข้าจะนำทางเอง” 
 ไอ้มุ่ยตัดบททันที
   ก่อนจะเดินทางไอ้มุ้ยเดินไปหาพวกทันที พร้อมส่งของบางให้แล้ว
เอ่ยปากแนะนำวิธีการใช้แก่พวกมัน  
     ไอ้สุยมองเห็นเป็นก้อนกลมๆดำๆ แดงๆ
จึงยกขึ้นดม พลางเอ่ยปากเบาๆว่า
    “ไอ้มุ้ย...???.....นี้มันยาฉุนใช้ม้วนสูบบุหรี่นี่นา”
แล้วมันก็ยื่นชิมในปาก
    “นี่มันรสปูนแดงที่กินกับหมากนี่หว่า  ใช่ไหมว๊ะ???...ไอ้มุ้ย”
    “จุ๊ๆๆๆอย่าเสือกพูดดังเดี๋ยวก็ถีบให้เสียนี่ อุตส่าห์เอามาให้แล้วไอ้เหี้ย
มึงไม่เอาก็เอาคืนมาไอ้สุย”  ไอ้มุ้ยชักโมโห
    “อ้าวแล้วมึงไม่เอาให้เสี่ยเม้งมันหรือ ไอ้มุ้ย???...”  ไอ้เซี๊ยะถามสงสัย
    “ตอนแรกกูก็คิดจะให้เสี่ยหรอก แต่เห็นเต๊ะท่ามาก ไว้คอยช่วยทีหลังว๊ะ
เวลาปลิงมันโดดใส่มึง มึงก็เอายานี่ ผสมน้ำพอนิดๆหน่อยๆให้แค่แฉะๆแล้ว
โปะตัวมัน มันก็จะหลุดไม่ทันแดกเลือดมึงหรอกว่ะ
 เขี้ยวมันคมเสียด้วยนา พวกมึงระวังตัวด้วยแต่ทางที่ดีมึง
แล้วหันหันไปกระซิบบอกวิธี ทุกคนก็พยักหน้าหงึกๆ

      “หากมันกัดก็เอานี่แหละคอยโปะมัน อาการปวดแสบก็จะหายไปว๊ะ
  กูว่าก่อนไปมึงไปที่รถหาน้ำมาผสมเอ๊าๆๆๆ  เอาเพิ่มไปอีกคนละเม็ด
 ไปที่รถหาน้ำมาผสมแล้วมึงทาไว้แถวขาแขนแล้วเอากางเกงมึงสวมทับไว้
เสื้อมึงก็ปิดไว้ด้วย ให้กลิ่นยามาระเหยออกมา “ ไอ้มุ้ยสั่งกลัวพวกจะลืม
  “กลิ่นยามันพวกนี้จะไม่กล้ากระโดดมาหาพวกมึงหรอก
 แล้วอย่าเสือกปากมากล่ะ”
    ว่าแล้วมันก็ยื่นให้อีกคนละเม็ด
         ทั้งสามเมื่อได้รับยาแล้วก็ซ่อนเอาไว้  พลางหันไปเอ่ยกับเสี่ยเม้งว่า
   “เออๆๆเสี่ย   เดี๋ยวข้าขอตัวไปเอาน้ำเก็บไว้กินอากาศมัน
ร้อนมากๆเสียด้วย”ไอ้เซี๊ยะเอ่ยขึ้น
   “เฮ้ยๆๆไอ้เซี๊ยะกูไปด้วยคนว๊ะ  กูปวดท้องเยี่ยวด้วยโว้ย 
ไอ้ห่าเดี๋ยวทากปลิงมันกัดกู จะดัดเสือกเยี่ยวไหลราดกางเกงว๊ะ”  ไอ้สุยเอ่ย
    “ กูก็เหมือนกันไอ้เหี้ยมุ้ยดันพูดเสียด้วย  แล้วเสี่ยไม่ไปเยี่ยวก่อนหรือไงล่ะ???”
ไอ้เช้งกล่าวบ้าง แต่มันไม่ต้องการให้เสี่ยเม้งรู้จึงทำเสแสร้งชักชวนเสี่ยเม้ง

        “ไอ้ห่าพวกนี้???....มึงก็กลัวเหมือนกันหรือว๊ะ แต่กูไม่ปวดว๊ะแต่กูไม่
กลัวเหมือนพวกๆมึงแหละโว้ย 
 มึงก็เร็วๆด้วยเพราะต้องเดินทางไปดูงานที่อื่นอีก”  แล้วก็ยึดอกเบ่งว่าข้าไม่กลัว
เสี่ยเม้งกล่าวเตือนพวกมัน
   ทั้งสามอมย ิ้มแล้วแสร้งรีบวิ่งไปที่รถ หาที่กำบังได้แล้วก็เข้าไปหยิบน้ำออกมาทำ
ตามไอ้มุ้ย ครั้นเรียบร้อยแล้วก็ออกมาเดินไปหาเสี่ยเม้งทันที ทั้งสามก็เอ่ยขึ้นทันที
     “เสร็จแล้วเสี่ย  ไอ้มุ้ยเสือกพูดเรื่องนี้ได้  ข้าก็กลัวพวกทากกับปลิงด้วยไปยังล่ะเสี่ย”
     “แล้วดันเสือกพูดทำไมล่ะว๊ะ กูก็กลัวว๊ะ  มาๆพวกมึงมาล้อมกูเอาไว้นะโว้ย”  
เสี่ยเม้งกล่าวแล้วก็เข้าไปจูงมือพวกมันทั้งหมดให้มาล้อมตัวมันไว้ แล้วค่อยๆเดินไป
      มันคิดว่าจะเอาพวกเหล่านี้ห้อมล้อมมัน หากถูกทากหรือปลิงดีดมา 
ก็จะถูกไอ้พวกนี้เสียก่อน  ตัวมันก็จะปลอดภัยคงจะไม่ถูกสัตว์เหล่านี้ดูด
เลือดมันได้แน่ๆ  ความกลัวก็ค่อยๆลดลง
    ครั้นทั้งหมดเดินทางไปได้ประมาณครึ่งทาง  เสียงร้องของพวกคุมกันทั้งสี่คนกับ
เสี่ยเม้งก็ร้องเอะอะโวยวายกันลั่นสนั่นไปทั่วบริเวณ
   “เฮ้ยๆๆๆ...โอ้ยๆ....ไอ้มุ้ย ไอ้เช้ง ไอ้สุย ไอ้เซี๊ยะ มาช่วยกูดึงปลิงออกหน่อยว๊ะ
มันยุบยับขาแขนกูไปหมด”  พลางมันเต้นเร่าๆทั้งห้าคน

   ต่างช่วยกันดึงตัวปลิงและทากออกจากตัว   เมื่อดึงตัวมันแล้วแล้วแขนขามันต่าง
บวมทันตาเห็น เลือดไหลออกมาจากตัวมันทั้งห้า เป็นรอยจ้ำๆกันไปทั่ว แต่ก็ไม่
หมดสักที
   “ไอ้ห่าพวกมึงยืนมองหาห่าอะไรว๊ะมาช่วยกูด้วยโว้ย” เสี่ยเม้งร้องลั่น
   “อ้าวๆๆๆ!!!!....แล้วพวกมันทำไมไม่กัดพวกมึงหรือว๊ะ???”  
มันถามด้วยความสงสัย
   “ไม่รู้ซิเสี่ย ตัวพวกข้าคงไม่หอมเหมือนตัวเสี่ยนี่นา ฉีดน้ำหอมมาด้วยหรือว่า
มันคงจะชอบกระมัง???”  ไอ้สุยเอ่ยขึ้น
   เวลาผ่านไปสักประมาณเกือบสิบนาที  ไอ้มุ้ยนึกได้ว่าหากแกล้งเสี่ยงานคงจะ
ล่าช้าไม่เสร็จวันนี้แน่ ด้วยมันจะต้องไปตรวจให้ครบ  ก็เลยเดินถือขวดน้ำเข้าไป
พวกทั้งห้าทันที   แล้วก็หยิบก้อนยามาผสมน้ำละเลงไปบนตัวทากตัวปลิง เมื่อ
บรรดาสัตว์พวกนี้ครั้นโดนน้ำยาก็ต่างร่วงผล๊อยๆจากตัวเสี่ยเม้งและคนทั้งสี่ทันที
มันก็เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำยาป้ายลงบนตัวเสี่ยที่ถูกกัดและพวกมือปืนทั้งสี่ทันที
   พอเสี่ยทุเลาจากเจ็บๆคันๆปวดนิดๆ ก็หันมาถามไอ้มุ้ยทันที

   “ยาอะไรของมึงว๊ะ  ได้ผลดีเสียด้วย พวกมันต่างหนีกันไปหมดแล้วว๊ะ”
   “อ้อๆๆยาวิเศษเสี่ย ราคาแพงเป็นหมื่นๆเชียวนะ”  ไอ้มุ้ยทำหน้าตายเอ่ยขึ้น
   “ถึงว่าซิพวกมึงถึงไม่เป็นอะไรเลยสักคน  เฮ้ยเอามาขายกูบ้างซิว๊ะ คราวหลัง
มาจะได้ไม่ต้องกลัวพวกมัน”  เสี่ยเอ่ย ตอนนี้อารมณ์มันดีขึ้นมากแล้ว
   “ยากเสี่ย ด้วยต้องเดินทางไปซื้อ  อย่าสนใจอะไรมันเลย หายแล้วก็รีบๆไป
ดูงานเถอะนี่ก็เสียเวลามามากแล้วล่ะเสี่ย”
   “เออ??ดีเหมือนกัน เสร็จการตรวจงานนี้มึงเอาไปขายกูด้วยนะโว้ย” มันไม่ลืม
หันไปกำชับไอ้มุ้ยทันที
       พลันสมองไอ้มุ้ยก็วาดแผนการณ์หลอกเสี่ยทันที 
   “เขาขายเม็ดละร้อยนาเสีย แพงเสียด้วยซิ”  ไอ้มุ้ยทำหน้าตาขึงขัง
   “ เออๆๆๆเท่าไหร่กูก็สู้ว๊ะ มันเห็นผลเสียด้วยหากไม่ทดลองไม่รู้ว๊ะ”
   “ไว้ให้ข้าไปติดต่อมันก่อนว่าจะพอมีขายหรือไม่เสี่ย”  ไอ้มุ้ยแสร้งให้เรื่องง่าย
เป็นเรื่องยากทันที
   “กลับไปคราวนี้ มึงรีบไปติดต่อมันด้วยนะโว้ย  แล้วมึงไปเบิกเงินกับกูแสนหนึ่ง
พอไหมว๊ะ  ไปซื้อมันให้หมดเลยว๊ะ  ยามันได้ผลเสียด้วย กูยิ่งกลัวพวกนี้ต่อไป
จะได้ไม่ต้องกลัวมันอีกแล้ว นี่ดีนะที่กูโดนเอง หากใครมาบอกกู กูไม่เชื่อหรอก”
   “อืมๆๆๆ...หากแสนหนึ่งพอจะพูดกันได้เสี่ย ตกลงตามนี้ก็แล้วกันนะกลับไป
ข้าก็จะไปติดต่อเขาก่อนแล้วเบิกเงินเสี่ยไปก็แล้วกัน” ไอ้มุ้ยตอบ


   “เออๆๆๆให้ได้มาก็แล้วกันว๊ะ  ไปๆๆรีบหน่อยเวลาไม่คอยท่าแล้วล่ะว๊ะ”
เสี่ยเม้งตอบ ด้วยมันคิดว่าหากซื้อยาพวกนี้มาได้ต่อไปเมื่อมันมาที่นี่อีกก็จะได้
ไม่ต้องกลัว   ความกลัวทำให้ลืมสังเกตุตัวยาไปสิ้น เพียงขอให้พ้นๆพวกทากและ
พวกปลิงกระโดดเท่านั้นเอง
       แล้วทั้งหมดก็ออกเดินทาง เพียงลัดเลาะไปอีกไม่กี่ที ก็แลเห็นปากถ้ำ หาก
ไม่สังเกตุก็จะไม่เห็นด้วยมีพุ่มไม้และเถาวัลย์พันจนปิดปากถ้ำไปหมด เมื่อจะ
เข้าไปต้องช่วยกันแหวกทางเข้าไป  ดีที่คนของไอ้มุ้ยมันรออยู่ก่อนแล้วออกมา
ช่วยแหวกทางเดินให้
       เมื่อทางสะดวกทุกๆคนก็ทะยอยเดินเข้าไปในถ้ำ  ภายในถ้ำมีแสงสว่างสาด
เข้ามาทางยอดเพดานถ้ำ มองเห็นภายในได้เป็นอย่างดี  ไอ้มุ้ยพาเสี่ยเม้งเดินแยก
ไปแยกมาวนไปๆมาๆ ทุกๆที่มีหินย้อย ยามกระทบกับแสงตะวัน ก็ทอส่งประกาย
สว่างเหมือนกระจกสะท้อนแสงมิปาน เป็นแสงนำทางให้  แล้วทั้งหมดก็มาถึง
กล่องที่ปิดฝาวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

      ไอ้มุ้ยก็สั่งให้คนมันเปิดฝาออก ภายในเห็นถุงพลาสติกหลายสิบห่อในกล่อง
ที่ทำด้วยไม้  เสี่ยเม้งเดินไปชะโงกมองแล้วเอามือมันล้วงไปแกะถุงออกแล้วหยิบ
ขึ้นมาแตะปากแล้วดม สักพักก็พยักหน้ากับไอ้มุ้ยและพวก
      “เออๆๆดีว๊ะของชั้นหนึ่งทั้งนั้น  มึงเก่งไอ้มุ้ย”  มันหันไปชมไอ้มุ้ยทันที
      “แล้วจะเปิดทุกกล่องไหมเสี่ย???...”  ไอ้มุ้ยถาม
      “ไม่หรอกว๊ะเสียเวลา กูลองสุ่มดูแล้วล่ะ  เฮ้ยๆพวกเรากลับกันได้แล้วล่ะ
เดี๋ยวต้องไปดูของไอ้เช้ง ไอ้เซี๊ยะ และไอ้สุยกันได้แล้วโว้ย” มันสั่งทันที
      ระหว่างเดินทางกลับไอ้สี่เสือพยายามเดินตามหลัง พอห่างตัวเสี่ยเม้งพอสมควร
ไอ้ทั้งสามหันไปหาไอ้มุ้ยทันที  
     “ไอ้มุ้ยหาญอีกสามนะโว้ยเพื่อน  มึงหลอกเสี่ยตั้งแสนแนะโว้ย” 
 ทั้งสามเอ่ยเบาๆมิให้เสี่ยได้ยิน
     “เออน่าๆๆ มึงนะมึงไอ้สัตว์ หากมันจับได้โดนกูคนเดียว เอาไปคนละหกสิบ
เปอร์เซ็นต์พอโว้ยแค่สนับสนุน”  ไอ้มุ้ยกล่าว

     “เออได้ว๊ะ หกสิบก็หกสิบ ดีกว่าได้ห้าสิบว๊ะ???...แล้วพวกกูจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
หากมีโอกาสก็จะสนันสนุนมึงขึ้นอีก ช่วยโปรโมทมึงอีกทางหนึ่งว๊ะ”
    “เออๆๆๆมันต้องอย่างนี้ซิว๊ะถึงจะเพื่อนตายกัน” แล้วไอ้มุ้ยก็หัวร่อฮึๆๆๆ
   เมื่อมันมองเห็นเงินแสนลอยอยู่แค่เบื้องหน้ามันไหวๆไปๆมาๆ  แล้วมันก็เดิน
ไปหาชายคนหนึ่ง ท่าทางจะเป็นหัวหน้าควบคุมที่นี่แล้วกระซิบบอกมันในเรื่อง
ให้พวกไปทำยารอไว้เพื่อจะหลอกขายให้เสี่ยเม้ง  ชายคนนั้นก็อมยิ้มพยักหน้า
รับงานทันที 
   ไอ้มุ้ยก็กระซิบเบาๆว่า
   “หากงานนี้สำเร็จพวกมึงมีเอี่ยวทุกๆคนว๊ะ แต่อย่าให้ใครเสือกปากหมาไปเสียล่ะ”
   “เชื่อได้เลยเฮีย” กล่าวเสร็จก็รีบเดินไปบอกพรรคพวกให้ส่งข่าวเรื่องนี้ไปบอกต่อๆ
อย่าเสือกให้ใครปากมากอวดรู้อวดดีล่ะ มิฉะนั้นอาจจะได้แดกลูกปืนกันบ้างล่ะว๊ะ
    การตรวจงานด้านไอ้มุ้ยก็สิ้นสุดลง ทุกๆคนเดินผ่านทางเดิม แต่บัดนี้บรรดาพวกทาก
และปลิงกระโดด ไม่กระโดดหรือเข้ามาหาอีกเหมือนตอนขามา  พอถึงรถก็เริ่มออก
เดินทางต่อไป

     ที่ร้านอาหารภายในเมือง ทั้งสี่ก็มานั่งในห้องพิเศษแล้วต่างดื่มกินไอ้เซี๊ยะก็ถามไอ้มุ้ย
ทันทีว่า
   “แล้วมึงไม่กลัวเสี่ยมันจะรู้ภายหลังหรือว๊ะไอ้มุ้ย”  
   “กูจะไปกลัวหาห่าอะไรว๊ะ  หากโดนก็โดนกันทั้งสี่นี่แหละว๊ะ ใครปากหมาพูดไปก็
มีหวังโดนเสียแน่ๆเลยว๊ะคราวนี้  ตัวใครตัวมันแหละโว้ย” 
 ไอ้มุ้ยยกเหล้าดื่มพร้อมคีบกับแกล้มพลางเอ่ยพูดทันที
  ทั้งสามเมื่อได้ยินไอ้มุ้ยกล่าวเช่นนี้ ต่างสะดุ้งเฮือกไปตามๆกันหันหน้าขวับไปทางไอ้มุ้ย
  “ไอ้ห่าแล้วมึงโยนขี้อะไรให้พวกกูว๊ะ” ทั้งหมดร้องลั่น
  “หรือมึงไม่เอาเงินก็ถอนตัวได้นะโว้ย” ไอ้มุ้ยพูดพลางล้วงเงินก้อนใหญ่ๆพอสมควร
ออกมายื่นไปยังจมูกพวกมันทั้งสามทันที   เล่นเอาทั้งสามเงียบเสียงทันที คนที่จะเอ่ย
เลยหยุดพูดอะไรอีก
   “แต่มึงถอนก็ไม่ทันเสียแล้วล่ะว๊ะ กูบอกเสี่ยมันแล้วว่า ยานี้ได้มาจากไอ้เซี๊ยะ ถาม
ไอ้เซี๊ยะมันบอกว่าได้มาจากไอ้เช้งไอ้สุยอีกทีหนึ่ง ทั้งสองต่างหามาให้กูว๊ะ เท่านี้กูก็
รอดตัวแล้ว  คราวนี้แหละโว้ยถึงพวกมึงแน่ๆยาที่ซื้อหรือกูบอกเสี่ยมันว่ามึงทั้งสาม
หามาให้กูทั้งหมด แล้วกูค่อยเอาให้เสี่ยอีกที ทางกูไม่มีปัญญาหาเองได้นอกจากพวก
มึงทั้งสามนั่นแหละ  หากเสี่ยเล่นมันต้องพุ่งเป้ามาทางมึงแน่นอนเชื่อกูไหมว๊ะ???”
“เสี่ยมันเชื่อกูจะหันไปเล่นถึงพวกมึงก่อนแล้วค่อยลงมาเล่นกูอีกทีหนึ่งล่ะโว้ย”  
       ไอ้มุ้ยหัวร่อก๊ากทั้งๆที่ในปากมันยังเคี้ยวอาหารอยู่จ๊วบๆๆๆ
   คราวนี้เล่นเอา ไอ้เซียะ ไอ้เช้ง และไอ้สุย ต่างอ้าปากตาค้างไปทันที ต่างงงไปสักพัก
ก็รู้ว่าเพื่อนมันเป็นคนอย่างไร   มิฉะนั้นมันไหนเลยจะคงปกครองคนมากไม่ได้หรอก
 ทั้งพื้นที่หรือก็กว้างไกลกว่าพวกมันมากนัก
    อีกอย่างหนึ่งคนของมันล้วนแล้วแต่สั่งได้กันทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย
มันเป็นทั้งคนมีน้ำใจและโหดเหี้ยมในตัวมันเสร็จ จนลูกน้องมันสามารถจะตายแทน
มันได้เลย  แม้แต่ลูกน้องของพวกมันยังมิกล้ายุ่งเกี่ยวในเขตที่มันปกครองเลย ยามใช้
มันมาหาไอ้มุ้ย มักจะอีดๆออดๆเสมอมา และมาพบกับตัวมันเอาอีกมันถึงได้รู้เล่ห์เหลี่ยม
ไอ้มุ้ยแพรวพราวจริงๆ จนพวกมันทั้งสามอดชื่นชมไม่ได้ที่ได้เป็นเพื่อนกับมันแทบจะ
เรียกว่าเป็นเพื่อนตายก็อาจจะว่าได้
 แล้วไอ้สุยก็ถามทันที 
    “แล้วมึงไม่แบ่งให้ไอ้พวกทำยาบ้างหรือว๊ะไอ้มุ้ย”

   “ไอ้ห่านี่มึงนะมึงแค่นี้มึงยังคิดไม่ออกหรือ งานเดินเงินไป หากไม่มีเงินใช้มันไหนเลย
จะได้ของมาว๊ะ  โถๆๆๆไอ้พวกควายนั่งเก๋ง???...”
   การด่าของไอ้มุ้ยคราวนี้มันแสบทรวงยิ่งกว่ากินพริกขี้หนูไปอีก มันทั้งสามมองตาหน้ากัน
ไอ้ห่านี่แอบด่ากู  ทั้งสามคิด แต่ไม่เอ่ยกลัวจะโดนอีกลูกหนึ่งที่ไอ้มุ้ยด่ามันด้วยแบบคำคม
     “เออๆๆๆไหนส่วนแบ่งกูล่ะว๊ะ???...”  ไอ้เช้งถาม
     “แล้วมึงสมควรได้เท่าไหร่ดีว่า  ไอ้เซี๊ยะ ไอ้สุย”  มันเแสร้งหันไปถามเพื่อนมัน
     “เออไอ้ส้นตีนเอ๋ย???...เท่าไหร่ก็แบ่งๆมาเถอะกูรู้ว่าพูดอย่างไรก็ไม่ทันมึงหรอกว๊ะ
 ด้วยมึงถือเงินนี่หว่า???...”  ไอ้เซี๊ยะเอ่ยขึ้น
     “ทำใจน้อยไปได้เพื่อนกูนี่ คนอื่นกูทำได้โว้ยแต่กับมึงทั้งสามบอกตรงๆว่ากูไม่เคยคิด
ในสมองเลยว๊ะ” ไอ้มุ้ยเอ่ยแล้วล้วงเงินออกมาสามปึก ยื่นส่งให้พวกมันทันที
     “เฮ้ยๆๆๆ???....ทำไมเหลือแค่นี้ละว๊ะไอ้มุ้ย มึงอมกูหรือ” ไอ้สุยโวยวายขึ้น
     “ไอ้ห่าสุย มึงนะมึงไม่สมกับปกครองดินแดนนี้เลยว๊ะ  ก็มึงคิดซิว๊ะหักค่าใช้จ่ายคนงาน
ที่ทำยาให้ โสหุ้ยอื่นๆจิปาะถะไม่ใช้มันเหมือนมึงนี่หว่า รับเงินมาสิบให้มันแค่บาทเดียว
พอมันเอ่ยก็วางอำนาจตบหน้ามันอีก แล้วพวกกับแกล้มและเหล้าที่มึงแดกๆๆลงอีกล่ะตลอด
หญิงมานั่งให้มึงคลำเล่นๆอีก มึงไม่คิดเลยหรืออีกค่าอาหารที่พวกมึงแดกไปไม่คิดกันเลยหรือว๊ะ
  นี่มันฟรีๆนะโว้ย!!!...ถ้าหากกูไม่รักพวกมึงแล้วอมไว้คนเดียวพวกมึงจะทำอะไรกูได้ว๊ะ???...
ไม่ใช่กูอวดเบ่งนะโว้ยเพื่อน ทุกอย่างกูวางแผนการณ์เรียบร้อยแล้วล่ะว๊ะ มึงเชื่อเถอะกูไม่โกง
มึงหรอกกับไอ้เงินแค่นี้  มึงเอาเครื่องคิดเลขมาคิดซิว่ามึงได้หกสิบเปอร์เซ็นต์หรือไม่แล้วมา
ลบด้วยค่าใช้จ่ายอื่นๆดังเช่นคนของมึงด้วยแล้วมาหักค่าผู้หญิงอาหารนี้ว๊ะ อีกอย่างหนึ่งงานนี้
หากกูไม่คิดแล้วพวกมึงจะได้หรือ  ลองเอาส้นตีนมากรองให้เข้าไปในหัวมึงเถอะ หากผิดแล้ว
ค่อยมาว่ากูโว้ยไอ้เหี้ย??.....”ไอ้มุ้ยกล่าวไปยิ้มไปพร้อมลอยหน้าใส่พวกมันอีก

     คราวนี้ทั้งสามเงียบกริบทันที  ต่างคิดจริงของมันว๊ะที่หลุดรอดออกจากดงทากและปลิงมา
ได้ก็เพราะมันแท้ๆ  เงินฟรีหรือก็เพราะมันที่วางแผนการณ์อีกหลอกเสี่ยเม้งได้พวกมันแทบจะ
ไม่ได้ช่วยอะไรมันเลย ดีแต่มานั่งรับเงินเท่านั้น  เมื่อมันคิดได้ก็หันไปขอบใจไอ้มุ้ยด้วยสีหน้า
ยิ้มแย้มแจ่มใสทันที ไอ้เซี้ยะพลันหันไปรินเหล้าส่งให้ไอ้มุ้ยอีกเอาใจมัน ส่วนไอ้เช้งไอ้สุยก็
หยิบช้อนตักกับข้าวแย่งกันส่งให้กับไอ้มุ้ย   แล้วยิ้มอย่างเอาใจเพื่อให้คลายโมโหไม่ต้องพูดอีก
   “เออๆๆดีมากๆ...ให้มีมันสมองเสียบ้างก็ดีทำงานกันแบบนี้นะโว้ยหากซื่อก็ควายละว๊ะเพื่อน
เอ๊ามาแดกๆนี่ก็ใกล้ร้านมันจะเลิกเสียด้วยซิ”  ไอ้มุ้ยเอ่ยเตือน
      แล้วทั้งหมดก็ร่วมกันกินแล้วเลิกพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป ต่างส่งเสียงหัวร่อต่อกระซิกกัน
อย่างสนุกสนานกันอย่างรื่นเริงกันลั่นห้อง..........

                   * แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
29 ธันวาคม 2553 15:29 น.

อทิสมานกาย ๕๘

แก้วประเสริฐ

76.gif
                        *  อทิสมานกาย ๕๘  *

   หลังจากที่ทั้งสี่กินอาหารได้เวลาสมควรแล้ว  ก็ไปเบิกเงินกับเสี่ยเม้ง
ในการทำงานครั้งนี้ก่อนจะแยกย้ายกันกลับนั้น  เจ้าเซี๊ยะ 
 ก็หันไปถามพวกทั้งสามทันที
    “ไอ้มุ้ย....งานนี้คงไม่ยากเย็นอะไรหรอกว๊ะ แล้วมึงจะนำของ
ที่มึงเก็บไว้ไปที่ไหนหรือ”
    “กูคิดว่าจะไปทางด้านเขานอกเมืองทางทิศเหนือ เด็กมันบอกว่ามีถ้ำ 
ลึกลับซับซ้อนอยู่
ภายในถ้ำยังมีหลีบซอกแยกแยะกันมากมายนัก  ยากแก่การค้นหาว๊ะ..
    “ดีนะที่กูนั้นได้ไปดูสถานทีก่อนที่จะมาแล้ว เมื่อได้รับข่าวว่า
ไอ้เสี่ยหว่างมันตายแล้ว เรื่องนี้มันจะบานปลายว๊ะไม่คิดว่าจะมาใช้ใน
คราวนี้นี่เอง” ไอ้มุ้ยเอ่ยอีก
  “กูจึงเสียเวลาหน่อยไปกับลูกน้องดูแล้วมันก็จริงที่กูคิดไว้จึงไม่ลำบาก
อะไรนักหรอก แต่ว่าระยะทางมันไกลนี้ซิกลัวอย่างเดียวจะเป็นปัญหา
ในการขนย้ายนี่แหละ” ไอ้มุ้ยรำพึง

   “อ้อๆๆๆ...แล้วมึงไอ้เซียะมีคิดวางแผนหรือยังล่ะ???...”
ไอ้มุ้ยหันหน้ามาถามบ้าง??..
   “กูเองยังไม่ได้วางแผนอะไรเลยว๊ะ???...ไอ้มุ้ย เอๆๆๆ...
แต่แผนมึงเข้าท่านี่หว่าซ้ำมึงยังไปดูสถานที่อีกด้วย   
แล้วมึงล่ะไอ้เช้ง ไอ้สุย มึงคิดวางแผนเหมือนไอ้มุ้ยหรือเปล่า???....”
ไอ้เซี๊ยะเอ่ยถาม
   “กูเองก็เหมือนมึงนั่นแหละ ไอ้ห่าเสี่ยมันสั่งกระทันหันเสียด้วยว่า
มะรืนนี้จะสอบถามเด็กๆมันดู” 
ไอ้สุยตอบ  แล้วมันหันไปมองหน้าไอ้เช้ง  เห็นไอ้เช้งเอามือลูบหัวมันที่ล้าน
เข้าไปครึ่งกะบาลแล้ว
   “ไอ้ห่าเช้ง มึงไม่ต้องลูบหัวมึงหรอกโว้ย หัวมึงล้านเข้าไปครึ่งหนึ่งแล้วล่ะว๊ะ”
    “เรื่องของกูโว้ย ไอ้ห่านี้ไม่รู้หรือเวลานักปราชญ์เขาใช้ความคิด
เขาทำอย่างไรบ้าง ไอ้โง่ ไอ้ส้นตีน???..”
    “นั่นมันนักปราชญ์โว้ยแต่มึงมันแค่ส้นตีนปราชญ์ว๊ะ”
 เมื่อกล่าวจบก็รีบดึงร่างไอ้เซี๊ยะออกมาบังร่างมันทันที 
เมื่อแลเห็นส้นตีนมันถีบเข้ามาหามันทันใด

     แล้วมันก็หัวร่อลั่นเมื่อส้นตีนมันถูกไอ้เซี๊ยะเข้าเต็มเปา จนไอ้เซี๊ยะเซแซดๆๆ  
     “คนละชั้นโว้ย???....ไอ้เช้ง”  ไอ้สุยล้อเพื่อนมันเล่น
    “ไอ้เห้!!!!....เล่นกันเหมือนเด็กๆอยู่ได้ งานสำคัญนะโว้ย หยุดๆๆๆ”
 เสียงไอ้เซี๊ยะห้ามทันที
    “แล้วมึงคิดอย่างไรว๊ะไอ้เช้ง???...มึงยังไม่ได้พูดเลยนี่หว่า”  
ไอ้เซี๊ยะถามเพื่อมันจะได้วางแผนตามบ้าง
   “กูเหมือนมึงแหละว้าไอ้เซี๊ยะ ไม่ได้วางวงวางแผนอะไรหรอก” 
ไอ้เช้งเอ่ยขึ้น

   “สรุปได้ว่ามีไอ้มุ้ยคนเดียวเท่านั้นที่วางแผนล่วงหน้าไว้  เอาอย่างนี้ดีกว่าว๊ะ
ไม่รู้ว่าพวกมึงจะเห็นเป็นอย่างไรกันบ้าง   เมื่อไอ้มุ้ยไปทางเหนือ  กูก็จะลงใต้ 
แล้วมึงไอ้สุยกับไอ้เช้งล่ะ ไปทิศไหนโว้ย???.....
กูคิดว่าให้พวกเราต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง
 หากตำรวจมันตรวจค้นก็จับไม่ได้ทั้งหมดหรอกว๊ะ”
ไอ้เซี๊ยะเอ่ยแนะคนทั้งสอง ในแผนการขนย้ายของไปหลบตำรวจคราวนี้
   “ที่จริงมันก็ดีเหมือนกันว๊ะไอ้สุย ต่างคนไปคนละทาง เอาล่ะว๊ะกูเห็นด้วย
 แล้วค่อยกลับมารายเสี่ยมัน บางทีมันอาจจะไปดูงานเมื่อพวกเราทำกันสำเร็จ” 
 ไอ้เช้งเอ่ยขึ้น

   “นั่นซิกูก็เห็นด้วยกับไอ้เซี๊ยะมัน  แล้วมึงจะไปทางไหนล่ะ ไอ้มุ้ยไปทิศเหนือ
 ไอ้เซี๊ยะไป ทิศใต้เหลืออีกสองทิศ  มึงจะทิศไหนบอกมา
ที่เหลือเป็นของกูว๊ะไอ้เช้ง???...” ไอ้สุยเอ่ยขึ้น
   “งั้นกูเอาทิศตะวันตกก็แล้วกันมันใกล้ถิ่นกูหน่อยว๊ะ
 ส่วนทิศตะวันออกเป็นของมึงไอ้เช้ง”
   “เมื่อพวกมึงตกลงกันได้  แล้วงานจะเริ่มเมื่อไหร่ล่ะว๊ะ???.. 
 กูว่าจะเริ่มพรุ่งนี้เลยอันดับแรกไปดูสถานที่ก่อน เรื่องไอ้เสี่ยเม้งไม่มาตรวจ
กูคิดว่าไม่มีหรอกว๊ะ อย่างไรมันก็ต้องไปตรวจดูแน่ๆ”
   “ตกลงกูทิศตะวันออก เหมือนมึงจะรู้นะไอ้เวร???...
ก็มันถิ่นกูนี่หว่า ส่วนไอ้มุ้ยนั้นแน่นอน
มันต้องเลือกใกล้ถิ่นมันแหละว๊ะ  ไอ้เห้...เซี๊ยะก็เหมือนกันเอาถิ่นมัน
เหมือนพวกเราแหละว้า??.”

   “เออๆๆๆ....เมื่อตกลงกันได้แบบนี้ งั้นแยกกันนะโว้ย  งานใครงานมัน”
 ไอ้เซี้ยะสรุปทันที
   แล้วพวกมันทั้งสี่ก็แยกย้ายจากกันทันที  เสียงรถยนต์ส่วนตัวเริ่มส่งเสียงเมื่อ
สตาร์ทเครื่องต่างคนต่างกลับ  ส่วนไอ้มุ้ยมันรำพึงขึ้นในรถว่า
    “ดีนะที่กูสังหรณ์ใจตั้งแต่ไอ้เสี่ยหว่างตายห่าไปแล้ว ยิ่งไอ้เสี่ยเล้งถูกจับอีก 
คราวนี้ต้องถึงเราแน่ๆ”
    “เฮียๆๆๆ...จะแวะไปที่ไหนอีกหรือเปล่าล่ะเฮีย???...” คนขับรถถาม
    “ไม่หรอกว๊ะไอ้เปี๊ยะไปบ้านเราดีกว่ากูต้องไปนอนวางแผนก่อน
  เออๆแล้วเหล้าในรถมีหรือเปล่าว๊ะ?????.......”  ไอ้มุ้ยถามขึ้น
   “มีเฮีย...ยังเหลือแปล๊คอยู่อีกสามขวด”  ไอ้เปี๊ยะตอบ
    “เออๆๆดีแล้ว  งั้นคืนนี้มึงเอาไปขวด  แต่อย่าแดกให้เมาก่อนเสียล่ะ

 พรุ่งนี้มึงสั่งเป๋งไปหาพวกมาอีกสักเจ็ดแปดคนแต่ให้มันคัดคนด้วยนะโว้ย 
เดี๋ยวมันเสือกเอาขี้ยามาเหมือนงานคราวที่แล้ว    ทำให้งานเกือบจะต้อง
วุ่นวายฉิบหายไปจะเสียงานไปแล้วล่ะ???”
  “ครับเฮีย...ส่งเฮียเสร็จข้าก็จะไปสั่งไอ้เป๋งทันที” 
 “เออๆๆดีแล้วล่ะงานคืองานนะโว้ย  นี่มึงเอาเงินไปใช้เล่นๆ
สักหน่อยก็แล้วกันว๊ะ” พลางล้วงหยิบเงินอย่างไม่ต้องนับส่ง
ให้ลูกน้องมัน ปึกหนึ่ง   เล่นเอาไอ้เปี๊ยะยิ้มแก้มแทบแตก
   “ก็เงินดีแบบนี้นี่เฮียใครบ้างล่ะไม่ทำก็โง่ฉิบหายเลย???...”  
ไอ้เปี๊ยะเอ่ยเบาๆ แต่ไอ้มุ้ยได้ยิน
   “เดี๋ยวกูก็ถีบหรอกว๊ะ  เร็วๆๆโว้ย   เฮ้ยๆๆแบ่งให้ไอ้เป๋งมันบ้างนะโว้ย
ไม่ใช่ของมึงคนเดียว  ให้มึงไปแบ่งพวกๆด้วยนะ ที่กูส่งให้ก็หลายกูไม่ได้
นับหรอก  เพิ่งจะเบิกจากเสี่ยมันมาว๊ะ ส่วนคนดูแลของและขนของนั้น
เดี๋ยวเสร็จงานกูก็จะให้พวกมันอีก  แต่นี่เป็นของมึงกับไอ้เป๋งก่อน”
ไอ้มุ้ยสั่ง หากมันไม่สั่งแบบนี้ไอ้เปี๊ยะอุบหมดคนเดียว

     สักครู่หนึ่งรถก็แล่นลับเหลี่ยมมุมตึกหายไป   เพียงแค่ได้ยินเสียงรถเบาๆ
  ส่วน ไอ้เซี๊ยะ ไอ้เช้ง ไอ้สุย  เมื่อแยกกันแล้วไอ้เช้งก็ให้คนขับรถไปตรวจ
ดูที่เก็บของเพื่อจะเริ่มย้ายในวันมะรืนนี้ตามที่มันคิด  ต้องการให้งานเสร็จเร็วๆ
     อีกราวก่อนใกล้วันอาทิตย์ทั้งสี่ก็เข้ามาพบเสี่ยเม้งรายงานผลงาน
ของพวกมันว่าได้สำเร็จเรียบร้อยกันหมดทุกๆคน  พร้อมรายงานผลต่างๆให้รู้
เพื่อให้เสี่ยไม่ต้องเป็นห่วงเกี่ยวกับงานขนของหาที่ซ่อนใหม่   เสี่ยมันก็เอ่ยว่า
     “เออๆดีว๊ะ งั้นเดี๋ยววันอาทิตย์กูจะไปตรวจดูของเสียหน่อย”  
ทำให้ทั้งสี่หันมามองหน้ากันด้วยพวกมันคาดการณ์ล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว
   “แล้วมึงจะว่าอย่างไร ไอ้เซี๊ยะ ไอ้สุย ไอ้เช้ง ไอ้มุ้ย???...” เสี่ยถาม
   “ไม่เป็นปัญหาหรอกเสี่ยเมื่อไหร่ก็ได้นะ”  ทั้งสี่ตอบทันที
   “ตกลงว๊ะ ถ้าอย่างงั้นวันอาทิตย์ถึงนี้มึงทั้งหมดมาพบกูที่นี่ก่อน

       เก้าโมงเช้านะโว้ย กูจะไปดูงานใช้เวลาวันเดียวก็คงทัน 
หรือพวกมึงเห็นเป็นอย่างไรว๊ะ???...”  เสี่ยเม้งเอ่ยถาม
   “ข้าคิดว่าคงจะทันหรอกเพราะถิ่นที่อยู่ของพวกเราก็ในเขตเมือง
เพียงแค่ออกไปนอกเมืองเท่านั้นแต่ว่าล้วนแล้วแต่เป็นภูเขา
สลับซับซ้อนนะเสี่ย???...”  ทั้งหมดเอ่ยเกือบพร้อมๆกัน
   “แล้วพวกมึงไม่นั่งกันก่อนหรือว๊ะ กูเห็นเดินไปเดินกันมา ไอ้ห่า???...”
   “ไม่หรอกเสี่ย รายงานเสร็จก็จะไปสืบร่องรอยดูว่า
ไอ้พวกตำรวจมันจะมีสายรู้หรือเปล่า??”ไอ้สุยเอ่ยขึ้น
   “พวกข้าก็เหมือนกันเสี่ย พอรายงานเสร็จก็จะรีบไปดูทางลูกน้อง
ด้วย งานมันใหญ่นะเสี่ย”ทั้งสามที่เหลือกล่าวบ้าง

       “เออๆๆ....ดีว๊ะ  กูใช้พวกมึงมาไม่เคยพลาดเลยนี่นา 
พวกมึงเหมือนมือตีนกูทั้งสี่แหละโว้ย      กูขอบใจมากว๊ะ 
หากสถานะการณ์ปกติก็จะนำมันกลับมาอีก พวกมึงก็มีรายได้พิเศษอีก”
เสี่ยเม้งกล่าวให้กำลังใจแก่พวกมัน
   “นั่นซิพวกข้าถึงไม่ได้นิ่งนอนใจกัน งานคืองาน กินคือกิน เที่ยวคือเที่ยวเสี่ย”
  ไอ้เช้งเอ่ยบ้าง
   “เอาล่ะโว้ย งั้นมึงจะกลับก็กลับกันได้โว้ย เดี๋ยวกูจะโทรทางไกล
ไปในกรุงเทพฯหน่อยว่าทางไอ้เล้งเป็นอย่างไรบ้าง???...”  เสี่ยเม้งเอ่ย
   “ถ้าอย่างนั้นพวกข้าไปแล้วล่ะเสี่ย”  ไอ้เซี๊ยะกล่าวแทนพวกมัน
   “อาทิตย์นี้เจอกันอีกนะโว้ย  ให้ตรงต่อเวลาด้วยล่ะ”
   “ไม่ต้องห่วงหรอกเสี่ย” ทั้งหมดกล่าว

     แล้วทั้งหมดก็ออกจากห้องของเสี่ยเม้ง  แล้วต่างก็แยกย้ายกันจากไป
เพียงแค่โบกมือลากันเท่านั้น
     ครั้นรุ่งเช้าวันอาทิตย์ทั้งหมดก็ออกมาพบกันที่ลานจอดรถของบ้าน
เสี่ยเม้ง  เมื่อครบกันเรียบร้อยเสี่ยเม้งหันมามองยังรถทั้งหมด มันคิดว่า
หากจะไปด้วยกันทั้งสี่คัน คงจะไม่ดีแน่จะเป็นที่สงสัยแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
จึงหันไปปรึกษากันใหม่ทันที
   “ ข้าว่าหากพวกเราไปกันทั้งหมดนี้ก็จะอิกเกริกไม่น้อยเลยว๊ะ หรือถ้า
หากแยกย้ายกันไป ก็จะรวมกันยากเอาอย่างนี้ดีกว่า พลางหันไปสั่งทันที
   “ไอ้มุ้ย กูว่าจะไปทางมึงก่อนดีกว่า ด้วยจากบ้านกูไปยังที่เก็บของๆมึง
มันจะใกล้กว่ากัน   ส่วนไอ้เซี้ยะ ไอ้เช้ง ไอ้สุยให้คอยทางนี้ไว้ก่อน
หากไปพร้อมๆกัน  มันจะเป็นจุดสนใจของตำรวจว๊ะ
หรือพวกมึงจะเห็นอย่างไร???...กันว๊ะ ลองให้ความเห็นแก่กูหน่อย”

   “ก็ดีเหมือนกันเสี่ยด้วยว่าหากนั่งไปด้วยกันคนคุ้มกันตั้งสี่คนนั้นที่นั่ง
ก็คงจะไม่พอ หรือว่าเสี่ยจะเอารถตู้ไปก็คงดีนะ จะได้ไปกันหมดดีกว่า
เอารถส่วนตัวไป จริงไหมว๊ะพวก??..”  พลางหันมาทางพวกมันทั้งสาม
   “จริงของไอ้สุยมันว่า พวกเราจะได้ไปกันหมดและไม่ต้องเสียเวลาด้วย”
ไอ้มุ้ยเอ่ยขึ้น  หันหน้าไปทางเสี่ยเพื่อขอความคิดเห็น
   “นั่นซิเสี่ย  หากเอารถตู้ไปก็ดีเหมือนกันนะ ไปทางทิศเหนือแล้ววกย้อน
ไปทางทิศตะวันตกแล้ววกลงมาทางทิศใต้แล้วย้อนไปทางตะวันออกก็คง
จะดี  ทางนั้นมันออกมาหน่อยก็จะมีทางไปเสี่ย”  ไอ้เซี้ยะออกความเห็น
   “แล้วมึงล่ะไอ้เช้ง???...เห็นว่าอย่างไร???...”
   “ก็ตามไอ้เซี๊ยะบอกก็ดีเหมือนกันด้วยถนนมันเชื่อมกันอยู่แล้วคนรถเสี่ย
คงจะรู้ทางหรอกเดี่ยวนี้รถมันมีแผนที่คอมฯอยู่แล้วนา” ไอ้เช้งตอบ
   “อืมๆๆ...จริงของมึงว๊ะ” พลางหันหน้าไปถามคนคุ้มกันที่ทำหน้าที่ขับรถ
ไปด้วย
“มึงล่ะไอ้หว่า???...จะมีปัญหาเกี่ยวกับทางไหมว๊ะ???...”  เสี่ยถาม

  “ไม่มีปัญหาเรื่องทางหรอกเสี่ยคนขับรถที่หน้าตามันเคร่งขริมค่อนข้างดุเอ่ย”
  “ถ้าพวกเอ็งเห็นกันแบบนี้ก็ตกลง  ไอ้หว่ามึงไปรถตู้ที่โรงเก็บออกมาได้แล้วว๊ะ”
      ไอ้หว่าไม่พูดมากมันขับรถส่วนตัวไปเก็บ สักพักหนึ่งก็เอารถตู้ขนาดใหญ่
ขับออกมา  เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทาง ด้านหน้าไอ้มุ้ยนั่งคู่กับไอ้หว่า
ถัดมาก็เป็นเสี่ยเม้งและมือปืนมันนั่งกระหนาบข้างซ้ายขวา ด้านหลังก็นั่งด้วย
ไอ้เซี้ยะ ไอ้สุย ไอ้เช้ง และมือปืนอีกคนนั่งอยู่ด้านข้างๆประตูรถ
 เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยรถก็ขับออกจากบ้านเสี่ยมุ่งออกจากตัวเมืองแล่นไปตาม
ทางภูเขาด้านทิศเหนือทันที ครั้นรถออกนอกเมืองแล้ว  ไอ้หว่าก็เร่งความเร็วไป
ตามทางที่ไอ้มุ้ยบอกทันที
      รถขับไปถนนว่างด้วยเป็นตอนเช้าจะมีสวนกันมาบ้างก็นานๆจะมีสักคันเมื่อ
แล่นคดเคี้ยวไปคดเคี้ยวมา  ไอ้มุ้ยก็บอกให้ไอ้หว่าชะลอเครื่อง
    “มึงเลี้ยวรถทางแยกซ้ายมือของหน้านี้แหละว๊ะ”  มันกล่าวกับไอ้หว่า

    พอรถมาถึงทางเลี้ยวซ้าย ไอ้หว่าก็ขับรถเข้าซอยทันทีที่ล้วนแล้วแต่ทางขรุขระ
แต่ต้องหยุดชะงักทันรถ ด้วยข้างหน้ามันมีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาโบกรถอยู่ 
 เป็นชายประมาณห้าหกคนทั้งหมดล้วนขี่รถมอเตอร์ไซค์กันทั้งสิ้น 
มันทั้งหมดจอดรถรอคอยอยู่แล้ว รูปร่างหน้าตาแต่ละคนล้วนเป็นคนท่าทางเอาเรื่อง
   เมื่อรถจอดสนิท ข้างๆรถมอเตอร์ไซค์  ไอ้มุ้ยก็ลงไปคุยกับคนกลุ่มนั้นทันที แล้ว
ก็ย้อนมาขึ้นรถ หันไปกล่าวกับไอ้หว่าทันที
   “เดี๋ยวพวกกูจะนำทางไปคอยป้องกันให้ด้วยทั้งข้างหน้าข้างหลัง  มึงขับตามมันไป
ก็แล้วกัน”  ไอ้มุ้ยบอก
     ไอ้หว่าพยักหน้าไม่พูดอะไรก็ขับรถตามมอเตอร์ไซค์สามคันที่ออกนำหน้าไปก่อน
 ส่วนด้านหลังประกบอีกสามคัน  พอพ้นถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นแดง   ข้างหน้ามีทาง
เลี้ยวอีกไอ้หว่าเห็นมอเตอร์ไซค์สามคันเลี้ยวไปในถนนแคบๆ  ถนนที่ขรุขระนั้นก็เป็น
ทางลาดลงไปยังเบื้องล่าง คดเคี้ยวไปๆมาๆไปตามทางเลียบแนวเขา  แลเห็นรถทั้งสาม
เลี้ยวเข้าไปในป่าข้างทางทันที  แต่ก็พอให้รถตู้เข้าไปพอดีแต่ช้าๆด้วยถนนไม่ดี

    ได้ยินเสียงเสี่ยเม้งพำพรำออกมาพอได้ยินเล็ดรอดออกจากปากมัน  
   “ไอ้มุ้ยมันช่างหาสถานที่จริงๆว๊ะ ไปมาลำบากฉิบหาย แล้วทางมึงล่ะไอ้เซี้ยะ ไอ้เช้ง
ไอ้สุย  ทางแบบนี้หรือเปล่าว๊ะ”
    “เดี่ยวเสร็จจากดูของไอ้มุ้ยแล้วเสี่ยก็รู้เองแหละ คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่หรอก”
ไอ้เซี้ยะบอก
    “ส่วนทางข้างนั้นก่อนจะถึงที่ต้องเดินทางด้วยเท้า รถเข้าไปไม่ได้หรอกนอกจาก
รถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น”  ไอ้มุ้ยหันมาเอ่ยให้ฟัง
   “ไอห่า??...สมกับเป็นเพื่อนกันเลยว๊ะ ทำงานยังคล้ายๆกันอีก เหมือนทางนี้แหละเสี่ย”
ไอ้สุยรายงานหนทางไปตรวจของของมันให้เสี่ยฟัง พร้อมชี้มือไปทางข้างหน้าด้วย
   “ส่วนของข้าก็คงจะเหมือนไอ้สุยแหละเสี่ยต้องเดินทางด้วยเท้าด้วย”  ไอ้เช้งกล่าว
    คนทั้งสี่กล่าวยังไม่ทันจบดีนัก  รถที่ไอ้มุ้ยบอกทางไอ้หว่าก็ต้องจอดรถข้างๆด้วย
ทางมันตันไปไม่ได้
   “เสี่ยสิ้นสุดทางแล้วล่ะ ต้องเดินไปอีกเกือบร้อยเมตรก็จะถึงถ้ำแล้วล่ะ” กล่าวจบ
ไอ้มุ้ยก็ก้าวลงจากรถ หันไปเลื่อนประตู้รถให้เสี่ยเม้งทันที

   “ไอ้หย๊า!!!!เฮ้ย???....ทางมันช่างลึกลับจริงๆว๊ะ  เฮ้ยๆๆ...กูต้องลงเดินอีกหรือโว้ย??.”
   “อ้าวๆๆๆ...ถ้าไม่เป็นแบบนี้ง่ายๆพ่อมันก็มาหาได้ง่ายๆนี่เสี่ย น่าเดินอีกไม่เท่าไหร่
แต่ระวังพวกทากกับปลิงด้วยนะ มันชุมเสียด้วยซิ”  ไอ้มุ้ยเอ่ย
   ร่างที่ขาวอ้วนคล้ายหมูของเสี่ยต้องสะดุ้ง   เมื่อไอ้มุ้ยบอกว่ามีพวกทากกับปลิงชุกชุม.....

             *  แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
29 ธันวาคม 2553 15:19 น.

* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๙*

แก้วประเสริฐ

76.gif
                        *  ตำหรับยาสมุนไพรกลางบ้าน  ๙  *

  แต่ละอย่างนั้นมีการรักษาโรคภายใน ภายนอก และอื่นๆซึ่งเป็นการสอดแทรก
ของหมอต่างๆ  แต่การใช้ควรจะใช้เป็นเบื้องต้นแห่งการรักษา  การรักษาด้วยยา
สมุนไพรนี้  ถ้าหากคนถูกกับตัวยาจะหายขาดเลยแล้วมักจะไม่ย้อนกลับเป็นอีก
ซึ่งตัวยาเหล่านี้อยู่ใกล้ๆกับตัวเรา หากเป็นไร่นาสวนจะมีมากเป็นพิเศษ ส่วนใน
เมืองนั้นค่อนข้างหายากด้วยเป็นคอนกรีตไปหมดแล้วครับ พอจะประทังไปได้
หรอก แต่การใช้ควรจะอยู่ในดุลยพินิจของท่านโดยใช้วิจารณาญานท่านเองครับ
(ที่พิมพ์ว่า “เหล้า”  นั้นหมายถึงเหล้าขาวนะครับ คนโบราณทานแต่เหล้าขาวกัน
หากหาไม่ได้ใช้เหล้าแดงแทนก็ได้ เช่นแม่โขงฯลฯเป็นต้น)
                                  *แก้วประเสริฐ.*

                                    ยาแก้โรคบิด

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา ใบฝรั่งสด กับ เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ด้วยตัวยาทั้ง ๒ ชนิด
นี้เอาอย่างละเท่าๆกัน นำมาตำให้ละเอียด  ผสมกับ น้ำต้มสุก ครั้นเอาน้ำยา
รับประทานประมาณ ๑ ถ้วยชา โรคบิดจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(รตอ. เปี่ยม บุญยะโชติ กรุงเทพมหานครฯ)

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา ส้มมะขาเปียก ๑ ปูนแดง (ปูนแดงกินกับหมาก) ๑  น้ำตาลโตนด ๑
ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้เอาอย่างละพอสมควร นำเอาปูนแดง กับ น้ำตาลโตนด มาผสมกัน
ปั้นเป็นลูกกลอน เอาส้มมะขามเปียกห่อหุ้ม ขนาดเม็ดยาพอกลืนได้สะดวก ใช้รับประทาน
ครั้งละ ๓-๕ เม็ด จะปรากฏผลดีภายใน ๓๐ นาที เจ้าของยาขนานนี้ใช้รักษาอยู่เป็นประจำ
มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(พระใบฎีกาสำเริง พอธมฺโม วัดธารน้ำร้อน อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี)

ขนานที่ ๓  ท่านให้เอา เนื้อมะขามเปียก กับ ปูนแดง (ปูนแดงกินกับหมาก) ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้
เอาอย่างละพอสมควร นำมาตำผสมกันให้ละเอียด ปั้นเป็นลูกกลอน ใช้รับประทานวันละ ๓เวลา
โรคบิดจะหายขาด มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(รตอ.เปี่ยม บุญยะโชติ กรุงเทพมหานครฯ)

ขนานที่  ๔  ท่านให้เอา ใบกะทกรก ๑ กำมือ นำมาล้างน้ำให้สะอาด  ตำให้ละเอียด ผสมกับ 
น้ำต้มสุกครึ่งแก้วกาแฟ  ใช้ผ้าขาวบางกรองเอาเฉพาะน้ำยา ผสมกับ น้ำผึ้งแท้ ๑ ช้อนคาว
 กวนให้เข้าากัน ใช้รับประทาน โรคบิดจะหายขาด มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๕  ท่านให้เอา ผลกล้วยดิบๆดิบๆ นำมาปอกเปลือกภายนอกออกแล้ว  ฝนกับผาละมี
หม้อดิน ผสมกับ เหล้า ใช้น้ำยารับประทาน ประมาณ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรคบิดให้หาย
ไปได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูรัตนานุรักษ์ วัดปงสนุกใต้ ลำปาง)

(กล้วยดิบ มีลักษณะคล้ายกล้วยตานี แต่ใบและลูกเป็นสีเหลืองๆคล้ายต้นที่จะตาย เครือหนึ่ง
มีประมาณ ๑-๒ หวี  มีอยู่ตามชายแดนภาคเหนือ และ ที่อื่นๆทั่วไป)

ขนานที่ ๖  ท่านให้กลั้นใจ ใช้มือเด็ดยอดสะแก ๗ ยอด นำมาใส่ปากเคี้ยวแล้วกลืนเฉพาะน้ำ
ลงท้อง คายกากทิ้งเสีย มีสรรพคุณแก้โรคบิดได้อย่างดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการใจคำ ติกฺขปณฺโญ  วัดหนองบัวหิ่ง อ.โคกสำโรง  ลพบุรี)

ขนานที่ ๗  ท่านให้เอา ใบขี้เหล็ก ๑ กำมือ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำ
ปูนใส(น้ำปูนแดงกินกับหมาก)  คั้นเอาเฉพาะน้ำยา รับประทานประมาณ ๑ ถ้วยชา 
มีสรรพคุณ แก้โรคบิด  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล  เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วฯ
(พระอธิการแสงจันทร์ กมโล  วัดหนองกลางด่าน อ.บ้านโป่ง ราชบุรี)

ขนานที่ ๘  ท่านให้เอา หัวมันเทศ หนักครึ่งกิโลกรัม  นำมาล้างน้ำให้สะอาด ต้มกับน้ำ
ใส่เกลือทะเล พอสมควร ใช้หัวมันเทศที่ต้มสุกแล้วนั้น นำมารับประทานให้อิ่มเต็มที่
เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โรคบิดจะพลันหายไปอย่างเด็ดขาด มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการวิเชียร ฐตสิโล วัดราษฎร์บำรุง อ.หนองแค สระบุรี)

ขนานที่ ๙  ท่านให้เอา  หัวข่า นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับ สุรา
คั้นเอาเฉพาะน้ำยาประมาณ ๑ ถ้วยชา  ใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว 
มีสรรพคุณ แก้โรคบิดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระรักษ์ พุทฺธปญฺโญ วัดจุฬามณี อ.บางบาลอยุธยา)

ขนานที่ ๑๐  ท่านให้เอา เเมล็ดแมงลัก มากพอสมควร นำมาวนกับน้ำให้พอตัวเต็มที่แล้ว
ผสมกับ น้ำผึ้งแท้ พอสมควรใช้รับประทานให้อิ่มเต็มที่ เพียงครั้งเดียว มีสรรพคุณแก้
โรคบิดชนิดตกมูกเลือด ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูปัญญาวชิราภรณ์ วัดศรีปุณณาวาส อ.เมือง กำแพงเพชร)

ขนานที่  ๑๑  ท่านให้เอามะนาว ๑ ผล (ปอกเปลือกออกเสีย) นำมาบีบน้ำ ผสมกับน้ำผึ้งแท้
และ เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) พอสมควร กวนให้เข้ากัน ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้
โรคบิดตกมูกเลือด ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูปัญญาวชิราภรณ์ วัดศรีปุณณาวาส อ.เมืองกำแพงเพชร)

ขนานที่ ๑๒  ท่านให้เอา ผงก้นเชี่ยนหมาก(ห่อผ้าขาว) ๑ ขี้ใต้(สำหรับจุดไฟ) ก้อนนิ้วหัวแม่มือ 
๑ ก้อน ตัวยาทั้งสองอย่างนี้นำมาใส่หม้อดินต้มกับ น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก)
๓ ส่วน ต้มเคี่ยวให้เหลือ ๑ ส่วน  ใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว 
มีสรรพคุณ แก้โรคบิดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
   เมื่อโรคหายแล้ว ให้ทำบุญใส่บาตร ด้วยข้าวปากหม้อ ใข่ต้ม ๑ ฟอง กล้วยน้ำว้า ๑ หวี
แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าของยานี้ฯ
(นายเชื้อ ช่างภู่ อ.ปากเกร็ด นนทบุรี)

ขนานที่ ๑๓  ท่านให้เอา สารส้ม ๑ ไพล ๑ ฝักราชพฤกษ์ ๑ มะขามเปียก ๑  ดีเกลือ ๑ 
ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้เอาหนักอย่างละ ๑ บาทเท่ากัน นำมาตำให้แหลก ผสมกับ น้ำสะอาด
คั้นเอาน้ำยา ๑ ถ้วยชา ใช้รับประทาน มีสรรพคุณ แก้โรคบิดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูอัมพวันพิทักษ์ วัดอัมพวัน อ.สองพี่น้อง สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๑๔  ท่านให้เอา หัวกระชาย ๑ หัว นำมาทุบพอแตก ใส่หม้อดินต้มกับ น้ำปูนใส
(น้ำปูนแดงกินกับหมาก)  ใช้น้ำยารับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคบิดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูกิตติธรรมากร วัดหินปักใหญ่ อ.บ้านหมี่ ลพบุรี)

ขนานที่ ๑๕  ท่านให้เอา  น้ำมะนาว ๑ น้ำปูนใส(น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ๑ น้ำผึ้งแท้ ๑
ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้เอาอย่างละเท่าๆกัน กวนให้เข้ากัน ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยตะไล
เพียง ๒-๓ ครั้ง  มีสรรพคุณแก้โรคบิดได้ผลดี อย่างชะงัดนักแลฯ
(อาจารย์เจือ ขจรมาลี)

ขนานที่ ๑๖  ท่านให้เอา ผักต้นเสี้ยนผีทั้ง ๕ (เอาต้นตลอดถึงราก) ๑ ใบต้นโคนทิสอ ๑
ดีปลี ๑ ผลมะตูมอ่อน ๑ ว่านน้ำ ๑ เกลือทะเล ๑ พริกไทยร่อน ๑ บอระเพ็ด ๑ 
หัวกระเทียม ๑ ตัวยาทั้ง ๙ อย่างนี้ เอาหนักอย่างละ ๑ บาทเท่ากันนำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำ
พอสมควร ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา  มีสรรพคุณแก้โรคบิดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูอัมพวันพิทักษ์ วัดอัมพวัน อ.สองพี่น้อง สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๑๗   ท่านให้เอา หญ้างวงช้าง ๑ ต้นกะเม็ง ๑ หญ้าแพรก ๑ ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้
เอาอย่างละเท่าๆกัน นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ผสมกับ สุรา  กรองเอาน้ำยาประมาณ
ครึ่งแก้วกาแฟ ใช้น้ำยารับประทาน ๒-๓ ครั้ง  มีสรรพคุณแก้โรคบิดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูวิชัยวรคุณ วัดทุ่งพิชัย อ.ดอนตูม นครปฐม)

ขนานที่ ๑๘  ท่านให้เอา หัวกระชาย ๒-๓ หัว นำมาล้างน้ำให้สะอาด  ตำให้แหลก ผสมกับ
น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา 
มีสรรพคุณ แก้โรคถ่ายท้อง ปวดท้อง  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูบรรพประชาวสัย วัดหนองหญ้าปล้อง เพชรบุรี)

ขนานที่ ๑๙   ท่านให้เอา หัวกระชาย (ล้างน้ำให้สะอาด) กับ กะปิ (เผาไฟให้ไหม้) ตัวยา
ทั้ง ๒ อย่างนี้เอาอย่างละพอสมควร ตำผสมกันให้ละเอียด ผสมกับ น้ำผึ้งแท้  ปั้นเป็นลูกกลอน
ขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย ใช้รับประทานครั้งละ ๑ เม็ด รับประทาน ๓ ครั้ง ระยะห่างกัน
ประมาณ ๖ ชั่วโมง มีสรรพคุณแก้โรคบิด  มูกเลือด ให้หายไปได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูสุกิจจาทร วัดดอนตาล อ.เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๒๐  ท่านให้เอา ยอดต้นฝรั่งอ่อนๆ ๗ ยอด  กับ เกลือตัวผู้(เกลือที่เม็ดยาวๆ) ๗ เม็ด
นำมาเคี้ยวรับประทาน มีสรรพคุณ แก้โรคบิดชนิดถ่ายเป็นมูกเลือดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการเรียน ลชฺชิโต วัดพิหารแดง อ.เมือง สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๒๑  ท่านให้เอา หัวข่าสดๆ นำมาเผาไฟให้ไหม้ ผสมกับ น้ำปูนใส(น้ำปูนแดงกินกับหมาก)
ประมาณน้ำยาครึ่งแก้วกาแฟ  ใช้รับประทาน มีสรรพคุณ แก้โรคบิดชนิดถ่ายเป็นมูกเลือด
ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการเรียน ลชฺชิโต วัดพิหารแดง อ.เมือง สุพรรณบุรี)

ขนานที่  ๒๒  ท่านให้เอา หนังควาย  นำมาเผาไฟ ผสมกับน้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก)
ประมาณ น้ำยาครึ่งแก้วกาแฟ ใช้รับประทาน มีสรรพคุณ แก้โรคบิด ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการเรียน ลชฺชิโต วิดพิหารแดง อ.เมือง สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๒๓  ท่านให้เอา ท่อนเหล็กที่เป็นสนิมมากๆ นำมาเผาไฟให้แดง แล้ว จุ่มลงในน้ำปูนใส
(น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ใช้ น้ำยาประมาณครึ่งแก้วกาแฟ รับประทาน
มีสรรพคุณ แก้โรคบิด ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล)
(พระอธิการเรียน ลชฺชิโต วัดพิหารแดง อ.เมือง สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๒๔  ท่านให้เอา หัวข่า กับ หัวกระชาย  ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้ เอาอย่างละพอสมควร
นำมาเผาไฟให้ไหม้แล้ว นำมาฝนกับฝาละมีหม้อดิน  กับ น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก)
ประมาณน้ำยา ๓ ถ้วยชา  เอาท่อนเหล็กที่เป็นสนิมมากๆ นำมาเผาไฟให้แดงแล้ว 
นำเอาท่อนเหล็กนั้นจุ่มลงในน้ำยานั้น รอให้น้ำยานั้นอุ่นๆ ใช้รับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา
 ใช้รับประทาน ๓ ครั้ง  ระยะเวลาห่างกันครั้งละ  ๓๐ นาที  
มีสรรพคุณ แก้โรคบิดเรื้อรัง  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูอดุลธรรมธาดา  วัดบางแขม อ.เมือง นครปฐม)

ขนานที่ ๒๕  ท่านให้เอา หัวข่า นำมาเผาไฟให้ไหม้ ใส่หม้อดินต้มกับน้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก)
พอสมควร ใช้น้ำยารับประทานประมาณครึ่งแก้วกาแฟ เพียงครั้งเดียว 
มีสรรพคุณ แก้โรคบิดรากสาด ซึ่งมีอาการปวดท้อง ถ่ายท้องอย่างหนัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูวิบูลย์กิตติวัฒน์  วัดวิมลโภคาราม  อ.สามชุก สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๒๖  ท่านให้เอา ลูกทับทิม ๑ ลูก ผ่าเป็น ๔ ชิ้น เอา ๓ ชิ้น (ทิ้งเสีย ๑ ชิ้น) กับ ดอกบุนนาค ๕ ดอก
ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดินต้ม กับ น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก)  ใช้นำยารับประทาน
ประมาณ ๑ ถ้วยชา  มีสรรพคุณ แก้โรคบิดรากสาด  ซึ่งมีอาการท้องเสีย ถ่ายอุจาระออกกระปริบกระปรอย
มีกลิ่นเหม็นคล้ายหัวกุ้งเน่าๆ ถ้าอาการโรคไม่หนัก ให้ใช้ต้มกับ น้ำปูนใสครึ่งหนึ่ง  น้ำธรรมดาครึ่งหนึ่ง
ใช้รักษาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วฯ
(พระอธิการนิพนธ์ อตฺถกาโม   วัดจั่นเจริญศรี   อ.สรรคบุรี ชัยนาท )

                                   ยาแก้โรคบิดหัวลูก

ขนานที่ ๑  ท่านให้เอา ต้นฝิ่น ๑ กำมือ นำมาล้างน้ำให้สะอาด  ใส่หม้อดินต้มกับน้ำปูนใส
 (น้ำปูนกินกับหมากแดง)
ใช้น้ำยารับประทาน เพียงครั้งเดียว มีสรรพคุณ แก้โรคบิดหัวลูก คือ โรคบิดที่เกิดกับผู้ใหญ่ท้องแก่
ใกล้จะคลอดลูก ใช้ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระปลัดแจ่ม ปญฺญาธโร  วัดสนามชัย อ.สรรคบุรี ชัยนาท)

ขนานที่ ๒  ท่านให้เอา สารส้ม ๑ พริกไทยร่อน  ๑  ฝาง ๑ ขันทศกร ๑  ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้
เอาอย่างละเท่าๆกัน  นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำ ๓ ส่วน ต้มเคี่ยวให้เหลือน้ำ  ๑ ส่วน 
ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา  มีสรรพคุณ แก้โรคบิดหัวลูก  แก้ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
แก้โรคบิดหัวเบ่ง ขณะที่หญิงมีครรภ์  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

                                   ยาแก้โรคถ่ายอุจจาระเป็นเลือด

ท่านให้เอา ฝักข้าวโพดสด  ๑ ฝัก กับขมิ้นชัน ๓ แง่ง (ทุบให้แตก)  ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้
นำมาล้างน้ำให้สะอาด  ใช้หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ต้มเคี่ยวนานประมาณ ๑๕ นาที
ใช้น้ำยารับประทาน ๓ ครั้งๆละ ๑ ถ้วยชา ระยะเวลาห่างกัน ประมาณ ๑ ชั่วโมง
มีสรรพคุณ แก้โรคถ่ายอุจจาระเป็นเลือด  ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระบุญเลิศ จนฺทสโร วัดบ้านลาด อ.หนองแค สระบุรี)

                                  ยาแก้โรคเด็กถ่ายเป็นมูกเลือด

ท่านให้เอา ลำอ้อยสด ๓ ลำ (คั้นเอาน้ำอ้อย หรือ ใช้น้ำอ้อยงบ ละลายน้ำ แทนก็ได้)
(อ้อยนี้ข้าพเจ้าเข้าใจว่า น่าจะเป็นต้นอ้อยลำขาไก่ ด้วยอ้อยชนิดนี้มักจะใช้ทำยาเสมอๆ
.....แก้วประเสริฐ.)
กับ ลูกใต้ใบทั้ง ๕  (เอาต้นตลอดถึงราก) ล้างน้ำให้สะอาด ตากแดดพอเหี่ยวๆ ใช้เชือก
มัดเป็น ๓ เปลาะ  นำมาใส่หม้ออลูมิเนียม  ต้มเคี่ยวให้น้ำงวดลงพอสมควร  ใช้น้ำยา
ให้เด็กรับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา  วันละ ๒ เวลา ก่อนอาหารเช้า-เย็น เพียง ๓ วันเท่านั้น
โรคเด็กถ่ายเป็นมูกเลือดจะหายไป มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(พระครูไพธานุรักษ์  วัดโพธิ์เผือก อ.ผักไห่ อยุธยา)

       วันนี้แค่นี้พอก่อนนะครับ เรื่องโรคจู๊ดๆๆๆตอนนี้ก็เอวังเพียงเท่านี้ จะต่อด้วยโรคอื่นๆ
ในคราวหน้า แต่การใช้ทุกๆครั้งควรใช้วิจารณาญานนะครับ บ๊าย บาย สวัสดี

                       * แก้วประเสริฐ. *

qp011.gifCartoon_Animation_08.gifflowers_170.gif692823n68ya60jv9.gif				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ