27 พฤศจิกายน 2553 00:22 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๒๘
ข่าวการถูกย้ายของจ่าเจียมและพรรคพวก แม้แต่นายตำรวจบางนายด้วย
แทบจะเรียกกันได้เลยว่ายกโรงพักทีเดียว คงเหลือตำรวจอีกไม่กี่สิบนายเท่านั้น
ส่วนใหญ่ที่เหลือจะเป็นตำรวจจราจร ที่ทำหน้าที่อยู่แต่ก็ยังมีบางนายถูกย้ายไปด้วย
ถูกแพร่สะพัดกระจายข่าวไปทั่วทั้งหมู่บ้านแถบนั้นที่อยู่ในการอารักขาดูแลชาวบ้านบางคน
บ้างก็ยกมือท่วมหัวพลางสาปแช่งต่างนานา บ้างก็ตกอกตกใจไปตามๆกัน
โดยเฉพาะหมู่บ้านบางกระดี่ บางโค และหมู่บ้านโคกยายหอยตลอดจนหมู่บ้านอื่นๆ
ในละแวกใกล้เคียงนั้น เกิดความปั่นป่วนกัน ผู้ที่ดำเนินการผิดกฏหมายตั้งหลายหมู่บ้าน
โดยเฉพาะพวกกำนันบ้านบางกระดี่ บ้านบางโค บ้านโคกยายหอยนั้นรู้สึกจะหนักกว่า
เป็นพิเศษ
ที่บ้านของพ่อเชียรแม่เข็มหลังจากกินอาหารเย็นแล้ว ต่างนำข่าวมาบอกแก่ลูกชายว่าเกิด
ปรากฏการแปลกประหลาดในโรงพักใหญ่ที่คอยควบคุมแลโรงพักเล็กที่ขึ้นตรงต่อโรงพัก
ในจังหวัดก็ถูกย้ายกันระนาวไปตามๆกัน ไม่ยกเว้นแม้แต่หัวหน้าโรงพักบางคนด้วยล่ะ???.....
ให้ลูกชายฟังและมองหน้าลูกชายว่าจะมีปฏิกิริยาอาการอย่างไรบ้าง??? ด้วยต่างรู้แก่ใจกัน
เพียงแค่เห็นลูกชายหัวร่อฮึๆๆเท่านั้น
พลางลูกชายก็กล่าวว่าไม่ดีหรือครับพ่อและแม่ หมู่บ้านทางแถบนี้จะได้อยู่เย็นเป็นสุขกันไงล่ะ??..
อยู่อย่างสุขสบายไม่ต้องกังวลพวกผู้ร้ายที่จะกำเริบอีกต่อไปแล้ว
พ่อเชียรหันไปมองหน้าแม่เข็มแล้วหันกลับ
มายังร่างลูกชายของตนเอง เมื่อได้ยินคำตอบ ต่างก็สงสัยในใจครั้น
เมื่อเห็นอาการลูกชายก็นิ่งเงียบไปตามๆกัน
ด้วยเห็นลูกชายนั่งนิ่งเงียบเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ จึงเร่งถามซ้ำอีกที....
พ่อถามจริงเถอะว๊ะเจ้าโชติ????.....เรื่องนี้เป็นฝีมือของเจ้าหรือเปล่าอย่าปิดบังพ่อนะ.....
ชายหนุ่มยิ้มพลาง ตอบเสียงเบาๆว่าแล้วพ่อแม่อย่าไปพูดให้ใครฟังเสียล่ะ
แม้แต่กำนันหรือใครๆก็ตาม เดี๋ยวภัยจะตามมาถึงบ้านเราและลูกด้วย
เออๆนะ...เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอกใครบ้างล่???...
ว่าจะไม่รักลูกจะมารักคนอื่นมากกว่าลูกของตัวเองได้อย่างไร เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก....
พ่อเชียรกล่าวขึ้นเบาๆ แล้วหันไปจ้องหน้าลูกชายสุดที่รัก เพื่อรอคำตอบ....
แล้วเป็นเรื่องที่พ่อกล่าวไว้หรือเปล่าล่ะ???....พ่อเชียรขยั้นคะยอลูกชายอีก....
อ้าวๆๆ....ไหนๆพ่อก็รู้ไปเสียทุกอย่างด้วยสมาธิแล้ว ทำไมเรื่องนี้ไม่รู้เลยหรือพ่อ..... พลางหัวร่อเบาๆ
หากพ่อรู้จะมาถามเจ้าหรือว๊ะ....คราวนี้พ่อเชียรชักมีอารมณ์หงุดหงิด ครั้นชายหนุ่มมองหน้าก็ห่วร่อ
ด้วยรู้นิสัยใจคอพ่อดีว่าเป็นคนอย่างไร??... พลางคิดจะกระเซ้าเย้าแหย่พ่อก็เลยต้องหยุดชะงักแล้ว
กล่าวขึ้นว่า ครับพ่อเป็นฝึมือของผมเองแหละครับ ผมให้สายสืบเฉพาะตัวผมไปทำรายงานมาไม่ใช่
เฉพาะในโรงพักในจังหวัด และอำเภอต่างๆแถบที่ผมควบคุมอยู่ด้วยครับ....ชายหนุ่มตอบ
ต่อไปก็ถึงพวกนายอำเภอกันบ้างล่ะครับพ่อ....ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเบาๆ
พ่อก็ไม่เห็นเอ็งไปมาไหนๆเลยนี่หว่า ถามนางชบาว่าเอ็งวันๆไปไหนมาบ้าง
มันก็บอกว่าไม่เห็นลูกไปไหนนี่นา ให้อาหารหมูเสร็จรดน้ำต้นไม้เท่านั้นเอง
แล้วก็ไปขลุกอยู่แต่ในห้องเท่านั้น ฝ่ายแม่เข็มถาม
ผมใช้ให้เจ้าหุ่นทั้งสองซึ่ง บัดนี้ผมฝีกสมาธิให้มันจนมันเก่งกล้าสามารถมาก
สามารถไปทำงานแทนผมได้แล้วจ้าแม่ ชายหนุ่มกล่าว.....
เมื่อผมรับรายงานสายสืบผมและตรวจสอบจนแน่ใจ ก็ใช้มันแปลงกายเป็นผมเดิน
ทางเข้ากรุงเทพฯพบนายผมเรียนให้ผู้ใหญ่ทราบเหตุการณ์ทั้งหมด ท่านก็รีบดำเนิน
การณ์ให้ทันทีครับ.....ชายหนุ่มกล่าว
เอๆๆๆแล้วเจ้าหุ่นเจ้านั้นบัดนี้มันเก่งถึงขนาดนี้เชียวหรือว๊ะ????...
พ่อแม่หันมาถามพร้อมกันบ้าง???....
ครับๆๆผมยังสอนวิชากสิณให้แก่มันอีกด้วย มันเรียนวิชากสิณสำเร็จหมดทุกอย่าง
จนมันสามารถแปลงร่างต่างๆนานาได้อีกด้วยทำงานได้ผลดีแล้วมารายงานผมครับแม่
คราวนี้เล่นเอาพ่อแม่ต่างตาค้างกันไปตามๆกัน ทั้งๆที่ลูกพึ่งร่ำเรียนวิชาอาคมมาก็ไม่นานนัก
ไม่คิดว่าลูกชายของตนจะเก่งกล้าสามารถสอนผีให้มีวิชาอาคมกล้าแข็งได้อย่างมหัศจรรย์
จนสามารถแปลงกายได้อีกด้วย แม้แต่พ่อและแม่ยังไม่สามารถจะทำได้ ครั้นชายหนุ่มเห็น
พ่อแม่สงสัยมากก็เลยบอกว่า ผมสามารถถอดจิตออกจากร่างได้แล้วด้วยครับ
แปลกจริงๆโว้ย???... จริงไหมแม่เข็ม...พลางหันไปทางแม่เข็มถามทันที...
ก็ไม่มีอะไรมากจ๊ะ..... แม่จำแม่นางอัปสรทั้งสองได้ไหมจ๊ะแม่????...
คราวนี้ชายหนุ่มถามบ้าง????....
ทำไมข้าจะจำไม่ได้...แล้วเป็นอย่างไรล่ะ??....
เขาขึ้นไปขอพรจากเสด็จพ่อและเสด็จแม่เขามา พร้อมทั้งนำมาถ่ายทอดให้แก่ผมครับ
ชายหนุ่มตอบผู้เป็นพ่อแม่......
อ้อๆๆๆ....เป็นอย่างนี้นี่เองเอ็งถึงได้เก่งวิชาอาคมที่แท้ร่ำเรียนวิชาจากเบื้องบนมาด้วย
ทั้งพ่อเชียรแม่เข็มถึงจะรู้ความจริง ว่าทำไมจึงสามารถฝึกพวกผีให้เก่งกาจมากนัก.....
แต่ทว่ามันมีดีและมีเสียด้วยจ้าแม่....ชายหนุ่มตอบแล้วก็อ้ำอึ้งไป.....เพียงแต่ใบหน้าเคร่งขรึม
ทำไมหรือ???....คราวนี้พ่อเชียรและแม่เข็มชักสงสัยในคำพูดและกิริยาท่าทางลูกชายยิ่งนัก
ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะพ่อแม่ ชีวิตคนเรามันจะอยู่ค้ำฟ้าไม่ได้จริงไหมจ๊ะ???......
ไอ้ที่เอ็งกล่าวมามันก็จริงๆอยู่หรอก แต่ว่ามันจะสมควรหรือไม่เท่านั้นเอง
ถ้าหากเขาลิขิตดวงชะตาไว้ให้แล้ว จะแก้ไขได้หรือเปล่าล่ะ???....ชายหนุ่มถาม..
วันนี้เอ็งถามอะไรๆดูแปลกๆไปเสียหมด ทำให้พ่อแม่ งง ว๊ะ???...
เรื่องดวงชะตาคนแล้ว ถ้าไม่ถึงฆาตมันก็ไม่ตายหรอกว๊ะ...พ่อเชียรตอบ
แต่หากเป็นฟ้ากำหนดชีวิตของแต่ล่ะคนล่ะพ่อ???....ชายหนุ่มแย้งขึ้นมา
ถ้าอย่างงั้นมันก็ต้องเป็นไปตามที่เขาลิขิตมาแล้วแต่บุญกรรมที่ทำไว้ว๊ะ....ผู้เป็นพ่อกล่าว
ก็อย่างนั้นนะซิ่พ่อ พอผมร่ำเรียนจากเบื้องบนมาแล้วจึงถึงได้รู้ว่าชีวิตของผมจะเป็นอย่างไร
ร้ายแรงมากนักหรือว๊ะเจ้าโชติ.... คราวนี้ผู้เป็นพ่อชักกลัวและจะรู้อะไรๆลางๆเสียแล้ว
พ่อแม่เชื่อเรื่องคำอธิษฐานไหมครับ???..... ชายหนุ่มถามขึ้นบ้าง
เชื่อซิพ่อแม่ก็เชื่อว๊ะ...แม้แต่พระท่านก็มักจะกล่าวไว้เสมอๆว่าแรงอธิษฐานนั้นมีจริง หากใคร
อธิษฐานไว้ก็มักจะเป็นไปตามคำนั้นๆ แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมัยยังเป็นพระโพธิ์สัตว์
ก็ยังเคยอธิษฐานไว้เลย
ถึงแม้ก่อนจะสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เคยอธิษฐานไว้ เช่นตอนพระองค์ทรง
ลอยถาดทองคำที่ฝั่งแม่น้ำเนรัญชราที่พระแม่น้าน้องสาวของแม่พระองค์นำมาถวายไว้
ด้วยข้าวมธุรปายาส ครั้นพระองค์เสวยเสร็จก็นำไปลอยยังริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
แล้วยังกล่าวคำอธิษฐานไว้ว่า.......
หากแม้นพระองค์จะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญานแล้วไซร้
ขอให้ถาดนั้นจงหมุนและไม่ลอยไปไหน
สิ้นคำอธิษฐานถาดนั้นก็หมุนเป็นวงกลมแล้วก็จมหายไปในแม่น้ำเนรัญชรา
พญานาคก็มารับถาดทองคำไปไว้ในใต้บาดาลเพื่อบูชา นี่พระท่านกล่าวไว้นะ
ฉะนั้นพ่อแม่ถึงเชื่อเรื่องคำอธิษฐาน แล้วมีอะไรอีกหรือลูก พลางถามลูกชายทันที
ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ หากงานในหน้าที่การงานของผมที่ทำไว้เรียบร้อยแล้ว
แรงอธิษฐานก็จะบังเกิดกับผมทันทีเท่านันเอง
อ้าวๆๆๆแล้วเอ็งจะเป็นอะไรไปหรือว๊ะ....ยิ่งพูดข้าก็ยิ่งงุนงงมากขึ้นว๊ะ ????......
ก็ไม่เป็นแปลกนี่นา คนเรานั้น ก็ย่อมมีเกิด แก่เจ็บและตาย เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป
ไม่ใช่หรือครับ
นี่ทำไมเอ็งพูดเป็นลางสังหรณ์ไว้ให้แก่ตัวเองว๊ะ เจ้าโชติ???....
คราวนี้ชายหนุ่มหัวร่อก๊าก!!!!!.....พลางหันไปถามพ่อแม่ทันที
พ่อแม่รักผมมากหรือครับถึงได้เป็นห่วงเป็นใยแก่ผมมากนัก ชายหนุ่มถามขึ้น???...
ทำไมว๊ะจะไม่เป็นห่วงเอ็ง ด้วยพ่อแม่แก่แล้วก็มีเอ็งนี่แหละที่จะเป็นที่พึ่งพา
ในยามป่วยไข้ เมื่อพ่อแม่ทำงานไม่ได้แล้ว ก็ต้องอาศัยเอ็งนี่แหละว๊ะ....ชายผู้เป็นพ่อตอบ
เรื่องนี้ผมก็คิดมานานแล้วจ้าพ่อ ขอให้พ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ผมวางแผนจัดการไว้แล้ว
อ้อๆๆๆผมขอชบาและเจ้าแกละจากแม่มาให้ผมได้ไหมครับแม่ ชายหนุ่มหันไปถามแม่
ทันที....
แล้วเอ็งจะเอามันไปทำไมล่ะข้าชักงงใหญ่แล้วล่ะซิ???.....แม่เข็มถาม
ก็ไม่มีอะไรหรอกผมจะสร้างมันทั้งสองให้เป็นคนเหมือนผมนี่แหละจ้า....ชายหนุ่มตอบ
อ้าวๆๆแล้วเอ็งจะทำอย่างไรล่ะว๊ะ....ในเมื่อมันเป็นผีนี่นามันจะเป็นคนไปได้อย่างไรกันล่ะ???...
น่าๆๆแล้วดูไปก็แล้วกันนะครับ
แล้วแม่จะอนุญาตให้ผมหรือเปล่าล่ะ ชายหนุ่มถาม
ตามใจซิว๊ะ???....เอ็งจะเอาไปทำอะไรก็ได้แม่อนุญาตว๊ะ....แม่เข็มตอบ
พลางหันไปเรียก สาวชบาและเจ้าแกละมาทันที
ทันใดนั้นร่างหญิงสาวชบาและเจ้าแกละก็ปรากฏกายขึ้น พลางนั่งอยู่ข้างๆแม่เข็ม
แม่เข็มก็กล่าวว่า เจ้าโชติลูกข้าจะขอเอ็งทั้งสองไว้ใช้ทำงาน เอ็งจงไปอยู่กับเขาก็แล้วกันนะ
จ้าแม่...สาวชบาและเจ้าแกละตอบ แล้วพี่เขาจะให้ข้าทำอะไรหรือจ๊ะ???...
พลางหันไปถามชายหนุ่มทันที
แล้วพี่จะบอกให้ทราบทีหลังก็แล้วกัน เวลาค่ำๆให้ไปหาพี่ที่ห้องนะ ทุกๆวันอย่าลืมเสียล่ะ.....
จ้าๆพี่ แล้วเมื่อไหร่หรือ???...
พรุ่งนี้ก็แล้วกัน แล้วหันไปกล่าวกับพ่อแม่ทันทีว่า....
เมื่อคืนนี้ผมเข้าฌานสมาธิตรวจสอบดูเห็นว่าอีกสองอาทิตย์หน้า
คนในหมู่บ้านเราจะตายกันสองคนจ๊ะแม่ เป็นหญิงสาวรุ่นเดียวกับชบาและเด็กคนหนึ่งรุ่นเดียว
กับเจ้าแกละนี่แหละ จะเป็นไข้ป่าตายจ๊ะแม่....ชายหนุ่มตอบ
อ้าวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราด้วยล่ะ เราก็ไปช่วยงานเขาก็สิ้นเรื่อง ผู้เป็นแม่ถามขึ้น
ฝ่ายทางพ่อเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร พลางหันไปมองหน้าชายหนุ่มทันทีพลาง
อมยิ้มแล้วกล่าวเสริมอีกว่า
เอ็งจะให้พ่อแม่ไปขอศพเขาใช่หรือไหมว๊ะเจ้าโชติ.....
ใช่แล้วจ๊ะพ่อและแม่ คนอื่นไปขอเขาคงจะไม่ให้หรอก ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยของเขาด้วย
หากเป็นพ่อแม่ไปขอเขา ก็กรงใจ ด้วยพ่อแม่เคยช่วยเหลือเกื้อกูนเขามามากๆเสียด้วย
แต่ไม่ต้องบอกว่า จะเอาศพมาทำอะไรนะให้เขารู้ภายหลังแล้วให้พ่อแม่นำมาเท่านั้นทั้งสองคน
ด้วยเขาจะตายพร้อมๆกันจ๊ะแต่บ้านไม่ห่างไกลกันเท่าไหร่นักหรอก......ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
งั้นกูรู้แล้วล่ะว่าเอ็งจะทำอะไร เออๆๆๆก็ดีไปอย่างหนึ่งว๊ะ กล่าวเสร็จก็หัวร่อลั่น
ส่วนแม่เข็มไม่รู้ทันความคิดของผัวก็งง จึงถามว่า
พี่โชติรู้อย่างไรว่าลูกเราจะเอาศพมาทำไมหรือพี่???....
แกก็เคยทำการแกะสลักรูปปั้นมามากแล้วนี่นา แล้วเอาอะไรใส่ลงไปในไม้แกะนั่นนะ....
มันก็คล้ายๆกันนั่นแหละแม่เข็ม ชายผู้ผัวตอบ พลางหัวร่อพลาง ดีเหมือนกันเราจะได้
มีลูกเพิ่มอีกตั้งสี่ห้าคนแน๊ะ.....ฮ่าๆๆๆๆๆ
หาๆๆๆๆใช้วิธีสวมวิญญาณกันเชียวหรือนี่ แล้วจะทำได้หรือพี่
ข้าคิดว่าทำได้ว๊ะแม่เข็ม ด้วยเดี๋ยวนี้ลูกเรามันติดต่อเบื้องบนเบื้องล่างได้แล้วนี่นา
ทำไมจะทำไม่ได้ เพียงขออนุญาตเขาเท่านั้นเองก็สิ้นเรื่อง ชายผู้ผัวตอบ
ตอนนี้แม่เข็มจึงจะถึงบางอ้อ พลางหันไปทางลูกชายแล้วถามขึ้นว่า จริงหรือลูก
ที่พ่อแกกล่าวเช่นนี้
ครับแม่ผมวางแผนการณ์ไว้นานแล้วตั้งแต่ร่ำเรียนวิชาด้านสมาธิมาจนขั้นสูงเช่นนี้
และสามารถถอดจิตไปพบท่านผู้ใหญ่เบื้องบนและเบื้องล่างได้ ท่านประทานพรให้แก่ผม
เพียงผมขอเวลาไว้ว่าจะขอเมื่อไหร่ครับ ท่านก็ไม่ว่าอะเไรยังกล่าวว่าหากต้องการเมื่อไหร่
ให้ขึ้นหรือลงมาหาเท่านั้นเมื่อถึงเวลาสมควร เพื่อจะประทานพรให้ครับแม่ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
หากอีกสองอาทิตย์จะถึงนี้คนที่กล่าวนี้จะถึงฆาตชะตาชีวิต พ่อแม่รีบไปขอก่อนอย่า
ให้ตะวันตกดินก็แล้วกันนะ แล้วรีบนำเอามาให้ผมด้วย ชายหนุ่มกล่าวกับพ่อแม่
เออๆๆแล้วพ่อแม่จะคอยดูว่าจะมีใครบ้างและจะทำตามที่ลูกบอกนะ ไม่ต้องห่วงหรอก
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่หรอกจ๊ะพ่อ แม่เองก็สนิทสนมกับเขาอยู่ด้วยแล้ว
หากเขาถามว่าจะเอาไปทำอะไร บอกไม่รู้เพียงลูกชายให้มาขอเท่านั้นเอง
จะมีคนช่วยดลใจให้
รับรองจ้าพ่อแม่เขาให้แน่นอนด้วย ฐานะเขากับเราไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ แต่ว่าพ่อแม่
อย่าให้เขาตามมาด้วยก็แล้วกัน มนต์เสน่ห์ของพ่อก็ขลังอยู่แล้วจะใช้ก็
ตอนนี้แหละ ซ้ำยังมีคนช่วยอีกแรงหนึ่งด้วย ชายหนุ่มเอ่ยแนะนำผู้เป็นพ่อ
ช๊ะๆๆๆย้อนรอยเลยนะเอ็ง เดี๋ยวแม่เข็มก็จะค้อนเอาอีกล่ะ???.... พ่อเชียรกล่าว
เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอกข้าไม่สนใจแล้วล่ะ นกเขาพี่หรือมันตายไปนานแล้วนี่นา???...
พอพูดจบก็หัวร่อลั่น เล่นเอาผัวพูดไม่ออกทำสีหน้าปุเลี่ยนๆไป
พลางหันไปค้อนเมีย ทำยังกับเป็นสาวๆแน๊ะแม่กระเซ้าทันที จนชายหนุ่มหัวร่อก๊ากออกมา
แล้วชายหนุ่มบอกว่า งั้นเวลาไม่ทันแล้ว ชบาและเจ้าแกละคืนนี้เข้าไปหาพี่ได้เลยนะจะได้
สอนวิชาสมาธิให้ฝึกไปพลางๆก่อน และจะให้แม่นางอัปสรช่วยอีกแรงหนึ่งด้วย
จ๊ะพี่.......ชบาและเจ้าแกละตอบพร้อมๆกัน..............
* แก้วประเสริฐ. *
26 พฤศจิกายน 2553 18:11 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๒๗
พอวันพฤหัสบดีทางครูบาอาจารย์มักถือว่าเป็นวันครู ใช้สำหรับ
ในการมอบวิชาการต่างๆทั้งหลายให้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งปวงที่รับไว้
ฉะนั้นบรรดาครูบาอาจารย์ต่างๆถือปฏิบัตินับถือกันมา
ตั้งแต่โบราณกาลนมนานมาแล้ว
ดังนั้นพอครบกำหนด ผู้กองชัชวาลย์ หมวดจรัส และหมวดจำลอง
ก็นำพานดอกไม้ธูปเทียนกรวยพร้อมเงินค่ายกครู
มากราบหลวงพ่อทองซึ่งท่านก็รับพานที่เปิดฝากกรวยไว้แล้ว ท่านนำไปวางหน้าโต๊ะ
หมู่บูชา หันกลับมาก็เริ่มอธิบายถึงการฝีกวิชาอาคม ว่าควรจะใช้อย่างไรและอบรมศีลธรรม
จรรยาบรรณในการฝึกฝนเกี่ยวกับการใช้ให้แก่ลูกศิษย์ใหม่ที่รับไว้ และขอสัจจะวาจาไว้ด้วยว่า ........
หากได้ร่ำเรียนวิชาอาคมแล้วจะไม่ใช้ในทางที่ผิดศีลธรรมเด็ดขาด มิฉะนั้นของที่ร่ำเรียน
มาจะเสื่อมสลายไป บางครั้งอาจจะเข้าตัวเราเองก็ได้
จึงต้องควรระมัดระวังและหมั่นฝึกฝนท่องจำไว้เสมอๆ
สิ่งแรกที่ควรกระทำคือต้องทำสมาธิก่อนเพื่อให้จิตใจมั่นคงแน่วแน่
จะสอนทั้งฌานสมาธิและทางกสิณไว้
อาจารย์จะไม่ปิดบังความรู้จะถ่ายทอดให้หมดสิ้น
ด้วยอาจารย์จะไม่รับศิษย์ต่อไปอีกแล้วนอกจากพวกเจ้า
ทั้งสี่คนเท่านั้น ครั้นผู้กองผู้หมวดได้รับการอบรมก็ก้มลงกราบ
ด้วยความปลื้มปิติยินดีอย่างล้นพ้น และให้
สัญญาว่าจะนำวิชาความรู้นี้ไปคอยช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือดร้อน
และพระพุทธศาสนาเท่านั้น จะไม่ยอม
รับสินบนเงินตราจากใครๆทั้งสิ้น
เมื่อหลวงพ่อทองได้ยินเช่นนั้นก็หัวร่อลั่น พลางชมเชยและกล่าวว่า
ข้าเองมองคนไม่ผิดหรอกว๊ะ....ขอให้เอ็งจงหมั่นฝึกฝนร่ำเรียน
หากไม่หมั่นท่องจำไว้ก็จะทำให้ลืมเลือนไปได้
เวลาจะทำของต้องสร้างจิตใจให้แจ่มใสบริสุทธิ์ยิ่งนัก หากใจเรายังไม่มั่นคง
บริสุทธิ์แล้วก็อย่าได้ทำของนั้นให้แก่ใคร หากหมั่นท่องจำไว้เสมอฝึกสมาธิ
จนเชียวชาญจิตใจเราก็จะสะอาดบริสุทธ์เองด้วยอำนาจของฌานสมาธิเรา
เวลาไปช่วยคนเพียงแค่หลับตาว่าจะทำสมาธิเท่านั้นจิตใจเราก็จะพร้อมอยู่เสมอ
ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว
แม้จะไปยังฌานขั้นไหนก็ได้ทั้งสิ้นรวมถึงกสิณด้วย
หากได้กสิณใดกสิณหนึ่งกสิณอื่นก็จะได้เหมือนๆกันแหละ
หากเวลาว่างเวลาใดให้หมั่นเจริญสมาธิภาวนาไว้เสมอๆนะ
ทั้งสามรับคำหลวงพ่อแล้วหลวงพ่อก็ให้มากราบบูชา
พระรัตนตรัยก่อนแล้วก็ให้ทั้งสามฝึกสมาธิทันที โดยคอยควบคุมไว้
หากเห็นคนใดคนหนึ่งแสดงผิดอาการก็จะเตือนว่ากำลังส่งจิตออกนอกลู่
นอกทางเป็นต้น
จะเป็นด้วยบารมีเก่าหรืออย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าคนทั้งสามเข้า
สมาธิได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง จนหลวงพ่อท่าน
ถึงกับยิ้มออกมา พลางนึกในใจว่าเห็นทีทั้งสามคนนี้
จะสำเร็จวิชาการต่างของท่านได้ไม่นานนัก
ครั้นได้เวลาพอสมควรก็ให้ทั้งสามออกมา แล้วก็ให้หัดเขียนท่องอักขระ
ซึ่งมีไม่กี่ตัว พลางทบทวนไปมาก็สามารถทำได้ด้วยทั้งสามคนนี้ผ่านการ
ร่ำเรียนทางโลกมาจนจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจทั้งสิ้น
จึงไม่เป็นการยากเลย จึงสามารถเขียนอักขระขอมได้หมด พร้อมทั้งการเรียก
สูตรต่างๆได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว แล้วค่อยมาสอนวิชาการเขียนยันต์
ต่างๆจนครบถ้วนบริบูรณ์ไม่ติดขัดแต่อย่างไร
เมื่อเห็นศิษย์ทั้งสามคล่องแคล่วในการเขียนอ่านอักขระขอม
และตลอดเลขยันต์ต่างๆแล้ว ก็บอกว่าหากกลับไปบ้านสวดมนต์ไหว้พระ
ทุกๆกลางคืนแล้วก็ให้หมั่นนั่งสมาธิไว้ให้เชียวชาญเมื่อ
ออกจากสมาธิแล้วก็หมั่นทบทวนวิชาการต่างๆอยู่อย่างสม่ำเสมอนะ
อย่าลืมเสียล่ะหากได้สมาธิถึงฌานขั้นสูงแล้วจะร่ำเรียนอะไรๆก็ง่ายนัก
วิชาสำคัญคือการฝึกสมาธินี่แหละ
ศิษย์ทั้งสามก็ก้มลงกราบอาจารย์ แล้วคอยรับฟังการอบรมสั่งสอนอีก
หลวงพ่อกล่าวว่าวันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะ กลับไปทำงานได้แล้วล่ะ???....ท่านสั่ง
ถ้าอย่างนั้นวันเสาร์วันอาทิตย์พวกผมจะมาเรียนเพิ่มเติมนะครับอาจารย์????.........
เออๆๆๆดีแล้วล่ะ ข้าจะได้ลองทบทวนวิชาต่างๆตลอดจนสมาธิไว้
หากเอ็งสามารถทำได้สำเร็จก็ถือว่าร่ำเรียนได้สำเร็จแล้ว
พลางให้ผู้กองชัชวาลย์ไปยกพระพุทธรูปที่สร้างด้วยทองเหลืององค์ใหญ่ๆ
องค์หนึ่งที่วางไว้จากบนหิ้งมา ครั้นเมื่อผู้กองนำมาแล้วท่านบอกว่า
ให้นำองค์พระนอนหงายลงแต่ให้กราบขอขมาองค์พระพุทธรูปก่อนนะ
ครั้นผู้กองทำตามหลวงพ่อสั่งแล้วก็ถอย ออกมารวมกลุ่มมองดู
การกระทำของหลวงพ่อ เขาเห็นหลวงพ่อหลับตาเดี๋ยวเดียวแล้ว
ก็ลืมตาพลางเพ่งไปยังพระพุทธรูปองค์นั้นทันที
ปรากฏว่าพระพุทธรูปองค์นั้นลุกตั้งได้เหมือนเดิม
นี่เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งที่จะให้ศิษย์เกิดความเชื่อมั่นและเกิดความพยายาม
ในฝึกวิชาที่ร่ำเรียนมากขึ้น
หลวงพ่อจึงทำการทดสอบให้ดูว่า หากฝึกสมาธิกสิณได้ขั้นสูงๆแล้ว
ผลของการฝึกสมาธิสำเร็จนั้นผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ทำเอาผู้กองผู้หมวดตกตะลึงไปตามๆกัน ครันแล้วท่านพลันหันไปบอก
ให้ผู้กองนำไปเก็บไว้ดังเดิม แล้วอธิบายว่า
เห็นไหมหากฝึกสมาธิขั้นสูงสำเร็จแล้วเพียงลงมายังอุปาจาระสมาธิแล้ว
เข้ากสิณต่อเพ่งไปยังสิ่งใดๆก็ตามที่ว่าจะหนักมากน้อยเท่าไหร่ก็สามารถสั่งการได้
อย่างเช่นลูกพี่เอ็งนั้นสามารถสั่งให้ของๆสิ่งนั้นวิ่งไปวิ่งมาอีก
ทั้งลอยไปในอากาศไปๆมาได้อีกด้วย การจะได้หรือไม่ได้นั้นต้องล้วนแล้ว
แต่การสะสมบุญบารมีของแต่ละบุคคลมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
เมื่อได้รับการฝึกฝนอีกทีก็จะสามารถเพิ่มพลังงานให้มั่นคงยิ่งขึ้นและรวดเร็วเป็นต้น
ผู้กองและผู้หมวดพลันถามว่า นายผมทำสำเร็จแล้วหรือครับอาจารย์???....
ไม่เพียงเขาร่ำเรียนวิชาจากข้าเท่านั้น ยังร่ำเรียนจากพ่อแม่เขาซึ่งมีวิชาอาคม
ไม่เป็นรองกูเลยล่ะ ฉะนั้นกูถึงให้พวกเขามาปลุกเสกพระเครื่อง
พวกเขาล้วนสำเร็จวิชาการหมดทั้งสิ้นตลอดจนมีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งนัก
กูถึงไม่นิมนต์เกจิอาจารย์อื่นใดๆมาทำพิธี นอกจากพวกเราเท่านั้นเองด้วยกูรู้ว่า
ได้เพียงคนเหล่านี้มาทำการปลุกเสกของก็จะเข้มข้นแข็งแล้วล่ะ
หลวงพ่อกล่าวขึ้น.....
เอาล่ะกลับกันได้แล้วตอนนี้ข้ารู้ว่า จะมีคำสั่งมาถึงพวกเอ็งด้วย
ขอแสดงความยินดีกับพวกเอ็งด้วยนะไปได้แล้วล่ะ คราวนี้ผู้กองผู้หมวดพากันมองหน้า
อาจารย์เรารู้ได้อย่างไรกันว่าจะมีคำสั่งมาถึงพวกเขา จึงได้รีบก้มลงกราบ
ลาอาจารย์เพื่อกลับไปยังโรงพักทันที............
เมื่อมาถึงก็เจอท่านรองผู้กำกับยิ้มแป้น หน้าโรงพักคอยพวกเขาก่อนอยู่แล้ว
พลางกวักมือเรียกเขาเข้าไปยังห้องท่านทันที เมื่อทั้งหมดเข้าไปในห้องท่านรองผู้กำกับ
ซึ่งรักษาราชการแทนผู้กำกับ ก็ยื่นหนังสือทางการจากกรุงเทพฯส่งมาให้เขาอ่านทันที
ทั้งหมดอ่านแล้วพากันดีใจว่า แต่ก็ยังนึกสงสัยในใจอยู่แต่ไม่ได้สอบถามอย่างไรว่า
เหตุใดเขาจึงได้เลื่อนตำแหน่งด้วยเหตุใด ด้วยความอยากจะรู้จึงถามท่านรองว่า.....
ท่านรองฯครับทำไมผมพึ่งมาอยู่จึงได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเร็วอย่างนี้ล่ะครับ
ต้องขอบคุณท่านรองฯมากที่สนันสนุนพวกผม พลางยืนขึ้นตะเบ๊ะท่านรองทันที
ท่านรองพลันกล่าวว่าลำพังผมเองก็ไม่สามารถทำได้หรอก พวกทางกรุงเทพฯไม่มี
ท่านผู้กำกับท่านรายงานไปยังสำนักงานกรมตำรวจเอง ด้วยพวกเราได้จับกุมยาบ้ารายใหญ่
พร้อมของกลางทั้งหมดได้ จนฮือฮากันไปทั้งสำนักงานฯเลยเชียวล่ะ
นับเป็นมูลค่านับร้อยๆล้านบาทเชียวนะ.... ท่านรองกล่าวให้พวกทั้งหมดฟัง
ส่วนการเลื่อนตำแหน่งนี้ท่านผู้กำกับท่านรู้ได้อย่างไรผมเองก็ยังงุนงงจนบัดนี้????.......
ท่านยังไม่มารับตำแหน่งคงจะอยู่ทางกรุงเทพฯ แต่คงมีสายของท่านรายงานให้ทราบกระมัง???...
ท่านจึงได้โอกาสเสนอว่าความดีความชอบทั้งหมดเป็นของผู้กองและหมวด อ้อไม่ใช่.....
ตอนนี้ผู้กองเปลี่ยนเป็นสารวัตรไปแล้ว ส่วนหมวดก็เลื่อนขึ้นเป็นผู้กองทั้งสองนาย
ผมยังได้รับคำสั่งจากท่านผู้กำกับว่าให้ผมติดยศให้ท่านเมื่อได้รับอ่านรายงานแล้ว
ผมได้เตรียมไว้ให้เรีบบร้อยแล้ว ล่ะ ท่านรองฯกล่าว......
มาๆๆเราไปไหว้พระก่อนแล้วค่อยทำพิธีมอบตำแหน่งกัน
เมื่อทั้งหมดไปกราบพระพุทธรูปที่ตั้งไว้เหนือโต๊ะทำงานจนเรียบร้อยแล้ว
ก็มาคอยเข้าแถว ท่านรองฯก็เดินไปเปิดตู้ยกพานใส่ยศตำแหน่งออกมา
แล้วประดับยศให้แก่ผู้กองชัชวาลย์พร้อมปลดดาวสามดวงออกจากไหล่
แล้วติดยศนายพันตำรวจตรีแทนลงไปทันที แล้วถึงเป็นหมวด
จรัสและหมวดจำลองซึ่งได้เป็นร้อยตำรวจเอกด้วยกันทั้งคู่ทันที
หลังจากนั้นท่านรองก็ จับมือทั้งสามคนแล้วก็กล่าวว่า ท่านผู้กำกับสั่งว่า
ยังมีงานที่ต้องปราบปรามทางติดชายแดน
ว่าจะมีการลอบทำการค้าไม้เถื่อนอีก ซึ่งย้ายมาทางโน้นมาขึ้นทางด้านเขตเรา
ขอให้รีบประสานงานจัดกำลังเตรียมพร้อมไว้อย่างลับๆ
อ้ออีกอีกประการหนึ่ง ยังมีคำสั่งย้ายตามรายงานของท่านสารวัตรชัชวาลย์ส่งมาถึงผม
ผมก็รีบรายงานเสนอขึ้นไปทางกรุงเทพฯนั้น ให้คนทั้งหมดที่ถูกย้ายเซ็นต์รับทราบไว้ทุกๆคน
บัดนี้ทางสำนักงานฯได้สั่งย้าย ร้อยตรีเชษฏ์นั้นลงไปปฏิบัติงานที่หาดใหญ่
ส่วนจ่าเจียมไปปฏิบัติงานที่จังหวัดนราธิวาส สิบตำรวจเอกเอนกนั้นไปปัตตานี
ตลอดคนอื่นๆอีกประมาณเกือบยี่สิบคนต่างย้ายไปทางใต้ทั้งสิ้นภายในไม่เกินสามวัน
เพียงรอกำลังมาเสริมไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่กันคงจะเร็วๆนี้แหละ
รองผู้กำกับกล่าวเพื่อแจ้งแก่สารวัตรให้ทราบคำสั่งไว้
สารวัตรและผู้กองทั้งสองต่างหันมามองหน้ากัน พลันนึกถึงคำที่อาจารย์บอกไว้ว่า
จะได้รับข่าวดีแสดงถึงอาจารย์เรานั้นไม่ธรรมดา รอบรู้ไปหมดแม้แต่นายเรา
ซึ่งเป็นผู้กำกับตัวจริง แม้แต่รองผู้กำกับยังไม่รู้เลยว่าท่านผู้กำกับมาอยู่ตั้งนานแล้วเลย
ตลอดจนเหล่าตำรวจที่จะมาเสริมแทนตำแหน่งนั้นก็อยู่ภายในพื้นที่ทุกๆคนแล้ว
ซึ่งเป็นความลับของท่านผู้กำกับกำชับสั่งไว้มิให้เปิดเผยแก่ใครๆทั้งสิ้นนั่นเอง
ครั้นเมื่อสารวัตรชัชวาลย์และผู้กองจรัสและผู้กองจำลอง
เดินออกมาจากห้องท่านรองผู้กำกับ บรรดาตำรวจทั้งโรงพักครั้นมองมายังนายตำรวจ
ทั้งสามต่างแลเห็นดาวบนบ่าทั้งหมดเปลี่ยนไป ล้วนแล้วแต่ได้ติดยศเพิ่มขึ้นพากันงุนงง
และต่างเข้ามาแสดงความยินดีกันทุกๆนาย แม้แต่พวกที่ถูกย้ายไปต่างมีใบหน้าซีดเซียว
แต่ด้วยหน้าที่ต้องทำการแสดงความเคารพท่านสารวัตรและผู้กองทั้งสองตามหน้าที่ทันที
ด้านจ่าเจียมพลางจ้องใบหน้าสารวัตรเขม็งแต่ไม่กล่าวว่ากระไร เพียงขุ่นข้องหมองใจ
แต่ปากก็แสดงความยินดีน้ำเสียงห้วนๆสั้นๆเท่านั้น พลันสารวัตรก็แสดงความเสียใจ
ด้วยที่จ่าต้องย้ายไปเสียแล้วน่าเสียดายที่เป็นคนซื่อสัตย์ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และยัง
เป็นคนในพื้นที่เสียด้วยน่าเสียดาย บางครั้งต้องอาศัยจ่าช่วยเหลือในการปราบปรามอีก
นั่นแหละจ่าเจียมถึงจะยิ้มออกได้ คิดว่าคงจะไม่ใช่รายงานของท่านสารวัตรหรอก
หรือว่าการกระทำของพวกเขาจะล่วงรู้ไปถึงผู้ใหญ่ในทางกรุงเทพฯ จากพวกเสี่ยเม้งกระมัง
ด้วยสารวัตรเพียงนำตัวพวกเขาเข้ามาอบรมชี้แจ้งเหตุไม่สมควรเท่านั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เพียงกล่าวว่า....... แล้วก็ขอให้พวกเขาปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบความเป็นนายตำรวจเท่านั้น
พลันจ่าเจียมและพวกต่างกล่าวว่า ท่านสารวัตรและผู้กองสบายใจได้ครับ
พวกผมไม่สงสัยอะไรท่านสารวัตรอีกแล้วล่ะครับ ครั้งแรกยังสงสัยอยู่ขอโทษด้วยนะครับ
เหตุการณ์มันผ่านพ้นไปแล้วผมไม่ติดใจอะไรหรอก ทำใจให้สบายๆได้แล้วครับสารวัตร
สารวัตรก็กล่าวว่า เพียงขอให้ทุกๆคนรู้จักหน้าที่ว่าเราเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยรักษา
ความเดือดร้อนของประชาชน แล้วก็ให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่กันได้แล้ว
เพียงแต่ขอให้เซ็นต์รับทราบความผิดว่าเป็นครั้งแรกเท่านั้นไว้ก่อน
ตำรวจอื่นเขาจะได้ไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แล้วจะพากันทำตามอารมณ์ไปกันหมด
แล้วยังบอกว่าผมจะเก็บไว้ แต่ขออย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป
บรรดาพวกจ่าเจียมพลางเขาก็เห็นคำสั่งที่พวกเขาเซ็นต์ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักชั้นล่างสุด
ซึ่งทุกๆคนรู้ว่าไม่มีการรายงานต่อไปแน่นอน
เมื่อจ่าเจียมนึกขึ้นได้เช่นนี้ความโมโหก็หายไป พลางเข้าไปกอดสารวัตรและผู้กอง
แสดงความยินดีด้วยใจจริงๆ มิได้เคลือบแคลงสงสัยอะไรท่านสารวัตรและผู้กองอีกเลย
แต่เพียงสงสัยว่าเหตุใดคำสั่งจึงมาอย่างกระชั้นชิดนัก นี่เหตุการพึ่งเกิดขึ้นสองวันเท่านั้น
คงจะไม่ใช่เป็นการรายงานของสารวัตรและผู้กองแน่นอน ก็มีคำสั่งย้ายมาแล้ว
จ่าเจียมจึงกล่าวว่า งั้นเย็นนี้พวกเราทั้งหมดจะจัดงานเลี้ยงฉลองยศท่านสารวัตรกัน
ขึ้นที่โรงอาหารนะพวกเรา พลางหันไปทางบรรดาตำรวจทั้งหมด ทุกๆคนต่างก็เห็นชอบด้วย
ทางด้านสารวัตรบอกว่าไม่ต้องหรอก เห็นพวกเรารักใคร่สามัคคีกันก็ปลื้มใจแล้ว
ไม่ต้องเลี้ยงอะไรหรอกก็ได้ ทางตำรวจทั้งหลายไม่ยินยอมว่าในเมื่อเป็นแบบนี้
ก็ควรทำตามธรรมเนียมดั่งเดิมดีกว่า
ดังนั้นสารวัตรชัชวาลย์และผู้กองทั้งสองหันหน้ามายิ้มให้กัน พลางกล่าว่า
ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจพวกเราก็แล้วกัน และอีกอย่างหนึ่งจะได้ส่งพวกที่ถูกย้ายไปในตัวด้วย
กล่าวเสร็จทั้งหมดก็เข้าไปสวดกอดจ่าเจียม และบรรดานายตำรวจและตำรวจที่ถูกย้ายครั้งนี้
ทุกๆคนด้วย พร้อมอวยพรขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพทุกๆคน
ทำให้บรรดาที่ถูกย้ายพากันปลาบปลื้มยินดีหมดความสงสัยแก่สารวัตรและผู้กองหมดสิ้น
ครั้นตกตอนเย็นๆ ร้านอาหารที่เลี้ยงส่งตำรวจที่ถูกย้ายและที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่เกิดขึ้น ทุกๆคนต่าง
คนต่างอวยพระดื่มกินกันอย่าง สนุกสนาน ท่านรองผู้กำกับก็กล่าวในพิธีทั้งแสดงความเสียใจที่เสียตำรวจ
ที่ดีๆไปในครั้งนี้ และแสดงความยินดีผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเลื่อนยศขึ้นใหม่ พร้อมทั้งอวยพร
ทั้งผู้ที่ถูกย้ายและผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งก็ขึ้นมากล่าวอำลาและอวยพรกัน
ต่างคนก็สนุกสนานกันลืมสิ่งบาดหมางใจกันและกัน นายตำรวจร้อยตรีและจ่าเจียมก็เข้ามาแสดงความยินดี
กับผู้ที่ได้เลื่อนตำแหน่ง พลางกล่าวว่าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้พร้อมครอบครัวจะปฏิบัติหน้าที่
รักษาพิทักษ์ประชาชนกระทำแต่ความดี สิ่งใดผ่านไปหากพวกเขาผิดก็ขออภัยด้วย ตำรวจทุกๆนาย
ก็ต่างปรบมือกัน และงานเลี้ยงก็เริ่มติดต่อกันไปจวบจนเที่ยงคืน ใครเข้าเวรก็ไปเข้าพวกเข้าเวรก็มาร่วม
รับทานอาหารกันต่อ งานเลี้ยงจึงได้เลิกลาต่อเมื่อล่วงเลยเวลาดึกมากไปแล้ว
ต่างคนต่างลาท่านรองกำกับ ท่านสารวัตรและผู้กองออกเดินทางกลับบ้านกัน...........
* แก้วประเสริฐ. *
26 พฤศจิกายน 2553 00:25 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๒๖
ครั้นงานเลิกลากันแล้ว บรรดาชาวบ้านต่างก็ทะยอยกันกลับไปบ้าน
ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พลางนำพระและลูกอมสำหรับเด็กที่พามา
เก็บไว้ในกระเป๋าเป็นอย่างดีด้วยความระมัดระวัง ครั้นชาวบ้านต่างพากันไป
จนเกือบหมดแล้ว คงยังหลงเหลือแต่บรรดาแม่ครัวบางคนเท่านั้นที่กำลังช่วยกัน
ล้างสิ่งของที่ใช้ในการเลี้ยงอาหารในโรงทาน เพื่อจะได้นำกลับไปบ้านของตัวเอง
และชาวบ้านบ้างคนอยู่ช่วยวัดกำลังรื้อไม้สิ่งของอยู่ที่ใช้สำหรับทำโรงยี่เกไม่กี่คนเท่านั้น
ทันใดนั้นเองพลันได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้อง เพราะเสียงระเบิดดังสนั่นมาก
เสียงนั้นดังไปทั่วบริเวณวัดและนอกวัด
ซึ่งบรรยากาศหากไม่มีงานแล้วจะเงียบเหงามากๆ จะมีก็แค่สายลมพัดใบไม้แกว่งไกว
ไปๆมาๆเท่านั้นเอง นอกนั้นจะเงียบสงัดวังเวง
จึงทำให้คนที่ช่วยงานอยู่ ต่างพากันตระหนกตกใจไปตามๆกัน ด้วยมันเป็นเสียงปืนที่ดังมาก
ว่าจะมีเหตุการยิงกันขึ้นอีกระหว่างหนุ่มต่างถิ่นกับพวกบ้านโคกอีแร้ง ด้วยเพราะข่าว
เมื่อคืนก่อนหน้านี้ ก็มีเหตุขึ้นด้วยจ่าเจียมถูกตำรวจด้วยกันจับกุมไปอาจจะมี
พวกพ้องย้อนกลับมาหาเรื่องกับชาวหมู่บ้านโคกอีแร้งอีกก็อาจเป็นไปได้ ดังนั้นคิด
จะไปช่วยพวกพ้องกัน หนุ่มๆต่างพากันคว้าอาวุธติดตัว ตามออกไปตามๆกัน
ด้วยบรรดาที่อยู่ช่วยเป็นชาวโคกอีแร้งทั้งสิ้น ต่างรู้ดีว่าจ่าเจียมกับหมู่บ้านบางกระดี่
บ้านโคกยายหอย บ้านบางโคและอื่นๆทางด้านโน้นสนิทชิดชอบกันมาก
ไปมาหาสู่กันเสมอๆ และค้าขายอะไรกันต่อกันอยู่ ครั้นเมื่อได้ยินดังมากจนสนั่นหวั่นไหว
เสียงปืนระบิดดังขึ้นอย่างรุนแรง เสียงระเบิดซ้อนๆกันขึ้นถี่ยิบแล้วก็เสียงหายไป
พร้อมด้วยเสียงร้องครวญครางขึ้น ชาวบ้านแม่ครัวที่ได้ยินต่างพากันวิ่งไปดู
ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น พอเห็นมิใช่พวกเราตีกันกับพวกหมู่บ้านอื่นๆ
จึงสอบถามดูรู้เรื่องเท่านั้นต่างวิพากย์วิจารณ์กันต่างๆนาๆ และเห็นคนเจ็บล้วนแล้วแต่
เป็นคนกรุงเทพฯที่เหมารถบัสมาได้ทดลองยิงพระเครื่องที่ได้รับพระของหลวงพ่อทอง
คงเพื่อจะทำการทดลองยิงพระที่พวกบรรดาพ่อค้าขายพระไม่พอใจที่ชาวบ้านไม่ยอมขายพระให้
เพื่อพิสูจน์พระเครื่องรางนั้น นั่นเอง
สาเหตุมาจากบรรดาพวกพ่อค้าขายพระเครื่องที่หัวเสียจะทดลองของว่าจะศักดิ์สิทธิ์เพียงใด
ทำไมคนถึงไม่ยอมขายนักแม้จะให้ราคาสูงๆก็ตาม และไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องศักดิ์สิทธิ์เท่าใดนัก
พลางกล่าวว่ามันจะแน่แค่ไหนว๊ะ คนถึงศรัทธาไม่ยอมขายกันนัก กูจะทดลองดูว่าขลังจริง
หรือไม่ เฮ้ย!!!!.....พลางกวักมือเรียกลูกน้องคนสนิทคนหนึ่งของมันมา มึงไปทดลองยิงพระ
ให้กูดูสักหน่อยว่ามันจะศักดิ์สิทธิ์จริงหรือเปล่าว๊ะ ทำไมชาวบ้านถึงร่ำลือกันนักและแหนหวงมาก
เมื่อลูกน้องมันเข้ามาพร้อมนำพระที่ได้รับแจกมามอบให้เสี่ยมัน เสี่ยมันก็ นำพระไปวางบน
ขอนไม้ไว้แล้วใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วมันก็ควักปืนจุดเจ็ดสามห้าออกมาส่งให้ลูกน้องมัน
สั่งให้ลูกน้องมันยิงไปยังองค์พระนั้นทันที แต่ตัวมันก็ยังยืนดูอยู่ใกล้ๆกับบรรดาลูกน้อง
คนอื่นๆที่เข้ามามุงเพื่อมองดูการกระทำของลูกน้องเสี่ย พอลูกน้องคนสนิทได้รับปืนจากเสี่ย
มาแล้ว มันก็หันปืนไปทางพระเครื่องแล้วลั่นไกกระสุนทันที เสียงดังแชะๆแล้ว
พลันปืนนั้นก็ระเบิดขึ้นทันที ทำเอาลูกน้องเสี่ยนั้นถึงกับล้มหงายลงดิ้นพลาดๆ
ฝ่ามือทั้งสองที่กุมปืนมันแหลกละเอียดหมดเลือดไหลนองไปทั่วบริเวณ ส่งเสียงร้องครวญคราง
ตัวเสี่ยเองและคนอื่นที่มุงดูก็โดนสะเก็ดของปืนที่แตกกระจายมาถูกตัวมันเลือดไหลนอง ไปทั่ว
คราวนี้มันอ้าปากค้างตาเหลือกทันที ร้องครางด้วยความเจ็บปวด แต่มันหันไปสั่งไปยังลูกน้องมัน
ที่ยืนอยู่ห่างไกลว่าให้ไปเก็บพระนั้นมา แต่พอลูกน้องมันเดินไปที่ขอนไม้เพื่อจะนำพระมานั้น
เสี่ยและพวกๆต่างก็แลเห็นเหตุการณ์ทั้งสิ้น ตาเหลือกค้างเมื่อมันแลเเห็นพระที่จะเก็บมา
พระนั้นพลันก็ลอยสูงขึ้นไปในอากาศแล้วหายวับไปทันทีต่อหน้าต่อตาคนทั้งหมด
เล่นเอาเสี่ยและบรรดาลูกน้องทั้งหมดต่างมองหน้ากันไปๆมาๆตามๆกัน
ไอ้ห่า!!!!!????.... กูก็ลองของมามากจากเกจิอาจารย์ต่างๆที่ว่าเก่งๆแล้วไม่เคยเป็นอย่างนี้
มาก่อนเลย แต่พระวัดนี้ทำไมมันช่างขลังนัก ไม่ได้กูต้องยอมเสียเงินหาทางเอาพระมาให้มากๆให้
ได้ถึงจะยอมเสียเงินเท่าไหร่ก็ยอมว๊ะ กูยังไม่กลับกรุงเทพฯตอนนี้หรอก จะนำพวกมึงไปหาหมอใน
จังหวัดก่อนเพื่อรักษาพวกมึง แต่พวกมึงอย่าพูดอะไรมากนักล่ะให้กูพูดคนเดียวพอ เสี่ยกล่าว...
อ้าวเสี่ย????....เรื่องนี้มันต้องถึงตำรวจนะด้วยมีคนเจ็บมากหลายๆคนด้วย หมอเขาต้องแจ้งให้
ทางตำรวจรู้ด้วยล่ะ???....
เออ????....กูจะพูดกับตำรวจเองแหละ ไปๆๆให้คนรถออกรถไปได้แล้วไปรพ.ในจังหวัดก่อน
เรื่องอื่นค่อยพูดที่หลังว๊ะ พวกไม่เป็นไรช่วยพยุงพวกบาดเจ็บไปขึ้นรถก่อน ครั้นขึ้นรถหมดรถ
ก็วิ่งไปจนลับหายไป
พวกชาวบ้านที่รู้เหตุการณ์ก็รีบไปบอกหลวงพ่อบ้าง บางคนกลับบ้านบ้างเพื่อไปแจ้งข่าวให้
พวกหมู่บ้านโคกอีแร้งทราบเรื่องราวที่มีการทดลองยิงพระของหลวงพ่อทองที่ปลุกเสกแจกในวัน
สงกรานต์นี้ที่พวกเราชาวโคกอีแร้งได้เกือบทุกๆคน แต่พวกแม่ครัวและคนช่วยงานโชคดีหน่อยได้
ทั้งพระและลูกอม คนที่ไม่ไปต่างขอซื้อต่อพวกแม่ครัวและคนมาช่วยงานต่างหัวร่อไม่ยอมกันทั้งหมด
ชาวบ้านที่ไปแจ้งหลวงพ่อ เมื่อได้รับฟังข่าวก็ไม่กล่าวว่าอะไร พลางอมยิ้มแล้วชี้ไปที่พานที่วาง
อยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ว่าโน่นแนะโยมเขากลับมาแล้วล่ะ ชาวบ้านดังกล่าวครั้นมองไปบนพานก็แลเห็น
พระวางอยู่ที่พานหนึ่งองค์ ก็พากันก้มลงกราบทันที แล้วก็ลาหลวงพ่อไป ว่าจะรีบไปทำงานให้เสร็จ
หลวงพ่อกล่าวว่าไปเถอะโยม คนใดทำดีก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่วหรอก แล้วโยมได้ของหรือเปล่าล่ะ
ชาวบ้านที่มาบอกว่า ได้ครับได้ทั้งสองอย่างเลยล่ะ จะรีบไปเลี่ยมคล้องคอไว้องค์เดียวพอครับหลวงพ่อ
ป่านนี้คงจะรู้ไปหมดทั้งบางแล้วล่ะครับ ด้วยบรรดาแม่ครัวต้องไปแพร่ข่าวนี้แน่นอน
หลวงพ่อหัวร่อฮึๆๆ ไปทำงานเถอะโยม..........
ข่าวนี้เหมือนไฟไหม้ฟางล่วงรู้ไปทั้งหมู่บ้าน ส่วนหมู่บ้านอื่นที่สนิทและยังไม่กลับคุยกันกับชาวบ้าน
โคกอีแร้งก็พลอยรู้ข่าวด้วย ดังนั้นจึงแพร่สะพัดไปทั่วๆเกือบทุกๆหมู่บ้าน ทำให้ทุกๆคนรักและแหนหวง
พระและลูกอมมากขึ้น ต่างนำไปเลี่ยมกันน้ำและนำมาคล้องคอเด็กพร้อมกำชับว่าห้ามให้ใครๆเด็ดขาดนะ
ส่วนตัวเองก็ถอดพระเครื่องรางอื่นเก็บบูชาไว้ นำพระของหลวงพ่อทองมาห้อยเพียงองค์เดียว อันที่จริงนั้น
ก็น่าจะห้อยอยู่หรอก ด้วยมีสีสรรสวยงามเปล่งปลั่งงดงามมากกว่าพระอื่นๆอีกด้วยแพรวพราวส่งรัศมีออก
มานอกกรอบพลาสติคที่เลี่ยมไว้ด้วย
เรื่องการทดลองยิงพระของเสี่ยทางกรุงเทพระบาดไปทั่วแทบทุกหมู่บ้านและครัวเรือนอย่างรวดเร็ว แม้
แต่ทางหมู่บ้านบางกระดี่ หมู่บ้านโคกยายหอย หมู่บ้านบางโคและอื่นๆที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ชาวบ้านเกิด
ความเสียดาย บ้างก็ด่ากำนันที่ห้ามมิให้พวกมันได้ไปทำบุญช่วยงานจะได้รับพระมาบ้าง ส่วนพวกที่แอบหนี
ไปช่วยเหลืองานและได้พระกลับมา ต่างก็รีบซุกซ่อนไว้ปิดปากเงียบไม่ยอมเปิดเผย ด้วยกลัวพวกกำนันจะ
มากดขี่แย่งเอาพระไป
ทางกำนันทั้งหลายต่างตบอกไปตามๆกัน พยายามติดตามข่าวว่ามีใครไปช่วยงานบ้านโคกอีแร้งบ้าง
แต่ชาวบ้านบอกว่าไม่มี ถึงไปแก่แล้วเข้าไปไม่ถึงเลยไม่ได้ของกลับมาเลยสักคนเดียว ทำให้กำนันและพวก
ต่างผิดหวังไปตามๆกัน ถึงแม้จะขู่เข็ญบังคับอย่างไรทุกๆคนที่ไปต่างปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกันทั้งสิ้น
ทางด้านกำนันมั่น มันก็เค็นชาวบ้านบางกระดีเหมือนกันและได้รับการปฏิเสธจากชาวบ้านที่หนีแอบไป
โถ่ๆๆๆ!!!......พ่อกำนันจะให้ข้าซึ่งแก่แล้วจะไปเบียดเสียดคนได้อย่างไรกันล่ะ????.......
คนนับเป็นแสนได้กระมังแน่นขนัดไปหมดจะหาที่ยืนแทบไม่ได้ ข้าต้องออกมานั่งนอกกำแพงวัด
เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเสียแล้วเป็นลมตั้งหลายๆครั้งเชียว ตอนแรกข้าก็ไม่คิดว่าคนมันจะมากเท่านี้เลยนี่นา
พ่อกำนันไม่ไปไม่รู้หรอกหากไม่เชื่อพวกข้าลองไปถามหมู่บ้านใกล้เคียงเราก็ได้นี่นา ว่าคนยังกับหนอนจริงไหม
ส่วนกำนันก็รู้ข่าวนี้เช่นกันเลยต้องผิดหวังกลับไป ครั้นไปถามพวกลูกมัน ลูกมันก็บอกว่าไม่รู้เพราะเห็นพ่อแม่
มันมาแต่ตัวเท่านั้นไม่เห็นเอามาอวดพวกมันเลยจ๊ะ
สงสัยพระจะหมดก่อนแล้วกระมังนะ คนนับแสนจะเอาพระที่ไหนไปแจกกันล่ะว๊ะ กำนันเปรยขึ้น
คงจะจริงจ๊ะพ่อกำนัน แล้วพระในวัดนี้ก็มีเพียงแค่ห้ารูปรวมทั้งหลวงพ่อเป็นหกรูปจะสร้างพระได้มากมายได้หรือ
อืมม!!!!!????....จริงของมึงว๊ะ แค่เป็นพันก็แทบตายแล้วล่ะ ไอ้กูก็ไม่เคยเห็นเสียด้วยได้ยินแต่ข่าวว่าพระมัน
สวยงามหลายหลากสียิ่งนัก แค่ได้ฟังคนเขาว่าเท่านั้นเอง อันที่จริงพอกูรู้ว่ายิงไม่ออกซ้ำปืนแตกอีกด้วย จึงอยากได้
เออๆๆๆ...ช่างเถอะว๊ะไว้วัดทางเราสร้างบ้างก็คงจะเหมือนๆกันแหละว้า???....กำนันเอ่ยขึ้น
ก็กำนันลองไปเจรจากับหลวงพ่อวัดดูซิ เอๆ...แต่ข้าได้ข่าวว่ามีอาจารย์คนหนึ่งไม่รู้ชื่ออะไรก่อนบวชเป็นพระ
เก่งมากและได้ถูกจับสึกข้อหาปาราชิก ด้วยใช้วิชาอาคมมากเกินไปจะมาอยู่ด้วยนา
คราวนี้กำนันมั่นหูผึ่งทันที แล้วตอนนี้อาจารย์ที่มีว่าอยู่ที่ไหนล่ะ???....
ข้าเองก็ยังไม่รู้แน่นอน เพียงได้ฟังช่าวจากหมู่บ้านโคกยายหอยมา ว่ามันหนีมาจากเขมร เป็นชาวขมุนะ แต่ไม่
รู้ว่าอยู่ที่ไหน หากพ่อกำนันอยากรู้ก็ลองไปถามกำนันบ้านโคกยายหอยดูเองเถอะระดับเดียวกันคงจะไม่ยากหรอก
เออๆๆจริงของมึงว๊ะ!!!!.....งั้นเท่านี้ก่อนนะมึงไปทำอะไรก็ไปได้ละโว้ย แล้วกำนันก็ขึ้นบนบ้านไป.....
หลังจากพิธีงานทางหมู่บ้านโคกอีแร้งเสร็จสิ้น สามวันต่อมากำนันจ้อยผู้ใหญ่อาจและพวกรรมการก็มาพบ
หลวงพ่อทอง พร้อมกับนำเจ้าหน้าที่ธนาคารมาด้วย เพื่อจะได้จัดการนับเงินที่เก็บไว้ในกุฎี หลวงพ่อ
ครั้นต่างกราบหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อก็บอกว่าให้ไปยกห่อใส่สตางค์และกล่องออกมานับเถอะ
อ้าวแล้วพ่อเชียรแม่เข็มและลูกไม่มาหรือหลวงพ่อ กำนันถาม
คงไม่มากระมัง เห็นบ่นว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเงินเรื่องทอง ให้เป็นหน้าที่ของพวกรรมการเท่านั้น
อันที่จริงน่าจะมาด้วยเขามีส่วนสำคัญในงานนี้ด้วยนะหลวงพ่อ
ช่างเถอะกำนัน ข้ารู้ดีว่าพวกเขาเป็นพวกสมถะไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรมากนัก จึงไม่อยากให้ใครรู้ด้วยล่ะ???...
พวกเราก็ทำงานกันไปเถอะนะ หลวงพ่อกล่าว
ครั้นแล้วพวกกรรมการทั้งหมดก็ไปยกกล่องและห่อเงินออกมานับ ในระหว่างการจะนับเงินนั้นผู้กองและหมวด
ตลอดจนตำรวจทั้งหลายต่างก็มาคอยรักษาความปลอดภัยให้ด้วย
เมื่อนับเงินที่ได้รับการช่วยยเหลือจากพวกชาวบ้านแล้วคิดเป็นเงินตกราวสิบกว่าล้านบาทได้ ทุกๆคนต่างตกใจ
ไม่คิดว่าเงินจะมาช่วยมากมายกายกองเช่นนี้ พลางให้พวกธนาคารนับอีกครั้งหนึ่ง ครั้นเรียบร้อยแล้วก็ส่งมอบให้
เจ้าหน้าที่ธนาคาร ซึ่งเตรียมอุปกรณ์มาครบเรียบร้อยแล้ว ลงในสมุดธนาคารมอบให้แก่พวกกรรมการไว้ กำนันก็
นำสมุดธนาคารส่งมอบให้หลวงพ่อเก็บไว้ พลางกล่าวว่า
ไม่คิดว่าจะได้รับการบริจาคมากมายเช่นนี้เลยครับหลวงพ่อ งั้นทั้งโบสถ์ ศาลาและกุฎีที่ชำรุดทรุดโทรมเห็นจะ
พอสร้างขึ้นมาใหม่ได้แล้วกระมัง เห็นว่าอุปกรณ์ต่างทางร้านในเมืองเขาก็จะมาช่วยจะเอาเท่าไหร่ก็ได้ด้วยอีกทาง
หนึ่งครับหลวงพ่อ
กำนันมองทางหลวงพ่อ เห็นท่านมิยินดียินร้ายอะไรทั้งสิ้นพลางกล่าวว่า
ก็ด้วยน้ำพักน้ำแรงกำนันและพวกๆเรานี่แหละที่มีเจตนาบริสุทธิ์นัก ทวยเทพยดาท่านจึงดลจิตดลใจให้คนมา
ร่วมกันทำบุญมากๆนะกำนัน อีกประการหนึ่งการทำงานครั้งนี้พวกเรามีจิตใจบริสุทธิ์เหตุการณ์ร้ายจึงไม่เกิดขึ้น
อาตมาไม่คิดว่า มหรสพต่างๆที่พวกโยมหามานั้นเขาคิดแค่ตอนแรกเท่านั้น วันหลังๆมาเพิ่มไม่ได้คิดอะไรอีก
ค่าใช้จ่ายแทบจะไม่ต้องเสียอะไรเลย พวกชาวบ้านเขาทำกันเองทั้งนั้น ก็ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและเหล่า
ทวยเทพยดาท่านอนุโมทนาด้วยแหละโยม.....หลวงพ่อเอ่ยขึ้น
นั้นซิครับหลวงพ่อบรรดากรรมการเอ่ยขึ้นพร้อมกัน พลันเจ้าหน้าที่ธนาคารก็มากราบหลวงพ่อเพื่อขอพระไป
ติดตัวบ้าง แต่ถูกหลวงพ่อปฏิเสธว่าโยมก็รู้ว่าอาตมาพูดคำไหนคำนั้นหากไม่มาในวันนั้นก็จะไม่ได้รับของหรอก
ถึงมีก็ให้ไม่ได้ด้วยจะนำไปบรรจุใต้ฐานพระพุทธรูปประธานเมื่อสร้างโบสถ์ใหม่ขึ้นจ๊ะ
อย่าคิดมากอะไรเลยนะโยม รูปพระพุทธเจ้าก็เหมือนกันหมดนั่นแหละจะดีจะชั่วอยู่ที่คนเรานี่เองแหละโยม
พระก็เหมือนกันหมดแหละ จิตใจเราขอให้มีศรัทธามั่นคงก็เพียงพอแล้วล่ะ
ทำให้พวกธนาคารผิดหวังไปตามๆกัน แต่ก็เพราะได้เห็นพวกธนาคารบางคนนำพระมาอวดช่างสดสวยงด
งามเปล่งประกายผิดกับพระธรรมดา แต่ตัวมัวแต่ไม่คิดนึกว่าคงจะมาขอที่หลังก็ได้หรือก็เหมือนพระทั่วๆไป
จึงเสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย ต่างพากันบ่นพึมพรำไปทั่วกัน จนหลวงพ่อเกิดความเมตตาสงสารพวกนั้น
เมื่อเสร็จธุระแล้วก็กราบลาจะกลับแต่ หลวงพ่อเห็นดังนั้นก็เดินไปหยิบด้ายสายสินธ์ในพิธีมาปลุกเสกอีกที
แล้วมอบให้ไปคนละเส้น พลางบอกว่านี้เป็นสายสินธ์ในพิธีเหมือนกันนะโยมเก็บไว้ให้ดีๆก็แล้วกัน ไม่มีอีกแล้ว
ทำให้พวกเจ้าหน้าที่ธนาคารต่างพากันดีอกดีใจ ถึงไม่ได้พระแต่ได้สายสินธ์และยิ่งเห็นหลวงพ่อ
ท่านปลุกเสกให้อีกทีก็พอใจแล้ว พลางก้มลงกราบแล้วหอบเงินลงไปยังรถธนาคารซึ่ง ทางตำรวจก็มา
ช่วยอำนวยการให้ด้วย จนรถธนาคารหายออกไปจากวัดเดินทางเข้าเมืองหายไป.....
เมื่องานเรียบร้อยแล้วพวกกำนันและกรรมการก็กราบลาหลวงพ่อพร้อมด้วยผู้กองและตำรวจอื่นๆอีกด้วย
หลวงพ่อพลันเรียกผู้กองกับผู้หมวดทั้งสองให้คอยก่อน ครั้นพวกกำนันและกรรมการอื่นๆกลับไปแล้ว
หลวงพ่อทองก็ไปนำเหล็กจารมาลงกระหม่อมพร้อมเป่ามนต์คาถาอาคมลงให้แก่นายตำรวจทั้งสามนาย
เล่นเอานายตำรวจทั้งสามนายสะดุ้งสุดตัวเกิดอาการหนาวสั่นเยือกเย็นขึ้นทันที แล้วท่านถามวันเดือนปีเกิด
เวลาตกฟากทั้งหมดด้วย ครั้นดูดวงของผู้กองชัชวาลย์แล้วท่านก็หัวร่อพลางบอกว่าให้รักษาเนื้อรักษาตัวไว้
นะต่อไปจะได้เป็นใหญ่เป็นโต อาจจะได้เป็นผู้กำกับจังหวัดนี้ก็ได้นะโยม ส่วนนายตำรวจทั้งสองก็กล่าวเช่น
กันว่าให้คอยช่วยเหลือผู้กองไว้นะต่อไปจะได้เป็นใหญ่เป็นโตทุกๆคนแหละ แล้วท่านก็หัวร่อฮึๆๆๆ
ทำเอานายตำรวจทั้งสามต่างดีอกดีใจกันใหญ่พลางกราบแล้ว กล่าวว่างั้นพวกกระผมขอเรียหลวงพ่อว่าอาจารย์
ก็แล้วกัน ขอหลวงพ่อช่วยประสิทธิ์ประสาทวิชาอาคมให้แก่พวกกระผมด้วยนะครับ ด้วยหน้าที่ผมมันอันตรายมาก
ถ้าอย่างงั้นวันพฤหัสบดีหน้าเอ็งก็เอาพานใส่กรวยทำด้วยใบตองสด พร้อมด้วยดอกไม้เจ็ดสี เงินอีก หนึ่งบาท พร้อม
ฝากรวยมายกครูกับข้าก็แล้วกัน ข้าเองยังไม่เคยรับศิษย์ใดอีกจะมีก็แค่คนเดียวคือ ลูกพ่อเชียรแม่เข็มคนเดียวเท่านั้น
เอง เอาล่ะจะรับเอ็งทั้งสามเป็นศิษย์รุ่นสุดท้ายของข้าก็แล้วกันนะ หลวงพ่อกล่าวขึ้น
ลูกพ่อเชียรแม่เข็มหรือครับอาจารย์???.... เออ...ทำไมหรือก็เป็นนายเอ็งอยู่นี่หว่า
หาๆๆๆ...อาจารย์รู้หรือครับ????....
เออๆๆๆกูรู้ก็แล้วกันไม่ต้องถามมากหรอก รีบไปเถอะนะ ข้าจะพักผ่อนสักหน่อย หลวงพ่อกล่าว
ครั้นแล้วผู้กองและหมวดทั้งสองก็ก้มลงกราบลา แล้วเดินออกจากวัดกลับไปโรงพักทันที........
* แก้วประเสริฐ. *
25 พฤศจิกายน 2553 18:34 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๒๕
ก่อนวันงานสงกรานต์มาถึง หลวงพ่อทองได้ลงมาจัดการเดินตรวจสภาพ
ความเรียบร้อยในระหว่างที่งานยังไม่ถึงกำหนดเวลา เมื่อเห็นทุกๆคนรักใคร่สามัคคี
อาหารการกินสมบูรณ์ พวกยี่เกและพวกหนังนั้นเข้ามาแจ้งหลวงพ่อว่า
จะขอช่วยเหลืองานนี้โดยไม่คิดค่าแรงด้วย เขาเพียงต้องการแค่พระเครื่อง
ที่หลวงพ่อทำเท่านั้น หลวงพ่อกล่าวว่า
ถ้าอย่างนั้นเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลควรที่จะต้องไปทำบุญและ
ไปไหว้พระประธานก่อนแล้วถึงจะมารับพระก็จะเป็นบุญกุศลเพิ่มขึ้นอีกไม่จำเป็น
ต้องช่วยมากก็ได้แล้วแต่ความศรัทธา
ของพวกโยมก็แล้วกันนะ อาตมามิได้กะเกณฑ์หรือจำหน่ายพระนี้
ทำเพื่อแจกจ่ายแต่อยากให้ทุกๆคนได้รับผลบุญกุศล ตลอดจนความศรัทธาจริงๆ
ถึงจะทำให้พระนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ส่วนพวกเด็กๆก็จะได้แค่ลูกอมเท่านั้น
แต่เนื้อมวลสารก็เหมือนกับองค์พระด้วยทำมาจากผงและมวลสารเหมือนๆกัน
แหละโยม แต่อาตมาบอกไว้ก่อนว่าของนี้ควรไปอ่านในกระดานที่เขียนบอกไว้ก่อน
มิฉะนั้นของสิ่งนี้จะหายไปเอง หากโยมทำผิดสิ่งที่ผิดศิลธรรมนะโยม
แล้วจะมาเอาอีกอาตมาก็ไม่มีจะให้เสียด้วยถึงมีก็ไม่ให้นะ ด้วยจะเก็บของเหลือทั้งหมด
ไว้ใต้องค์พระประธานไว้ให้ลูกหลานในวันข้างหน้าจ๊ะโยม...... หลวงพ่อเอ่ย
เหล่าพวกคณะยี่เกและคณะหนังรับทราบ พลางยกมือไหว้รับคำว่า
จะไปสั่งให้พวกๆทราบ แล้วถามว่าหากจะขอเพิ่มไปฝากแก่พวกที่ไม่มา เช่นพ่อแม่พี่น้อง
จะได้ไหมครับหลวงพ่อ?????.........
อันข้อนี้ไม่ได้หรอกโยม แจกเฉพาะพวกที่มาไหว้พระประธานเท่านั้นเองแหละ
และจะได้รับเพียงแค่คนละองค์เท่านั้นเอง หลวงพ่อกล่าวขึ้นให้ทราบ
หากโยมนำไปใช้ก็จะทราบผลเองว่า กิจการของโยมนั้น อาตมารับรองว่า
งานจะเข้าแทบจะไม่มีเวลาเสียด้วยซิ หากรักษานี้ไว้ห้อยคอนักแสดงกันทุกๆคนด้วยนะ
เมตตาสูงมากขอให้จำไว้ด้วยนะ และรักษาไว้ให้ดีๆในที่ถูกที่ควรเก็บไว้ในที่สูงๆ
ห้ามใส่ในระหว่างการร่วมประเวณีด้วย มิฉะนั้นของนี้จะสูญหายไปเอง อาตมาไม่หลอกโยม
หลอก แล้วจะมาขออาตมาอีกก็ไม่ได้แล้วนะ ควรจำไว้ด้วยนา หลวงพ่อเอ่ยย้ำอีก
ครับหลวงพลวงพ่อพวกคณะหนังยี่เกต่างพากันก้มลงกราบแล้วขอตัวไปทานอาหาร
ก่อนที่โรงทาน พลันพวกยี่เกพลันกล่าวว่า ทางพวกกระผมก็จะให้มารำถวาย
หน้าโต๊ะเครื่องสังเวยและหน้าพระประธานในวันสงกรานต์ด้วยเพื่อเป็นสิริมงคลแก่พวกผม
หลวงพ่อจะเห็นเป็นประการใดครับหลวงพ่อ หัวหน้าคณะยี่เกกล่าว
แล้วแต่โยมเถอะ???.... อาตมาไม่ขอออกความเห็นอะไรหรอก????........
โยมเห็นควรอย่างไรทำไปเถอะ อนุโมทนาด้วยก็แล้วกันนะ หลวงพ่อเอ่ยขึ้น
แล้วก็ขอตัวเดินไปตรวจความเรียบร้อยทางอื่นต่อไป
ข่าวการจัดงานวันสงกรานต์ล่วงรู้ไปทั่ว ทางหมู่บ้านบางกระดี่ ตลอดจนหมู่บ้านอื่นๆ
ทุกหมู่บ้าน ชาวบ้านบางคนก็มาร่วมงานด้วยความศรัทธา แม้ว่าทางกำนันมั่นจะสั่งห้ามไว้
ก็ตามก็แอบหนีมาช่วยเหลืองานวัดโคกอีแร้งกันเป็นจำนวนมาก ทางกำนันรู้แต่ไม่รู้ว่า
จะทำอย่างไรด้วยพวกที่ไปนั้นเป็นพวกเฒ่าชรากันทั้งๆนั้น ส่วนลูกชายมิได้ไปจึงวางเฉย
ส่วนเจ้าแม้นลูกชายก็กำลังเข้าเฝือกยังไม่หายป่วย ตลอดจนพวกมันที่ได้รับบาดเจ็บกัน
ทุกๆคน อีกอย่างหนึ่งทางกำนันเองก็ต้องเดินทางไปช่วยงานทางหมู่บ้านที่มาช่วยเหลือ
ที่ต่างล้มตายได้รับบาดเจ็บไป และพวกถูกจับนั้นได้ไปสอบถามทางเสี่ยเม้ง
พร้อมแจ้งข่าวให้ทราบเรื่องทั้งหมด พร้อมขอร้องให้เสี่ยเม้งช่วยติดตาม
ค้นหาพวกที่ถูกจับไปด้วยจะช่วยเหลืออย่างไร??...
เสี่ยเม้งก็ไม่ได้ว่ากระไร บอกว่าทำใจได้เพราะอย่างไรก็จะต้องมีเหตุแบบนี้สักวันหนึ่ง
เกิดขึ้นแน่ไม่ต้องห่วงและได้ไปติดต่อผู้ใหญ่แล้ว ต่างไม่รู้ว่าพวกที่ถูกจับนั้นไปอยู่ที่ใด
แต่ก็ส่งคนไปช่วยสืบแล้ว ส่วนทางด้านกองปราบพรรคพวกแจ้งว่าก็ไม่มี
แต่จะช่วยหาข่าวแจ้งส่งมาให้ทราบภายหลัง.....เสี่ยเม้งกล่าวแก่กำนัน
ดังนั้นทางกำนันมั่นจึงไม่มีเวลาที่จะให้คนมาก่อกวนงานทางวัดโคกอีแร้งได้
นอกจากสั่งพวกที่เหลือไม่ได้ไปงาน ให้ไปแจ้งทางจ่าเจียมและพวกว่า พยายามไปก่อกวน
งานนี้ให้ได้และ ให้ไปเอาพระทางหลวงพ่อทองทำเอามาให้มากๆมาฝากด้วยเท่านั้นเอง
ครั้นวันสงกรานต์มาถึง ก็มีพวกมหรสพต่างๆที่รู้ข่าวจากพวกด้วยกันก็มาช่วยงานเพิ่มเติม
ฉะนั้นงานวัดโคกอีแร้งจึงครึกครื้นยิ่งนัก เปรียบเสมือนงานวัดใหญ่ในเมืองเนื่องจากข่าว
วัตถุมงคลแสดงอภินิหารของวัตถุมงคลที่ปรากฏให้ทางพวกคณะแสดงเห็นต่างไปเล่าให้ฟัง
ล้วนแล้วแต่ยกพวกมาช่วยกันไม่คิดค่าแรงใดๆหวังเพียงแค่ทำบุญเอาวัตถุมงคลเท่านั้น
จนทำให้งานวัดล้นออกไปแสดงกันนอกเขตวัดไปตามๆกันด้วยกันมากมายยิ่งนัก
จำนวนคนนับเป็นหมื่นๆหลายหมื่นเห็นจะได้
ที่โบสถ์ล้วนแล้วแต่กลิ่นธูปอบอวลไป จนกระทั่งหลวงพ่อต้องให้
จัดกระถางธูปมาใหม่ล้วนใบใหญ่ซึ่งพ่อค้านำมาถวายเพิ่มเติม ไปตั้งไว้นอกหน้าโบสถ์
เพื่อให้ชาวบ้านจุดบูชาแทนในโบสถ์ โดยให้ทางกำนันและคณะกรรมการประกาศให้
ไปปักธูปที่นอกโบสถ์แล้วไหว้อธิษฐานพระประธานไว้นอกโบสถ์เสียก่อน
ถึงจะเข้าไปกราบพระประธานได้ เหตุดังนี้จึงทำให้ควันธูปในโบสถ์ทุเลาลง
ด้วยบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่และคนแพ้ควันธูปจะได้หายใจได้สะดวกขึ้น เสร็จแล้วก่อนเข้าโบสถ์
แล้วค่อยเดินไปรับบัตร ก่อนจะไปกราบพระประธานแล้วเดินออกมาเพื่อจะได้รับพระภาย
หลังจากไปกราบพระประธานเรียบร้อยแล้ว
โดยได้จัดเป็นเรียงแถวสองแถวค่อยเข้าไปในโบสถ์ ทั้งปากประตูทั้งด้านเข้าด้านออก
มีตำรวจนอกเครื่องแบบแต่งกายเป็นชาวบ้านคอยแจกบัตรที่มีเลขกำกับทั้งพระและลูกอม
สำหรับแจกจ่ายผู้มาร่วมทำบุญกันภายในโบสถ์ ตลอดเวลาจนต้องผลัดกันแจกบัตรและพระ
ด้วยมีคนจำนวนมากมายยิ่งนัก
ชาวบ้านค่อยทะยอยเรียงแถวนำบัตรไปส่งให้เจ้าหน้าที่รับพระและลูกอมไปอย่างล่ะองค์
ส่วนเงินทำบุญนั้นใส่กล่องที่วางเรียงไว้ในโบสถ์ก็มี ส่วนภายนอกดอกไม้ธูปเทียน
ก็มีคนทางวัดจัดมอบให้แต่ให้ทำบุญใส่ในตู้ทำบุญค่าดอกไม้ธูปเทียนกันตามศรัทธาต่างหาก
จนต้องยกไปเปลี่ยนเมื่อเงินเต็มหลายต่อหลายครั้งๆ โดยนำไปเก็บไว้ที่กุฎีหลวงพ่อ
มีตำรวจนอกเครื่องแบบคอยเฝ้าดูแลอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ภายในโบสถ์กล่องก็ถูกเปลี่ยนแล้ว
เปลี่ยนอีกด้วยความศรัทธาของฝูงชนทั้งหลายมากมายนัก แทบจะหากล่องแทนไม่ได้จึงจำเป็น
ต้องนำมาเทรวมๆกันไว้แยกแบงค์และเหรียญออกจากกัน แบงค์ส่วนใหญ่มักจะเป็นแบ๊งค์พัน
จำนวนมาก มากว่าแบ๊งค์ร้อยเสียอีก ส่วนแบ๊งค์ยี่สิบน้อยมาก เศษสตางค์ก็น้อยแสดงถึงฐานะและ
ความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อหลวงพ่อทองมากมาย
จนเวลาล่วงผ่านไปหลังเที่ยงคืนไปแล้วก็ตาม ก็ยังมีคนมาไม่ขาดสายทะยอยทำบุญกันไม่หมด
ยังมีคนคงคนทำบุญกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อคนทำบุญกันเสร็จก็ไปเที่ยวดูงานกันแล้ว
แต่ละคนจะชอบดูกัน เวลาล่วงไปจนเกือบสว่างก็ยังมีคนทะยอยมาทำบุญกันเรื่อยๆไม่หมดสักที
ในระหว่างนั้นก็มีเหตุการชุลมุนเกิดขึ้นที่หน้าประตู้โบสถ์ที่ด้านคนแจกพระเครื่องอยู่
จ่าเจียมและพวกอีกจำนวนเกือบสิบคนต่างถืออำนาจเข้ามาบอกคนแจกพระซึ่งกำลังรับบัตรและ
ด้วยกำลังแจกอยู่ซึ่งพวกมันไม่รู้ว่าเป็นตำรวจเหมือนกันแอบแฝงเข้ามาช่วย เพราะเป็นตำรวจ
ในกรุงเทพฯ ที่ถูกคัดเลือกให้เข้ามาปะปนกับพวกชาวบ้านต่างๆทุกๆหมู่บ้านในแถบบริเวณนี้
ข้าจะมาเอาพระยกพระทั้งกล่องมาให้ข้าด้วยนะโว้ย เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้หรอกครับ
ต้องทำตามระเบียบที่กรรมการสั่งมาครับ ถ้าต้องการอย่างนั้นให้ไปแจ้งกับกรรมการวัดเสียก่อน
ถ้าหากอยากจะได้ต้องให้ไปทำตามระเบียบที่ทางวัดกำหนดวางไว้ ได้คนละองค์เท่านั้นครับ
แต่ทางพวกจ่าเจียมและพวกต่างพากันเอะอะโวยวายถืออำนาจบาตรใหญ่ว่า
พวกเอ็งไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใครว๊ะ ทำไมจะเอาไปไม่ได้เพราะหลวงพ่อท่านแจกให้ฟรีนี่นา........
พวกกูจะยกไปทั้งกล่อง เดี๋ยวนี้มึงอย่ามาขวางทางกูนะโว้ยเดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน
พวกมันกล่าว..... พลางมันจะรีบเข้าไปแย่งจะยกกล่องพระที่ตั้งเรียงรายไว้เป็นชั้นๆวางไว้ข้างๆ
แต่ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบพากันเข้ามาขัดขวางไว้ทันที ซึ่งมีพระบ้างแกะกล่องก็มี
ไม่แกะกล่องก็มีวางใกล้ๆเจ้าหน้าที่ที่กำลังแจกพระให้พวกที่มาทำบุญไหว้พระประธานอยู่
เสียงนี้ดังลั่นจนชาวบ้านพากันหยุดชะงัก ต่างแตกตื่นกันไปหมด ต่างพากันเหลียวไปดู
ครั้นมองไปเป็นพวกจ่าเจียมก็ชะงักหันมามองหน้ากันทำให้เป็นเหตุการทำบุญต้องหยุดชะงัก
ของการทำบุญไปชั่วขณะหนึ่ง พลางนึกในใจว่าจ่าเจียมและพวกมาเบ่งจะเอาพระฟรีๆ
ไปทั้งกล่องเสียด้วย พากันหันหน้ามองกันไปมาแต่ไม่กล้ากล่าวอะไร ด้วยกิติศัพท์ว่า
จ่าเจียมนั้นร้ายกาจจนพวกชาวหมู่บ้านก็รู้ไปทั่วว่ามีนิสัยเป็นอย่างไร
ทันใดนั้นมีชายสองสามคนแหวกทางขอชาวบ้านเดินเข้ามายังที่เกิดเหตุ พลางถามว่า
มีอะไรหรือ??.. เจ้าหน้าที่ที่ทำการแจกพระก็รายงานให้ชายทั้งสามฟังทันที ชายทั้งสาม
พลันหันหน้าไปมองทางด้านจ่าเจียมและพวกทันทีด้วยใบหน้าทมึงบึ้งตึง กล่าวว่าไอ้พวกนี้
เองหรือนึกว่าใครเสียอีก มันใหญ่โตมากนักหรือจึงจะมาก่อกวนงานหลวงพ่อหรือว๊ะ??...
พลางร้องถามไปทางพวกของจ่าเจียม ที่กำลังด่าเจ้าหน้าที่แจกพระอยู่ที่ขัดใจพวกมัน
ทางจ่าเจียมและพวกยังไม่มองหน้าพลางตะโกนลั่นว่าใครว๊ะ มาขึ้นเสียงดังกับกูมึงไม่รู้หรือ
ว่ากูคือใครมึงใหญ่มากนักหรือว๊ะ????... จะมาห้ามพวกกู ลักษณะพวกจ่าเจียมจะออกมึนเมาด้วย
กูไม่ใหญ่หรอกว๊ะจ่าเจียมเพียงแต่ขอร้องอย่าให้มีเรื่องแบบนี้ภายในวัดได้หรือไม่บอกมาซิ??..
ครั้นจ่าเจียมและพวกหันมามองหมายจะเอาเรื่อง พลางรู้ว่าใครเป็นใครต่างตาเหลือกโพลงไปหมด
แล้วพวกมันต่างพลางยกมือขึ้นตะเบ๊ะพริบทั้งหมด สร้างความตกตลึงแก่ชาวบ้านกัน
ที่เห็นเหตุการณ์นั้นๆ พากันถอยหลังไปยืนมองดูไปตามๆกัน
ทางด้านจ่าเจียมและพวกต่างพากันร้องอุทานพร้อมกันออกมาเมื่อพวกมันว่าเป็นใครเป็นใครกัน
อ้าวๆๆๆ........ท่านผู้กองชัชวางย์และหมวดทั้งสองเองหรือครับนาย??....
กล่าวพลางตาเหลือกกันไปตามๆกันพลาง ถามว่าแล้วผู้กองและหมวดมาช่วยงานนี้ด้วยหรือครับ
ทำไมผมถึงไม่รู้ล่ะครับ ไม่เห็นมีตำรวจสักนายหนึ่งเลยนี่นา???.....จ่าเจียมถาม
เมื่อเห็นคนทั้งสามไม่กล่าวอะไร พลางเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมล้วงกระเป๋า กางเกงขายาว
อีกมือหนึ่งล้วงกุญแจมือมาถืออีกมือหนึ่งกุมที่บั้นเอวซึ่งออกลักษณะตุงๆ มันรู้ว่าคืออะไร
พลางผู้กองหันคว้าข้อมือจ่าเจียมมาสัปกุญแจมือใส่ลงไปทั้งสองมือทันที
ส่วนพวกที่เหลือถูกหมวดทั้งสองคว้ามือสวมกุญแจมืออีกเหมือนกัน แล้วพลันกล่าวขึ้นว่า....
ใช่ผมเองแหละและหมวดจรัสกับหมวดจำลองมีอะไรเมาล่ะซิไหนๆผมสั่งให้เข้าเวรอยู่อย่าไปไหน
นี่คงจะหนีเวรมาล่ะซิ แล้วเมามาเสียด้วย..... อ้าวๆแล้วนี่ร้อยเวรพ่วงก็มากับเขาด้วยหรือ เป็นถึง
นายตำรวจแล้วทำไมถึงทำแบบนี้ไม่ดูแลลูกน้องด้วย ล้วนแล้วแต่หนีเวรกันมาทั้งหมด
หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นและคนมาแจ้งความจะทำอย่างไรกันล่ะ????.....
ต่อไปประชาชนจะนับถือไว้วางใจได้อย่างไรกัน ถ้าหากพวกเราเป็นเช่นนี้กันทั้งหมดแบบนี้
จะเป็นที่พึ่งของเขาได้อย่างไรกันอย่าลืมซิเรากินเงินเดือนก็เงินของพวกเขาทั้งนั้น ที่จ่ายเงินเดือนแก่เรา
เราเป็นผู้รักษากฏหมายให้ถูกต้อง หากมาเป็นเองก็เหมือนโจรนั่นแหละ.......
ผู้กองเอ่ยขึ้นตามหลัง หากเป็นเช่นนี้ใครจะรับผิดชอบประชาชนด้วยมากันหมด
คงจะใช้พวกพ้องดูแลแทนไม่กี่คนกระมัง....... อย่าลืมนะว่าประชาชนเป็นนายของพวกเรา
เราไม่ใช่นายเขาต้องคอยช่วยเหลือเขาเสมอๆ ผู้กองกล่าวทิ้งท้ายไว้
แล้วหันไปสั่งตำรวจให้นำตัวพวกนี้ไปได้แล้ว......
พลันก็เรียกพวกที่อยู่ข้างนอกที่แต่งนอกเครื่องแบบให้มานำพวกนี้ขึ้นรถยนต์นำกลับไป
สั่งว่าให้ขังไว้ทั้งหมดก่อนแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเอาออกมาให้มารายงานตัวกับผมทุกๆคนด้วยนะ
พร้อมทำหนังสือไว้ให้เซ็นต์ทุกๆคนด้วยไม่มีการยกเว้น ครับผ๊ม...เสียงตอบขานรับคำสั่งทันที
คนกลุ่มที่ผู้กองสั่งก็รีบเข้ามาพาต่างสวมกุญแจมือทุกๆคนคอยนำพาพวกจ่าเจียมไปโรงพักทันที
ผู้กองแสดงสีหน้าอาการด้วยความไม่พอใจยิ่งนัก......พลางสั่งกำชับให้นำตัวไปขังได้ไม่เว้นแม้แต่
นายตำรวจร้อยเวรด้วยทุกๆคนแหละ ดังนั้นในระหว่างถูกนำตัวใส่กุญแจมือรวมกันอยู่นั้น ชาวบ้าน
ทั้งหลายต่างพากันมามุงดูการทำงานของผู้กองทั้งหมดทันที ไม่คิดว่าจ่าเจียมและพวกจะเจอเหตุการณ์
เช่นนี้ได้ ด้วยเคยแต่วางอำนาจบาตรใหญ่วางกล้ามใหญ่โตคอยข่มขู่ชาวบ้าน
ครั้นเมื่อได้ยินผู้กองสั่งเช่นนี้
เล่นเอาจ่าเจียมและพวกๆทั้งหลายหน้าจ๋อยไปตามๆกัน พวกที่ไม่ได้เข้าเวรมาทั้งหมดนี้อย่าคิดว่า
ผมจำชื่อไม่ได้หมดนะ ให้นายดาบนำตัวไปเอาตัวออกมาไปรายงานตัวผมในวันรุ่งขึ้นทุกๆคนด้วย
ไปได้แล้วงานจะได้ดำเนินการต่อไป และสั่งพวกเราให้คอยระมัดระวังเหตุการณ์อย่าให้เกิดขึ้น
อีกนะ จะไม่เว้นหน้าใครไว้สักคนแม้ว่าจะเป็นคนของใครก็ตามสั่งพวกเราไว้ด้วย
ครับๆๆผู้กองผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ พลางตะเบ๊ะแล้วรีบผลุนผลันนำตัวพวกจ่าเจียมทั้งหมด
แหวกผู้คนขึ้นรถตำรวจที่แอบซุ่มไว้ ส่งสัญญาณให้ขับรถมาแล้วก็ออกเดินทางไปทันที.....
ผู้กองหันไปยิ้มกับตำรวจที่แฝงกายกล่าวว่า ผมนึกแล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดนั้นก็จริง
ทำงานกันต่อไปเถอะนะ ผมจะไปตรวจดูทางอื่นต่อไป พลางหันไปไหว้ชาวบ้านแล้วกล่าวว่า
ขอโทษครับ ที่ไม่น่าจะมีเรื่องในงานเลย เชิญทำบุญกันได้แล้ว และให้ตั้งใจมั่นศรัทธาอย่าตกใจ
เสียล่ะ ทำเอาบรรดาตำรวจนอกเครื่องแบบที่แต่งกายเป็นชาวบ้านต่างอมยิ้มกันไปตามๆกัน
หากผู้กองไม่มาเห็นทีจะต้องเกิดยิงกันแน่นอน บรรดาตำรวจที่ทำหน้าที่แจกพระกระซิบกันขึ้นเบา....
ผู้กองและพวกก็ขอทางเดินออกจากโบสถ์ไปทั้งสามคนพร้อมยกมือไหว้ขอทางไป
เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปชาวบ้านทุกหมู่บ้านเห็นการปฏิบัติของผู้กองและพวกซึ่งรู้ว่ามาอยู่ใหม่ๆ และมี
นิสัยอัธยาสัยดีงามนัก ก็พากันทึ่งต่างพูดคุยกันว่าหากพวกเรามีตำรวจเช่นนี้มากๆก็จะดีนะจะได้เป็น
ที่พึ่งของประชาชนอย่างพวกเรา ไม่เหมือนก่อนได้แต่ตวาดพูดจายังกับเราไม่ใช่คนน๊ะ ทุกๆคนพยักหน้า
แล้วเริ่มทำบุญกันต่อไป.....
อีกคนเอ่ยว่า ฉันสงสัยว่าคืนนี้ทั้งคืนคงจะแจกไม่หมด แล้วพระลูกอมจะพอแจกไหมหนอ???....
ตั้งแต่มีงานในหมู่บ้านนี้และที่อื่นๆไม่เห็นคนช่างมากมายเช่นนี้เลยนะ ใช่จ๊ะอีกคนและหลายๆคนตอบ
พวกชาวบ้านต่างขานรับกันทุกๆคนจริงซินะ ฉันก็ไม่เคยเห็นแบบนี้เลยนับว่าพวกเรา
มีบุญกันมากจริงๆนะ ได้ทั้งของวิเศษแล้วยังได้ชมมหรสพอีก ตลอดจนได้รับการคุ้มครองปลอดภัยอีกด้วย
ผู้คนล้วนแล้วแต่มากมายจริงๆ หนังหรือก็มีหลายๆจอ ยี่เกหรือก็มีหลายๆโรงเสียด้วย
จนไม่รู้ว่าจะไปดูกันอย่างไร อีกทั้งการละเล่นก็มีมากมายเสียด้วยซิ นับแต่ไปช่วยงานอื่นๆมาไม่เคยเห็น....
ครั้นท้องฟ้าสว่างแล้ว แต่คนยังมาร่วมกันทำบุญอยู่อีกมากมาย ไม่ขาดสายทะยอยกันมา
ทำบุญกับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จวบจนตกค่ำถึงค่อยจะบางเบาไปแต่ก็ยังดูมีอีกมากมาย
กระนั้นก็ยังมีคนนำพวกมาอีกหลายๆคันรถเพราะอยู่ทางไกลๆกันพอเสร็จงานทางไร่ทางสวน
ก็ต่างทะยอยกันมา จนต้องมืดค่ำอีกคืนหนึ่งจึงจะทุเลา ส่วนพวกหนังและยี่เก เมื่อใครแสดงเสร็จ
ก็มาร่วมทำบุญกันเพื่อนำวัตถุมงคลไปด้วยทั้งๆที่ยังแต่งกายเป็นพวกยี่เกกันเมื่อเห็นคนบางเบาแล้ว
ปรากฏว่างานนั้นหาใช่มีวันเดียวไม่กลับกลายเป็นงานสามวันสามคืนไป นับว่าเป็นงานใหญ่
เกินความคาดหมายของหลวงพ่อและพวกกรรมการวัดทั้งหมด อาหารหรือก็เหลือเฟือแจกจ่ายก็ไม่หมด
ทั้งคนในจังหวัดหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าในเมืองและทางกรุงเทพฯอีกต่างจังหวัดใกล้ๆเคียงก็มา
และยังไม่ยอมกลับกันง่ายๆ ต่างทึ่งเมื่อได้รับการกล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิของวัตถุมงคลเหล่านี้
ส่วนทางพ่อค้าพระในกรุงเทพฯพยายามใช้ให้ลูกน้องที่นำพามาไปกว้านซื้อพระจากชาวบ้านตุนไว้
โดยให้ราคาสูงมาก แต่ชาวบ้านทุกๆคนหวงแหนนักไม่ยอมขาย เล่นเอาหัวหน้าที่นำมาต่างหัวเสีย
กันไปตามๆกัน แม้แต่ลูกน้องมันที่นำพวกมาด้วย บางคนก็ยอมมอบให้บางคนก็ไม่ยอมยิ่งหัวเสียใหญ่
ด้วยลงทุนมามากมายในการเช่ารถบัสมา เพื่อหวังผลกำไรในการจำหน่ายว่าคงจะได้มากมายนัก
โดยนึกว่าอย่างไรพวกชาวบ้านจะยอมขายให้ด้วยให้ราคาสูงๆไว้แต่ผิดคาดไปตามๆกัน
ทุกๆคนล้วนแล้วแต่หวงแหนไม่ยอมขายด้วยเห็นอิทธิฤทธิ์วัตถุมงคลมาแล้ว ส่วนพวกที่ไม่ได้เห็น
ได้ยินจากพ่อแม่พี่น้องต่างเชื่อกันจึงหวนแหนกันยิ่งนัก อีกอย่างหนึ่งหลวงพ่อทองที่พวกเขาเคารพอยู่
เป็นเจ้าอาวาสมาหลายๆสิบปีไม่เคยจะสร้างวัตถุมงคลใดๆเลยสักอย่าง แม้แต่สายสินธ์ก็ยังหวงแหนกันอีกด้วย..........
* แก้วประเสริฐ. *
24 พฤศจิกายน 2553 20:11 น.
แก้วประเสริฐ
อทิสมานกาย ๒๔
ภายในรถที่กำนันขับอยู่นั้น พลันกล่าวกับพรรคพวกว่าข้าสังหรณ์ใจชอบกล
ตั้งแต่หลวงพ่อบอกแล้ว มีพวกเด็กๆมันช่วยเฝ้าดูแลของไม่ต้องห่วงอะไรหรอก???...
ครั้งแรกนึกว่าเป็นเด็กวัดที่โตๆกันแล้วแต่พอพบเห็นเป็นพวกเด็กๆตัวเล็กๆทั้งนั้น
พลางนึกว่าทำไมใยหลวงพ่อจึงใช้พวกเด็กๆเล็กๆพวกนี้มาเฝ้าข้าวของมิกลัวของหายหรือ??..
ข้าเองก็ทดลองจับต้องเนื้อตัวเด็กมันดู ก็เป็นเช่นคนแบบพวกเราๆแหละ
แต่พอมันชี้ไปทางป่าช้าที่พวกเราเคยนำคนตายไปฝังศพ ข้าจำได้อย่างแม่นยำ
และเด็กยังบอกว่ากลางคืนพวกนั้นจะมาช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง
นี่ซิ......ข้าเองถึงได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร???.... กำนันพลางกล่าวขึ้น
อีกอย่างหนึ่งมันเสือกถามข้าว่า ทางเราจะจัดมีหนัง มีลิเกด้วยหรือ???....
คราวนี้ข้าเลยแน่ใจเลยว๊ะ....พ่อกันนันกล่าวขึ้น....
นี่ขนาดเป็นกลางวันแสกๆนะยังแรงขนาดนี้เชียวว๊ะ.....แล้วอย่าเสือกไปบอกใครๆเสียล่ะ......
ไม่แต่พ่อกำนันบอกหรอก ข้าเองก็นึกสงสัยว่าพวกเด็กมันเฝ้าของได้อย่างไร????......
หากมีขโมยมาจะสู้มันได้หรือ แต่ทางบ้านเราไม่มีหรอก นอกจากหมู่บ้านอื่นๆที่ติดยาเท่านั้น
พอมันชี้ไปยังป่าช้าพวกข้าจึงแน่ใจเช่นเดียวกับกำนันเหมือนกัน
นี่ดีนะเป็นกลางวันเลยไม่ได้คิดอะไรมาก????...แต่พอพวกเด็กชี้ไปทางป่าช้าเท่านั้นพวกข้า
ถึงได้รู้ว่าพวกเด็กๆมันเป็นอะไร.... ใจพวกข้าอยากจะชวนกลับตั้งแต่แรกแล้วล่ะ???....
พวกกรรมการอื่นตอบกำนัน พลางหันหลังไปมองทางวัดที่ยังไม่ห่างไกลกันนัก....
อ้าวแล้วอย่าเสือกไปบอกพวกเราให้รู้ว่า เมื่อมาช่วยนำของไปทำงานกันนะ ขอให้เก็บรู้ไว้
เฉพาะพวกเราเท่านั้น....กำนันย้ำ เดี๋ยวพวกมันจะกลัวไม่กล้าช่วยทำงานกัน
พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้วล่ะ???....กำนันกล่าวเตือนไว้ก่อน ประเดี๋ยวคนอื่นจะกลัวไป
และจะไม่มีใครกล้ามาช่วยงานกัน....
เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงหรอก แต่ว่าพวกข้าจะทำอย่างไรล่ะหากพวกเด็กๆมันมาช่วยพวกเรา
ขนของล่ะ???...พวกกรรมการถามกำนันขึ้นทันที???....
เราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็แล้วกันหลวงพ่อท่านก็ต้องลงมาคุมงาน คงจะไม่มีอะไรหรอก....
กำนันปลอบใจ
ก็จริงอย่างกำนันพูดแต่พวกเรามันรู้แก่ใจกันทุกๆคนแล้วนี่นา???.....พวกกรรมการที่มาตอบ
ช่างเถอะอะไรเกิดก็ให้มันเกิดเถอะ แต่ข้าคิดว่าดีเหมือนกันนะ จะได้ไม่ต้องกลัวผีกันอีกนะ....
ข้อนั้นก็ถูกของกำนันอยู่หรอก แต่ข้าจะทำใจได้หรือเปล่าข้าเองก็ชักสงสัยใจพวกข้าเหมือนกัน
เอาล่ะเมื่อกำนันพูดเช่นนี้แล้วมีหลวงพ่ออยู่ด้วยค่อยสบายใจหน่อยนะ.......
เมื่อทั้งหมดกลับมาบ้านด้วยกำนันขับรถไปส่ง พวกมันก็ค่อยสบายใจ
ต่างพากันไปช่วยทางเมียทำงานกัน
ครั้นเช้าวันเสาร์ที่ลานวัดก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ต่างมาช่วยกันทำงาน
ขนของไปในโบสถ์ตามที่หลวงพ่อแนะนำ และช่วยกันสร้างประรำพิธีภายในโบสถ์
ส่วนอีกพวกหนึ่งต่างก็ลำเลียงพระลงกล่องจากในตุ่ม ค่อยบรรจงวางลงในกล่อง
เรียงกันให้เรียบร้อย ทุกๆคนต่างปลาบปลื้มยินดียิ่งนักเมื่อเห็นพระและลูกอม
ส่งแสงประกายเปล่งปลั่ง ต่างพากันกราบไหว้ก่อนจะนำมาลงกล่อง ใส่พระและลูกอม
บางคนถึงกับอุทานว่าในชีวิตกูยังไม่เคยแลเห็นวัตถุมงคลสวยงามเปล่งปลั่งออกรัศมีเช่นนี้เลย
บ้านกูก็มีพระเครื่องก็ไม่เหมือนพระของหลวงพ่อเลยสักองค์เดียว
ที่มีก็ล้วนแต่ผงสีต่างๆมาโรยเท่านั้นเองแหละ พวกที่ทำงานก็เอ่ยว่า
เออเหมือนมึงว่าแหละและต่างรีบค่อยๆทำงานกันจนเสร็จด้วยความระมัดระวังยิ่ง
บางคนกล่าวว่าหากกูได้รับพระแล้วเห็นทีจะไปนั่งเฝ้าเลี่ยมเลยว๊ะจะห้อยแค่องค์เดียวเท่านั้น
พวกที่มาช่วยก็บอกว่าพวกกูก็เช่นเดียวกันว๊ะ แล้วต่างคนค่อยยกกล่องๆละ
สองคนเพื่อป้องกันการหล่นจะเสียหายแก่พระ
บางคนบ่นว่าเสียดายหากทำเป็นพระบูชาด้วยก็ดีซินะจะได้บูชาทุกๆวัน
จริงของมึงว๊ะกูก็คิดเช่นมึงเหมือนกันแหละ......
แต่มึงจำคำกำนันที่หลวงพ่อกล่าวไว้ได้หรือเปล่าว่าเกี่ยวกับพระเครื่องนี้
จำได้โว้ยกูจะรักษาเป็นพิเศษแหละ พวกมันทั้งหมดกล่าวขึ้นหาไม่ได้แล้วด้วยซิ
ครั้นนำพระที่ใส่กล่องไปในโบสถ์แล้วก็นำไปวางยังที่หลวงพ่อกำหนด
ตรงกลางประรำพิธีไว้จนหมดสิ้น พิธีที่พวกมันจัดสร้างเป็นรายล้อมไปด้วยฉัตรเก้าชั้น
ล้อมรอโดยตรงกลางมีฉัตรที่ทำพิเศษสูงใหญ่โยงใยด้วยสายธงหลากสี
ส่วนพวกที่ทำหน้าที่สายสินธ์ก็นำสายสินธ์มาให้หลวงพ่อที่ยืนคอยอยู่แล้ว
ท่านรับมาแล้วหลวงพ่อก็ทำพิธีปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง หลวงพ่อก้มลงกราบพระประธาน
หลับตาภาวนาคิดว่าคงจะขอขมาอนุญาตจากองค์พระประธานก่อน
แล้วก็ให้คนนำพวกไปท่านก็นำไปพันยังพระประธานแล้วมาคล้องไหว้ที่องค์พระประธาน
พันสายสินธ์ไว้ที่พระกรของพระประธานจนคิดว่าแน่นพอเพียงแล้วสั่ง
ให้คนโยงไปยังประรำพิธีเริ่มจากฉัตรแรกตรงกลางพันล้อมรอบไว้สามรอบ
แล้วไปวนยังต้นเทียนใหญ่สีขาวที่ใช้เป็นเทียนชัยสำหรับเริ่มพิธีล้อมรอบฉัตรต่างๆ
ในประรำพิธีที่จัดตั้งไว้ภายในโบสถ์หน้าพระประธานประจำวัด
แล้วจึงนำไปพันยังกล่องพระและลูกอมทุกๆกล่องจนหมด แล้วให้คนไปนำสายสินธ์มาอีกแปด
กลุ่มมาต่อเข้ากับสายสินธ์ที่พันกล่องพระทั้งหมดไว้ นำไปวางยังพานที่รองรับไว้ทั้งเจ็ดกลุ่ม อีกกลุ่ม
หนึ่งท่านให้ทอดสายสินธ์ไปยัง
โต๊ะที่ตั้งสังเวยเทพยดาที่ปูด้วยผ้าอย่างดีสีขาว วางไว้บนพานตรงกลางหมู่โต๊ะนั้นตั้งไว้ด้วย
สัปประฑล ซึ่งกางอยู่กลางโต๊ะใช้สังเวยเทพยดาพันสายสินธ์กับสัปประฑล โต๊ะหมู่บูชานั้นก็มีฉัตร
เล็กมีสายธงหลากสีพันจากยอดสัปประฑลลงมาพันล้อมรอบฉัตรอีกชั้นหนึ่ง ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ก็นำกลุ่มด้ายสายธ์ไปวางไว้บนพานหน้าโต๊ะบูชาที่จะต้องนำเครื่องสังเวยมาวางในวันรุ่งขึ้น
โต๊ะสังเวยนี้วางไว้ตรงหน้าโบสถ์ พร้อมสั่งห้ามมิให้ใครๆไปไปยุ่งเกี่ยว หันไปทางกำนันว่า
ให้ช่วยจัดคนที่นำมาเฝ้าไว้ด้วย เสมือนท่านจะรู้ว่าพวกกรรมการจะเกรงกลัวอะไรสักอย่างหนึ่ง
กำนันและพวกกรรมการสงสัยพลันถามว่า???....หลวงพ่อไม่ให้เจ้าพวกเด็กๆมันเฝ้าอีกหรือครับ
หลวงพ่อตอบว่า......คราวนี้ท่านบอกว่าไม่ต้องแล้วล่ะ ด้วยพวกเด็กๆพวกนั้นจะไปช่วยดูแล
ทางอื่นๆต่อไป ให้ช่วยหาคนมาเฝ้าทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยนะ
ครับหลวงพ่อ....กำนันรับคำพลางหันไปสั่งแก่ผู้ช่วยอาจให้ไปบอกพวกหนุ่มๆ
ที่ฝึกวิชาการต่อสู้มาคอยช่วยเฝ้าของดังกล่าวด้วย
ผู้ใหญ่อาจก็รับคำพลางเดินหายไปเพื่อบอกแก่บรรดาลูกบ้านตามคำสี่งกำนันทันที
เมื่อหลวงพ่อตรวจตราทั้งนอกและในเห็นว่าถูกต้องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ก็เดินออกจากอาณาเขตโบสถ์เพื่อไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านที่กำลังทำงานกัน บางพวกต่างก็
สร้างสถานที่ใช้ในการเลี้ยงอาหารแก่ผู้มาช่วยงานบางพวกก็เริ่มทำโรงลิเกซึ่งตั้งอยู่ปากประตู
ส่วนจอหนังนั้นท่านบอกว่าให้ไปสร้างใกล้ๆกับกำแพงกั้นแถวป่าช้าไว้
เล่นเอากำนันและพวกต่างหันหน้ามามองหน้ากันแต่ไม่ได้กล่าวอะไร
เพียงแต่ต่างคนต่างคิดในใจเท่านั้น เมื่อหลวงพ่อท่านคอยจนกว่าพวกญาติโยม
ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ขอตัวญาติโยมกลับกุฎีท่านทันที คงปล่อยให้
พวกชาวบ้านทำงานกันต่อไป บรรดาชาวบ้านต่างยกมือไหว้หลวงพ่อด้วยกันทุกๆคน
แล้วหันหน้าไปทำงานต่อเพื่อให้เสร็จทันพรุ่งนี้ การแบ่งหน้าที่นั้นเป็นไปอย่างเรียบร้อย
จนกระทั่งตกเย็นนั่นแหละชาวบ้านถึงเสร็จและก็จะเดินทางกลับบ้าน
ก่อนจะกลับบ้านได้ยินเสียงกำนันประกาศให้มาลงชื่อไว้ทุกๆคนเพื่อจะได้แจกจ่ายวัตถุมงคล
เมื่อชาวบ้านที่มาช่วยงานพากันลงชื่อแล้วถึงได้กลับบ้าน และพ่อกำนันก็บอกว่า
ขอให้พวกลงชื่อไว้หากยังตกหล่นให้มาลงชื่อไว้ด้วยนะในวันรุ่งขึ้น
ก่อนพิธีหลังจากนั้นก็จะปิดรับการลงชื่อ ชาวบ้านบอกว่าบางคนที่ทำอาหารอยู่ที่บ้านก็มี
กำนันบอกว่าทราบแล้วขอให้มาลงชื่อเมื่อนำของมาให้ก็แล้วกัน นั่นแหละจึงหมดหน้าที่
เหลือแต่พวกชายฉกรรจ์ที่ต่างมาควบคุมของ อันที่จริงแล้วส่วนใหญ่เป็น
พวกตำรวจนอกเครื่องแบบเกือบทั้งสิ้นที่มาเฝ้าเข้ามาแอบแฝงตัวไว้
จะมีชาวบ้านอาสาสมัครที่ต่างล้วนแต่การฝึกฝนก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
บรรดาอาวุธต่างๆ พวกเขาเก็บซ่อนไว้ไม่ห่างไกลนักหากมีปัญหาจะได้เอามาใช้ทันท่วงที
ครั้นเช้าวันอาทิตย์หลังจากพระฉันท์อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วต่างก็พากันลงมาในโบสถ์
ทุกรูปไม่รวมหลวงพ่อก็มีประมาณหกรูปเท่านั้นเอง ส่วนพ่อเชียรแม่เข็มและชายหนุ่มนั้น
ก็แต่งกายชุดสีขาวต่างมีสไบสีขาวพาดไหล่นั่งคอยหลวงพ่ออยู่จนฉันท์เสร็จเมื่อรับพรแล้ว
ก็เข้ามายังหน้าห้องกุฎีหลวงพ่อ
พลันหลวงพ่อก็บอกว่าให้เข้าไปในโบสถ์ได้แล้ว อ้อแม่นางอัปสรอาตมาก็เตรียมไว้ให้
ช่วยปลุกเสกของด้วยแล้วนะโยม หลวงพ่อเอ่ยขึ้น แล้วหันหน้าไปทางนางอัปสรงานนี้ช่วยด้วย
นะโยม จะได้สร้างบุญกุศลเพิ่มขึ้นอีก แม่นางอัปสรทั้งสองก็ก้มลงกราบหลวงพ่อ เอ่ยรับคำ
ที่จริงนางอัปสรทั้งสองต่างนั่งอยู่ข้างหลังพวกพระรูปอื่นๆมองไม่เห็นหรอก
มีแต่เพียงหลวงพ่อเห็นรูปเดียวเท่านั้น
ครั้นแล้วทั้งหมดก็เดินตามหลวงพ่อเข้าไปในโบสถ์ หลวงพ่อพลางเดินออกจากโบสถ์มา
ตรวจสอบเครื่องสังเวยเทพยดา ครั้นเห็นครบถ้วน ก็ยืนหลับตาภาวนาอัญเชิญเหล่าเทพยดา
ทั้งสิบหกชั้นฟ้าสิบฟ้าชั้นดิน ขอจงมาเสวยสิ่งของที่นำมาถวายไว้นี้ ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นทิพย์
ยาหารก็ตาม ขอเพียงน้อมรับไว้และขอความกรุณาช่วย ปลุกเสกเครื่องรางของขลังเพื่อนำ
ไปแจกจ่าย ใช้เงินมาบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนต่อไปด้วย
ทันใดนั้นทั้งๆที่กลางวันแสงแดดจ้าพระอาทิตย์ก็เริ่มทรงกลด อากาศก็เริ่มกำลังสบาย
ความร้อนที่เคยร้อนมากก็หายไปดั่งปลิดทิ้ง ดูแลครึ้มๆไปทั่วกลับร่มเย็นสายลมพัดเอื่อย
ทำให้บรรดาญาติโยมหลากหลายท้องทีพากันแปลกใจไปตามๆกัน อากาศที่เคยร้อนรุ่ม
กลับชุ่มชื้นขึ้นอย่างกระทันหัน แต่แปลกใจแก่ชาวบ้านที่มากมายทั้งนั่งพนมมือในรอบนอก
โบสถ์และล้นออกไปจากขอบขัณฑสีมาก็ยังมี ชาวบ้านทั้งชายหญิงแปลกหน้าและชาวบ้าน
โคกอีแร้งต่างๆมากัน เรียกว่าลานวัดล้นหลาม
แม้แต่นอกรั้วเขตวัดก็ยังมีคนอีกจำนวนมากมาย รถบัสที่มาจากกรุงเทพฯมีจำนวนหลายๆคัน
และยังมีรถเก๋งอีกมากมายจอดเรียงรายกันไปทั่วมากมายยิ่งนัก ทันใดนั้นท้องฟ้าที่มีแดดกลับมี
เสียงฟ้าคำรามสายฟ้าพาดส่งแสงแวบวับไปๆมาๆไปทั่วบริเวณภายในวัด เมื่อหลวงพ่อมองยัง
บนท้องฟ้า แล้วก็รีบเดินเข้าไปในโบสถ์ทันที ท่านได้จัดแจงนำม้วนสายสินธ์ในพานมาแจกจ่าย
ให้แก่ผู้ที่จะมาปลุกเสกครบถ้วน
และแล้วหลวงพ่อหลวงพ่อซึ่งเป็นประธานก็ลุกขึ้นจากอาสนะเมื่อได้เวลาฤกษ์งามยาดี
ที่ท่านกำหนดไว้เดินไปจุดเทียนชัยมหาฤกษ์ พลันเทียนสีขาวก็ลุกโชติช่วงสว่างไสวไปทั่ว
บรรดา พระที่นั่งยังอาสนะโต๊ะเป็นทางยาวริมผนังก็เริ่มเจริญบูชาพระพุทธมนต์ทันที
หลวงพ่อครั้นเดินกลับขึ้นมานั่งซึ่งมีโต๊ะเตี้ยๆวางไว้เบื้องหน้าปูด้วยอาสนะรองรับไว้ ส่วนพ่อเชียร
แม่เข็มและชายหนุ่มก็นั่งขนาบข้างโต๊ะที่เป็นที่นั่งของหลวงพ่อ ถัดไปรอบๆข้างประรำพิธีทั้งสอง
นางอัปสรทั้งสองก็นั่งข้างละหนึ่งนาง ทุกๆคนถือกลุ่มด้ายสายสินธ์คอยหลวงพ่อเริ่มพิธี
เมื่อพระสวดมนต์จบ หลวงพ่อก็บอกผู้ที่ทำการปลุกเสกเริ่มทำการปลุกเสกได้แล้ว
บรรดาพวกที่หลวงพ่อให้ทำการปลุกเสก ต่างก็เข้าสมาธิทั้งหมด รวมทั้งพระที่นั่งเรียงราย
บนโต๊ะยาวนั้นด้วยการปลุกเสกผ่านไปนับเป็นชั่วโมง ครั้นต่างปลุกเสกเวทย์มนต์คาถา
อาคมกันครบถ้วนแล้ว ก็พลันลืมตาขึ้น ส่วนหลวงพ่อชายหนุ่มกับพ่อเชียรพลางเพ่งกระแสจิต
ด้วยอำนาจพลังกสิณไปยังกล่องวัตถุมงคลทั้งหมด
ทันใดนั้นพระต่างๆในกล่องก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์เสียงดังขลุกๆขลักๆไปทุกกล่องแล้วพลันลอยขึ้น
บนท้องฟ้าทันที กล่องใส่วัตถุมงคลต่างหมุนเป็นวงกลมทุกๆกล่อง ทำเอาพวกญาติโยมที่นั่งมองดู
ทางประตูโบสถ์ต่างพากันร่ำร้องเซ็งแซ่ด้วยความปลาบปลื้มใจในอิทธิฤทธิ์ของวัตถุมงคลนั้น สักครู่
หนึ่งกล่องนั้นก็ลอยกลับลงมายังที่เดิม พ่อเชียรและชายหนุ่มต่างก็หยุดเข้าฌานกสิณทันที
บัดดลท้องฟ้าก็โปรยน้ำฝนพร่างพรมบรรดาญาติโยมทั้งหลายที่บ้างก็นั่งพับเพียบพนมมือ บ้างก็ยืน
ทั้งในวัดและนอกวัด น้ำฝนพร่างพรูพรมไปทั่วๆทุกๆคน เสียงร้องในป่าช้าก้องกังวานไปทั่วบริเวณ
ทุกๆคนต่างได้ยินกันทุกๆคน เสียงนั้นพากันร้อง สาธุอนุโมทนามิๆๆๆๆๆ ทำเอาญาติโยมที่ไม่ใช่
ชาวโคกอีแร้งซึ่งทางกำนันบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว ต่างพากันตกอกตกใจไปทั่วต่างเหลียวซ้ายแลขวา
กัน เสียงนั้นดังกังวานกันเป็นระยะเวลาเนิ่นนาน
ส่วนพระที่นั่งบนโต๊ะม้ายาวก็ สวดคาถาพระไตรปิฎก คาถาชินบัญชร คาถากรณียสูตร
ชัยมังคลใหญ่เล็ก พระปริตต่างๆ แล้วสวดชยันโตสามรอบ หลวงพ่อก็ลุกขึ้นยืนก้าวลงจากอาสนะ
นำน้ำพุทธมนต์ที่ทำขึ้นในระหว่างปลุกเสก มาพรมยังบรรดากล่องใส่พระเครื่องและลูกอมทั้งหลาย
ครั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อก็เดินไปทำพิธีดับเทียนชัย ก็เป็นการเสร็จพิธีการปลุกเสกเครื่อง
รางของขลัง
ภายในป่าช้าก็มีเสียงดังกึกก้องกังวานเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็พากันหายเงียบไป ฝนที่พร่าง
พรมก็หาย อากาศก็เริ่มกลับเข้าสู่ปกติเหมือนเดิม ครั้นแล้วหลวงพ่อก็เรียกกำนันมาบอกว่าให้เริ่มประกาศ
แก่ญาติโยมให้กลับบ้านได้ แล้วมาพบกันอีกในวันสงกรานต์ที่จะมาถึงอีกสองวันขอให้มาร่วมกันทำบุญ
กำนันและกรรมการทั้งหลายก็ช่วยกันประกาศทางไมโครโฟนว่า หากใครหิวให้ไปทานอาหารได้คืนนี้
จะมีมหรสพฉลองใครจะอยู่ดูมหรสพก็ได้ เป็นการฉลองพิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลังแต่ยังจะไม่แจกจ่าย
จนกว่าจะถึงวันสงกรานต์ในอีกสองวันข้างหน้า ขอให้มาร่วมทำบุญก็จะได้รับพระแจกกันทุกๆคนตามแต่
ศรัทธามิกำหนดว่าจะทำบุญเท่าไหร่
ทำเอาบรรดาพวกที่มาจากในเมืองและชาวกรุงเทพฯต่างผิดหวังไปตามๆกันนึกว่าหากเสร็จพิธีแล้วจะได้
มีการแจกเครื่องรางของขลังกัน แต่ด้วยความมหัศจรรย์ที่บังเกิดก็ระงับอารมณ์หงุดหงิดลงแทบทั้งสิ้น พวก
ที่มาจากกรุงเทพฯต่างก็พากันเข้าเมืองไปเช่าหาที่พักคอยอีกสองวันก็จะมาใหม่ ส่วนมหรสพนั้นก็มีเพียง
ชาวบ้านเท่านั้นที่คอยดู พวกในเมืองต่างก็พากันเข้าไปเก็บด้ายสายสินธ์ที่ใช้ในทำพิธีกันไว้ติดตัวไปทุกๆคน
หลวงพ่อท่านก็ไม่ห้าม จนเกิดชุลมุลขึ้น หลวงพ่อจึงต้องออกไมโครโฟนว่านี่เป็นงานบุญขอให้อย่าได้
แย่งกัน ใครได้มากก็แบ่งๆกัน แม้สายสินธ์นี้ก็ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วให้ทุกๆคนสังเกตุด้ายสายสินธ์ว่าสีแปลก
ประหลาดหรือไม่ หากยังเกิดแย่งกันอีกหลวงพ่อก็จะไม่อนุญาตแล้วล่ะ
ขอให้กรรมการวัดช่วยเก็บด้ายสายสินธ์ให้หมดแล้วตัดไปแยกเป็นสินน้ำใจแก่ทุกๆคนด้วย ดังนั้นจึงไม่มี
การแก่งแย่งกันขึ้น เมื่อเหตุเป็นเช่นนี้
ต่างก็เลิกชุลมุนพวกกรรมการต้องไปนำด้ายสายสินธ์เอามาเก็บไว้แล้วตัดแจกให้แก่กันคนละเส้นจนครบ
กันถ้วนหน้า สายสินธ์แทบจะไม่มีเหลือเลย แม้แต่พวกกรรมการก็ยังไม่มีใครได้ไว้สักเส้น และยังไม่เพียงพอ
ในการแจกจ่าย แต่ชาวบ้านโคกอีแร้งก็มีน้ำใจ แต่ตัดแบ่งให้หมู่บ้านอื่นและพวกทางในเมืองและกรุงเทพฯที่
ไม่ได้รับ แล้วกล่าวว่าขอให้มาช่วยงานในวันสงกรานต์ด้วยนะ
บรรดาหมู่บ้านอื่นและในเมืองตลอดคนในกรุงเทพฯ ครั้นเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มีหรือจะไม่คอยและกลับมา
อีก ทุกๆคนก็เริ่มเชื่อแล้วว่าหลวงพ่อทองนั้นมีเวทย์มนต์คาถาอาคมแรงกล้ามาก ตลอดพิธีในการปลุกเสกก็ไม่
มีพระเกจิอาจารย์อื่นใดเลย นอกจากพระและฆราวาสเท่านั้นไม่กี่คน แต่ของนั้นกลับแสดงอิทธิฤทธิ์ได้อย่าง
น่ามหัศจรรย์ยิ่งนัก ท้องฟ้าทั้งๆที่ไม่มีเมฆสักนิดเดียวกลับมีฝนพร่างพรายพรมมาได้อย่างแปลกประหลาดใจ
ก็บังเกิดศรัทธายังนัก พระอาทิตย์หรือทั้งๆที่สว่างไสวใยถึงทรงกลดได้อีกซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้แต่ก็เป็น
ไปแล้ว ส่วนนอกบริเวณที่คนมาดูการทำพิธีปลุกเสกนั้นกลับสว่างจ้าร้อนแรง แต่ในบริเวณที่คนอยู่กลับร่มรื่นปราศจากความร้อน
ฉนั้นมีหรือจะรีบกลับ ถึงอย่างไรก็ขออยู่รอรับของในวันสงกรานต์ก่อน บางหมู่บ้านที่ไกลๆถึงไม่ยอมกลับ
หมู่บ้านตน ใครมีลูกหลานก็รีบกลับไปบอกเล่าให้ฟังและให้มาร่วมในงานสงกรานต์ เพื่อรับของวิเศษมงคล
เหล่านี้ บรรดาแม่ค้าบางรายก็ไม่ยอมกลับก็มีต่างก็ให้คนไปซื้อนำของมาช่วยในระหว่างรอคอยวันสงกรานต์
ฉะนั้นในสามสี่วันนี้จึงมีอาหารเลี้ยงตลอดถึงแม้จะไม่มีงานอะไรทำ ส่วนกลางคืนพวกฉายหนังกับ
พวกลิเกนั้น เมื่อมาก่อนและเห็นปฏิหาริย์ในการปลุกเสกนี้ ต่างก็ไม่ยอมกลับพากันแสดงต่อจนกว่างาน
สงกรานต์จะเลิก และไม่ยอมรับเงินต่ออีกเลย ต่างแสดงกันให้ดูฟรีๆอาหารการกินก็ไม่อัตคัด ด้วยมีโรงทานที่ชาวบ้านบางหมู่บ้านต่างให้เด็กไปนำพืชพันธุ์ธัญญาหารหรือซื้อมาเพิ่มมิให้ขาดด้วย ต่างแสดงความรักใคร่สามัคคีกันกับชาวบ้านโคกอีกแร้งทั้งสิ้น และต่างช่วยกันทำคอยเลี้ยงคนมากินอาหารตลอดเวลา จึงมีอาหาร
คอยเลี้ยงตลอดเวลา จวบจนงานสงกรานต์มาถึง................
* แก้วประเสริฐ. *