28 มีนาคม 2549 14:28 น.

เพียงเฝ้ารอคอย

แก้วประเสริฐ


                     เพียงเฝ้ารอคอย

         คืนวันที่ผ่านพ้นไป....แล้ว...อนิจจา
   ยามเพ็ญเดือนหงายพราวพร่าง
แสงสว่างกระจ่างกลางท้องเวหาส
นวลเย็นจันทร์สาดส่องเจิดจ้างามตายิ่งนัก
หมู่เมฆที่ลอยละล่องอย่างเชื่องช้าไป...ไร้พรมแดน
ท่ามกลางอากาศที่เยือกเย็นสบาย...เงียบ... 
แผ่วเสียงใบไม้พัดเป็นครั้งคราว....
ราวเป็นเพื่อนเรายามอยู่คนเดียว
กลิ่นดอกไม้อบอวลโชยมาเป็นระยะๆ  เย้ายวนนัก
     หวนนึกถึงคำพูด คำหนึ่งที่หวานซึ้งกินใจยิ่งนัก
เพื่อเธอ....ฉันจะกลับมา
หากเธอ...ไม่เปลี่ยนใจไปเสียก่อน
     แน่นอน  แม้จะเป็นเพียงคำพูดเล็กๆน้อยๆก็ตาม
เราก็เฝ้ารอคอย...ยังคงรอคอยๆ
 ภายใต้แสงจันทร์อันเจิดจ้า คราที่เราสอง
เคยชี้ชวนชมจันทร์ สนุกสนานต่อเรื่องสัพพะต่างๆนาๆ
เรายังเคยสัพพะหยอกว่า... 
นี่เธอ ...ที่รักฉัน
อย่าให้เราต้องเป็นดังกระต่ายน้อยหมายจันทร์นะ
ต่างคนมองหน้ากันและกัน แล้วก็พากันหัวร่อครื้นเครง...
ใครจะรู้ล่ะว่า...
ถึงแม้จะเป็นแค่คำพูดที่เพียงหยอกเย้ากันเล่น
 โดยไม่คิดอะไรมากไปกว่านี้ก็ตาม...แต่แน่ล่ะ 
คำพูดเหล่านี้...จะเกิดขึ้นได้ในวันข้างหน้า...  
หากรู้แน่นอน คงจะไม่เกิดคำพูดเหล่านี้ขึ้นโดยเด็ดขาด..............

          ค่ำคืนแห่งดาวหลายหลากพากันส่องแสงแพรวพราว
ระยิบระยับ...บ้างกระพริบ...บ้างพราวตา
บ้างทอแสงสลัวๆเฉยๆ..ท่ามกลางฟ้าที่มืดมิด
โดยปราศจากหมู่เมฆ...แต่ก็สร้างเน้นแสงน้อยๆเหล่านี้
กระจ่าง สดใส  สวยสดดุจเธอที่จากไป...อีกแบบหนึ่ง
เป็นทัศนีย์ภาพที่งดงามตายิ่งนัก
ในรูปมุมมองอีกวาระแห่งรัตติกาล
          เรากอดอกเฝ้าดู...แสงเหล่านั้น
อดรำพึงอดีตที่ผ่านแว่วเสียงกระซิบน้อยๆ
พร้อมเหม่อมองดวงดาวน้อยๆเหล่านี้...แม้ในบางครั้ง
สายลมยังคงโชยพัดกลิ่นหอมอ่อนๆเข้ามา
 อากาศยังเยือกเย็นสบายๆ
แต่ทว่า...ภายในใจเราเล่า...ใครรู้.........
ยังคงเฝ้ากระวนกระวาย ร้อนรุ่มสุมอยู่ภายใน
คิดถึงเขาผู้จากไป... คล้ายดวงดาวในโพ้นนภา
ที่ห่างไกลยากที่จะไขว่คว้า กลับมาอีกวาระหนึ่ง....  
แต่...แต่..ยังคงเฝ้าชะแง้แลหาไม่มีแม้แต่เงา....
คล้ายดวงดาวไกลโพ้น มองลับสุดสายตา
มืดมิดปราศจากแสงพอที่จะทำให้ชุ่มชื่นแก่หัวใจได้เลย
        เสียงเปาะแปะๆยังแว่วสะท้อนมาพอได้ยิน 
ทั้งความเยือกเย็นหลายหลากที่แผ่นซ่านเข้ามา
กาลเวลา...ยังคงเส้นคงวาเสมอ
แต่ใยเธอเล่า....จะเปรียบเช่นกาลเวลาก็หาไม่..
น้ำค้าง...ก็คงทำหน้าที่ตามปกติเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นกาลฤดูใดก็ตาม  ยังคงหยาดมา
สายลม...จะหยุดบ้างในบ้างครั้งแต่ก็ทำหน้าที่คงเส้นคงวา
หมู่เมฆก็สนองรับกับลมที่โชยพัดตลอดให้ลอยล่อง...
       อนิจจา...ป่านฉะนี้เธอจะคิดถึงเราบ้างไหมหนอ?
เสมือนเราที่คิดถึงเธอ...ยังเฝ้ารอคอยเธอหวนกลับคืนมา
ไม่มีวันเปลี่ยนแปร...รุมเร้าซ่อนเสน่ห์ไว้ภายใน
ทั้งๆที่มีหลายสิ่งหลายอย่างรุมเร้าใจเราอยู่ตลอดเวลา
เพื่อรอวันเปลี่ยนแปลงของเรา...ช่วงกาลนั้น.....
แต่ด้วยหัวใจรักที่มั่นคง   หนักแน่นตลอดช่วงที่เราคบหากัน
ทำให้ใจเรามั่นต่อเธอเสมอ ทั้งๆที่รู้ว่าอนาคตหาได้มีแก่ใจเราไม่
ดุจสิ่งของที่เปาะบางเปรียบประหนึ่งใยแก้วแวววับ
ที่พร้อมจะแตกลงก็ตามที แต่...แต่..ก็เชื่อเธอมั่นเธอเสมอ
เชื่อๆ...ในคำพูด ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ถ้อยคำพูดนั้นก็ตามที...
     ดึกแล้วหนอ  จริงซิ...ดึกมากแล้ว
แมลงและยุงเล็กๆที่ไขว่คว้าหาอาหารจากกายเรา
จะสร้างความรำคาญให้เราบ้าง แต่ก็หาใช่สาเหตุนี้
ความมุ่งมั่น ความรอคอย ความรัดรึง ยังผูกพัน
สิ่งนั้นยังคงคอย ดุจประกายดาวที่ไร้แสง
แต่ใจเรานี้ซิยังคงเจิดแจ่มจ้าในห้วงลึกของเรา
ที่รักจ๋า....ฉันเพลียแล้ว อ่อนล้าแล้ว รำพึงสู่ห้วงใจ
นอนทอดกายใต้ร่มไม้....ภายใต้ผ้าผืนน้อยรองรับ
แต่นัยน์ตายังคงจับจ้องมองดวงดาว...
คอยดาวน้อยเมื่อไหร่หนอจะลอยลงมา
คอยเสน่หาจะหวนกลับคืน  ภายใต้คืนแห่งเงียบเหงา
เปล่าเปลี่ยววังเวง....ลึกๆลงไปคล้ายสู่ห้วงแห่งนิทรา
แต่ทว่า....ใจกลับห่วงหาอาวรณ์วอนต่อสิ่งภายนอก
บอกถึงใจแห่งเราว่า.... ที่รักจ๋า...เราเฝ้ารอคอยเธอเสมอนะ
ผ่านไปแล้ว...หลับไปแล้วหรือ... แต่ที่แผ่วในห้วงภวังค์ที่ยัง
รั้งหลงเหลือไว้ในประกายแห่งการเฝ้ารอคอย...
...เพื่อเธอ...เพื่อเธอ...อันเป็นสุดที่รักยิ่งของเรานะ...ที่รัก.

                    ***   แก้วประเสริฐ.   ***

				
20 มีนาคม 2549 15:24 น.

ต้นรักหักโศก

แก้วประเสริฐ


                                                 ต้นรักหักโศก

               ภาพกระแสน้ำไหลละลิ่วเป็นระลอก
 บางครั้งกระฉอกเป็นละอองฝอยๆ
กระทบแสงตะวันเป็นภาพเงารุ้งตะวันเล็กๆจับนัยน์ตายิ่ง
          คลื่นน้อยใหญ่กำลังวิ่งแข่งกันเพื่อค้นหาชัยชนะเข้าสู่ฝั่ง
ชายหาดที่ทอดยาว
ตามแนวไม้ สนบ้าง มะพร้าวบ้าง เว้าเป็นครึ่งวงกลมลับสู่ทิวเขา
อันยาวเหยียดที่นอนทอดสายตา มองภาพต่างๆ มีบ้าง
 กำลังสนุกสนาน ร่าเริง  และบางคน
ซึมเศร้า
          ต้นไม้เล็กๆข้างกายกำลังออกดอกเบ่งบานสะพรั่ง
สีม่วงอมขาว
 ขึ้นอยู่ภายใต้เงาฉัตรของต้นสน
ที่ใบร่วงทับถมจมพื้นเรี่ยราดรอบๆขอบต้น
 บ้างแขวนบนกิ่งใบต้นไม้นั้น ขาดคนเอาใจใส่ดูแล
เปรียบประดุจไม้ริมทาง
          ฉันนั่งมองพิจารณาบนเสื่อผืนน้อยที่ทั้งเก่าและขาดเป็นรูพรุนๆ
 แต่ก็พออาศัยได้บ้าง ภายใต้เงาต้นสน
ที่รู้สึกว่าพอที่จะบังแดดได้  ซึ่งดีกว่าบางต้นที่มองดูโกร๋นไปเสียเกือบหมด
           นี่หรือต้นรัก....
ที่คนเรามักประจักษ์ค้นหาไขว่คว้ามาสู่ตัว
โดยปราศจากความหยั่งคิดถึงความหมายของมัน 
ที่สร้างทั้งความชุ่มชื่นแก่จิตใจ จะมีบ้างที่สร้างความไหวหวั่น
  ปวดร้าว จนถึงที่สุดท้ายแห่งชีวิต
           แต่ใยเล่า..รักนี้ใช่จะเลวร้ายไปทั้งหมดก็หาไม
่  เพียงแต่ว่าผู้ที่ได้มาแล้วรู้จัก
 อดกลั่น อดออมถนอมเฝ้ารักษา 
 เพื่อให้มันเบ่งบานซาบซ่านในหัวใจมิรู้วาย
 ก็จะทำให้ผู้นั้นพบแต่ความสดชื่นตลอดกาลนานมิรู้เบื่อ
           อนิจจา...ผู้ที่ได้มาแล้วกลับทิ้งขว้างหาสนใจใยดีว่า
 รักนี่จะเศร้าโศกสักปานใดก็ตาม
 ดุจประหนึ่งดั่งต้นรักที่มองอยู่ฉะนี้หรือ
            โอ้จริงนะ...
บางครั้งผู้ที่เฝ้าถนอมรักษาทั้งกายและใจ
ยังถูกรักทอดทิ้งจนต้องเดียวดายบ้าง 
หรือว่ารักมันจะประชดชีวิตของมัน
 จึงได้กลั่นแกล้งผู้คนเสียนะ
             ฉันนั่งคิดๆๆๆๆ......มองๆๆๆๆ....แล้ว
พิจารณาท่ามกลางสายลมที่เฉื่อยฉิวอ่อน
ที่พัดจากท้องทะเลเข้าสู่ฝั่ง  จนเกิดเป็นจินตนาการแทรกซ้อน
ย้อนอดีตที่ผ่านมาจากความฟุ้งซ่าน...
พลุ่งพล่านใต้จิตสำนึกย้อนสู่ปัจจุบัน
              หลับตาลงพร้อมสูดลมหายใจลึกๆ
 เพื่อลำดับเหตุการณ์ระบายสู่ธรรมชาติอันเงียบสงบ ที่มีแต่เราผู้เดียวนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ ใบสนที่ร่วงลงมากระทบศีรษะและร่างกายบ้าง
แต่หาทำความรำราญใดไม่.....
               อุ้ม...เด็กสาวน่าตาพอไปได้ นัยน์ตากลมโต ผิวสองสี 
 ลักยิ้มข้างแก้มทั้งสอง สร้างประกายเสน่ห์ยาม
เจ้าหล่อนเผยอยิ้ม   ดูเหมือนจะสร้างรอยประทับฝังลงรากไว้ภายใน
ยามสบตาแลยิ่งกว่าเรือนร่างผอมเล็กๆและ
นุ่งผ้าถุงเก่าๆเสียอีก  แต่ทว่านิสัยร่าเริงสนุกสนานประกอบรอยยิ้มเป็นอาจินต
์ที่ลบความบกพร่องของเครื่องแต่งกายลงไปเสียสิ้น
                ฉันและหล่อนเป็นเพื่อนวิ่งเล่นกันมาแต่เด็กๆ
ต่างสนุกสนาน เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน มีของเล่น
ขนมอะไรเราแบ่งปันกันกิน เราอาบน้ำด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ความประทับใจนี้ฝังลึกลงสู่ห้วงดวงใจทั้งสอง
ตลอดจนถึงสัญญาของเด็กๆที่มีต่อกันจวบจน.........
                 วันคืนหมุนเปลี่ยนผันแปรไปตามกาลเวลา
 ความเจริญรุ่งเรือง ความศรีวิไลย่างกรายเข้าสู่ถิ่นที่อยู่ 
มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน 
 จากเด็ก ย่างเข้าสู่วันรุ่น ความเป็นหนุ่มแฝงเข้าสู่ร่างกาย
 แต่การติดต่อก็ยังไปมาหาสู่ผูกกันอยู่เสมอ
ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เราเข้าใจแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงบ้างก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน
                  อุ้มให้สัญญาพี่จ๊ะ จะรักพี่ไปจนวันตาย
นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากของหญิงสาว
ก่อนที่หล่อนจะหายไปจากถิ่นที่อย
ู่ สร้างประทับรอยฝังลึกสู่ห้วงใจของฉันตลอดมา 
                  จากคำบอกของเพื่อนบ้านทำให้รู้ว่า  ครอบครัวของอุ้มได้ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ
แต่บ้านยังไม่ได้ขายให้ใคร เพราะคงจะกลับมาอีกเพียงแต่เหลือที่และบ้านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
  หรือว่าคงจะเป็นอนุสรณ์เก็บไว้หรือยากหาคำตอบ
                  แต่แล้ว....หล่อนก็กลับมาจริงๆ  มาพักอาศัยบ้านหลังเดิม
    ความลิงโลดดีใจผุดขึ้นมาอย่าง
กะทันหันฉันรีบไปเยี่ยมเยียนทันที  
นำของเล็กๆน้อยเท่าที่พอจะหาได้ไปฝาก
                  อุ้มๆๆ...พี่มาเยี่ยมแล้ว...
แต่แล้วคำพูดที่จะกล่าวต่อก็ชะงักงัน มันจุกอยู่แค่ลำคอ 
 ตะลึงงุนงง
เมื่อเห็นสภาพร่างกายของหล่อน  
ใช่มันผิดแผกเสียจริงๆ  ผิดแผกเสียมากมาย
 อุ้มไม่เหมือนเดิม หล่อนนอน
อยู่แต่ตรงส่วนกลางซิ มันใหญ่โตมโหฬาร 
                   อุ้มกำลังจะเป็นแม่เด็ก    
หล่อนทอดสายตาหันมามองน้ำตาคลอเบ้า  
พี่...พี่...เสียงสั่นเครือคือคำตอบ
อ้าว...แล้วอุ้มมาคนเดียวหรือไม่เห็นมีใครมาบ้างเลย    
ฉันยิงคำถามต่อ ทั้งๆที่หัวใจสั่นระริกตลอดเวลา
จ๊ะพี่.......หล่อนตอบรับ
แล้วพ่อเด็กล่ะ... ทำไมไม่มาด้วยหือ
ไม่มีใครสนใจอุ้ม...  อุ้มหนีมาคนเดียวจ๊ะ
 คิดว่าจะมาพบพี่... เพราะไม่มีใครเข้าใจอุ้มได้ดีกว่าพี่ และจะฝากลูกไว้กับพี่ช่วยเลี้ยงดู ...พี่คงไม่ว่าและรังเกียจนะ...
อุ้มไม่มีใครจริง...
มีแต่พี่เท่านั้นที่จะช่วยเหลืออุ้มได้....
ฉันๆๆ....พูดได้แค่นั้นแล้วทรุดกายลงนั่งข้างๆ 
 เอ้าว..นี่ของฝาก
พี่รับปากกับอุ้มซิจ๊ะ........หล่อนร้องไห้
หากพ่อเขามาตามมาทวงล่ะ อุ้มจะให้พี่ทำอย่างไรล่ะ.....
รับปากทั้งที่ในส่วนลึกสับสนวุ่นวายคำถามมากมาย
ฉันๆ...จะทำให้ถูกต้องตามกฏหมาย  ไม่มีปัญหากับพี่หรอก
  เอ๊ะ..แต่พี่มีเมียแล้วหรือเปล่าล่ะ ...หล่อนยิงคำถามย้อนกลับมา    ฉันงงรีบตอบทันที
เปล่า...ฉันตอบสั้นๆ  
ใครล่ะจะมาสนใจพี่  พี่นะคอยอุ้มคนเดียวจริงๆน๊ะ
หล่อนมองหน้า...และเผยยิ้ม...อุ้ม...ยังมีรอยยิ้มสวยเหมือนเดิม ทำให้ฉันยิ่งใจอ่อนงวยงงยิ่งขึ้น
น๊ะๆๆๆพี่   ช่วยอุ้มหน่อยอุ้มจะอยู่กับพี่จ๊ะ   ....  เจ้าหล่อนพูด
                      สายลม  แสงแดด  ทะเล 
ก็คงเหมือนเดิมแต่กาลเวลาไม่เหมือนเดิม
 วันคืนผ่านไป 
เราสองต่างอยู่อย่างมีความสุข 
อุ้มเหมือนเดิม
  เหมือนๆกับก่อนที่จะจากไป
เพียงแต่ว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่านั้น
    ฉันวนเวียน
มาเยี่ยมและรับเลี้ยงดูหล่อนและลูก  ซึ่งเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ
                      สิ่งที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่งคือ
 ฉันยังเป็นโสด แต่มีลูกเป็นเด็กผู้หญิง
ที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
  จนชาวบ้านต่างนำเอาไปนินทาเป็นที่สนุกปากกันเซ็งแซ
่  แต่ช่างเถอะอานุภาพแห่งความรัก
 ที่ฉันมีต่ออุ้มมันลึกซึ้งยิ่งนัก  ฉันอยู่คนเดียวหาเลี้ยงชีวิตคนเดียวไม่มีใครเหลียวแล
จึงคิดว่าหากเพิ่มภาระตรงนี้อีกสักนิดคงไม่เป็นไร 
กับการที่ได้ช่วยเหลือคนที่เรารัก ที่ผูกพันกันมาอย่างยาวนาน 
นานเสียจนบางครั้งลืมความเป็นตัวของตัวเอง 
 จะสนใจสิ่งใดๆอีกไปทำไมเล่า  ฉันคิด
ที่สำคัญ .... ฉันเกิดรักเด็กน้อยตัวนิดๆนี้เสียด้วย
 เหมือนกับเราเคยสร้างบุญร่วมกันมามิปาน
 จนเป็นแก้วตาดวงใจฉัน...
ฉันเรียกเด็กหญิงแสนรักนี้ว่า....อ้อย... 
 อ้อยเป็นเด็กน่ารักรู้จักเอาใจใส่พ่อแม่ดี 
ไม่ดื้อ ไม่ซน พูดจาฉะฉาน
 ประจบเอาใจ จนฉันหลงใหล
จนคิดว่านี่คือลูกฉันจริงๆ
                      และแล้วความแน่นอนคือความไม่แม่นอนก็เกิดขึ้น
  อุ้มหายไปอีกแล้วพร้อมทิ้งจดหมายและเด็กๆน้อยไว้
้
                     ข้อความจดหมายเขียนว่า พี่...อุ้มกราบขอโทษที่ไม่ได้พูดกับพี่ด้วยตัวอุ้มเอง เพราะทำใจไม่ได้
แต่ภาระสำคัญยังมีที่ต้องกระทำอีกข้างหน้า
  หากไม่ตายเราคงจะพบกันอีกฝากลูกด้วย
  อ้อ...ขอบอกกับพี่ว่า
อุ้มรักพี่บูชาพี่คนเดียว 
 คนอื่นๆเพียงสิ่งผ่านเข้ามาในชีวิตอุ้มเท่านั้น
 ส่วนใจอุ้มนี้มอบให้พี่คนเดียวเสมอจ๊ะ
รักพี่มากด้วยความจริงใจเสมอ
........รัก......อุ้ม

                     เสียงคลื่นซัดชายหาดยังแว่วๆมา 
 แม้บางครั้งจะเงียบหายไป 
แต่ก็กลับมาอีก แต่ทว่าบัดนี้สิ่งเก่าๆ
กลับมาสร้างจินตนาการในห้วงใจฉัน
 เรียกร้องอยู่อย่างมั่นคงสม่ำเสมอ
ไม่มีวันจางหาย
                     พ่อ ๆ ๆ ๆ ๆ....
นั่งทำอะไรอยู่หรือเห็นยิ้มมองต้นไม้คนเดียว
เป็นเสียงของเด็กหญิงค่อนข้างจะเป็นสาว
 กำลังเขย่าหัวไหล่
 พร้อมทั้งซบหน้าลงบนไหล่และกอดรัดอยู่
พร้อมกับหัวเราะคิกๆ
          เปล่า...เปล่าหรอก...ปดลูกไว้
       พ่อกำลังมองดูต้นไม้และคิดว่าทำไมจึงมาอยู่โดดเด่นต้นเดียวจ๊ะ
  อ้าว...แล้วไม่ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนหรือ
นี่ก็เกือบค่ำๆแล้วนะ จะได้ไปทานข้าวกัน 
 รีบหาทางออกที่จะถูกลูกสอบถามสาเหตุมากกว่านี้
       ไม่หรอกพ่อ   หนูเห็นพ่อหายไปออกค้นหา
  นึกแล้วเชียวว่าพ่อจะต้องมานั่งที่นี่คนเดียวอีกเหมือนเคย
จะเอาเสื่อใหม่มาเปลี่ยนให้
 พ่อก็ไม่ยอมบอกเสื่อเก่าๆนี่แหละดีแล้ว 
ไม่ต้องกลัวหาย เก่าก็เก่า
        อดไม่ได้ที่ต้องมองจ้องเสื่ออีกครั้ง
  ใช่แล้วมันเป็นเสื่อเก่าๆที่ฉันเคยนั่งเล่นกับอุ้มเสมอมา
ยามที่เรามานั่งคุยกัน
 มองน้ำทะเล ดูนกที่กำลังบินหากิน และฟังเสียงใบสนที่ยามต้องลม
 บางครั้งหล่อนนอนหนุนตักกันและกัน
 เราคอยพัดวีให้ มันเป็นอดีตที่ล่วงลับไป
 และยากที่จะหวนกลับมาอีกแล้ว
คงมีแต่เสื่อนี่แหละที่ยังทำให้อดีตเก่าถูกรื้อฟื้นขึ้นอีกครา

         ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมจูงมือเด็กสาว  เย็นมากแล้ว
 โน่นพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า
 เดี๋ยวก็จะมืดเสียก่อน
อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง ต้นรัก
ที่อยู่ใกล้ๆกับเสื่อผืนเก่าที่แฝงอดีตไว้ 
ถูกม้วนพิงกับต้นสนรอกาลเวลาต่อไป

        แต่ทว่าใช่แล้วต้นรักได้ก่อกำเนิดขึ้นแล้ว 
ก่อกำเนิดในร่างเด็กสาวอยู่เคียงข้างฉันนี่จะไม่มีวันโรยลาไป
จากใจฉัน 
เหมือนต้นรักเก่าที่ฝังรากลึกในห้วงจิตวิญญาณฉัน
 ที่ฉันหักความเศร้าโศกลงแล้ว
  ยามเมื่อเกิดต้นรักใหม่ก่อเกิดเคียงคู่ 
ต้นหนึ่งหักโศก 
อีกต้นพ้นวิปโยคโฉลกลงไว้ในห้วงฉันตลอดนิรันดร์กาล
อ้อย....คือต้นรักพันธุ์ใหม
่ที่ได้ทั้งกายจิตวิญญาณฉันไปหมดสิ้น 
ใช่แล้ว....อ้อย..ลูกรักของพ่อ.

                                                          ***  แก้วประเสริฐ.   ***
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ