อทิสมานกาย ๕๔ ข่าวการจับกุมพ่อค้าไม้รายใหญ่ได้ของกลางเป็นจำนวนมาก พร้อมด้วย อาวุธร้ายแรงที่ไม่มีการใช้ในประเทศอีกจำนวนมากมาย ครั้นได้ถูกเผยแพร่ พร้อมภาพในระหว่างการจับกุม ตลอดการสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้น ผู้ใหญ่และรองผู้กำกับที่รักษาการณ์แทนนั้น ทำให้เกิดการไหวตัวของบรรดา พ่อค้าทั้งหลาย ที่ดำเนินการได้มีการขนย้ายสิ่งของดังกล่าว แต่หาได้พ้นจาก สายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปไม่ จึงมีการจับกุมขึ้นอีกครั้งหนึ่งในกรุงเทพฯ และบรรดาโรงเลื่อยต่างรอบเขต กรุงเทพฯทันที ทำให้บรรดาโรงเลื่อยต่างที่ร่วมมือกับพวกการค้าทุจริตนี้ต่าง ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของโรงเลื่อยมาดำเนินคดีในการรับของโจรด้วยความ รู้เห็นเป็นใจให้ความร่วมมืออีกด้วย ตลอดจนทำลายความมั่นคงแห่งชาติและ เศรษฐกิจควบคู่กันไป ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่แพร่สะพัดไปทั่วๆทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ทำให้ โรงเลื่อยต่างๆทั้งในกรุงเทพและโรงเลื่อยในต่างจังหวัดต่างรีบจัดการด่วนเกี่ยว กับบรรดาไม้ที่ผิดกฏหมายเหล่านี้ และยิ่งมีข่าวใหญ่เกิดขึ้นอีกระลอกวงการ ค้าไม้สั่นสะเทือนไปทั่ว เมื่อเสี่ยเล้งเจ้าพ่อแห่งวงการค้าไม้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวมาสอบปากคำ และถูกตั้งข้อหา รู้เห็นเป็นใจในการค้าลักลอบตัดไม้ทำลายป่าตลอดจนนำไม้ จากต่างประเทศเข้ามา ตอนแรกเสี่ยเล้งให้การปฏิเสธแต่ก็จำนนด้วยหลักฐาน ที่ตำรวจนำมามอบให้ดู ตลอดจนการสืบสวนสอบสวนจากผู้ที่จับกุมได้เป็นคน นอกประเทศให้การซัดทอดว่า ผู้บงการใหญ่คือเสี่ยเล้งที่สั่งซื้อสินค้าเหล่านี้ ด้วยหลักฐานดังกล่าวนี่เองทำให้เสี่ยเล้งถูกจับกุมตัวและยื่นขอประกันตัว ชั่วคราว จากทนายความประจำตัว แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มันฉลาดให้ลูกน้องคนสนิทที่มาเยี่ยมไปติดต่อกับผู้ใหญ่ในเบื้องสูงในและ นอกวงการตำรวจนี้ ทราบในการที่เสี่ยเล้งถูกจับกุมในครั้งนี้ ให้หาทางช่วยเหลือตลอดจนพรรคการเมืองใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุน ในเรื่องการเงินจากมันจำนวนมากอีกด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงนักเกี่ยวกับการทำลายเศรษฐกิจ ตลอดจน ความมั่นคงของชาติ ทำให้วงการตำรวจไม่สามารถจะอนุมัติให้ประกันตัวไปได้ เมื่อมันถูกส่งนำไปฝากขังยังศาลตามระเบียบนั้น ทางตำรวจก็ขอความกรุณาต่อ ศาลว่าบุคคลนี้เป็นตัวการที่สำคัญ หากได้รับการประกันตัวไปก็จะทำให้เกิดการ หนีออกนอกประเทศไปหรือไม่จะใช้อิทธิพลทางการค้าบั่นทอนพลิกรูปคดีไปได้ เมื่อศาลพิจารณาคำขอร้องของตำรวจดังกล่าวจึงไม่ยอมอนุมัติให้ประกันตัว ดังนั้นตัวเสี่ยเล้งจึงถูกนำตัวไปฝากขังยังเรือนจำกลาง เพื่อรอคำพิพากษาต่อไป ด้วยหากกักตัวไว้ที่ศาลอาจจะเกิดการชิงตัวขึ้นได้ด้วย เนื่องจากผู้ควบคุมดูแลกำลังพล ไม่มากพอที่จะขัดขวาง พิจารณาแล้ว หากหนีไปได้ก็จะเกิดความวุ่นวานอีกด้วย เสี่ยเล้งเป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวางนัก อาจก่อเกิดการพลิกรูปคดีตามคำให้พิจารณา ขอร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บรรดาพรรคพวกที่กำลังวิ่งเต้นเรื่องเกี่ยวกับมัน ไปยังผู้หลักผู้ใหญ่และตลอดจนนักการเมืองแล้วก็ได้รับคำยืนยันว่าจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถจะทำการช่วยเหลือได้ เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงยิ่งนัก ด้วยขอหาเป็นพิษภัยต่อความมั่นคงของชาติตลอดจนทำลายเศรษฐกิจภายในอีก และทรงไว้ซึ่งอิทธิพลครอบงำไปทั่วประเทศ เกี่ยวกับงานทุจริตนี้ไม่ใช่แค่เรื่องไม้ เท่านั้น ยังมีแนวโน้มเกี่ยวกับการค้ายาเสพย์ติดตลอดจนวงการพนันพ่วงเข้าไปอีก คดีหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจสืบทราบมาจากการจับกุมการค้ายาเสพย์ติดตลอดจนผู้ร่วมวงการ ทั้งหมด ที่กำลังถูกดำเนินคดีอยู่นั้นอีกต่างหาก ต่างให้การซัดทอดนี้ถูกบันทึกไว้ เรียบร้อยแล้วถึงบุคคลสำคัญต่างๆ ที่ยังไม่ได้เข้าทำการจับกุมด้วยหลักฐานยังไม่ เพียงพอต่อการควบคุมตัวไว้ได้ ทางตำรวจได้ส่งหลักฐานต่างๆให้หัวหน้าผู้พิพากษาทราบในทางลับไว้ก่อนแล้ว ทำให้หัวหน้าผู้พิพากษาที่ได้รับการร้องขอจากหัวหน้ารัฐบาลช่วยกรุณาดูแลเป็น พิเศษอีกทางหนึ่งนั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของศาลจึงเป็นเหตุที่หัวหน้าผู้พิพากษาต้อง ลงมายุ่งเกี่ยวดัวยทันที พร้อมสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ทุกๆนายให้ปฏิบัติให้ความยุติธรรม ทั้งผู้เป็นโจทย์และจำเลย อย่าได้เอนเอียงไปข้างหนึ่งข้างใดโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะต้องถูกพิจารณาโทษทางวินัยต่อไป เรื่องเหล่านี้ให้ส่งรายงานเสนอให้ ทราบทุกๆขั้นตอนอีก เพื่อท่านหัวหน้าผู้พิพากษาจะได้พิจารณารูปคดีนี้ด้วย ตนเองถึงการพิพากษาว่าเหมาะสมอย่างใดหรือไม่ หากทราบว่ามีการเอนเอียงในรูป คดีเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเหมือนกันพร้อมรับโทษวินัยสูงสุด ทั้งหน้าฝ่ายอัยการก็เร่งรัดเกี่ยวกับคดีนี้เป็นพิเศษ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรูปคดีโดย ด่วนเป็นพิเศษในการเรียบเรียงคดีให้เป็นขั้นตอน อย่าได้เอนเอียงไม่ว่ากรณีย์ใดๆ ก็ตาม หากตรวจพบจะต้องถูกดำเนินคดีและต้องโทษทางวินัยอย่างขั้นสูงสุดทันที เนื่องจากทางหัวหน้าอัยการสูงสุดได้รับหนังสือขอร้องมาจากหัวหน้าฝ่ายรัฐบาล ก่อนแล้ว พร้อมด้วยหลักฐานอื่นๆก่อนจะส่งสำนวนที่แท้จริงมามอบให้อีกชั้นหนึ่ง เหตุดังกล่าวนี้ทำให้ผู้ที่มีแนวโน้มจะช่วยเหลือต้องพากันหยุดชะงักไปตามๆกัน มิอาจจะเข้าไปก้าวก่ายในรูปคดีนี้ได้อีก ถึงแม้ว่าจะมีอำนาจอยู่ในมือก็ตาม แต่กฏหมายนั้นหากนำมาใช้อย่างเคร่งครัดแล้ว ย่อมยากจะหนีพ้นในข้อหา ให้ความร่วมมือช่วยเหลืออีก แต่เหตุการณ์คำสั่งเหล่านี้ ก็ยังเล็ดรอดไป ถึงผู้ทำการทุจริตได้อีกต่างงุนงงสงสัยด้วยทำไมถึงมีเหตุการณ์อย่างนี้ซึ่ง ไม่เหมือนเดิม ที่พวกมันทำการค้าแบบนี้มาเลย ทุกอย่างสะดวกทั้งสิ้น ตัวใหญ่หน่อยก็รีบหาหนทางออกนอกประเทศทันที ด้วยการสั่งการ ผ่านมาภายหลัง การทำทุจริตก็หยุดชะงักไปกันแทบหมดสิ้น เกิดโกลาหลทั่วๆไป รอจนกว่าเหตุการณ์นี้จะเข้ารูปรอยเดิม คอยจังหวะในการเปลี่ยนแปลง อีกในโอกาสหน้าที่อำนวยความสะดวกได้เหมือนเก่า เหตุการณ์ดังกล่าวสั่นสะเทือนไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด ตลอดจนนายอำเภอทุกแห่งไปทั่ว ต่างหนาวๆร้อนๆกันไปตามๆกัน ยิ่งอำเภอใดที่ปล่อยปละละเลยแล้ว เมื่อมีกำนัน ผู้ช่วยกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต่างล้มตายกันไปหลายๆตำบลหมู่บ้าน เข้าร่วมมือในครั้งนี้อีก ซึ่งทำให้ ต้องมีการคัดเลือกแต่งตั้งกำนันใหม่อีก ทำให้เสียรายได้ของแผ่นดินไปมากมาย ต่างวิ่งเต้นสอบถามกันไปๆมาๆ สิ่งที่ได้รับคือการสั่นหน้าไปตามๆกัน ด้านเสี่ยเม้งครั้นทราบจากหนังสือพิมพ์ทุกๆฉบับเกี่ยวกับการถูกจับกุม ของเสี่ยเล้งนายใหญ่ทางกรุงเทพฯและทราบว่าเสี่ยหว่างได้สิ้นชีวิตไป กับงานนี้ตลอดจนบรรดากำนันและผู้ช่วยกำนันด้วย แล้วถึงกับเต้นผาง มันจึงเรียกประชุมลูกน้องระดับใหญ่ๆของพวกมันทันที “เฮ้ยๆๆๆ....ไอ้เซี้ยะ ไอ้มุ้ย ไอ้เช้ง และไอ้สุย มึงรีบนำกำลังไป ทำการขนย้ายสิ่งของ ไปเก็บซ่อนไว้หากจวนก็ให้ทำลายทิ้งเสียให้หมด อย่าให้มีหลักฐานโยงมาถึงกู มึงรีบไปให้ลูกน้องมึงจัดการโดยเร็ว พร้อมกำชับพวกมันด้วยอย่าให้มีการซัดทอดจนมาถึงกูได้โดยเด็ดขาด บอกมันด้วยว่าหากมีการซัดทอดมาถึงกู บรรดาครอบครัวมันจะต้องได้รับ ความเดือดร้อนจากกูแน่นอนว๊ะ แล้วส่งข่าวมาบอกกับกูนะ” “เฮีย???....แล้วจะขนย้ายได้อย่างไรตอนนี้ตำรวจมันแพร่ไปทั่วจังหวัด อยู่แล้วนา ข้าว่าให้ทำลายของเสียให้หมดก็แล้วกันมิดีหรือเฮีย???....” ไอ้เช้งเอ่ยขึ้น ด้วยมันเห็นว่าระยะนี้หากมีการขนย้ายถูกจับกุมได้อีกจะยุ่งใหญ่ “จริงเฮีย??...ตอนนี้หน้าสิ่วหน้าขวานด้วย หากกระโตกกระตากขึ้น พวกมันย่อมรู้ได้ข้าเองก็คิดเหมือนกับไอ้เช้ง” ไอ้สุยกล่าว “แต่ข้าว่าให้แยกกันไปคนละเล็กละน้อย ทะยอยกันไป อาจจะเล็ดรอด หูตาตำรวจก็ได้นา ด้วยวิธีกองทัพมด หรือเฮียจะว่าอย่างไรล่ะ???.....” ไอ้เซี้ยะแนะนำ “ แต่ข้าว่าก็เห็นชอบกับไอ้เซี้ยะเหมือนกัน ด้วยของที่เราควบคุมไว้ ได้มาก็ยากราคาหรือตอนนี้กำลังสูงขึ้นอีกมาก แล้วบรรดาพวกติดยาล่ะเฮีย เมื่อมันไม่มียาก็จะยุ่งยากบางทีมันจะซัดทอดกันเป็นต่อๆถึงเราก็ได้นะเฮีย??..... ไอ้มุ้ย แสดงความคิดเห็นบ้าง คราวนี้เล่นเอาเสี่ยเม้งกุมขมับหันไปยกเหล้าเพรียวๆขึ้นดื่มจนหมดแก้วทันที มันยังปลงไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก ด้วยเสียดายของก็เสียดาย ด้วยตอนนี้ ของที่ชั้นหนึ่งนั้นมันอยู่ในครอบครองไว้ก็มาก ซ้ำยังควบคุมอยู่ในจังหวัดนี้ และข้างเคียงจังหวัดอื่นๆอีกหลายทางควบคลุมพื้นที่ไว้ก็มาก ส่วนทางด้านอื่นๆนั้นสายมันแจ้งว่าส่วนใหญ่ถูกจับกุมไว้เกือบทั้งสิ้น “กูคิดไม่ตกโว้ย???!!!!.....ไอ้ห่าเสียดายก็เสียดาย แล้วระยะนี้ มันถูกทำลายกันไปเสียส่วนมากแล้วตามสายกูรายงานมา เฮ้ยๆๆ???.... กูจะทำอย่างใดดี???... พวกมึงพูดก็ถูกของมึงทั้งหมด จนกูงงตัดสินใจ ไม่ถูกเหมือนกันโว้ย!!!!.....” เสี่ยเม้งรำพึงรำพัน ทั้งสี่อันเป็นหัวหน้าใหญ่ที่จำหน่ายและเก็บของไว้มาก ต่างก็หันไป ถกเถียงกันในเรื่องนี้ การประชุมนี้อยู่ในร้านอาหารชั้นดี แต่เป็นห้อง ส่วนตัวที่เสี่ยเม้งสร้างขึ้นไว้เป็นสถานที่เก็บเสียงได้อีกด้วย มันสร้างเป็นห้องลับเพื่อใช้ในการปรึกษาด้านธุระกิจด้านนี้เท่านั้นเอง “ก่อนไอ้หว่างจะตาย กูเองก็บอกมันแล้วเหมือนกันว่า เหตุการณ์มัน ไม่น่าไว้วางใจนักแต่มันไม่เชื่อกู ด้วยกูได้รับจากสายวงในมาว่าให้ ระวังตัวไว้ ไอ้จ่าเจียมหรือมันก็ถูกย้ายไปด้วยมันกว้างขวางทั้งจังหวัด และด้านทางกรุงเทพฯ มีพรรคพวกมากมายเสียดายว๊ะ หากมันอยู่ก็ยังช่วยพวกเราได้บ้าง???.... นี่ดีนะกูแค่ให้ความร่วมมือ กับมันแค่เล็กๆน้อยๆเท่านั้นเองมิได้ให้พวกมึงออกหน้าไป ใช้แต่ลิ่วล้อแทน ด้วยรู้นิสัยพวกมึงว่าเป็นคนอย่างไรใจก็ร้อนเวลาเจ็บแล้วลืมตัวไปหมด” เสี่ยเม้งกล่าวกับพวกมันทั้งหมด พร้อมลุกขึ้นเดินไปเดินมา เหล่าหัวหน้าลิ่วล้อมันต่างไม่กล้ากล่าวอะไร ด้วยมันเองก็รู้นิสัยใจคอเช่นเดียวกัน ว่าเสี่ยเม้งนั้นมันไม่ค่อยจะเชื่อใครๆ มันระแวงไปหมด มันเชื่อแต่ตัวมันเท่านั้น ที่ทนรับใช้มันก็ด้วยว่าเงินมันดี จะหาที่อื่นอีกไม่ได้แล้วและมันก็ดำเนินงานด้านนี้เพียงด้านเดียวเท่านั้น “เฮียรีบๆคิดๆเถอะเวลาไม่คอยเราแล้วนะเฮีย???...” ไอ้เซี้ยะ กล่าวเร่งมัน พร้อมทั้งหันไปมองคนทั้งสามเพื่อขอความคิดเห็นเพิ่มเติมทันที “เฮียสั่งมาคำเดียวเท่านั้น ข้าจะให้คนของข้าจัดการทันที” ไอ้สุยเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็เหมือนกัน เพียงรอคำสั่งจากเฮียเท่านั้น???...” ไอ้เช้งกับไอ้มุ้ยกล่าว พลางหันไปมองหน้าเสี่ยเม้ง “มึงทำตามไอ้เซี้ยะ ก็ดีเหมือนกัน กองทัพมด ที่ทางภาคใต้มัน ขนของเถื่อนมันก็ใช้กองทัพมดและได้ผลดีเสียด้วย ผิดพลาดก็น้อย แต่ต้องใช้กำลังคนมากเท่านั้น กูคิดว่าไม่เป็นปัญหาพวกมีงทำได้ ให้มึงไปหาคนมาให้พร้อมแล้วต่างทะยอยกันดำเนินการได้ แต่สิ่งสำคัญหากคนใดปากมากก็เก็บมันเสีย อย่าปล่อยไว้มิฉะนั้นพวกมึง กับกูก็พลอยฉิบหายไปด้วยกัน” เสี่ยเม้งเอ่ยขึ้น พร้อมวางแผนการให้ทำ แล้วนำกระดาษมาขีดเขียนแผนทางการ ขนย้ายสิ่งของเหล่านี้ให้พวกมันดูและเก็บเอาไว้ด้วย ซึ่งแผนการณ์นี้มีไม่ มากนัก เพียงแค่แผนที่ไม่ยุ่งยาก มันคิดด้วยเชื่อมือลูกน้องทั้งสี่คนด้วย เสี่ยเม้งก็สั่งการทันที ด้วยมันคิดว่าหากหนีพ้นก็ยิ่งดี หากหนีไม่พ้น ก็ยังมีของเหลือกลับมาบ้าง ดีกว่าจะทำลายไปมันวางแผนในใจแล้ว ตลอดจนทางหนีทีไล่ไว้อีกแล้วกล่าวขึ้นอีกว่า “พวกมึงทั้งสี่รีบไปจัดการได้แล้วโว้ย???..ให้เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี ให้ กระจายกำลังกันไป ส่วนกำลังพลคัดเลือกเอาที่ไว้ใจได้ เปย์มันให้งามๆ หน่อยแต่ว่าทุกๆคนที่นำไปให้นำไปเพียงส่วนน้อยแค่กิโลเดียวก็พอทั้งขู่ พวกมันด้วยว่า หากของไม่ได้รับครบมันและครอบครัวมันตายรูปเดียวโว้ย” “ ถ้าแบบนี้ก็ดีเฮีย???...เสียหายหน่อยก็ยังมีของเหลือบ้างดีกว่าทำลาย ไปทั้งหมด จะไม่ได้อะไรมาอีกเลยล่ะ” มันทั้งสี่เอ่ยขึ้นพร้อมๆกัน “ แล้วพวกมึงให้จัดคนคอยติดตามการทำงานพวกมันด้วย อย่าให้พวกมัน คลาดสายตาไปได้ เรียกว่าประกบกันตัวต่อตัวกันเลยหรือแล้วแต่มึงจะเห็น สมควรในการลงมือก็แล้วกัน หากพวกขนคิดตุกติกหรืออาจจะยักยอกสิ่งของ ก็ให้คนที่คอยดูแลอยู่เก็บมันไปเลย แล้วฝังหลบซ่อนไว้ด้วย หนึ่งกิโลนะโว้ย คิดเป็นมูลค่าก็เหยียบๆแสนหรือกว่าเชียวล่ะ!!!..... เรื่องนี้สำคัญมากๆมึงควรจะลงไปตรวจสอบด้วยตัวเองด้วยนามึงนา ไม่ใช่ว่ามึงแค่สั่งงานเท่านั้น แล้วคอยฟังผลงานจากลูกน้องของมึง มึงต้องคอยติดตามตรวจสอบพวกมันอีกด้วย เงินเสียเท่าไหร่บอกกูมา กูจ่ายให้ไม่อั้นสำหรับเรื่องนี้”เสี่ยเม้งกล่าวแก่พวกมันทันที พลางลุกขึ้นจากที่ประชุม แล้วหันไปทางพวกมันกล่าวขึ้นอีกว่า “กูคิดว่างานนี้แม้ตำรวจมันจะรู้แต่กำลังพลมันไม่เพียงพอหรอกในการจัดการ กับกองทัพมดได้หมดหรอกว๊ะ เอาล่ะๆๆๆ...พวกมึงกินกันตามสบายในนี้ ก็แล้วกัน กูจะออกไปข้างนอกเพื่อประสานงานกับสายของกูอีกด้วยว่ามันเป็น อย่างไรในขณะนี้” มันหันมาสั่งกำชับแล้วเดินออกไปพร้อมบอดี้การ์ดสี่นาย หลังจากที่เสี่ยเม้งเดินออกไปแล้ว ทั้งสี่ก็ยังนั่งดื่มกินอยู่ข้างๆมันตอนนี้มี บรรดาสาวๆเข้ามาประกบกันคนละนาง ต่างก็ช่วยรินเหล้าบ้าง ป้อนอาหารบ้าง ทำให้บรรดาสี่คนนี้กระหยิ่มยิ้มย่อง ไอ้เซียะก็เอ่ยขึ้น “พวกมึงไม่ต้องกล่าวเรื่องงานในนี้นะโว้ย...หน้าต่างมีรูประตูมีตาว๊ะ” “ไม่หรอกไอ้เซี้ยะ กูก็กลัวเหมือนกันแหละให้เงียบๆไว้แล้วค่อยดำเนินการ เรื่องหาคนนั้นไม่ยากหรอก ไอ้พวกติดยามันบางคนก็มีฝีมืออยู่บ้างสำคัญก็ระวัง ไว้ตอนที่มันนำขนจะยักยอกเอาไว้สูบกันเท่านั้น” ไอ้มุ้ยแสดงความคิดเห็น “เรื่องนี้กูรู้อยู่แล้วล่ะ เดี๋ยวหลังจากแดกเหล้ากันแล้วก็ไปเบิกเงินจากเสี่ยมา เพื่อไปใช้จ่ายในการโยกย้ายและหาคนมาเพิ่มเติม” ไอ้เช้งกล่าว “เออ???....กูก็เห็นชอบกับมึงด้วยว๊ะ ไอ้เช้ง แยกทางกันนะโว้ยแล้วหากใคร เป็นอะไรไป อย่าเสือกกระตู้ฮู้ให้ตำรวจมันเสียล่ะ เพื่อนก็เพื่อนแหละว๊ะกูจะไม่ ปล่อยเอาไว้หรอกทั้งครอบครัวพวกมึงกันด้วย” ทั้งสามกล่าวพร้อมๆกันเหมือน พวกมันจะเดาใจกันได้ “ งานนี้ไม่เสี่ยงอะไรมากนักหรอก กูคิดว่าเงินมันมากกว่าคงจะเปรมๆกันไป ตามๆกันแหละว๊ะ จริงไหมไอ้เซี้ยะ????” ไอ้สุยเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้ก็จริงแหละโว้ยมึงคิดว่าง่าย ไอ้ห่าราก!!!???... ไม่รู้เป็นอย่างไรกูชัก สังหรณ์ใจตะหงิดๆชอบกลอยู่นา ” ไอ้เซี้ยะรำพึงรำพันให้พวกมันฟัง “ถุ้ยๆๆๆ...ไอ้เหี้ยแค่นี้มึงก็ปอดแหกแดกเสียแล้ว ทุกๆงานที่ผ่านมามึงมัก จะนำพรรคพวกออกหน้าอยู่เสมอนี้หว่า จริงไหม ไอ้สุย ไอ้เช้ง ???...” ไอ้มุ้ยกล่าวแล้วหัวร่อลั่น “มึงอย่าพึ่งหัวร่อที่มึงพูดก็จริงของมึงแหละว๊ะ แต่ไอ้เซียะมันพูดก็ถูกของมัน รับฟังมันไว้บ้างก็ดี พวกเราก็ผ่านงานกันมาด้วยกันมากแล้ว ไอ้เซียะเป็นคน อย่างไรพวกเราก็รู้กันอยู่ ฟังมันสักหน่อยไม่เสียหายอะไรนี่นา” ไอ้เช้งเอ่ย “เอาล่ะพอๆๆหยุดพูดได้แล้วนี่มีอีนางพวกนี้อยู่ด้วยเดี๋ยวมันจะสงสัยกันว๊ะ เลิกๆๆๆพูดกัน มานั่งหาความสุขกันเถอะว๊ะ ” ไอ้มุ้ยเอ่ยเตือน ดังนั้นพวกมันจึงพากันหยุดพูด ต่างก็ล้วงกอดบรรดาสาวๆทั้งหลายของใคร ของมัน พร้อมทั้งดื่มกิน ด้วยต่างกระหยิ่มยิ้มย่องต่องานนี้ ซึ่งจะต้องหาวิธีการ ดำเนินต่อไปในวันพรุ่งนี้............... * แก้วประเสริฐ. *
* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๔ * ยาห้ามเลือดออก ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา ใบแห้วหมู (มากน้อยตามต้องการ) นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับ น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) หรือผสมกับ ปูนแดงกินกับหมาก (พอสมควร) ก็ได้ ใช้พอกที่บาดแผลให้ทั่ว เลือดจะหยุดไหลทันที มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ (พระอธิการไพโรจน์ ปวฑฺฒโน วัดโพธิ์เกรียบ อ.โพธิ์ทอง อ่างทอง) ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา น้ำตาลทรายขาว ๑ หัวกระเทียม ๑ ปูนแดง (ปูนแดงกินกับหมาก) ๑ ใบพลูสด ๑ ผักบุ้งไทย ๑ ตัวยาทั้ง ๕ ชนิดนี้เอาอย่าง ละพอสมควร นำมาตำผสมกันให้ละเอียด ผสมกับน้ำมันมะพร้าว ใช้พอกที่ บาดแผลเลือดจะหยุดไหลทันที มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ (พระมหาศรีเวียง โชติปาโล สุพรรณบุรี) ขนานที่ ๓ ท่านให้เอา กะเม็งสดทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) นำมาล้างน้ำ ให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับ น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้ทาที่บาดแผล เลือดจะหยุดไหลทันทีและใช้เป็นยารักษา บาดแผลได้ดีอีกด้วย มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูสงวน จิตปุณโญ วัดไลย์ อ.ท่าวุ้ง ลพบุรี) ขนานที่ ๔ ท่านให้เอา ไม้รวก นำมาเผาไฟให้ไหม้แล้ว นำไปแช่ในน้ำข้าว (ที่รินออกมาจากหม้อหุงข้าว) แล้วยกขึ้น เอาถ่านไม้รวกนั้นลดให้ละเอียด ผสมกับ พิมเสน พอสมควร ละลายกับ น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) หรือละลายกับ สุรา ใช้ทาบริเวณที่เป็นบาดแผล เลือดจะหยุดไหลทันที มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ขนานที่ ๕ ท่านให้เอา ใบหมาหลง นำมาล้างน้ำให้สะอาด ขยี้ผสมกับปูนแดง(ปูนแดงกินกับหมาก) ใช้พอกที่บาแผล เลือดจะหยุดไหลทันที มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ (เพิ่มพร ลักษณะสูด บางละมุง ชลบุรี (หมอชาวบ้าน)) ขนานที่ ๖ ท่านให้เอาหัวหอมแดง (หัวหอมใส่แกง) จำนวนมากน้อยตามต้องการ นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับ เหล้า ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณ ทำให้เลือดจะหยุดไหลทันที เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้วฯ (พระครูวิธานปริยัติธรรม วัดโบสถ์ราษฎร์ศรัทธา อ.โพธิ์ทอง อ่างทอง) ยาแก้โรคอาเจียน ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา เปลือกส้มโอ ๑ หัวจุกหอม ๑ หัวจุกกระเทียม ๑ หัวตระไคร้ ๑ รากแพงพวย ๑ มะคำไก่ ๑ ตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้เอา อย่างละเท่าๆกัน นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยารับประทาน มีสรรพคุณ แก้โรคอาเจียนได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ พระอธิการวรกิจ ธมฺมธโช วัดราษฎร์บำรุง อ.หันคา ชัยนาท) ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา น้ำผึ้งแท้ กับ ดีงูเหลือม ผสมกัน ประมาณน้ำยา ๑ ถ้วยชา ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคอาเจียนให้หยุดทันที เคยใช้รักษาได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูเกษมโสภณ วัดปิยาราม อ.ยะหริ่ง ปัตตานี) ขนานที่ ๓ ท่านให้เอา ลูกยอดิบ ๑ ผล นำมาเผาไฟไหม้เกรียมแล้วนำลงแช่ ในน้ำที่ต้มสุกแล้ว ชั่วเวลาครู่หนึ่ง แล้วรินน้ำยาให้ผู้ป่วยรับประทาน บ่อยๆ อาการอาเจียนจะหายไปแลฯ (เพิ่มพร ลักษณะสูด บางละมุง ชลบุรี (หมอชาวบ้าน)) ขนานที่ ๔ ท่านให้เอา ดีปลี ๑ พริกไทยดำ ๑ ว่านน้ำ ๑ จิงแห้ง ๑ หัวแห้วหมู ๑ เปราะหอม ๑ แฝกหอม ๑ ตัวยาทั้ง ๗ อย่างนี้เอาหนักอย่างละเท่าๆกัน น้ำมาใส่ หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยารับประทาน ครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรคอาเจียนที่เกิดจากโรคลมกล้าให้หายไปได้อย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วฯ (พระครูวรวุฒิชัย วัดไชยภูมิ อ.ไชโย อ่างทอง) ขนานที่ ๕ ท่านให้เอา ต้นบรเพ็ด นำมาเผาไฟให้ไหม้ แล้วนำไปแช่น้ำต้มสุกแล้ว ใช้น้ำยาให้ผุ้ป่วยรับประทาน ครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณ แก้โรคอาเจียนได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ขนานที่ ๖ ท่านให้เอา รากผักหวาน ๑ หัวตะไคร้ ๑ หัวว่านน้ำ ๑ แก่นไม้จันทร์ขาว ๑ แก่นไม้จันทร์แดง ๑ ตัวยาทั้ง ๕ อย่างนี้ นำมาฝนกับหินลับมีด ผสมกับน้ำสะอาด ให้มีน้ำยาประมาณ ๑ ถ้วยแกง แล้วใส่ข้าวสารเจ้า ๑ หยิบมือ ผสม น้ำยารับประทานและ ใช้น้ำยาลูบหน้าและชโลมศีรษะ มีสรรพคุณแก้โรคอาเจียน ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูสุวรรณคณาภิรักษ์ วัดบุญเกิด อ.ดอกคำใต้ พะเยา) ยาโรคอาเจียนเป็นเลือด ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา เทียนดำ ๑ หยิบมือ พริกไทยร่อน ๗ เม็ด พญาลิ้นงูเห่า ๑ กำมือ ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ นำมาตำผสมกันแล้ว ผสมกับน้ำต้มสุก คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว โรคอาเจียน จะพลันหายไป มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา ฝางเสน หนัก ๕ ตำลึง เลือดแรด หนัก ๑ บาท หัวหอมแดง (หัวหอมใส่แกง) ๕ หัว ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำ ๓ ส่วน เคี่ยวให้เหลือน้ำ ๑ ส่วน ใช้น้ำยา รับประทาน เมื่อยังไม่หยุดอาเจียน ห้ามรับประทานน้ำเย็นเด็ดขาด เมื่อหยุดอาเจียนแล้ว จึงจะรับประทานน้ำเย็นได้ ตามปกติ มีสรรพคุณแก้โรคอาเจียนเป็นเลือดได้ผลดีอย่างชะวัดนักแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ขนานที่ ๓ ท่านให้เอา เถาบรเพ็ด น้ำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก คั้นเอาน้ำ ๑ ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้งแท้ ๑ ช้อนโต๊ะ กวนให้เข้ากันดีแล้ว ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้โรคอาเจียนเป็นเลือดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ขนานที่ ๔ ท่านให้เอาต้นมะเกลือสด ๑ กำมือ นำมาตำให้แหลก ผสมกับ น้ำซาวข้าว คั้นเอาน้ำยาประมาณ ๑ แก้วกาแฟ ใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว มีสรรพคุณแก้โรคอาเจียนเป็นเลือดสดๆ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูวิบูลย์กิตติวัฒน์ วัดวิมลโภคาราม อ.สามชุก สุพรรณบุรี) ขนานที่ ๕ ท่านให้เอา รากต้นกำจาย ๑ รากต้นมะเฟือง ๑อ้อยดำ ๑ รากต้น เขื่องโทน (มีลักษณะเป็นเถาคล้ายต้นมันเสา มีหนามอ่อนๆใบคล้ายต้นหนอน ตายอยาก) ๑ หัวยาข้าวเย็นเหนือ ๑ หัวยาข้าวเย็นใต้ ๑ เอาตัวยาทั้ง ๖ อย่างนี้ เอาหนักอย่างละเท่าๆกัน นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยารับประทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา เวลาเช้า-กลางวัน-เย็น วันละ ๓ เวลา มีสรรพคุณแก้อาเจียนเป็นเลือดสดๆ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูนิพัทธบุญญากร วัดท่าเดื่อ ลพบุรี) เอาละครับเอาเท่านี้ก่อนนะครับ ยังมีอีกแยะในการรักษาโรคต่างๆ แต่สังเกตุคนไม่ค่อยจะสนใจเท่าใดนัก คงเห็นว่าโบราณ เนื่องจากสมัยใหม่นี้ มีแพทย์ปัจจุบันมากมาย อีกประการหนึ่งนั้นชื่อของตัวยานั้นคนสมัยนี้จะ ไม่รู้จักเป็นส่วนมาก แม้ผมเองบางอย่างก็ไม่รู้จักครับ ยาเหล่านี้ดีเหมาะสำหรับ บุคคลที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดาร ห่างไกลจากหมอปัจจุบัน ใช้ประทังไปก่อน ก็ดีครับ ปะเหมาะหายขาด แต่บอกก่อนว่ายาสมุนไพรเรานั้นต้องใช้เวลาเสีย เป็นส่วนมากในการใช้รักษาภายใน แต่เวลาหายนั้นจะหายขาดทันที ไม่หวน กลับคืนมาอีก ซึ่งไม่เหมือนหมอปัจจุบันยังฟื้นคืนชีพแบบแดร๊กคูล่า อิอิ แล้วเจอกันใหม่อีก หากผมไม่ตายไปเสียก่อน หากตายไปคงจะไม่ได้อ่าน ตอนต่อไปแน่นอน สวัสดี คะร๊าบ อุ๊ยๆ...ใครเขกหัว เจ็บนาๆ?????.....อ๊อยๆ บ๊ายบาย แล้วเจอกันใหม่ขอรับ. * แก้วประเสริฐ. *
อทิสมานกาย ๕๓ ภายในห้องของชายหนุ่ม ครั้นแสงสีสินชัยนำกำลังพลกลับมาแล้วก็ให้ ทั้งหมดกลับคืนสู่ร่างเดิมๆ พลางเดินตามเข้ามาใน้ห้อง แต่ไม่พบชายหนุ่มก็ให้สงสัยอยู่ จึงหันไปสั่งให้เจ้าเริ่มและเจ้าพ่วงนำ กำลังพลไปพักผ่อนได้ ครั้นหุ่นทั้งหลายแยกแถวกันแล้วก็ ไปสู่ยังพานที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ขึ้นไปพักผ่อนร่างกายบัดนี้พวกมันแปลกใจเนื่องจากภายในพานนั้น วางโรยไปด้วยกลีบดอกไม้หอมต่างๆ ส่งกลิ่นโชยหอมหวนนัก ทำให้พวกมันปลาบปลื้มใจที่การกลับมานั้นได้รับการต้อนรับแสนอบอุ่น จึงขึ้นไปนอนบนกลีบกุหลาบเหล่านั้น ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล ทำให้พวกมันหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง พวกมันต่างคิดว่ามาเป็นลูกน้องของนายคนนี้มัน ทุกอย่างก็ดีขึ้นผิดคาด ซ้ำยังได้เรียนวิชาความรู้ต่างๆจากนายตลอด ที่สำคัญคือการฝึกสมาธิ ซึ่งมันไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย นอกจากเพียงแค่ได้รับฟังเท่านั้น เมื่อมาสัมผัสกับคำว่าสมาธิแล้ว ถึงได้รู้คุณค่าของอำนาจสมาธินั้น สร้างบุญกุศลอย่างยิ่งใหญ่นักนายมันยังบอกว่าการทำบุญ ทั้งหลายนั้นจะหาบุญใดเท่ากับการทำสมาธิไม่ได้อีกแล้ว เพียงทำจิต ให้บริสุทธิ์แค่ชั่วช้างกระดิกหูเท่านั้น ผลานิสงฆ์จากการทำสมาธินั้นใหญ่หลวงนัก เมื่อนึกขึ้นได้ต่างก็ยิ้มให้แก่กันและกัน ด้วยทุกๆคนล้วนเคยชิน กับคำสั่งของนายมันแล้วจึงพากันทำจิตใจให้ปลอดโปร่งแล้ว พากันเข้าสมาธิทันที หากออกจากสมาธิแล้วจะได้พักผ่อนต่อไป ด้วยมันรู้แล้วว่าอำนาจของฌานสมาธินอกจากทำให้จิต ปลอดโปร่งแจ่มใสแล้ว ยังได้เพิ่มพลังงานแก่ตัวมันอีกด้วย ล้วนแล้วแต่อำนาจของฌานสมาบัติที่มันฝึกฝนทั้งสิ้นที่ทำให้มัน รู้สึกตัวในตัวมันอุดมไปด้วยพละกำลังอันมหาศาลเพิ่มขึ้นเองอีก ส่วนเจ้าแสงสีและสินชัยนั้นต่างก็แลเห็น แม่นางอาจารย์อับสร ซึ่งกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการสอนหญิงสาวชบาอยู่ ถึงวิธีการเข้าสมาธิ และเห็นหญิงสาวกำลังนั่งสมาธิอยู่ แต่แม่นางทั้งสองก็กำลังชี้แจงว่า นี่คือฌานระดับใดก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว จนกระทั่งแม่นางทั้งสอง หันหน้ามายิ้มกันเมื่อทราบว่า บัดนี้หญิงสาวนี้ได้ย่างก้าวเข้าสู่ขั้นเอกัตตะอารมณ์ไปแล้ว ย่อมปราศจากได้รับยินรับฟังอะไรทั้งสิ้น นอกเสียจากจะเข้าสมาธิ ไปยังขั้นของหญิงสาวเท่านั้น แต่ก็ปล่อยให้หญิงสาวค้นคว้าเอง ในจุดที่จิตรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญามากมาย ด้วยฌานสมาธิขั้นนี้นั้นจะทำให้จิตอารมณ์ขาดการรับรู้เหตุการณ์ใดๆ ของอารมณ์ภายนอกทั้งหมดสิ้น ด้วยเป็นหนทางก้าวแรกที่จะเข้าสู่วิปัสสนาลุล่วงก้าวขึ้นสู่ระดับแรก ในขั้นสูงๆต่อไป ซึ่งต้องใช้ความพากเพียรอุสสาหะอีกหลายขั้นนัก แม่นางอัปสรทราบดังนั้นก็หันหน้ามาคุยกับเจ้าแสงสีสินชัยทันที ว่าเหตุการณ์นั้นคงจะเรียบร้อยแล้วกระมัง เจ้าแสงสีและสินชัย ซึ่งนั่งพับเพียบรอคอยอยู่แล้วนั้นก็รายงานสิ่งต่างๆให้แม่นางอาจารย์ มันทราบเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียด ครั้นแม่นางอัปสรทราบก็พลางยิ้ม กล่าวว่า “ เจ้าเหนื่อยมามากแล้วให้พักผ่อนได้ สิ่งที่จะเสริมสร้างพลังงาน และเป็นการพักผ่อนที่ดีนั้นคือ การเข้าสมาธิไปอยู่ในภวังค์จิตพักผ่อน ด้วยดินแดนนี้มีแต่ความสงบ เปรียบประหนึ่งในดินแดนแห่งพระนิพานก็อาจจะว่าได้นะเจ้าเปรียบไป ก็จะคล้ายๆกับนิโรธสมาบัติได้เชียวล่ะ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องกำหนดจิตไว้ ว่าจะอยู่นานสักเพียงใด ส่วนทางภวังค์จิตนั้นจะอยู่ได้เพียงระยะสั้นๆแต่ นิโรธสมาบัติอยู่ได้เป็นวันเดือนปีเชียวล่ะ แต่ก็ต้องอธิษฐานจิต เหมือนกัน แต่หากแตกต่างกันมากมายนักมิอาจจะอยู่ได้นานๆ ที่นั้นเมื่อออกจากภวังค์จิตแล้วอารมณ์และพลังงานจะเพิ่มขึ้นไปอีก ตอนนี้เจ้านั้นก้าวล่วงเข้าสู่ อนาคามีแล้วกำลังย่างล่วงสู่โลกุตระแล้วล่ะ แต่ฌานทั้งหมดนี้ตลอดจนถึงขั้นโลกุตระธรรมซึ่งมีสองอย่างคือ ทางแห่งโลกุตระธรรมและโลกุตระธรรมแห่งผลสำเร็จฌานนั้น ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในโลกียะธรรมทั้งสิ้น จึงตกอยู่ในอวิชชาทั้งหมด แต่มาถึงขั้นนี้ก็ถือว่ามากแล้วสำหรับเจ้า ที่เจ้าทั้งสองจะได้รับคือ หนทางเข้าสู่ทางโลกุตระธรรมเบื้องต้น แต่เจ้ายังวนเวียนหาทางที่ จะก้าวลุล่วงไปในขั้นสูงต่อไป ฉะนั้นตอนนี้เจ้าจึงอยู่ แค่โลกุตระธรรมเท่านั้นเองนี่ก็ก้าวล่วงผ่านอนาคามีไปแล้ว ฉะนั้น ขอให้เจ้าจงพึงอย่าประมาทหากขาดจากการฝึกฝนแล้วจะต้องไปเริ่ม ต้นใหม่อีกนะ ควรพึงสังวรณ์ไว้ด้วยในร่างเจ้านี้ได้แค่นี้ก็ถือว่าสูงสุด ด้วยเจ้ายังไม่ได้เป็นคนหรือเทพแต่ได้มาแล้วกึ่งหนึ่งเข้าไปมาก จึงควรหมั่นฝึกฝนกรรมเก่าของเจ้าก็ทุเลามากแล้วเจ้าเวรนายกรรม ยอมรับในผลบุญกุศลของเจ้าที่แผ่ไปให้เขา ต่างปลาบปลื้มยินดีนัก ด้วยพวกเจ้าเวรนายกรรมทราบแล้วว่าไม่ใช่การกระทำของเจ้าทั้งสอง แต่เป็นการใช้อำนาจบังคับเจ้าที่ตกอยู่ในอำนาจของอวิชาทั้งสิ้น ดังนั้น มันถึงได้อภัยอโหสิกรรมแก่เจ้า แต่ก็ควรแผ่กุศลหลังจากออกจากสมาธิ ให้แก่เขาด้วย เพื่อเขาจะได้ไปสู่ภพใหม่ด้วยสภาพจิตใจปราศจากอาฆาต” เมื่อแสงสีและสินชัยทราบจากปากคำนายหญิงมันก็แสนจะดีอกดีใจ ทั้งสองต่างคิดว่ามันมาในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว มิฉะนั้นป่านนี้มันคงตก อยู่ในวงเวียนแห่งกรรมนั้นยากจะหาทางหลีกหลุดพ้นออกมาได้ นับได้ว่าผลแห่งกรรมเก่าคงจะมีบุญที่มันเคยสะสมไว้มาเกื้อหนุนมัน ให้หลุดพ้นออกมาพบคนที่ดีอย่างนายมันเช่นนี้ได้เล่า ต่างก็พากันก้มลงกราบแก่แม่นางอับสรทั้งสองที่เป็นทั้งนายและอาจารย์ ของมันต่อจากนายมันคือชายหนุ่ม ซึ่งมันมอบจิตวิญญาณให้แก่เขาไป ตั้งนานแล้วล่ะ หรืออาจจะเป็นบุญเคยร่วมสร้างกันมาก็อาจจะเป็นไปได้ พลางหันไปถามแม่นางอัปสรทั้งสองว่า “ข้าแต่นายหญิง บัดนี้เล่าอาจารย์คนแรกของพวกเราไปอยู่ที่ใดหรือ ด้วยเข้ามาไม่เห็นเลย” มันทั้งสองจึงเอ่ยปากถาม แม่นางอัปสรพลางเอื้อนเอ่ยว่า “ ตอนนี้นายเจ้าไปยังไร่และกำลังฝึกสอนแก่เจ้าชัยน้องชายเขาอยู่ ถึงวิธีการต่อสู้ด้วยกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพื่อเป็นตัวแทนเขาทั้ง ตลอดจนถึงวิชาอาคมและเจริญสมาธิให้ โดยมีพ่อแม่และเขาช่วยกันฝึกสอน นับได้ว่าเจ้าชัยต่อไปเห็นจะเป็นตัวแทนนายเจ้าได้แล้วล่ะ ด้วยปัญญามัน นั้นฉลาดไหวพริบดีความจำเยี่ยม จึงจดจำได้อย่างรวดเร็วนัก แล้วเจ้าไม่พักผ่อนหรือ???.... ”แม่นางอัปสรรัตนาวดีกล่าวถาม “ยังครับนายหญิง ผมเองได้เจริญสมาธิยามว่างสู่ภวังค์จิตตามคำสอน ของนายไว้เสมอๆยามว่างๆครับ” ทั้งสองตอบ “ ดีแล้วล่ะการพักผ่อนที่ดีที่สุดของมวลวิญญาณและมนุษย์นี้ไม่มีที่ใด สู้ในสถานที่นี้ไปได้หรอก เจ้าไม่สังเกตุหรืออาจจะสังเกตุก็ได้ว่ายามใดที่ เจ้าออกจากภวังค์จิตแล้วจะรู้สึกชื่นบานพละกำลังเพิ่มขึ้นไม่เกิดอาการ เหนื่อยเมื่อยล้าใดๆเกิดแก่เจ้าหรือ” “ครับนายหญิง ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าจะถามหลายๆต่อหลายๆ ครั้งแล้วเป็นเพราะเหตุใด เมื่อมารับฟังคำอธิบายจากนายหญิงทั้งสองก็ ถึงได้รู้มูลสาเหตุครับนายหญิง ขอบพระคุณมากครับนาย” “นี่ก็บ่ายมากแล้วอีกไม่เท่าไหร่หลังจากสาวชบาออกจากสมาธิเรียบร้อย ก็ต้องไปจัดเตรียมทำอาหารเตรียมไว้อีกด้วย เห็นว่าเขาคงจะออกเดินทาง กลับกันแล้วล่ะ???.....” แม่นางอัปสรเอ่ยขึ้น แล้วพลางหันไปมองร่างของหญิงสาวชบา ทั้งสองต่างก็๋แปลกใจกัน ด้วยเห็นรังษีแผ่กระจายออกมาจากร่างของหญิงสาว จนทั้งสองอุทาน “เอ๊ะๆๆ???....แปลกจริงๆเราก็ทราบว่านางล่วงเข้าสู่งเอกัตตอารมณ์ เท่านั้นเองหรือว่านางจะก้าวล่วงเข้าสู่อนาคาไปแล้วจึงเกิดรังษีขึ้นฉะนี้” นางทั้งสองไม่รอช้าพลันหลับตาลงทั้งสองข้างทั้งคู่ แล้วก็ลืมตาขึ้น พลางหันหน้ามองตากันแล้วยิ้มแย้มกัน แม่นางรัตนาวดีเอื่อนเอ่ยว่า “งานนี้เห็นทีเราทั้งสองคงจะไม่ต้องเหนื่อยมากแล้วนะจ๊ะน้องรัก” “นั่นซิเสด็จพี่ น้องเองก็แปลกใจเหมือนกันหรือว่าชาติก่อนแม่นางนี้ คงจะสะสมบารมีด้านนี้มามากๆด้วยกระมังถึงไปได้รวดเร็วยิ่งนัก” แม่นางอ้อยวิลาวัลย์กล่าวตอบ “ แผนการณ์ที่เราสองวางไว้คงจะบรรลุได้อีกไม่ช้าไม่นานแล้วล่ะน้อง หรือน้องจะเป็นเป็นประการใดหรือไม่ล่ะ” แม่นางอ้อยวิลาวัลย์พลางปิดปากแล้วหัวร่อเบาๆ พลางเอ่ยขึ้นว่า “น้องเองก็คิดเหมือนเสด็จพี่แหละจ้า เมื่อถึงตอนนั้นคงจะสนุกมากๆ นะเสด็จพี่ เราจะได้ไม่ต้องห่วงอะไรกันอีกแล้วล่ะ” “ตอนแรกพี่เองคิดว่าจะมีความยุ่งยากด้วยตัวน้องพี่เองแหละเมื่อได้รับ ฟังเช่นนี้ก็ยิ่งสบายใจ เอาเป็นอันตกลงกันไว้นะน้องรักพี่” “เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาหรอกจ้าเสด็จพี่ น้องเองเห็นท่าทีของหญิงสาวก็ รู้แล้วอะไรคืออะไรจ้า เห็นที่จะต้องแบ่งกาลเวลากันให้ลงตัวไว้ก็ แล้วกันนะเสด็จพี่” ว่าแล้วนางพลันส่งเสียงหัวร่อ คิคิ เบาๆ แม่นางรัตนาวดีพลางหันไปหยิก แก้มน้องสาวเล่นแล้วก็หัวร่อเช่นเดียวกัน ด้านเจ้าแสงสีสินชัยต่างก็แลเห็นอาจารย์หญิงมันคุยกัน มันได้ยินเสียง คุยทุกๆคำ แต่มันต่างมึนงงไปตามๆกัน ครั้นจะถามก็ไม่สมควรอยู่จึงได้ แต่คิดสงสัย เมื่อสบตากันจึงทราบเพียงว่ามันทั้งสองต่างก็สงสัยเช่นเดียวกัน เมื่อไม่มีอะรไรทำต่างก็ชวนกันเข้าสมาธิลุล่วงเข้าสู่ภวังค์จิตพักผ่อนต่อไป อากาศตอนนี้มืดเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยย่างเข้าสู่ฤดูกาลหนาวล่วงเข้ามาแล้ว แถบถิ่นที่อยู่ก็ล้วนแล้วอุดมไปด้วยพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งสองชวนกัน ออกไปเดินเล่นกันยังบริเวณลานบ้าน ความเยือกเย็นแผ่กระจายไปทั่ว ลมก็ค่อนข้างจะรุนแรงกว่าธรรมดาด้วย บริเวณดังกล่าวอยู่ในแหล่งหุบ ของขุนเขาที่เรียงรายล้อมรอบอยู่ แม้นว่าจะยังไม่ตกค่ำแต่อากาศก็ขมุกขมัว ได้ยินเสียงนกต่างๆร้องเรียกหากัน เพื่อจะเข้าสู่รวงรัง บนท้องฟ้าก็มีฝูงนก พากันบินจากไปเป็นหมู่ๆ บางพวกเดินทางกลับสู่รวงรังมัน บางพวกก็เริ่ม ทะยอยออกสับเปลี่ยนเวลาหากินกันตามวิสัยทัศน์ของธรรมชาติของพวกมัน นางอัปสรทั้งสองต่างเดินกรีดกรายชมนกชมไม้ ที่ใกล้กำลังจะหุบกลีบ ที่บาน ของมวลเหล่าไม้ต่างๆ ทั้งไม้มีดอกและไม่มีดอก ส่วนต้นกล้วยไม้ป่า ที่ต่างสร้างที่อยู่อาศัยตามบรรดาคาคบของต้นไม้ใหญ่อยู่นั้นเบ่งบานส่งกลิ่น โชยหอมตลบมากมาย ขจายฟุ้งไปทั่ว ยิ่งตอนสายลมพัดเอากลิ่นนั้นมาและก็ ยังไม่ยอมหุบกลีบ ด้วยธรรมชาติสร้างมาให้บานอยู่ตลอดไปจนกว่าจะถึง เวลาล่วงโรยไปตามวัฏฏะจักร หล่อนทั้งสองมองแล้วมาคิดว่าทุกๆสิ่งทุกๆ อย่างล้วนแล้วแต่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดาของโลกไม่ว่าแดนใดๆ นั้นก็ย่อมเกิดการหมุนเวียนผลัดกันไปตามวัฏฏะจักรทั้งสิ้น มีเกิดก็ย่อมมีแก่ มีแก่ก็ย่อมมีเจ็บและตาย ถึงแม้บนสรวงสวรรค์หรือนรกภูมิก็ตามทีย่อมเปลี่ยน ไปตามเวลาอันเหมาะสม แต่ก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงไปได้ เว้นมีดินแดนเดียว เท่านั้นที่เหนือกาลเวลาคือดินแดนแห่งนิพพานที่จะสว่างไส มีแต่ความสงบสุข ไม่รู้จักกลางคืนหรือกลางวันและไม่รู้จักการเกิด แก่ เจ็บและตาย คงสภาพไว้ ในดินแดนอันเยือกเย็นชื่นฉ่ำหอมหวนอบอวลนาๆกลิ่นหอมทั้งสิ้นอีกยัง ตลอดไปยังอบอวลอุดมด้วยกลิ่นหอมของเหล่าฌานวิปัสสนาทั้งหลายพึงมี ดินแดนแห่งความสงบสุขชั่วกาลนานโดยไม่รู้การเกิดดับอีกต่อไป * แก้วประเสริฐ. *
* ตำรายาสมุนไพรกลางบ้าน ๓ * ยาแก้อหิวาตกโรค ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา ผลมะกรูด ๑ ซีก ผ่านเอาเฉพาะผิว กับ พริกไทยร่อน ๒๐ เม็ด นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับ สุรา ครึ่งถ้วยชา ใช้รับประทานทันที ในขณะที่ท้องเดินอย่างแรง จะหยุดท้องเดินทันที มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้วแลฯ (พระครูวิสุตธรรมรส วัดดอนเมือง กรุงเทพมหานครฯ) ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) กับ เนื้อมะขามเปียกตัวยา ทั้ง ๒ อย่างนี้ เอาอย่างละเท่าๆกัน นำมาผสมกันแล้ว ใช้รับประทาน มีสรรพคุณจนะทำให้ถ่ายเอาพิษออกมาจนหมดท้อง ยานขนานนี้เคยใช้ รักษาได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (รตอ. เปี่ยม บุญยะโชติ กรุงเทพมหานคร) ขนานที่ ๓ ท่านให้เอา เมล็ดในลูกกะบูน กับ การบูร ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้ เอาอย่างละพอประมาณ นำมาตำผสมกันให้ละเอียด ผสมกับ น้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ใช้รับประทาน มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ขนานที่ ๔ ท่านให้เอาเปลือกมังคุด (สด หรือแห้ง ก็ได้) กับ การบูร ตัว ยา ๒ อย่างนี้ เอามาอย่างละพอสมควร นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำปูน ใส(น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ใช้รับประทาน มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วแลฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ขนานที่ ๕ ท่านให้เอา ผ้าขี้ริ้ว (ผ้าเช็ดถูเรือน ยิ่งสกปรกมากๆก็ยิ่งดี) นำมาเผาไฟแล้วบดให้ละเอียด ผสมกับ สุรา หรือ ผสมกับน้ำร้อนก็ได้ ใช้รับประทาน มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแล เมื่อหยุดเดินแล้ว ให้รีบนำตัว ผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลต่อไปฯ) (วิทยาทานสงวนนาม) ขนานที่ ๖ ท่านให้เอาพริกไทยร่อน ๗ เม็ด พริกขี้หนู ๗ เม็ด เกลือตัวผู้ (เกลือทะเลที่เม็ดยาวๆ ๗ เม็ด ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ นำมาตำให้ละเอียด ผสม กับ สุรา ๑ ช้อนโต๊ะ กวนให้เข้ากัน ใช้รับประทานเพียงครั้งเดียว มีสรรพคุณแก้อหิวาตกโรคได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระอธิการสุดใจ อิสิญาโณ วัดสว่างเนตร อ.ชายแดน เพชรบูรณ์) ขนานที่ ๗ ท่านให้เอา รากต้นสลอด นำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้ว หั่นเป็น แว่นบางๆใส่หม้อดินกับน้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) มากพอสมควร ใช้รับประทานประมาณ ๑ ถ้วยชา เมื่อรับประทานยานี้แล้ว ท้องก็ยังจะถ่าย อยู่แต่น้อยลง ไม่ต้องตกใจ มีสรรพคุณแก้อหิวาตกโรคได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้ว แม้จะเป็นมากอย่างไรก็หายแลฯ (พระคุณเทพสุวรรณธัช วัดสระพังลาน สุพรรณบุรี) ขนานที่ ๘ ท่านให้เอา กาแฟดำ ๑ ถ้วยชา (ชงให้แก่ๆข้นๆจนเป็นยางเหนียว ไม่ต้องใส่นม ไม่ต้องใส่น้ำตาล) นำมาให้ผู้ป่วยรับประทาน ถ้าผู้ป่วยอาการหนัก หมดสติไม่รู้สึกตัว ให้พยายามงัดขากรรไกร กรอกน้ำยาทีละน้อยๆ จนยาหมด ถ้วยชา ผู้ป่วยจะหายจากโรคอหิวาต์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เคยใช้รักษาหายมาแล้ว มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ เมื่อหลังจากหายโรคแล้ว ๗ วัน ให้รับประทานยา ระบายท้องอ่อนๆ เพื่อให้ระบบการขับถ่ายเป็นไปตามปกติฯ (พระครูสิริเลขการ วัดด่านสำโรง อ.เมือง สมุทรปราการ ยาแก้คนกินยาพิษ ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา ไข่ขาว (ไข่ไก่ หรือ ไข่เป็ด ก็ได้ คัดเอาไข่แดงออกเสีย) นำมากวนให้ละลายดีแล้ว ใช้รับประทาน ชั่วเวลาครู่หนึ่งเท่านั้น ผู้กินยาพิษนั้น จะอาเจียนเอายาพิษออกมาจนหมดท้อง แล้วนำผู้ป่วยนั้นส่งโรงพยาบาลต่อไปฯ (บุญผ่อง ชัยนาท (หมอชาวบ้าน)) ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา น้ำปลาร้าหลน (ที่เย็นลงแล้ว กรองเอาเฉพาะน้ำปลาร้าเท่านั้น) นำมากรอกลงในปากของคนกินยาพิษนั้น ชั่วเวลาเพียง ๓-๔ นาทีเท่านั้น ผู้กิน ยาพิษนั้นจะอาเจียนเอายาพิษออกมาจนหมดท้อง แล้วรีบนำตัวผู้ป่วยนั้นส่ง โรงพยาบาลต่อไปฯ (พุทธบุตรภิกขุ นครราชสีมา (หมอชาวบ้าน)) ยาแก้พิษงูกัดทุกชนิด ขนานที่ ๑ ท่านให้เอา ต้นกระเพราแดงทั้งห้า (เอาทั้งต้น กิ่ง ก้าน ใบ และราก) นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับ เหล้า คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทาน ให้กากยาพอกปากแผล มีสรรพคุณรักษาพิษงูกัดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วฯ (พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดสุวรรณาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานครฯ) ขนานที่ ๒ ท่านให้เอา รากต้นนุ่น นำมาล้างน้ำให้สะอาด ฝนกับฝาละมีหม้อดิน ผสมกับ สุรา ประมาณน้ำยา ๑ ถ้วยชา ให้ผู้ป่วยรักประทาน และบดรากต้นนุ่นให้ ละเอียด ผสมกับ สุรา ใช้พอกที่ปากแผล มีสรรพคุณแก้พิษงูกัดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูรัตนานุรักษ์ วัดปงสนุกใต้ ลำปาง) ขนานที่ ๓ ท่านให้เอา ต้นเสลดพังพอนทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) น้ำมาล้างน้ำ ให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับ สุรา คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทาน ใช้กากยา พอกที่ปากแผล หรือตำต้นเสลดพังพอน ผสมกับ สุรา อีกส่วนหนึ่ง ใช้พอกปากแผล ก็ยิ่งดี มีสรรพคุณแก้พิษงูกัดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมากแล้วฯ พระครูปรีชา ปริยืดกิจ วัดศิลามูล อ.บางเลน นครปฐม) ขนานที่ ๔ ท่านให้เอา ยาฉุน (ยาเส้นที่ใช้มวนกับใบตองหรือใบจากสูบ) นำมาขยำใน น้ำปัสสาวะ (ที่ไม่มีเชื้อโรค) คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้กรอกปากคนที่ถูกงูพิษกัด ใช้กาก ยาพอกที่ปากแผล รับรองหายเด็ดขาด เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้ว ฯ (พระครูปลัดบรรจบ วัดช่องลม ราชบุรี) ขนานที่ ๕ ท่านให้เอา ต้นเสลดพังพอนทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) นำมาล้างน้ำให้ สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับ น้ำปลา (น้ำปลาใส่แกง) คั้นเอาเฉพาะน้ำยา กรองด้วย ผ้าขาวบาง ใช้น้ำยารับประทาน ผู้ป่วยที่ถูกงูพิษกัดจะอาเจียนเอาพิษออกมา มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมาแล้ว ฯ (พระครูปรีชา ปริยัตกิจ วัดศิลามูล อ.บางเลน นครปฐม) ขนานที่ ๖ ท่านให้เอา ต้นน้อยหน่าทั้งห้า (ถอนเอาต้นเล็กๆทั้งต้น ตลอดถึงราก) กับ ต้นก้างปลาทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ผสมกับ สุรา คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทาน ใช้กากยาพอกที่ปากแผล มีสรรพคุณแก้พิษงูกัดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระครูใบฎีกาประพันธ์ วัดหงษ์อรุณรัศมี สมุทรสาคร) ขนานที่ ๗ ท่านให้เอาผักเสี้ยนผีทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับ เหล้า คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทาน ใช้กากยาพอกที่ปากแผล มีสรรพคุณแก้พิษงูกัดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วฯ (วิทยาทานสงวนนาม) ขนานที่ ๘ ท่านให้เอา ใบต้นลูกใต้ใบ ๑ กำมือ นำมาใส่ปากเคี้ยวพอแหลกแล้ว คายออกมาผสมกับ สุรา คั้นเอาน้ำยา ใช้รับประทาน ใช้กากยาพอกที่ปากแผล อาการที่เจ็บปวดเพราะพิษงูจะพลันหายไปภายใน ๕ นาที ยาขนานนี้มีสรรพคุณ แก้พิษตะขาบกัด แมงป่องต่อย ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระสมุห์ปักษ์ โชติปญฺโณ วัดทะเล อ.สูงเนิน นครราชสีมา) ขนานที่ ๙ ท่านให้เอาหัวอุตพิด นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ผสมกับ สุรา คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ประมาณ ๑ ถ้วยชา ให้ผู้ป่วยรับประทาน เพียงครั้งเดียวใช้กาก ยาพอกที่ปากแผล มีสรรพคุณแก้พิษงูกัดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษา ได้ผลดีมาแล้วฯ (พระครูประสาธน์นวกิจ วัดโพธิ์งาม อ.เขาย้อย เพชรบุรี) ขนานที่ ๑๐ ท่านให้เอา ต้นฟ้าทะลายโจรทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) ๑ กำมือ น้ำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ผสมกับ สุรา คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ประมาณ ๑ ถ้วยชา ใช้รับประทาน ใช้กากยาพอกที่ปากแผล มีสรรพคุณแก้พิษงูกัดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระมหาสุเทพ ผุสสธมฺโม วัดพระปฐมเจดีย์ นครปฐม) ขนานที่ ๑๑ ท่านให้เอา ใบเสลดพังพอน ๑ กำมือ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ผสมกับ น้ำซาวข้าว คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ประมาณ ๑ ถ้วยชา ใช้รับประทาน ใช้กากยา พอกที่ปากแผล มีสรรพคุณแก้พิษงูกัดได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ ยาขนานนี้ ใช้รักษาโรคพิษไฟลามทุ่ง โรคเริม งูสวัด ได้ผลดีอย่างชะงัด เคยใช้รักษาได้ ผลดีมาแล้ว ฯ (พระครูไพศาลธรรมวาที วัดดอกยายหอม อ.สามพราน นครปฐม) ขนานที่ ๑๒ ท่านให้เอา ต้นผักกะเฉด ๑ ต้นผักคราด ๑ ต้นผักเสี้ยนผี ๑ ต้นผักชีใหญ่ ๑ ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้เอาอย่างละเท่าๆกัน น้ำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ผสมกับ สุรา หรือ น้ำซาวข้าว เป็นกระสาย คั้นเอาน้ำยาประมาณ ๑ ถ้วยชา ใช้รับประทาน ใช้กากยา พอกที่ปากแผล มีสรรพคุณแก้พิษงูกัด แก้เลือดทำ ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ (พระบญส่ง กิตฺติญาโณ วัดป่าพระเจ้า อ.ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี) ยาแก้พิษงูกัดทั้ง ๑๒ ขนานนี้ มีสรรพคุณแก้พิษงูกัดทุกชนิด แก้ได้ทุกกรณี แม้ผู้ถูก งูกัดนั้นจะสลบหมดสติแน่นิ่ง ไม่รู้สึกตัวแล้วก็ตาม ก็พึงช่วยกันงัดปากให้อ้าออก แล้วกรอกน้ำยา ให้สู่ท้องให้ได้ ผู้ป่วยจะฟื้นขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ เคยใช้รักษา ได้ผลดีมามากแล้วฯ ยาแก้พิษงูกัดในขณะตั้งครรภ์ ท่านให้เอา สารส้ม มากพอสมควร นำมาบดให้ละเอียด ผสมกับ สุรา ประมาณน้ำยา ๑ ถ้วยชา ให้รับประทานเวลาหลังจากคลอดลูกแล้ว มีสรรพคุณแก้พิษงูกัดได้ผลดีอย่าง ชะงัดนักแลฯ (พระอธิการสาคร วรมงฺคโล วัดวังหิน อ.ตรอน อุตรดิตถ์) วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ พิมพ์ซะตาพร่าไปหมดแล้วครับ หากไม่มีปัญหาใดๆพรุ่งนี้ จะนำมาลง ยาสมุนไพรให้อีก ยาลืมนะครับเขารักษากันหายกันมามากต่อมากนักแล้ว ก่อน ที่แพทย์แผนปัจจุบันจะกำเนิดขึ้นอีก บางครั้งระยะทางไกลๆยาหญ้าปากคอกนี่แหละช่วย ชีวิตคนมามากมายแล้ว อย่าดูถูกสมุนไพรไทยเชียวนา มิฉะนั้นสูญพันธุ์ไปนานแล้ว สวัสดี. * แก้วประเสริฐ. *
อทิสมานกาย ๕๒ สารวัตรและผู้กองทั้งสองหลังจากที่เหตุการณ์สงบเรียบร้อย ก็เตรียมตัวจะกลับ โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยหนึ่งเฝ้าดูแลสิ่งของที่ยึดมาได้ไว้ วิทยุไปยังสถานี ตำรวจเพื่อขอรถมายกสิ่งของตลอดจนผู้จับกุมเพื่อนำตัวไปยังโรงพัก ทันใดนั้น เจ้าแสงสีก็มารายงานว่า “ท่านสารวัตรครับ นายผมสั่งไว้ว่าหลังจากเหตุการณ์ราวตกเที่ยงๆจะมีผู้ใหญ่ ทางกรุงเทพฯพร้อมท่านรองผู้กำกับมาตรวจดูการจับกุมเหล่านี้ครับ” “อย่างนั้นหรือแสงสี ขอบใจมากนะเอ๊ะ??ท่านมาเมื่อไหร่ผมไม่ยักจะเห็น ท่านเลยนี่นา????....” ท่านสารวัตรถามขึ้นอย่างแปลกใจ “ท่านสั่งมาทางเจ้าสินชัยครับ ว่าหากเหตุการณ์ทางนี้เรียบร้อยให้เรียนท่านสารวัตร ด้วยครับ ตอนนี้เจ้าสินชัยกำลังออกไปทำการจับกุมเสี่ยหว่างอยู่ ยังไม่กลับมาเลย” “นั่นซินะถึงไม่เห็นหน้าสินชัยเลย ยังสงสัยเหมือนกันอยู่ ตรวจสอบดูแล้วด้วยสาย รายงานว่า งานนี้เสี่ยหว่างมาควบคุมงานเองด้วย ตรวจสภาพศพทุกศพแล้วไม่มีเสี่ย หว่างอยู่เลย ก็ยังสงสัยเหมือนกันว่าจะถามแสงสีว่ามันหลบหนีไปทางไหนทางเรา ถึงไม่ได้เห็นเลย และผมยังได้รับรายงานจากสายเพิ่มเติมอีกว่า บรรดารถขนไม้เถื่อน ที่ออกเดินทางไปแล้ว ถูกด่านสะกัดจับกันได้อีกหสายสิบคันรถหมดแล้ว ตอนนี้ทั้ง ของและคนขับตลอดจนผู้นำทางก็ถูกจับกุมจากด่านสะกัดจนหมดสิ้น นับว่าเป็น งานที่จะต้องอึกกระทึกครึกโครมเป็นแน่แท้ หนังสือพิมพ์คงจะพาดหัวหน้าแรก ถึงผลงานการจับกุมรายใหญ่ๆนี้ล่ะแสงสี” “ครับเรื่องผู้ใหญ่นั้นให้ท่านสารวัตรเตรียมต้อนรับ ป่านฉะนี้เจ้าสินชัยยังไม่มาเลย หากยังไม่เสร็จธุระกระมัง หากเสร็จก็คงจะมาแหละครับ” แสงสีรายงานเพิ่มเติม ครั้นแล้วสารวัตรก็เดินไปแจ้งผู้กองทั้งว่า ให้จัดเจ้าหน้าที่เตรียมตัวด้วยจะมี ท่านรองผู้กำกับนำผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯมาตรวจสภาพด้วย ดังนั้นผู้กองจึงหันไปสั่ง ตำรวจทั้งหลายให้เตรียมต้อนรับผู้ใหญ่ที่จะมาตรวจงานทันที เสียงปืนดังแว่วมาแต่ไกลพร้อมกับเสียงรถยนต์แล่นมาด้วยความรวดเร็ว ใกล้เข้ามา สินชัยก็สั่งให้ทั้งหมดเตรียมตัวให้พร้อม ภายในรถยนต์ส่วนตัวของเสี่ยหว่างนั้น มันหันไปมองทางด้านหลังก็เห็นเจ้าหน้าที่ ตำรวจวิ่งสลับกันไปๆมาๆตามหลังมาพร้อมยิงใส่รถของมัน แต่กระสุนไม่สามารถ จะทำอันตรายแก่มันทั้งสองได้ เสี่ยหว่างจึงสั่งเจ้าเว้งเร่งเครื่องทันที “เฮ้ยๆๆๆ!!!!....มันยกพวกมาไล่ยิงเราแล้วว๊ะ???...มันตามหลังมาติดๆเชียวเลย มึงเร่งเครื่องให้สุดเลยนะ อย่างไรรถกูแต่งเครื่องไว้สูงมันจะคงไล่มาไม่ทันหรอก” “ครับเสี่ย อั้วก็เร่งเหยียบจนเต็มคันเร่งแล้วล่ะ” ไอ้เว้งกล่าวแก่เสี่ยหว่าง “เออดีๆๆว๊ะ กูก็เห็นข้างทางมองไม่ทันเลยล่ะ แต่นี่เสียงปืนเงียบสงสัยมันจะตาม เรามาไม่ทันแล้ว “ เสี่ยหว่างเอ่ยขึ้นด้วยความโล่งใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปืนยิงมายังรถมันอีก รีบแจ้งให้ไอ้เว้งรู้ ไอ้เว้ง หน้าตาตื่น รีบเหยียบคันเร่งด้วยเมื่อกี้นี้มันผ่อนคันเร่งลง ด้วยคิดว่าหากขับไปใน ลักษณะนี้อันตรายมาก หากกระทบอะไรเข้า รถจะประคองตัวไม่ได้มันคิดขับไป หัวใจมันเต้นตุ้มๆตั้มๆ แต่ความกลัวถูกจับมีมากกว่า จึงเหยียบจนสุดคันเร่ง รถวิ่งราวกับลูกธนูที่ถูกยิงออกจากแหล่งด้วยความเร็วมาก ฝ่ายลูกน้องสินชัยที่ตามหลังรถเสี่ยหว่างมาติดๆกันนั้น ซึ่งมีเพียงตนเดียว แต่มัน อาศัยวิ่งด้วยพลังงานที่เหนือกว่าคนธรรมดาจะทำได้ สลับไปตามต้นไม้ข้างทางบ้าง ลวงล่อว่ามีพวกตำรวจหลายนาย ให้เสี่ยหว่างเห็นซึ่งมองดูด้านข้างหลังรถยนต์ พร้อมยิงปืนสลับกันไปมาเป็นระยะๆ เมื่อไอ้เว้งมองไปทางข้างหน้าใจมันหายวูบทันที จะเลี่ยงหลบก็ไม่ได้ด้วยทางรถแคบ มีทางแค่เฉพาะรถสวนกันเท่านั้น ด้านหน้ามันวางด้วยขอนไม้ใหญ่ขวางทางไว้หากมันหากขับรถด้วยความเร็วสูงเช่นนี้ มันรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่ชะลอรถลง แต่ไม่ทันเสียแล้ว จึงรีบร้องบอกเสี่ยหว่างด้วยความตกใจยิ่ง “ไอ้หย่าซีเลี้ยววา อาเฮียเอ๋ย ลื้อดูซิข้างหน้ามีอะไรมาขวางโว้ย” มันลืมตัวด้วย ความกลัว นัยน์ตามันเหลือกโพลงครั้นจะชลอรถไม่ทันวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เมื่อหากเหยียบเบรครถก็จะพลิกคว่ำหลายตลบทันที ระยะก็กระชั้นชิดเกิน ไปที่จะห้ามรถโดยเหยียบเบรคในระหว่างความเร็วสูงกว่าไม่ได้อีก นัยน์ตามันเหลือกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด มันช้าเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว ครั้นเสี่ยหว่างหันไปมองข้างหน้าด้วยมันมัวแต่มองด้านหลังอยู่ พอกลับมามอง เห็นข้างหน้าเท่านั้น หน้ามันเปลี่ยนสีทันทีมันรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยิ่งข้างทางที่ รถใช้วิ่งนั้นด้านหนึ่งติดเขา อีกด้านหนึ่งเป็นเหวลึก นัยน์ตามันเหลือกลานขึ้นทันที “ไอ้เว้งโว้ยๆๆๆ.....”เสียงยังไม่ทันขาดคำรถก็ปะทะกับขอนไม้ที่ขวางกันชั้นแรก ตวัดกระทบข้างรถยนต์มันทันที รถส่ายไปส่ายมายังกับงู จนหมุนไปรอบๆและ แล้วก็ไปกระทบยังขอนไม้ใหญ่ชั้นที่สองอีก รถพลันพลิกคว่ำกลับไปกลับมาหลาย ตลบพลัดตกลงไปยังเหวข้างทางทันที “ไอ้เว้งๆๆๆช่วยกูด้วยโว้ย” เงียบเสียงไอ้เว้งตอบไม่ได้ด้วยหน้าอกมันถึงจะมี เครื่องป้องกันเป็นถุงลมแต่ความเร็วเกินขนาดและยิ่งเป็นรถที่ ตบแต่งขึ้นใหม่เป็นซุปเป้อร์สปรี๊ดอีกด้วย จึงทำให้หน้าอกมันแทกกับพวงมาลัย อย่างจังจนมันสลบไปทันที รถที่ขาดการควบคุมก็ถลาลงจากถนนพุ่งตกลงไปข้างทางถลาสู่ยังเหวลึกข้างทาง เสียงร้องของเสี่ยหว่างร้องอย่างโหยหวนลอยละลิ่วตามไปด้วยตัวมันเอง ก็มีเข็มขัดป้องกันคาดไว้อยู่ด้วย เสียงดังสนั่นยามเมื่อรถปะทะกับต้นไม้ต่างๆ ที่เรียงรายตามไหล่เขา ปะทะต้นโน้นทีต้นนี้ที ม้วนตัวตลบไปตลบมา จนรถมันขาดกลางเป็นสองท่อน ประกายไฟแลบหม้อน้ำมันแตก น้ำมันภายในรถโดนประกายไฟก็เกิดระเบิด ขึ้นทันทีด้วยความเร็วแรง ต้นไม้บางต้นขาดจากกัน ฟาดครูดไปตามเขาลงสู่เบื้อง ล่างทำให้ต้นไม้ต่างๆที่เล็กๆต่างหักระเนระนาดไปตามๆกันล่วงลงสู่ก้นเหวไป ส่วนท่อนหลังที่เสี่ยหว่างนั่งอยู่ขาดกลางนั้นกลิ้งไปพร้อมกับไฟที่แลบเผาร่าง มันซีกหนึ่ง เสียงระเบิดของท่อนรถส่วนหน้าแหลกเป็นชิ้นๆพร้อมต้นไม้ต่างๆ แต่มันก็ยังไม่ตายด้วยท่อนหลังรถไม่ระเบิดคงระเบิดส่วนที่ขาดด้านหน้ารถ ที่ไอ้เว้งขับอยู่มันคิดว่าไอ้เว้งคงตายพร้อมกับรถที่ระเบิดไปแล้ว ไปค้างยังต้นไม้ ระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไฟลุกท่วมด้านหน้าจนกระทั่งไปไหม้ยังบรรดาเหล่า ใบไม้แห้งอีกด้วย แต่ท่อนที่มันนั่งมานั้นไฟบัดนี้มันดับไปแล้วแต่ท่อนล่างรถ มันยังไม่ได้ปะทะกับต้นไม้อีก หล่นลงไปยังเบื้องล่างทันที เมื่อท่อนหลังรถตกยังบนพื้นที่ไม่มีหินรองรับ พลิกหงายขึ้น ประตูยังปิดอยู่แน่น ด้วยล๊อคที่มันล๊อคเอง สภาพรถแทบจะแบนติดกับพื้น มีส่วนที่เสี่ยหว่างอยู่เนื่องจาก ด้านหลังรถที่ยาวบี้มาจนถึงแทบจะติดมัน มันแทบสลบอาศัยที่มันใจแข็งทรหด อดทนยิ่งนัก จึงแลเห็นท่อนขาดระหว่างเบาะที่กั้นไว้ จึงค่อยๆพยุงคลานออกมาได้ พอมันโผล่หน้าออกจากตัวรถที่ขาด มันก็ต้องสะดุ้งตาเหลือกค้าง เมื่อมันเห็นชายสองคนถือปืนอาก้ายืนรอต้อนรับมันอยู่แล้ว มันตาเหลือกโพลง คิดจะเอ่ยคำจะพูด แต่ช้าไปแล้วเสียงที่มันได้ยินคือเสียงของปืนอาก้าดังพรืดๆๆๆ ร่างท่อนบนที่ยังไม่พ้นรถก็เต้นเร่าๆไปตามแรงกระสุนที่ยิงมาเป็นชุดๆ ซีกหนึ่ง ของใบหน้ามันที่ส่วนหัวหายแตกกระจายไปทันที สมองและเลือดสาดไปทั่วรถ แต่ร่างมันยังสั่นๆอยู่ไปๆมาๆ คล้ายปลาช่อนที่ถูกทุบที่หัว จนกระทั่งร่างสั่นๆนั้นพลันชะลอลงเงียบสงบทันที แม้แต่หน้าคนยิงมันยังไม่ ทันได้เห็นเหมือนกันว่าเป็นใครที่ยิงมัน วิญญาณอันชั่วร้ายด้วยจิตใจอันโสมมก็ ลอยละล่องไปทันใด ชายทั้งสองที่เป็นหุ่นมองดูสักพักหนึ่งแล้ว ก็ต่างทะยอยกันขึ้นเขาไปตรวจยัง สภาพรถที่ขาดท่อนหน้ารถ เห็นสภาพแล้วก็รู้ว่าไม่มีใครเหลือรอดชีวิตไปได้ด้วย เห็นร่างหนึ่งที่พวงมาลัยไหม้เกรียมเป็นก้อนสีดำๆอมน้ำตาลเกาะอยู่กับพวงมาลัย ที่ถูกไฟไหมคงเหลือแต่ซากเศษเหล็กเท่านั้น ดังนั้นร่างทั้งสองก็ขึ้นมายังปากเหวริมถนน เข้าไปรายงานผลแก่เจ้านายมันทันที “เรียบร้อยครับนาย ไม่มีใครรอดชีวิตไปได้ตายกันหมดแล้วครับ” หนึ่งในสอง กล่าวรายงานทันที “ดีแล้วล่ะ ขอบใจมากนะที่ส่งคนชั่วไปอีกทำให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นอีกหน่อย มันไม่ เป็นบาปหรอก ด้วยเราไม่ได้เกิดความอาฆาตเราทำตามหน้าที่ปกป้องคนดีจีงถือว่า เป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะผิดศีลไปบ้างแต่เราทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจนะ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ไปรวมกันได้แล้วจะได้รีบกลับไปหาพี่แสงเสียทีเพื่อแจ้ง ให้ทราบว่าภาระกิจทางนี้เรียบร้อย” สินชัยกล่าวกลับลูกน้องทั้งห้าของมัน” “ครับหัวหน้า” ทั้งหมดรับคำเพียงรอคำสั่ง พวกเราพร้อมหรือยังล่ะ สินชัยหันไปถาม “พร้อมแล้วครับ ผมทางนี้ได้เก็บสิ่งของต่างๆบนถนนให้เรียบร้อยดังเดิมแล้ว ตามคำสั่งนายแหละครับ” พวกมันสามคนเอ่ยขึ้นพร้อมๆกัน “ดีแล้วอย่างนั้นเรากลับไปหาพี่แสงกันดีกว่า เอ๊าๆๆข้ามเขากันตรงนี้แหละพวก เราขึ้นไปกันได้ด้วยอาศัยพลังงานของพวกเราที่ ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าพลังงานของพวกเจ้า เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกมากมายนักนะ” สินชัยกล่าวแก่ลูกน้องมันทั้งให้กำลังใจแก่พวกมัน อีกด้วย ทำให้ลูกน้องมันทั้งห้าพากันยิ้มด้วยความพึงพอใจที่นายมันชมเชย เพียงเวลาไม่นานนักทั้งหกก็เดินทางมาถึง เมื่อสินชัยมองไปที่ลานที่ใช้เป็นที่เก็บ ของต่างๆนั้น ซึ่งตอนนี้พวกช่างภาพหนังสือพิมพ์ต่างๆ ก็กำลังถ่ายรูปและมีบางกลุ่ม เข้ามาสอบสัมภาษณ์เหตุการณ์จากท่านตลอดท่านรองผู้กำกับฯอยู่อีกด้วย สินชัยก็ทราบทันทีว่าผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯมากันหลายนาย แต่ละคนบ้างเดินตรวจดู บริเวณต่างๆ พร้อมทั้งถ่ายรูปไว้อีกด้วย บ้างก็ทำการบันทึกข้อมูลต่างไว้อย่างขมักเขม่น ในขณะที่ผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯกำลังให้สัมภาษณ์อยู่นั้น ท่านรองผู้กำกับกำลังรับฟังคำ รายงานจากสารวัตรชัชวาลย์ถึงเหตุการณ์ต่างๆเพิ่มเติมอยู่ ด้านหลังเป็นผู้กองจรัสและนายตำรวจบางนายอยู่คอยต้อนรับผู้ใหญ่เหล่านี้ ตำรวจอื่นๆ ต่างก็นำพวกมาดูงาน เดินตรวจตราชี้แจงเหตุการณ์ไปพลางๆกัน ให้คนบันทึกทำรายงาน แต่ไม่เห็นผู้กองจำลองคงจะเดินทางกลับไปเตรียมตัวทางด้านโน้นอยู่ตามคำสั่งของนายแล้ว มันหันไปสั่งทางลูกน้องทั้งห้าให้ไปร่วมกลุ่มกลับพวกเราทั้งหมดที่ยืนเป็นแถว อย่างเป็นระเบียบ มันทั้งห้าต่างแสดงความเคารพแก่หัวหน้าทั้งสอง แล้วก็เข้าไปต่อแถว สินชัยก็เข้าไปหาแสงสีทันที แล้วรายงานว่า “ พี่แสง...เจ้าเสี่ยหว่างและพวกต่างตายหมดสิ้นแล้วไม่มีใครเหลือรอดไปได้สักคนเดียว พร้อมทั้งกล่าวเหตุการณ์ต่างให้ฟังอย่างละเอียด” “ดีมากน้องสิน...เห็นไปช้าพี่เองก็เป็นห่วงอยู่ที่จริงเรื่องแค่นี้ควรจะใช้เวลาไม่นานนัก แต่ เห็นน้องหายไปนานผิดปกติก็รู้สึกเป็นห่วงนะ” แสงสีกล่าวแก่น้องมัน ระหว่างที่มันทั้งสองกำลังคุยกันสนทนาอยู่ในกลุ่มของพวกมันอยู่นั้น พร้อมไปทักทาย กลุ่มของตนด้วยความยินดียิ่งที่งานที่รับภาระจากนายมันนั้นลุล่วงไปได้ด้วยดี ทางผุ้ใหญ่ทางกรุงเทพฯ ครั้นมองมายังทั้งสองก็จำเจ้าสินชัยได้ จึงกวักมือเรียกให้ไปหา สร้างความแปลกใจแก่ท่านรองผู้กำกับและสารวัตรผู้กองด้วยกัน ต่างคนต่างหันหน้ามองกัน ไปๆมาๆ ไม่คิดว่าผู้ใหญ่ของเขาจะรู้จักกับสินชัยได้ เมื่อแลหันไปมองทางสินชัยซึ่งกำลังคุย กับแสงสีอยู่นั้น แสงสีเห็นเข้าก็บอกแก่น้องมันให้รู้ไว้ว่าทางผู้ใหญ่กำลังเรียกสินชัยอยู่ “น้องสิน ผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯท่านกำลังเรียกน้องอยู่ให้ไปหานะ” แสงสีเอ่ย เจ้าสินชัยหันไปตามมือชี้ของพี่ชาย ก็หัวร่อพลางกล่าวกับพี่ชายว่า “อ้อๆๆท่านนี่เอง คงจำผมได้ครับด้วยผมไปหาท่านในเวลากลางคืนดึก ปลุกท่านตื่นขึ้นมาตามนายสั่งให้ไปส่งหนังสือให้ทราบ” “ถ้าอย่างนั้นน้อง รีบไปเถอะท่านเป็นผู้ใหญ่หากช้าจะไม่ดีนะน้อง” แสงสีกล่าว “ครับพี่.....ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละครับ” กล่าวแล้วเจ้าสินชัยก็ผละจากพี่ชายมันเดินไปหาท่านผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯทันที ครั้นเมื่อเดินมาถึงตรงหน้าท่าน พลางยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพ ท่านนั้นก็รีบเดินผละจากรองผู้กำกับและสารวัตรตลอดจนผู้กองตำรวยที่คอยต้อนรับ เดินเข้ามาหาสินชัย พลางสวดกอดเขย่าตัวสินชัยไปๆมาๆ พลางกล่าวว่า “คงเหนื่อยมากซินะ เสียดายจริงๆไม่ยอมมารับราชการ ในขณะที่ผมยังอยู่นั้น มิฉะนั้นผมอาจจะช่วยให้เร็วขึ้นไปอีกในขณะที่ผมยังมีอำนาจอยู่นี้ เสียดายจริงๆ คนดีๆมีฝีมืออย่างนี้หายากเสียด้วย” ท่านกล่าว “ขอบพระคุณท่านมากครับ แต่ว่าผมอยู่กับนายผมสบายใจกว่าครับผมกับพี่แสงสีอยู่กับท่าน ซึ่งเป็นทั้งนายญาติและอาจารย์ผมด้วยครับ แต่ทว่าก็เหมือนอยู่กับท่านแหละครับเพราะต้องคอยช่วยเหลือราชการ ตามนายผมสั่งอยู่แล้วครับ” สินชัยกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม ทำให้ท่านผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯหัวร่อชอบใจ ผละออกจากสวมกอดแล้วตบหัวไหล่แทน พลางหันไปทางรองผู้กำกับแล้วแจ้งให้ฟังว่า “เห็นไหมคุณ นี่ขนาดเด็กของเขายังร้ายกายถึงเพียงนี้แล้วนายมันล่ะจะร้ายกาจขนาดไหน” เล่นเอาท่านรองผู้กำกับงงไปกันใหญ่ ท่านทราบด้วยหรือว่านายของสินชัยกับแสงสีเป็นใครกัน ยกเว้นท่านสารวัตรและผู้กองเท่านั้นที่แสร้งทำสีหน้าเฉยเมย แต่ภายในใจอดอมยิ้มเสียไม่ได้ แล้วหันมากล่าวกับสินชัยถึงเรื่องงานที่ได้ออกติดตามเสี่ยหว่างไปนั้น สินชัยก็รายงาน เหตุการณ์ทั้งหมดให้ท่านผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯทราบอย่างละเอียดหมดสิ้น ท่านหัวร่อร่าพลางกล่าวชมเชยทันที “ฉลาดนี่ฉลาดจริงๆวางแผนการได้เหมาะสมกับเหตุการณ์ได้ยังกับตาเห็นแน๊ะ พวกมัน คงคิดไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์ซ่อนเงื่อนแบบนี้” ท่านกล่าวกับสินชัยพร้อมส่งเสียงหัวร่อลั่น “แล้วนายเจ้าไม่มาด้วยหรือ” ท่านถามด้วยความสงสัย “ท่านมาดูทั้งสองทางแหละครับแต่ท่านแฝงตัวมาไม่ให้ใครรู้นอกจากผมและพี่เสงสีเท่านั้น” “อืมมๆๆๆ!!!...สมแล้วที่ผมไว้วางใจมากติดตามผลงานตลอดเวลาเลย ไม่เคยคลาดสายตา วางกลไกแผนการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามนึกไม่ถึงจริงๆ” ท่านเอ่ยขึ้น “แล้วพวกเจ้ามากันกี่คนละเดี๋ยวจะสั่งให้เบิกค่าเบี้ยเลี้ยงพิเศษให้ทุกๆคน แล้วมีใครเป็นอะไร ไปหรือเปล่าล่ะสิน” “ประมาณร้อยคนคิดว่าทั้งสองฝ่ายรวมกันแล้วครับท่าน ทุกๆคนปลอดภัยดีไม่ได้รับบาดเจ็บ อะไรเลยครับ” สินชัยรายงาน “เป็นกองกำลังที่นายเจ้าสร้างขึ้นไว้หรือ” “ครับเป็นกองกำลังลับๆครับ ท่านฝึกซ้อมด้วยตนเองครับ ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ หรอกครับท่าน” “อ้าวทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะจึงไม่สามารถตรวจสอบได้นะ???...” ท่านถามด้วยความสงสัย “ทุกๆคนเสร็จงานแล้วก็จะกระจายกันไปหลบซ่อนตัวครับท่าน ยกเว้นหากมีคำสั่ง จากนายมา ถึงจะออกมาปฏิบัติงานครับ” สินชัยแก้ตัวให้นายมัน “ถ้าอย่างนั้นเวลาจะรวมพลล่ะใช้วิธีการใดหรือสินชัย???....” “ท่านก็ส่งสัญาณรหัสลับที่ท่านสร้างขึ้นมาใหม่ ทุกๆคนรู้หมดครับเพียงแค่รับสัญญาณ ที่ทางคนหนึ่งก็จะทราบกันไปทั่ว ก็จะออกมายังที่นัดหมายพร้อมเพรียงกันครับท่าน” “นั่นซิผมเองเห็นทุกๆคนล้วนแต่ใช้อาวุธทันสมัยคล่องท่วงทีการจับปืนกระฉับกระเฉง กันทุกๆคน แม้แต่แถวก็เป็นระเบียบวินัยคล้ายดั่งทหารที่ผ่านสงครามกันมาแล้วทั้งสิ้น” “สำคัญๆๆนายเจ้านะ สมแล้วที่แม้แต่ผู้บังคับบัญชาผมยังให้ความรักนับถืออย่างจริงใจ อ้อๆกลับไปแล้วบอกนายเจ้าด้วยว่าจะทำอะไรอย่างวู่วามนัก จะแสดงตัวได้นั้น ก็ต่อเมื่อได้รับคำสั่งจากผมเท่านั้นนะสินชัย ผมมีคนประสานงานกับนายเจ้าไว้แล้วล่ะ” “ครับท่านเมื่อผมกับพี่ไปหานายแล้วจะรายงานตามที่ท่านสั่งมาครับท่าน” ผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯก็ตบไหล่ของสินชัย เอ่ยขึ้นว่า “เดี๋ยวผมจะต้องไปทางด้านโน้นอีกนะสำหรับงานพวกของสินชัยกับแสงสีเห็นว่าคง จะไม่มีอะไรอยู่แล้วกลับกันได้แล้วล่ะเพื่อนายเจ้าจะได้ไม่ต้องห่วงกังวล อย่าลืมแจ้งด้วยว่าผมขอขอบใจมาก นี่ก็ใกล้จะพิจารณาตำแหน่งอีกแล้ว งานชิ้นนี้เห็นที ผมต้องไปเรียนผู้บังคับบัญชาด้วยตนเองเสียแล้วเพราะเป็นงานใหญ่มากๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินความเสียหายของประเทศและตลอดความมั่นคงอีกด้วย จะเสนอความดี ความชอบอีกในกรณีย์พิเศษให้ด้วย บอกว่าผมขอบคุณนายสินชัยมากๆนะ ให้อยู่เหมือน เดิมไปก่อนจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเท่านี้แหละ” “ครับท่าน ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไปบอกพี่แสงสีนำกำลังพลกลับฐานที่ตั้งทั้งหมดเลยครับ” แล้วสินชัยก็แสดงความเคารพผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯอีกครั้ง แล้วต่างผละออกจากกัน ส่วนสินชัยก็ไปแจ้งให้พี่ชายมันฟัง เมื่อแสงสีรับฟังจากน้องชายดังนี้แล้ว ก็หันไปทางกลุ่ม ของพวกตนให้เดินทางกลับได้แล้ว ดังนั้นกลุ่มดังกล่าวพร้อมด้วยสินชัยและแสงสีก็เดินไป ยังลาน ทุกๆคนปลดอาวุธออกหมด นำมาวางพาดกันหันปลายกระบอกปืนขึ้นฟ้าบั้นท้ายปืน วางบนดินสลับกันไปๆมาๆ หลายสิบกองแล้วพากันเข้ายืนเป็นระเบียบรอคำสั่งต่อไป แสงสีและสินชัยก็แจ้งยังกลุ่มให้ทราบทันที “พวกเราทั้งหมดกลับฐานเดิมได้แล้ว ให้ทุกๆคนกระจายกำลังแยกย้ายกันไปกลุ่มละสอง จนถึงฐานแล้วรอคำสั่งต่อไป” เสียงดังกังวานสนั่นไปทั่วบริเวณลานกว้าง “ครับผ๊มๆ....” เสียงดังขึ้นพร้อมๆกัน แล้วแยกเป็นสองฝ่ายออกเดินทางกลับลับหายไปใน ป่าข้างๆทันที ไม่ได้ยินเสียงของใบไม้แห้งดังกร๊อบแกร๊บดังเกิดขึ้น ยิ่งทำให้ทุกๆคนแปลกใจกันไปตามๆกัน เมื่อเห็นคนจำนวนมากเดินทางหายไปในป่าจนหมด เหตุการณ์นี้ต่างอยู่ในสายตาของท่านผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯท่านรองผู้กำกับตลอดจนผู้กองตำรวจ อีกหลายๆนายต่างปากอ้าค้างไปตามๆกันทุกๆนาย นี่มันเป็นการเดินทางกลับที่มีระเบียบวินัย ยิ่งนักดั่งกองทัพของทหารที่ผ่านการรบมาอย่างโชกโชนมิปาน...................... * แก้วประเสริฐ. *