28 กันยายน 2556 13:24 น.
แก้วประเสริฐ
สุรีย์แสง
๐ ม่านเมฆฟ้าคราตะวันพลันส่อง
ความหมายปองคนเราเฝ้าหวนหา
ชีวิตนั้นเปรียบไปคล้ายตำรา
ส่องสาดมาเพื่อชีพยั้งยืนยง
๐ ครั้นดำรงคงไว้ในความหมาย
ย่อมกลับกลายกาลมาคราประสงค์
บ้างเหลือไว้ในโลกโฉลกดำรง
ส่วนที่คงเหมือนเดิมย่อมเสริมเอา
๐ อันแปรเปลี่ยนเวียนวนปนดีชั่ว
ต่อเติมยั่วโลกีย์ที่ขลาดเขลา
เศร้าปนสุขมีไว้ไม่บรรเทา
ปวงชนเอาแต่ใจคล้ายปนเป
๐ สิ่งหัวร่อปนทุกข์ปลุกใจเข็ญ
แตกประเด็นมากมายคล้ายหวนเห
ดีหรือชั่วมิได้ให้มาคะเน
บ้างก็เซบ้างรุกปลุกหัวใจ
๐ ที่เกิดมายากแล้วมิแคล้วพราก
ดุจของฝากธรรมชาติสาดสิ่งไสว
รู้ทั้งรู้และทำซ้ำเติมไป
นี่แหละไซร้คนเอาเฝ้าคะนอง
๐ ดุจดั่งแสงตะวันอันสาดส่อง
ปะปนผองไสวสว่างบ้างมืดหมอง
ชีวิตคนทั้งหลายล้วนให้ลำพอง
มิได้สนองดำรงคงฝ่าฟัน
๐ หลงเมามัวความงามยามผ่องใส
กอร์ปคลั่งไคล้มืนเมาเฝ้าแต่ฝัน
ยากจำแนกดีงามหยามปนกัน
ดุจดั่งฟันกับลิ้นปลิ้นหลอกลวง
๐ คล้ายแสงของตะวันอันแจ่มใส
แต่ภายในปรวนเปเล่ห์ในหวง
ล้วนแตกไว้ต่อสิ่งอิงทั้งปวง
นั้นเป็นห่วงผูกมัดจัดคนปอง.
แก้วประเสริฐ.
10 กันยายน 2556 22:07 น.
แก้วประเสริฐ
เสน่หา
๐รอยยิ้มเด่นพักตร์พริ้ม....งามตา
มองเหม่อสุดเสน่หา.........ใฝ่ซึ้ง
ตลึงแลแม่กานดา............สุดคลั่ง จริงเฮย
สบเนตรแม่ดั่งผึ้ง.............พี่ต้องหม่นหมอง. ๐
๐ รอยยิ้มเด่นพักตร์พริ้มอิ่มงามตา
ดุจดั่งมฤคาคราเฉิดกรายโฉม
เอวองค์อ่อนไหวหวั่นสุดพรั่นโลม
เหมือนแสงโคมพลิ้วไหวในสายลม
๐ ลักยิ้มเด่นสองดวงพวงแม่สวาท
งามพิลาสคราสบพบขื่นขม
สาวน้อยลอยเลื่อนพริ้มพราวอารมณ์
ช่างยากข่มยามเปลี่ยวเสี้ยวหัวใจ
๐ อกเอ๋ยอกพบพาคราขวานบิ่น
แทบจะสิ้นเสน่หาคราสดใส
เหมือนแก้วร้าวคราวพบสบไฉไล
ยากจะได้สท้อนห้วงล่วงสู่จินต์
๐ งามยิ่งนักดั่งมฤคาครากรายสวาท
พราวพิลาสนวลใยใจแทบสิ้น
เหมือนจับบัวสองมือยื้อระริน
หมู่ภมรบินไขว่คว้าคราหว่านโลม
๐ ได้แต่มองสบเนตรเฉดนกเขว้า
สุดแสนเศร้าหฤทัยในเฉิดโฉม
โอ้เจ้าหนอดวงใจคล้ายถูกโคม
เปลวแห่งโสมแผดเผาเคล้าห้วงใน
๐ ปวดทรวงลึกร้าวไปคล้ายถูกกรีด
คมแห่งมีดเฉือนเชือดเลือดสดใส
เป็นแก้วร้าวคราวพบสบไฉไล
ดุจกระต่ายชะเง้อไว้ในดวงจันทร์
๐ ได้แต่มองละห้อยคล้อยห้วงอดีต
ยากจะกรีดหวนกลับยากนับสวรรค์
เพียงดวงเนตรแพรวพราวราวอนันต์
ฉีกชีวันสรรสร้างอยู่กลางโคลน.๐
แก้วประเสริฐ.