23 พฤศจิกายน 2555 18:25 น.
แก้วประเสริฐ
*กาพย์น้อยลอยฟ้า...แก้วประเสริฐ.*
โอ้กาพย์เอ๋ยกาพย์น้อย เจ้าล่องลอยสู่แดนสรวง
แบบเจ้าเคล้าพุ่มพวง แวววับดวงล่วงธานี
คำที่ห้าประดับสาม ยุรยาตรตามมิหมองศรี
ร้อยส่งรับราตรี ห้าสามนี้ซิพุ่มพวง
แบบสองต้องบรรจง ไม่ปลิดปลงแบบหนึ่งล่วง
ย่างกรายตามหมายดวง วรรคสี่หวงไม่รับกัน
วรรคหน้าห้าประดิษฐ์ สามหลังคิดรับหกพลัน
ท้ายสองรับเสกสรร ไม่รับท้ายร่ายลำนำ.
แบบหนึ่ง
กา กา กา กา ก่า กา กา ก่า กา กา กา
กา กา กา กา ก่า กา กา ก่า กา กา กา
แบบสอง
กา กา กา กา ก่า กา กา ก่า กา กา กา
กา กา กา กา ก่า กา กา กา กา กา กา
กาพย์นี้ไพเราะเหลือ ทั้งเอื้อเฟื้อเยื่อสัมพันธ์
ทุกอย่างต้องเสกสรร สูงต่ำล้ำย้ำเสนอปอง
อีกทั้งเล่นคำฉันท์ สร้างรำพันสุดสนอง
ครุลหุไม่ต้องมอง แต่ควรมีสันสฤตนำ
ใกล้แล้วดวงแก้วนี้ ต้องจรลีมิอาจหัน
ฝากไว้ไมตรีกัน ก่อนจะสิ้นซึ่งลมปราณ
หากสลายไม่มาเยือน เปรียบเสมือนขอลากัน
น้อมกรอภิวัน ฝากลิขิตสถิตย์กลอนไทย.*
* แก้วประเสริฐ.*
23 พฤศจิกายน 2555 16:57 น.
แก้วประเสริฐ
วิธีเขียนโคลง.....แก้วประเสริฐ. *
* เอกเจ็ดโทสี่ย้ำ คำโคลง
วางกรอบไว้จรรโลง แม่นแท้
คำตายเอกแทนโยง ผองสู่ นาแม่
ฉันทลักษณ์จำแล้ กอบเจ้าสู่สรวงฯ.*
* ก่อนอื่นต้องขอออกตัวว่า มิได้เก่งกาจในเรื่องนี้แต่อย่างไร เพียงแค่เล่นได้พอตัวเท่านั้น แต่เนื่องจาก
มีคนสอบถามมาและขอคำแนะนำ เพื่ออัธยาสัยไมตรีต่อกันก็บอกไป บางทีก็เหมือนและบางทีก็ขาดตกหล่น
ไปก็มี ด้วยความที่ไม่ติดยึดนักจึงเขียนการแต่งโคลงไว้คร่าวๆเพื่อจะได้เป็นแนวทางเดียวกันสำหรับผู้ที่สนใจ
ในวิธีการเขียนโคลงที่ได้เล่นมาเท่านั้น ปกติจะแต่งเฉพาะกลอนเป็นส่วนมาก ดังนั้นหากผู้รู้มากก็อย่าหัวร่อกัน
ก็แล้วกัน เพราะผมไม่ได้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงแม้ว่าจะชอบเป็นอันดับหนึ่งก็ตาม เนื่องจากรู้ตัวดีว่ายังขาดหล่น
ตกบกพร่องที่ไม่รู้ไปอีกมาก เอาเฉพาะที่รู้และใช้เล่นจะดีหรือไม่ก็พิจารณาเอาเอง ซึ่งได้ทำไว้เพื่อสำหรับคนที่
ต้องการวิธีการเล่นโคลงเฉพาะชอบวิธีการของผมเท่านั้น ซึ่งมีดังต่อไปนี้ *
การขียนโคลง ซึ่งว่ายากก็ยาก ว่าง่ายก็ง่ายหากเป็นกลอนแปดแล้ว
ไม่นับว่ายากแต่อย่างไร เวปฯที่มอบให้นั้นมีอยู่แล้วแต่ไม่รัดกุมเท่าไรนัก คนอ่านจะงุนงนมากไม่ขยายความ
ก็จะสับสน เพราะหากจับทางได้แล้วทำตามแบบที่ค้นคว้าไว้ก็ไม่ยากนัก การเขียนโคลงแบ่งเป็น โคลง
ทั่วๆไป โคลงเล่นคำ โคลงเล่นคำสำนวน โคลงคำสำนวนซ่อนรูป เธอเอาโคลงทั่วไป คือโคลงสี่สุภาพ
ซึ่งนิยมเล่นกันทั่วๆไป
รูปแบบโคลงและ ฉันทลักษณ์
แบบโคลง
กา กา กา ก่า ก้า กากา (กากา) (สร้อยคือคำอุทานขยายความ)
กา ก่า กา กา กา ก่าก้า
กา กา ก่า กา กา กาก่า (กากา) (สร้อยคือคำอุทานขยายความ)
กา ก่า กา กา ก้า ก่าก้ากากา (กากา) (คำปิดท้ายนี้ส่วนใหญ่ใช้ "บารณี")
แบบฉันทลักษณ์
คือการกำหนดเสียง เอก โท ให้ตรงข้อบังคับในรูปแบบ และสิ่งปลีกย่อย
อื่นๆที่ทางตำราไม่ได้ลงไว้ ในการใช้เสียง เอก โท บังคับโคลงเอาไว้
นี่คือรูปแบบโคลง หากเป็นโคลงสี่สุภาพจะไม่มีคำอุทานขยายความ ตัดข้อความในวงเล็บออก
ที่มีมักเป็นโคลงกระทู้แปลง
ควรจำ โคลงถูกบังคับด้วยสระ เอก และโท จะเปลี่ยนแปลงมิได้ คือ เอกเจ็ด และโทสี่ นอกนั้น
คำสระใช้ได้แต่ไม่นับ นับเอกโทตามบังคับในกรอบของโคลง
เอก 7 โท 4 อยู่ที่ไหน คือ
วรรค 1 เอกอยู่ในคำที่สี่ คำที่ห้า เป็น โท ส่วนคำสร้อยขยายความต้องลงท้ายด้วยคำว่า พ่อ แม่ เอย
แฮ เฮย ฯลฯ เป็นต้น
วรรค 2 เอก อยู่ในคำที่สอง คำที่หก ส่วนคำที่เจ็ดเป็น โท
วรรค 3 เอกอยู่ในคำที่ สาม กับคำที่ เจ็ด
วรรค 4 เอกอยู่ในคำที่ สอง คำที่ หก ส่วนโทอยู่ในคำที่ ห้า และเจ็ด
ข้อควรจำ
วรรคแรก คำที่หก ให้อนุโลมเสียงเอกและคำตายได้ แต่ห้ามเสียง โท เด็ดขาด
วรรคสองและสาม คำที่ห้าห้ามใช้เสียง เอก โท เด็ดขาด และ
วรรคสาม คำที่ หก ห้ามเสียง โท เด็ดขาด ใช้เสียง เอก หรือ คำตาย แทน ทั้งสองคำนี้ ห้ามเสียง โท
หมายเหตุ เสียงเอก ใช้คำตายแทนเสียงเอกได้ คำตายคือคำเสียงสั้นๆ คำเป็นคือคำเสียงยาวๆ
คำตายประกอบด้วย เสียงสะกดในแม่ก.กา คือ กก กด กบ ยกเว้น อำ ไอ ใอ เอา (เป็นคำเป็น)
เคล็ดลับ เสียงที่สะกดเป็นคำเป็นในแม่ก.กา คือ กง กน กม เกย เกยว(เสียง ว.) และพวก
อำ ไอ ใอ เอา
จงจำคำเป็น พวกนี้ไว้ คำที่ไม่อยู่และสะกด ถือเป็น คำตาย ทั้งสิ้น ออกเสียงจะอยู่ใต้จมูกลงมาระหว่างปาก
มักจะเป็นคำๆเดียวได้ใจความเช่น พ่อ แม่ เรา เขา เป็นต้น
ระดับเสียง เปล่งเสียง เสียงนั้นหากเสมอ จมูก เป็น เสียงกลาง
เปล่งเสียง เสียงนั้นเลยจมูกไปจดหน้าผาก เป็น เสียงสูง
เปล่งเสียง เสียงนั้นต่ำกว่าจมูกลงมาถึงริมฝีปาก เป็น เสียงต่ำ
คำตายคือ เสียงต้องอยู่ใต้จมูกลงมา และมีเสียงสั้นๆเท่านั้น คือ พ่อ แม่ พี่ ป้า ฯลฯ เป็นต้น
การใช้เสียง จะเห็นว่าบางคำคิดว่าเป็นคำตาย หาก สะกดในคำเป็นก็ไม่นับเป็นคำตาย เช่น น้อง สาว เป็น
เสียงกลาง ไม่จัดอยู่ในเสียงสั้นๆ น้อง ไปทางเสียงสูง สาว ไปในทางเสียง ต่ำ แต่จัดอยู่ เสียงกลาง เป็นต้น
การใช้เสียง เอก โท สะกดนี้ มักจะออกไปใน
แนวทางเสียงจัตวา เป็นส่วนมาก
การใช้กลอนแปด เข้าผสมกับ โคลง ประโยชน์ ทำให้โคลงนั้นเกิดเร้าอารมณ์คนอ่าน ไหวพลิ้ว อ่อนช้อย
หวาน และลื่นไหลไปตามจังหวะ (แม้นจะเขียนแบบเศร้าๆก็ออก เศร้าปนหวาน)
เท่านี้ก็สามารถแต่งโคลงได้ทุกประเภทแล้วจ้า ส่วนลักษณะโคลงอยู่ที่เราเล่น ไม่ว่าโคลงนั้น
เป็นโคลง เล่นคำ เล่นคำสำนวน หรือ คำสำนวนซ่อนรูป อยู่ที่เราจะแต่งและฝึกฝนเอง จ้า
ผิดพลาดพลั้งอย่างไรอภัยด้วยที่บังอาจเขียนขึ้นมา สวัสดี.
*เหมือนลางร้ายนำพาจึงมาเขียน
สิ่งพากเพียรร่ำรู้สู่วรรณศิลป์
มิได้หวังสิ่งใดในดวงจินต์
ใกล้จะสิ้นกำหนดหมดเวลา
จึงขอฝากสิ่งรู้คู่แก้วประเสริฐ
มิล้ำเลิศอย่างไรในค้นหา
หากผิดพลาดพลั้งไปอภัยนา
ด้วยเวลาสั้นแล้วแก้วต้องจร.*
* แก้วประเสริฐ. *
16 พฤศจิกายน 2555 14:39 น.
แก้วประเสริฐ
** แปดฤาไฉน.......แก้วประเสริฐ.**
บูรพาจารย์จารึกตรึกอักษร
หากเล่นกลอนแปดนั้นอันสดใส
อักษราอ่อนพลิ้วลอยลิ่วไป
สัมผัสในนอกไว้ควรใส่กัน
จะมีบ้างบางคำย้ำหลีกเลี่ยง
ทำนองเสียงบังคับนับเสกสรร
คำกล้ำเกินระวังไว้ไม่ผูกพัน
ควรสร้างจารให้เกิดเลิศไฉไล
ฉันท์ลักษณ์หมั่นจำพร่ำมิขาด
ด้วยแบ่งบาทเป็นสี่นี้เฉิดไสว
วรรคที่หนึ่งเรียกสลับประดับไป
คำสุดท้ายสามัญเน้นเต้นจดจำ
วรรคที่สองรองรับท้ายบทแรก
นิยมแจกจัตวาอย่ามาขำ
ห้ามโทตรีสามัญนั้นผูกนำ
อีกมีรูปวรรณยุกต์พร่ำย้ำแจง
หากเขาใช้เสียงตรีนี้เป็นไฉน
ด้วยเหตุได้กลอนส่งบรรจงแฝง
จำต้องปองสนองไว้ให้พลิกแพลง
กลอนมีแรงได้ไพเราะเจาะอารมณ์
วรรคที่สามกลอนรองต้องค้นพบ
จงบรรจบเสียงสามัญครั้นเสพย์สม
ห้ามจัตวาวรรณยุกต์รูปเชยชม
คำตายบ่มเสียงตรีรับกลับมา
วรรคที่สี่กลอนส่งบรรจงสอย
นิยมร้อยสามัญเสียงหรรษา
เว้นคำตายวรรณยุกต์รูปผูกพา
เสียงตรีหนาก็ได้ไม่เป็นไร
สัมผัสนอกในควรมิแอบแฝง
ซึ่งเป็นแหล่งไพเราะเพราะสดใส
จะไหวหวิวพลิ้วเพริศสู่เกรียงไกร
เฉิดไฉไลดังนี้ที่ควรมอง
สัมผัสนอกคำท้ายกลอนได้ส่ง
แล้ววางตรงสองสามสี่ที่วรรคสอง
หรือห้าหกเจ็ดได้ให้ทำนอง
แต่ควรต้องคำสามตามตำรา
สัมผัสในโลมเรียงเคียงห้าเจ็ด
หรือเบ็ดเสร็จสามสี่ก็ดีหนา
หากไม่มีก็ได้ไม่นำพา
เพียงแต่ว่ากระด้างมิสร้างจินต์
อักษรสูงเสียงสูงผดุงจิต
สิบเอ็ดคำนำประดิษฐ์ให้ถวิล
อักษรกลางวางเก้าเฝ้ากวิน
นอกนั้นสิ้นต่ำหมดจรดกาล
กลอนแปดแปดคำพริ้งระวิงแว่ว
จะเพริศแพร้วอย่างไรให้ประสาน
จิตอารมณ์ผสมผสานผ่านเนิ่นนาน
อักษรนั้นสรรค์หาจะพาเพลิน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
14 พฤศจิกายน 2555 15:10 น.
แก้วประเสริฐ
* รักเผื่อเลือก *
ฉันมีรักหลายครั้งเพื่อหวังเลือก
มิได้เถือกแถไถในปัญหา
รักแรกนั้นหวานย้ำล้ำรจนา
รักสองมาสวยงามพร่ำวิไล
รักที่สามงามจิตพินิจหมาย
ฉันแทบตายเรี่ยวแรงแข่งสดใส
จนอ่อนเพลียหดหู่อดสูใจ
ด้วยเหตุไฉนยังหวังรั้งพธูงาม
อันแรกรักมักหวานปานน้ำผึ้ง
มิได้คำนึงหน้าหลังยั้งเกรงขาม
พอนานเข้าเห็นหน้ามักว่าความ
โอ้นงรามเหตุใดมิคล้ายคน
ใบหน้าสวยด้วยงามตามศักดิ์ศรี
แต่ปากนี้จัดจ้านผ่านสับสน
คนที่สองปากร้ายใจดีปน
แต่หน้ามลการบ้านมิผ่านเลย
พอเบื่อแล้วเลือกไปได้คนสาม
ใบหน้างามสิวเสี้ยนมันเลี่ยนเผย
จูบไม่ลงปลงใจเพราะได้เคย
ดุจดังเสวยม่วงเน่าเผาใจจินต์
มองหางตาวางไว้ในที่ตั้ง
สองตายังซ้ายขวามองหาถวิล
มาร่วมเรียงเคียงคู่สู่ชีวิน
น้ำตาสามล่วงรินปิ่มขาดใจ
คนที่สี่หันซ้ายย้ายทางขวา
แม่กานดาดั่งเสือเมื่อสดใส
มือถือดาบและปืนยื่นฝากไป
โอ้ยแทบตายเผ่นหนียาหยีตาม
มองซิมองหดหู่ยอดพธูแล้ว
ขอลาแจ้วกลับบ้านผ่านเหยียดหยาม
เมียสามคนถือไม้ไล่คุกคาม
ทั้งประนามจึงบวชสวดโลกีย์
ฉันนี้หามิได้ใฝ่เจ้าชู้
ด้วยอดสูดูหมิ่นหยามศักดิ์ศรี
เที่ยวค้นคว้าหาใหม่ไม่ใยดี
แต่ใจนี้หวังหนึ่งที่พึงครอง.
* แก้วประเสริฐ.*
6 พฤศจิกายน 2555 13:51 น.
แก้วประเสริฐ
* เจ็ดราศี *
วันอาทิตย์ใจจิตง่าย ทำบุญใครไฟตกน้ำ
สร้างสิ่งอิงระกำ เหมือนตอกย้ำตะปูโลง
วันจันทร์นั้นเสน่หา นึกแก้วตามาเป็นโขยง
ชายหญิงอัศจรรย์โยง ช่างปลอดโปร่งในมรรคา
วันอังคารผ่านเจ้าชู้ เปิดประตูสู่ไขว่หา
ไม่กลัวสิ่งตามมา ทั้งรบราและฆ่าฟัน
วันพุธกุดหัวท้าย ทำสิ่งไรมักเหหัน
เวรกรรมนำสิ่งพลัน ราหูนั้นสรรอับจน
วันพฤหัสจัดเป็นปราชญ์ รอบรู้ศาสตร์ทุกแห่งหน
นิ่งขรึมประพฤติตน ชอบเป็นคนไม่โวยวาย
วันศุกร์สุขใจยิ่ง ได้ทุกสิ่งมิขนขวาย
ขี้เกียจจนวอดวาย พอจะตายให้ทำงาน
วันเสาร์เผาทุกสิ่ง นักเลงจริงใจจิตซ่านส์
ทุกอย่างขวางรำคาญ ต้องพลิกผันดันตนเอง.
* แก้วประเสริฐ.*