31 พฤษภาคม 2554 19:09 น.
แก้วประเสริฐ
๐ บุษบันใฝ่ถวิล ๐
๐ กลั่นก้านแก้วเกิดกริ้ง....กังวาน
บ่งบุษบันเบิกบาน............ซ่านสล้าง
นวลเนานิ่งเนิ่นนาน.........ไกวแกว่ง สลับแล
ส่งสิ่งสุดแสนสร้าง...........ผ่านย้อยชูไสว.ฯ
...................................................................
๐ กลั่นก้านแก้วเกิดกริ้ง....แสงระวิงสุดสั่นไหว
ฟังเสียงพร่างพลิ้วไป........บุษบันใคร่เผยปอง
๐ เสียงเอยเจ้าเสียงพริ้ง......อวลทุกสิ่งยากหลบผอง
วัฒนาคราเรืองรอง.............ใคร่จับจองละอองมา
๐ หวานเอยเจ้ามธุรส........ซึ้งทาบจรดห้วงเวหา
อวลหอมพลิ้วซ่านมา........สิเน่หาแลร้างไกล
๐ กังสดาลเสียงแก้วนี้......อวลเฉิดฉวีล่องลอยไป
แสงทาบอาบไฉไล...........ประกายไล้สุดพรรณา
๐ แวววับประดับศรี........ดั่งอัญมณีเสาะแสวงหา
หวานเจ้าแจ้วรจนา........ล้วนนำมาหรรษาเพลิน
๐ บุษบันเผยโลมกลิ่น....ป่วนระรินมิอาจเขิน
ก้องกริ้งแก้วหยอกเอิน....มิอาจเมินจากห้วงใจ
๐ สายลมบ่มเสียงแผ่ว....เอื้อนใสแจ้วซ่านซึ้งไหว
เย็นเยือกป่วนห้วงใน........พร่างไฉไลเสนาะล้ำ
๐ หวานเอยหอมสิ่งแผ่ว...ลืมค่ำแล้วกลิ่นคงย้ำ
แสงทองสนธยาร่ำ...........กริ่งกร้างล้ำนำสู่ครอง
๐ บุษบันยังหลงเสียง......ยากคิดเคียงจะหมายปอง
แวววับจับเรืองรอง..........กรุ๊งกริ้งแก้วก้องก่อไกล.
............................................................................
๐ อุระบุษบัน................ผิจะผันระเด่นลุแก้ว
ระวิงปะใจแพร้ว............สิบ่ร้างมิเว้นจะเชย
ซิฟังมุ่งอวลชม........ใจปะบ่มคู่เคล้ามิเผย
ผิหวนลุร้างเคย.............มิละไขว่บ่ได้สู่ครอง.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
27 พฤษภาคม 2554 23:30 น.
แก้วประเสริฐ
สิ่งว่างเปล่า
๐ ย้อนตะวันจันทราเวลาฉาย
ผันเรียงรายสู่กาลอันฟุ้งหมอง
ผ่านมืดคลุ้งยวนเย้าที่เฝ้าปอง
วกสิ่งครองน้อยนิดกระจิดเดียว
๐ วนเวียนส่งสิ่งใดที่หมายมั่น
พึงสุขสันต์นิดหนึ่งมิพึงเฉลียว
แฝงร้อนปนส่งให้ใจเป็นเรียว
มิกลมเกลียวทอไว้ในห้วงกมล
๐ สิ่งที่หอมย้อมไว้มิได้เหม็น
ป่วนลำเค็ญสร้างไว้ในสับสน
มิพบทางเคลือบแห่งที่แฝงตน
อวลระคนเวียนวนปนน่ากลัว
๐ ทุกสิ่งโลกผันขั้วมัวใหลหลง
สร้างพะวงลืมสิ่งอิงแฝงชั่ว
หลงจนมัวฝากลงตรงในตัว
สิ่งระรัวจักเร้นเน้นที่สบาย
๐ ตะวันย่อมลาลับนับวันใหม่
ห้วงฝากใจผกผินประวีณฉาย
แม้ราตรีเดือนดาวเฝ้าประกาย
สิ่งสุดท้ายห้วงกาลผ่านล่วงเนา
๐ เปรียบอายุหาใช่ในตัวเลข
ความวิเวกหาใช่ว่าโง่เขลา
มืดมิดนั้นหาใช่ไร้สิ่งเยาว์
ผ่านค่ำเช้าหาใช่ไร้หมองมัว
๐ ทุกสิ่งอย่างวางไว้ใจกำหนด
อริยบถซ่อนเน้นเร้นสิ่งสลัว
อยู่กับที่มิสร้างร้างเพราะตัว
ผ่านเย้ายั่วอ้างว้างวางดวงใจ
๐ มวลทุกสิ่งแอบอิงระวิงว่าง
ซ่อนสิ่งจางสลับไปในสดใส
ซึ่งวันใดแตกสิ้นจินต์ภายใน
ฝากเหลือไว้ดีงามตามลำพัง.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
24 พฤษภาคม 2554 00:49 น.
แก้วประเสริฐ
เปล่าเปลี่ยวแลเดียวดาย
๐ เจ้านกน้อยเปลี่ยวร้าง กลางจิต
แฝงโดดเดี่ยวมุ่งคิด สิ่งน้อย
เดียวดายปลี่ยวล้วนลิด เหตุก่อ มากนา
หลงสิ่งเหลือคำถ้อย ผ่านไว้ลับหายฯ
๐ เจ้านกน้อยเปลี่ยวร้างสู่กลางจิต
โดดเดี่ยวคิดใฝ่ปองประคองถ้อย
หลงฝากตัวอยู่เดียวเปลี่ยวใจคอย
ห้วงผูกร้อยป่วนฤดีหนีพรากจาง
๐ สายผูกพันงดงามอร่ามถวิล
เคียงคู่จินต์ขาดวิ่นถิ่นเคยสร้าง
เวหาหนขอบฟ้าพร่าเลือนลาง
สู่เคว้งคว้างหมดใยล้วนใฝ่จร
๐ ท้องทะเลเหว่หว้าระอาผ่าน
สิ่งวันวารด่วนร้างกลางสิงขร
สิ้นเสียงหนึ่งพึงจรดอาวรณ์
อลงกรณ์ห้วงลึกตรึกผู้เดียว
๐ นกนางนวลสรวลรักประจักษ์ซึ้ง
สิ่งตราตรึงซ่อนซุกรุกย้อนเหลียว
เบื้องล่างวนวาบไหลไล้เป็นเกลียว
หมุนเป็นเสี้ยวจางหายของสายชล
๐ พุ่มพฤกษ์เขียวเลี้ยวลดจรดใฝ่ร้าง
ความอ้างว้างฟุ้งผ่านซ่านสับสน
เหลือผู้เดียวเปลี่ยวใจวกในกมล
ผ่านอลวนคล้ายลมเข้าถมทะเล
๐ นวลสีครามยามกว้างสุดขอบฟ้า
ห้วงเหว่ว้าอาวรณ์ย้อนหักเห
เจ้าลืมแล้วแพรวไสวใยปนเป
สร้างคะเนเหหันพลันล่วงริน
๐ มิอาจคิดนอกจากฝากใจแผ่ว
สุดสิ้นแล้วเหนือสิ่งอิงเคยผิน
หวนขอบฟ้าเหิรไปใฝ่ประวีณ
พลิกหวานสิ้นดุจตะวันจันทรา
๐ ได้แต่มองเฝ้าหาคราคิดถึง
หวนรำพึงผ่านไปดุจคล้ายหา
แต่ผู้เดียวบินเดี่ยวเปลี่ยวเอกา
น้ำจรดฟ้าพฤกษ์เขาลำเนาไพร.
แก้วประเสริฐ.
17 พฤษภาคม 2554 16:24 น.
แก้วประเสริฐ
๐ สิ่งลวงฝัน ๐
๐ ล้วนสิ่งหวังครั้งหนึ่งซึ้งตรึงตรึก
ซ่อนแอบผนึกฟุ้งซ่านกาลผ่องใส
ร้อนลุ่มลึกแผ่ซ่านล้วนผ่านใน
ทดสิ่งไว้พุ่งพราวราวดวงเดือน
๐ ใยซ่อนเร้นแอบลึกนึกย้อนยอก
เผยสิ่งบอกเร่งเร้าเฝ้าแอบเฉือน
จนหมกไหม้คุกรุ่นละมุนเลือน
ผ่านแชเชือนในสิ่งอิงรัญจวน
๐ ครั้นทบทวนมิพบประสบเห็น
สิ่งเยือกเย็นคละคลุ้งปรุงโหยหวน
แต่สิ่งลึกแปรขจัดผลัดทบทวน
สั่นห้วงจวนจะขาดปราศใยยอง
๐ มาบัดนี้สิ่งเร้าพึงเคล้าแนบ
ฟุ้งมาแอบหวังไว้ในสิ่งสอง
โอ้นี่หรือชีวิตผลิตครรลอง
ยากประคองคืนสู่เป็นผู้คน
๐ ฉันเพียงหวังแค่ฝันนั้นพึงสร้าง
กลับอ้างว้างพลิกสั่นอันสับสน
ร้อนลุ่มลึกแอบพิงอิงวกวน
พลิกสู่ปนหนาวสั่นวันแห่งกาล
๐ เท็จลวงจริงอิงเท็จระเห็จผ่าน
เนาเนิ่นนานผ่านเคล้าเย้าประสาน
คืนสู่ห้วงดุจสิ่งอิงวันวาร
ที่เคยจารจรดไว้คล้ายหมองมัว
๐ ที่ผ่านไปกลับย้อนซ่อนสิ่งเร้น
ดั่งภาพเช่นแจ่มชัดขจัดสลัว
พลิ้วไหวนิ่งลอบเร้นเด่นจนกลัว
บางครั้งยั่วดั่งเช่นเน้นหนทาง
๐ แล้วสลับซับซ่อนย้อนงำเยื่อ
เหมือนจะเผื่อกลับหายวิไลสาง
ความร้อนรุ่มแทรกไว้ให้เจือจาง
โดยจัดวางแผ่ไว้ให้วังเวง.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
12 พฤษภาคม 2554 14:55 น.
แก้วประเสริฐ
แม่นางพรายตานี
๐ มองเหม่อฟ้าค่ำแล้ว สนธยา
นกหมู่กาพร่ำหา ร่ำร้อง
ประกายสีแพรวมา ทาบก่อ ม่านแฮ
นางหนึ่งพึงมองจ้อง แนบไม้งามไสวฯ
..........................................
๐ รำพึงหันเหม่อมองฟ้าค่ำแล้ว
เสียงเจื่อนแจ้วร่ำร้องก้องเวหน
ตะวันรอนอ่อนช้อยยากเวียนวน
โหยหวนปนสนธยาฟ้าเลือนลาง
๐ สุคนธ์อวลจากสุดาพาลอยล่อง
ผุดผาดผ่องแสงรวีที่เหินห่าง
พิศเพ่งหนึ่งทรวดทรงเอวองค์นาง
งามกระจ่างกลางไม้ไม่ห่างไกล
๐ กลิ่นบุปผากวินตลบจบนาสิก
สั่นระริกห้วงฤทัยแกว่งไกวไหว
เคียงข้างต้นพฤกษาคราแกว่งไกว
แพรวพราวไสวซ่านฟุ้งผดุงชีวิน
๐ งามหยาดฟ้าแม่นางข้างไม้กล้วย
จิตระทวยสไบน้อยย้อยสร้อยศิลป์
สีเขียวอ่อนคลุมไหล่ไล้หอมริน
ผ่านผ้าซิ่นงามพริ้งอิงขลิบพลู
๐ หันมายิ้มเย้ายวนชวนเคลิ้มฝัน
ห้วงใจสั่นแม่เอยเผยสล้างสู่
มีรอยบุ๋มสองข้างพักตร์โฉมตรู
อยากจะกู่ก้องฟ้าคราพบพาน
๐ เพ็ญจ่างฟ้านวลไสวโลมไล้ลูบ
คิดเคล้าจูบนวลนางวางประสาน
เป็นเนื้อหน่อคลอเคล้าเฝ้าเบิกบาน
นวลแสงผ่านระยิบพริบทาบอนงค์
๐ ยามยื่นมือจับกล้วยช่วยงามเผย
ขาวพราวเย้ยนวลจันทร์สั่นใจสวง
เต่งตึงอวบอูมเปล่งเน้นยากปลง
ยอดปลายตรงซ่านฟุ้งคลุ้งอบอวล
๐ นางหันยิ้มคล้ายชวนรัญจวนสั่น
วาบไหวหวั่นหฤทัยในสิ่งหวน
ทาบสู่จิตวูบวาบอาบเนื้อนวล
สุดปั่นป่วนห้วงใจคล้ายมึนเมา
๐ พลันกวักมือเรียกไว้ในแขนอ่อน
เสียงเห่าหอนระงมข่มใจเขลา
เมฆบดบังแสงจันทร์นั้นเหลือเงา
คิดเคลียเคล้าเดินไปไม่หวั่นเกรง
๐ ครั้นใกล้นางเสียงก้องร้องดังกรี๊ด
คล้ายนกหวีดเป่าให้กระฉับเฉง
พลันหวนคำอาจารย์ผ่านวังเวง
ร่ำคล้ายเพลงโหยหาคราคร่ำครวญ.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
๐ แม่นางพรายตานีเป็นนางไม้ในอีกลักษณะหนึ่งที่อาศัยต้นกล้วยตานี
เป็นที่อยู่อาศัยคล้ายๆกับแม่นางตะเคียน มีรูปร่างสวยงดงามยิ่งนัก
หากต้นกล้วยอวบใหญ่ร่างกายก็จะท้วมแต่งดงาม หากเป็นต้นกล้วยที่
สูงโปร่งรูปร่างก็จะฉลวย มีกลิ่นหอมอ่อนๆตามเนื้อตัว เป็นนางไม้ที่มี
ความซื่อสัตย์หากใครได้เป็นภรรยา แต่นิสัยไม่หึงหวงรักเดียวใจเดียว
ผิดกับพวกนางไม้อื่นที่มักจะเห็นแก่ตัวมาก
หากบอกกล่าวว่าจะมีภรรยาก็จะช่วยเหลือด้วยเห็นว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์
ต่อนาง ช่วยเหลือด้านกิจการต่างๆให้รุ่งเรืองเป็นที่ รักของคนทั้งหลาย
จะออกมาในเวลากลางคืนไปแล้วหลังตะวันลับฟ้า ห่มผ้าสไบเฉียงสี
เขียวอ่อนนุ่งผ้าซิ่นขลิบทองคล้องสร้อยสวยงามยิ่งนัก แต่หากชายใด
ไม่ซื่อสัตย์บอกกล่าวไปหาหญิงอื่น คราวนี้ด้วยความหึงหวงนางจะฆ่า
ชายคนนั้นทันที ในฐานะไม่ซื่อสัตย์ต่อนางนำไปอยู่ด้วยกันทันที
ข้าพเจ้าเคยเขียนเกี่ยวกับแม่นางเนื้อหอม คือ นางกากี มา ก็เลย
เขียนแบบสรุปไว้ไม่ยืดยาว ซึ่งรายละเอียดมีมากมายนัก
เอามาฝากไว้ขอรับท่านทั้งหลาย.....แก้วประเสริฐ.๐