29 เมษายน 2554 17:57 น.
แก้วประเสริฐ
๐ หยาดน้ำตา ๐
..๏ สูงสุดแล้วหยั่งซึ้ง เด่นผอง ไขว่แฮ
ซุกซ่อนหวังใฝ่ปอง มากคว้า
ไพร่ดินสู่เรืองรอง ลืมหมด ต่ำนา
ใจจิตหวังเทียบฟ้า แผ่สร้างเรืองสนองฯ
..๏ แสงโชนลุกเผาไหม้ แดนดิน ท่วมนา
หวังเพื่อสร้างใหญ่จินต์ สุดสล้าง
มิมองเผ่าหยาดริน หยดก่อ พล่านเฮย
เดือนมืดตะวันร้าง เลือดล้นแผ่สยาม๚ะ๛
..๏ สูงสุดแล้วหยั่งซึ้งไผปองชน
ซ่อนซึ้งปนอาจเอื้อมเหลื่อมสนอง
กาดำคิดสู่หงส์ลืมพงศ์ครอง
สิ่งทั้งผองหวังเทียบเปรียบแมนฯ
..๏ ซ่อนซุกหวังไขว่คว้าเรืองรอง
สู่ลำยองสิ้นชายคล้ายหวงแหน
ลืมสิ้นจากดินใต้จากในแดน
สู่พลิกแกนไขว่คว้าหาสิ่งหมายฯ
..๏ ชาติเชื้อลืมเผ่าพงศ์หวังหงส์ไว้
ดำรงในพลิกแพลงแฝงผึ่งผาย
ดำรงศักดิ์ซ่อนร่างพลางเร้นกาย
อำนาจขยายหมกเน้นเด่นสู่ปองฯ
..๏ หลงกลมนต์เสน่หาพาเพลิดไหว
เหล่าข้าทาสพลิกไกวในสิ่งสนอง
ต่อหน้าหนึ่งหลังกลับระยับครอง
เพื่อจับจองดั่งกรดจรดซ่านใยฯ
..๏ เหล่าทาสใดฝากตนระคนสร้าง
เข้าจัดวางยกย้อนพลิกซ่อนไสว
หาเครื่องเซ่นเด่นซึ้งพึงเกรียงไกร
มิห่างไกลเช่นหญิงแต่อิงชายฯ
..๏ ดินแดนเก่าเฝ้าเมินมิเหินกลับ
เหล่าใต้ปรับเชิดสูงผดุงฉาย
เฝ้าดีใจทุกแห่งพลางแฝงกาย
พรรณรายโชติช่วงทุกดวงแดฯ
..๏ ต่างดีใจเหล่าตนเป็นคนใหญ่
เฝ้าเพลินไสวยกย่องครองร่างแห
ครอบคลุมทั่วผ่านดินถิ่นผันแปร
จ้องมัวแผ่หวังไสวใฝ่ความเจริญ
..๏ กาลผ่านไปคล้ายหวังพังพินาศ
สิ่งมุ่งมาดพลันหายกลายหงส์เหิร
ตาเริ่มสว่างบางเหล่ายังเฝ้าเพลิน
แล้วต้องเผชิญน้ำตาคราวอดวาย
..๏ คลุมอำนาจทุกแห่งเพื่อแฝงฟ้า
ไพร่จากกาเป็นหงส์ลืมพงศ์ขยาย
แสร้งหน้ายิ้มปากหนึ่งซึ้งพริ้มพราย
สร้างเฉิดฉายปรับโง่โถเช่นควาย๚ะ๛
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
24 เมษายน 2554 14:12 น.
แก้วประเสริฐ
ร้อยเล่ห์กล
๐ ใจจิตเราฟุ้งไปในคละคลุ้ง
ยากจะจรุงเหหันนั้นหวนเห
ร้อยคำพูดหนึ่งไว้มากรวนเร
ล้วนอุปเท่ห์ลวงหลอกเคล้าหยอกใจ
๐ หมั่นตรวจตราติดตามงามจึงทราบ
หันเหทาบไตร่ตรองจึงผ่องใส
รู้จิตเขาเปรียบเราเฝ้าตรองไป
จึงทราบในส่วนลึกตรึกเล่ห์กล
๐ ต่อหน้าหนึ่งหลังกลับนับคนฆ่า
ทั้งวาจาอาบโชลมบ่มสับสน
หวานสุดหวานทอทาบอาบกมล
ภายในปนหยามหมิ่นแล้วนินทา
๐ นี่นะหรือคือคนระคนเล่ห์
ทำตัวเท่ห์ใจจิตมากคิดหา
เอาเปรียบนิดผ่านไว้ใคร่ได้มา
ทำหน้าตาแย้มยิ้มเพื่อลิ้มลอง
๐ พอจับได้รู้ทันนั้นหน้าซื่อ
แสร้งทำบื้อแก้ไปในสิ่งสนอง
โยนความผิดคนอื่นยืนเมียงมอง
หลบตาจ้องหน้าเศร้าเคล้าน้ำตา
๐ การคบคนอ่านใจนั้นให้ออก
ทั้งในนอกสอบสิ่งล้วนอิงผวา
จับถ้อยความแล้วคิดพิจารณา
ไตร่ตรองหาความจริงในสิ่งปน
๐ อันรูปลักษณ์หน้าตาหาใช่เหตุ
อาณาเขตหรูหราอย่าพาสน
ใจทุกคนวอกแว๊กแยกระคน
อย่าหลวมตนเข้าสู่ผู้ป้อยอ
๐ สติปัญญามีไว้ให้ใช้เถิด
ธรรมชาติเชิดสูงสุดผุดไว้หนอ
เพื่อยับยั้งร้อยเล่ห์เหหันพอ
จงอย่าท้อติดตามนิยามไป
จะรอดพ้นจากภัยในวิบัติ
ที่เขาจัดลวงล่อป้อยอใส
นำธรรมะสอดแทรกแยกภายใน
ก็จะได้เหตุผลปนความจริง.
แก้วประเสริฐ.
23 เมษายน 2554 17:50 น.
แก้วประเสริฐ
อัปสรเทวีกาหลง
๐ หอมระรวยเทวัญทุกชั้นฟ้า
อบฟุ้งมาโปรยซึ้งตรึงห้วงถวิล
ลุกลามย้อมยั่วเย้าเคล้าโชยริน
สู่ห้วงจินต์กลิ่นพลิ้วลอยลิ่วไป
๐ พึงพบนางคลอเคล้าเฝ้าพฤกษา
ภาพลักขณางดงามหวามสดใส
ปทุมพุ่มพวงโน้มเด่นเน้นภายใน
ป่วนหวานไว้อวลซึ้งคนึงจันทร
๐ แฝงแกว่งไกวนวลฉวีดั่งมณีเชิด
วาบหวิวเกิดซึ้งไสวในอัปสร
ย้อมกลิ่นเนื้อจรุงไว้ในบังอร
พิศเย้าจรผ่านล้อมสู่อ้อมจินต์
๐ ปวงทวัญรานจิตจริตซ่านฟุ้ง
อวลเน้นมุ่งคลอพฤกษ์รำลึกถวิล
หอมกลิ่นป่วนฟุ้งซ่านผ่านห้วงริน
แทบขาดดิ้นวาบหวิวพลิ้วใจครวญ
๐ ด้วยเดชะมนต์เสน่ห์พล่านเหหวน
เพลินรัญจวนรอบต้นระคนสวน
เรียงรายรอบเขตไว้คล้ายชักชวน
คลั่งปั่นป่วนยากกลับนับหลงกาย
๐ คลุ้งระรินย้อมซ่านผ่านมารศรี
ผกาเทวีพราวพฤกษ์ผนึกขยาย
เหล่านกกาจับคอนซ่อนเรียงราย
เพริศโฉมฉายห้วงฉ่ำเลิศล้ำทรวง
๐ มิอาจถอนร่อนพรากจากแนวนี้
เฝ้าคลุกคลีหลงใหลดุจคล้ายสรวง
กลิ่นกาหลงเผยหอมเคล้าดอมปวง
วาบหวามห้วงร่วงต้นปนคลั่งตาย
๐ อวลย้อนตลบโชยไปในแมนฟ้า
รัญจวนพาเทพซ่านผ่านขวนขวาย
แม้นแต่องค์ปิ่นสวรรค์ให้ครั่นกาย
พลางเสด็จผายพรากบรรถรร่อนมา
๐ จำละพฤกษ์จากไปด้วยใจเศร้า
พึงหมายเฝ้าเล้าโลมด้วยเสน่หา
คอยวาสนาสร้างบุญหนุนนำพา
ป่วนผวาลาคล้อยเสด็จระเห็จจร
๐ เทพอัปสรกาหลงคงฝากไม้
สร้างมนต์ไว้แดนดินถิ่นสิงขร
เพื่อหนทางศาสนาคราร้าวรอน
ผ่านขั้นตอนตบแต่งแฝงใช้นาง
๐ สานตำนานกาหลงผู้ทรงเดช
แว่นแคว้นเขตภิรมย์บ่มสะสาง
ผสานผูกจิตผ่านใจให้เลือนลาง
เมตตาสร้างผ่านเวทย์วิเศษจริง.
แก้วประเสริฐ.
19 เมษายน 2554 13:14 น.
แก้วประเสริฐ
ลุ่มลึกเกินจะรัก
..๏ วิวัฒน์กาลพลิกเด่นเน้นหมกล้ำ
พลีสิ่งช้ำพลิกสานสิ่งผ่านผอง
เมฆฟ้าดินน้ำหลั่งสร้างเนืองนอง
แสงสีทองเปลี่ยนผันคอยวันมา๚ะ๛
..๏ วิวัฒน์กาลเด่นเน้น.....ผ่านผอง
อาภากรแสงทอง.............สุดคล้ำ
ฟ้าดินเมฆเฉกปอง...........สวัสดิ์ผ่าน รอบแฮ
เคล้าคลุกลำพองย้ำ.........กลบสิ้นป่วนถวิลฯ
..๏ อุระป่วนพลิกสิ้น.......ธรณี มากเฮย
ลุ่มลึกผ่านหมกวจี..........ยากคว้า
สุดจับไขว่ปวงฤดี...........ทอทาบ นภานอ
เมฆม่านคล้ำเก่งกล้า......ลับห้วงกมลแดฯ
..๏ หยดรินห้วงหลั่งพลิ้ว....ใฝ่ปอง
ล่วงเวลาผ่านผอง..............มากล้ำ
แขนงแตกละออง..............ฝากผ่าน ปวงนา
หยามสิ่งมากฝากย้ำ..........ฉาบล้นธรณีฯ
..๏ สิ่งนี้มิอาจได้..............แผ่นคืน แน่เฮย
คลุกกรุ่นยากทนฝืน..........ล่วงสิ้น
อกหวั่นแตกทนยืน............พสุธา ครวญแฮ
มืดคล้ำดุจดั่งลิ้น...............พลิกฟ้าปิดครอง๚ะ๛
..๏ วิวัฒน์กาลผลาญเน้น
พลิกหลบเร้นสุดเปรียบเปรย
ยากแล้วจะได้เชย
หมุนเคว้งคว้างดำมืดครอง
..๏ ผืนน้ำดินที่รัก
ที่มาหักสิ่งทั้งผอง
สีเอยวับเรืองรอง
ต้องเศร้าแฝงสู่ช้ำใจ
..๏ ลุ่มลึกลำพองหนัก
เปรียบเหมือนจักรตัดสดใส
แสงทองผ่องอำไพ
กลิ่นสาบควายยากคืนมา
..๏ ฟ้าน้ำแผ่นดินหมอง
สุดจะครองสิ่งค้นหา
ห้วงรักควักวิญญา
ลบดั่งร้างสู่คืนกาย๚ะ๛
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
15 เมษายน 2554 12:27 น.
แก้วประเสริฐ
รัญจวนสิเน่หา
๐ หอมกลิ่นดอกมัณฑนาเพลาเช้า
อวลลอยเคล้าผ่านโปรยสิเน่หา
พลันพลิกป่วนล้วนซึ้งลักขณา
พลิ้วโชยมาล้ำลึกตรึกทรวงใน
๐ กลิ่นกายซ่านระคนปนเนื้ออ่อน
สั่นสะท้อนเวียนวนระคนใส
อิงแอบทาบทอหวิวพลิ้วสู่ใจ
ล้วนผ่านให้คำนึงตรึงใฝ่ปอง
๐ อกไหวหวั่นต่อสิ่งยามอิงเคล้า
อลอวลเย้ากายอาบฉาบทั้งผอง
ลอยละล่องลมพัดจัดหมายจอง
หอมลำพองพลิ้วหวนป่วนสู่กาย
๐ ซ่านหอมเชยเผยรับแววผุดผ่อง
ยามจ้องมองสะท้านผ่านรวีฉาย
เก็จน้ำค้างคอดกิ่วพลิ้วปะปราย
หลุดหล่นหายสู่สลับวับโอนเอน
๐ ดูชวนเย้าเผยสล้างระหว่างพิศ
สู่แนบชิดเผยขจายคล้ายพิมเสน
ล้วนละมุนกรุ่นล้อมหอมชัดเจน
สู่ใบเร้นผ่านห้วงช่วงเปียกปอน
๐ พลิ้วต้องลมกลีบคลายสยายหอม
กลิ่นกายย้อมซ่านฤดีมิอาจถอน
สิ่งแนบเนื้ออิงเผยเฉลยบางตอน
วับวาวผ่อนสูดซ่านผ่านอบอวล
๐ อูมอวบนวลเต้นเร่าเคล้ากระแส
พลิกพลิ้วแผ่สั่นไหวในหอมหวน
ดอมภายในสะท้อนตอนเนื้อยวน
แยกแสนป่วนห้วงฉาบทาบพลีใจ
๐ นางแม่เอ๋ยซาบซึ้งตรึงใจซ่าน
กิ่วพลิ้วผ่านอบอวลชวนหลงใหล
อยากแนบชิดคลอเจ้าคลึงเคล้าใน
เกลือกกลั้วไว้ซ่านห้วงทรวงยุคล.
“สุดที่รักเอยใยเจ้าจึงทำให้ข้า
รัญจวนป่วนหทัยนัก เมื่อไหร่
หนอกลับมาสู่อ้อมกอดข้าอีกเจ้า”
แก้วประเสริฐ.