20 มีนาคม 2554 16:41 น.
แก้วประเสริฐ
พระจันทร์สีแดง
เธอรู้ไหมสิบเก้ามีนานี้
คืนที่มีดวงจันทร์นั้นแสงสี
ปกตินวลผ่องจนเปรมปรีด์
แปลกตรงที่ใหญ่โตโอ้สีแดง
หรือเป็นเหตุแจ้งภัยให้ชาวโลก
จักราโยกราศรีที่แอบแฝง
โบราณว่าเหตุร้ายอันรุนแรง
เทพจึงแจ้งเตือนไว้ให้ระวัง
ฉันปกติชอบมองบนท้องฟ้า
เดือนดารางามเด่นเช่นมนต์ขลัง
สร้างปัญญากำเนิดจนเกิดพลัง
เพื่อเสริมหวังมวลถ้อยร้อยภิรมย์
โอ้วคืนนี้กลางดึกนึกขึ้นได้
จึงออกไปเฝ้ามองผ่องเสพย์สม
สร้างตกใจพระจันทร์ที่เคยชม
ใหญ่โตบ่มสีแดงเรื่อเอื้อตำรา
คำโบราณกล่าวไว้จึงให้คิด
ไม่เคยผิดทำนายผ่านค้นหา
หากพระจันทร์สีแดงตามเข้ามา
หมายความว่ากลียุคเกิดแดนดิน
ท่านจะเห็นดังฉันบ้างหรือเปล่า?
ฉันมองเฝ้าตั้งนานจนผ่านสิ้น
ฟ้าดินบอกเหตุร้ายสลายชีวิน
หรือสูญสิ้นสิ่งหนึ่งพึงตามมา
พอกลับมาทบทวนหวนคำกล่าว
แล้วสืบสาวเหตุการณ์ผ่านสรรหา
ให้สะท้อนใจจิตต้องปิดตำรา
โอ้วาสนากรรมเคราะห์เพราอะไร?
หรือแผ่นดินไทยจะเกิดเศร้าหมอง
ด้วยละอองวุ่นวายกลายเหตุไฉน
เขาแบ่งฝ่ายพรรคพวกล้วนม่านใจ
ฟากฟ้าได้เตือนไว้ควรไตร่ตรอง.
แก้วประเสริฐ.
18 มีนาคม 2554 14:46 น.
แก้วประเสริฐ
ดั่งธารทิพย์
๐ เช้าเย็นค่ำแว่วพลิ้ว สวดมนต์
สุริเยศทอทาบสกล ผ่องแผ้ว
เอิบซ่านสาธุชน มุ่งก่อ
ชื่นฉ่ำระเด่นแพร้ว อิ่มซึ้งใฝ่สนองฯ
๐ เสียงเย็นเช้าย่ำ แว่วสวดมนต์นำ ร่าเริงเบิกบาน
เอมอิ่มสุขใจ เย็นเยือกภายใน ซ่านล้ำประสาน
ฉ่ำชื่นจิตสราญ ห้วงใจตลอดกาล หฤหรรษ์เปรมปรีดิ์
บูชารัตน์ฉ่ำ วาบซึ้งซ่านย้ำ สุขสันต์เกษมศรี
ยอกรน้อมไหว้ เสียงพร่ำมนต์ไว้ ใฝ่ผันชินสีห์
ปราศทุกข์ราวี ดั่งดุจแสงรพี ขจัดร้ายภัยร้างฯ
๐ เสียงสวดเช้าค่ำสร้าง เบิกบาน จริงนอ
เย็นเยือกมิร้าวราน เด่นซึ้ง
ล้วนฉ่ำชื่นจากจาร สานก่อ
เอมอิ่มสุดใฝ่ขึ้ง ก่อล้ำหทัยฯ
๐ บูชารัตน์นอบไว้ เพียงเกศ
ยกยอย้ายกิเลส ห่างร้าง
หวังก่อสิ่งกั้นเขต วางขอบ หทัยแฮ
กรยกขึ้นไหว้สร้าง ซาบซึ้งธรรมสนองฯ
๐ อิ่มเอมใจยิ่งแล้ว สวดมนต์
กิเลสเฝ้าคลุกปน หลบลี้
ดุจดั่งไล่อลวน แตกพ่าย
สิ่งหม่นภายในนี้ เหลือไว้ว่างอวลฯ
๐ ชนใดพร่ำสวดแล้ว รุ่งโรจน์ มากนา
จิตผ่องดุจมณีโชติ จ่างฟ้า
ปราศสร้างสิ่งโกรธ รอนลิด แน่เฮย
ดังหนึ่งทุกข์อ่อนล้า สุขเคล้าเคียงครอง๚ะ๛
แก้วประเสริฐ.
17 มีนาคม 2554 14:20 น.
แก้วประเสริฐ
นางมารหรือนางฟ้า
สิ่งผันผวนอลวนระคนป่วน
พลิกผันชวนคำนึงรำพึงเฝ้า
หวานผ่านไปนานวันพลันเหม็นเอา
ใหม่แทนเก่าไว้ผดุงเหลิงจรุงใจ
สัจธรรมนำเปลี่ยนผันเวียนรอบ
อนิจจังมอบแก่ผู้ดูสดใส
ข้าวเย็นเหนือผ่านใต้พลิกผันใน
มุ่งลูบไล้ออกเข้าเคล้าโสภา
ลองคิดดูไตร่ตรองย่อมมองเห็น
มวลประเด็นรอบข้างร้างหรรษา
ยากผ่านสร้างมากแค้นแน่นอุรา
ปราศห่วงหามอบไว้ยากใคร่แล
อิสตรีส่วนมากแลแม่ศรีเรือน
ถูกแชเฉือนดั่งเชือกเปลือกร่างแห
หวานนานเมินมองไว้คล้ายกุญแจ
สนิมเกาะแผ่หวังใหม่ไร้คืนครอง
จนถูกทิ้งวางไว้คล้ายบ้านร้าง
ใหม่ถูกวางขึ้นวอล้อเล่นสนอง
พอกลับบ้านหน้าตึงขมึงกรอง
เห็นละอองเอะอะสร้างระอา
นี่แหละหนาชีวิตทิษฐิโลก
ต้องเสพย์โศกรูปนามยามสรรหา
ผ่านคลุกเคล้าคลุ้มคลั่งหวังเวลา
พลิกเศร้ามาอิสตรีควรที่มอง
ที่เขียนไว้ตามเห็นเด่นรอบข้าง
ป่วนอ้างว้างครวญไห้ในทั้งผอง
หวานคอยเฝ้าเอาใจที่หมายปอง
เหมือนเป็นสองล้วนเหจนเซไป
มิอาจโทษดินฟ้าผ่านพาลับ
หรือจะนับเวรกรรมนำสรรใส่
กามารมณ์ฟุ้งซ่านผ่านย้อนใน
สร้างฝากไว้แค่ธรรมตามตำรา.
แก้วประเสริฐ.
14 มีนาคม 2554 18:28 น.
แก้วประเสริฐ
สิ้นแสงเทียน.
หยดเทียนหยาดส่องไว้คล้ายชีวิต
ที่น้อยนิดซ่อนเร้นคลุกเน้นผอง
แต่ละหยดควันลอยละห้อยปอง
แสงละอองวูบวาบฉาบตระการ
ยามสว่างดังชีวิตลอยละล่อง
คล้ายละอองกังวลป่วนคนผ่าน
สุขสร้างไว้ทุกข์เกื้อผ่านเจือจาน
สิ่งหวิวกานต์ฟุ้งไว้ดุจหมายปอง
น้ำตาย้อยคล้ายม่านดั้นผ่านโศก
หวิวหวั่นโยกระเด่นจึงเน้นผอง
สิ่งระยับพลิ้วไหวคล้ายเรืองรอง
ม่านใยยองเร้นซ่อนย้อนทบทวน
ดั่งชีวิตแสงพริบริบหรี่สว่าง
หยดย้อยสร้างสู่ลงพะวงหวน
ผ่านอาจย้อนสู่พลัดมัดเรรวน
วาบดั่งผวนชีวิตติดแสงเทียน
ควันละล่องเวียนวนปนสู่หมอก
แสงเทียนบอกริบหรี่ที่ผ่านเขียน
วางวาดไว้อวลตลบยากพบเพียร
ฟุ้งคลุ้งเปลี่ยนสายลมพรมว่างไป
สิ่งหยดหยาดดั่งรักฝากผืนหนัง
คลุ้งประดังวนรอบขอบสิ่งใส
ริบหรี่ผ่านสู่สว่างหวังสร้างใจ
ดุจเสื่อให้เกิดชังสร้างวนเวียน
น้ำตาเทียนย้อยลดจนหมดสิ่ง
ชีวิตอิงเวิ้งว้างกลางแหลมเสี่ยน
หยดหยาดสิ้นจนไร้ในแสงเทียน
พลิกแปรเปลี่ยนอาศัยคล้ายปิดจร
อันคนเราดุจแสงแห่งเทียนนี้
ยามริบหรี่วางคล้ายอุทรหรณ์
ยามรุ่งโรจน์นิวรณ์แฝงขาดตอน
ห้วงร้าวรอนต้องพรากฝากสู่ดิน.
แก้วประเสริฐ.