31 ธันวาคม 2554 12:05 น.
แก้วประเสริฐ
๐ ฟากฟ้าไกล ๐
๐ ภูผาสูงเมฆพลิ้ว อร่ามตา
ทะเลตวัดคลื่นมา พล่านแท้
ฝูงนางนวลนำพา เที่ยวท่อง ชวนแล
เหล่าเงือกน้อยสวยแล้ เปี่ยมล้นดวงหทัยฯ
๐ สุรีย์ฉาบแสงอ่อนล้า เปี่ยมแดง
ละล่องเย้าแอบแฝง จิตห้วง
ม้วนรำลึกหมดแรง เคียงคู่ นางเฮย
ระเด่นหมุนพราวล้วง คลื่นน้อยแววไสวฯ
๐ งามเอยแม่พราวฟ้า เทียมจันทร์
แหวกว่ายคอยสิ่งอนันต์ ซัดย้อม
เหลือบจ้องแลผูกพัน เกิดก่อ ใยแม่
ภูผาแกร่งยากน้อม บ่พ้นเหลือบแลฯ
๐ ฤาคิดนางหนึ่งไซร้ เคยเคียง
เก่าใหม่พ้นคอยเพียง แม่แล้ว
สิ้นปีลับคอยเฉียง โฉบหนี เบี่ยงนอ
ดูเหล่านางเพริศแพร้ว ป่วนซึ้งนางไกลฯ
๐ สนธยาคราลับแล้ว เหครวญ
ฟ้าจันทร์เสี้ยวเรรวน บ่วงห้วง
เงือกน้อยบ่ชักชวน หลีกกลับ พราวตา
ทิ้งฝากมิอาจจ้วง เหลือไว้เดียวดายฯ
๐ แม้จันทร์เสี้ยวคู่เคล้า คลอเคียง
อกป่วนดุจพะเนียง สู่ฟ้า
เหลือเพียงสิ่งฟังเสียง คลื่นซัด ผาเอย
ปีใหม่นี้ยากคว้า คิดเจ้าแดนไกลฯ
๐ ฟากฟ้าไกลเหลือล้น ติดตาม
มองเหล่านกคลองาม ร่อนฟ้า
อกเอ๋ยอกรุกลาม ถึงแม่ นางเอย
เมฆินทร์ภูผาคว้า เปี่ยมข้าหมองฤดี๐.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
28 ธันวาคม 2554 15:10 น.
แก้วประเสริฐ
๐ รักลอยฟ้า ๐
๐สุริยันต์จันทราคราลับฟ้า
แสงดาราระยับประดับสรวง
เสียงหวีดหวิวระงมประโคมดวง
ดุจดั่งห้วงแทรกซ้อนย้อนภายใน
๐ วันและคืนผ่านพ้นระคนซ่านส์
เวลาผ่านเนิ่นนานปนระคนใส
สู้เพียรเฝ้าเพ้อหวนพาป่วนใจ
ซากคงไว้ฝากดินสิ้นธรณี
๐ โอ้ลมหนาวมาเยือนเฉือนใจนัก
ฝันสิ่งรักคลุกกรุ่นละมุนฉวี
รูปเงาซ้อนผ่านเปื้อนสุดเลือนฤดี
หวานที่มีเสนาะเสียงเหมือนเคียงกัน
๐ แว่วสำเนียงยามค่ำเลิศล้ำยิ่ง
ผูกทุกสิ่งเลือนจางเคยสร้างสันต์
รักเคียงคู่แสงดาวอันพราวอนันต์
ปราศแสงจันทร์มืดคลึ้มดื่มห้วงใจ
๐ หรีดเรไรประโคมโน้มดนตรี
ยิ่งมากทวีหวนมาจะหาไหน
เสียงหัวร่อกังวานซุกซ่านส์ใน
แต่เหตุไฉนแสงดาวมิพราวตา
๐ น้ำค้างพรมใบหญ้าพาระทึก
หนาวรำลึกถึงวันผ่านหรรษา
ป่านฉะนี้เปลี่ยวร้างร่ำค้างอุรา
สิ่งที่ข้าหลงปองต้องหมองตรม
๐ โถใจหญิงเปลี่ยนไปใจข้าเอ๋ย
คร่ำครวญเลยเก็บไว้จนให้ขม
ความหวานซึ้งตรึงไว้ยากได้ชม
ล่องลอยลมดั่งฤดูคู่ดาวเคียง
๐ รักที่เคยฝากไว้ล่องไปแล้ว
วจีเจื่อนแจ้วขาดชมระบมเสียง
ที่เคยอ้อนออดไว้ดุจไฟพะเนียง
เงาเคยเคียงลอยลับนับห่างไกล
๐ หัวใจเจ้าสัญญาฝากฟ้าสิ้น
คงเหลือปิ่นประกายแววคล้ายใส
เคล้าเพียงดาวเฝ้ามองสิ่งปองไป
สร้างหัวใจหมองหม่นระคนราตรี.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
23 ธันวาคม 2554 10:59 น.
แก้วประเสริฐ
๐ สาวสวย ๐
๐ งามสวยเด่นยิ่งแล้ว นวลนาง จริงเฮย
แปรเปลี่ยนผันสิ่งวาง เพริศพริ้ง
วงพักตร์จักแววจาง งามแม่ แลนอ
ทุกสิ่งอย่างอยากกลิ้ง เปลี่ยนล้ำนำสนอง.๐
๐ งามสวยเด่นยิ่งแล้วนวลนางไสว
แปรเปลี่ยนไปใครเล่าจะเข้าขวาง
วิถีทางแห่งคนยากพ้นวาง
เนื้อนวลนางงามยิ่งจริงนักแล
๐ หากแม้นมาดหยุดยั้งดั่งใจนึก
โลกาผนึกหวนกลับนับดวงแข
ยามล่วงโรยยังย้อนซ่อนดวงแด
เวียนกลับแม้ผ่านพ้นปนสิ่งครอง
๐ เปรียบชีวิตผันผวนป่วนใจนัก
สิ่งประจักษ์บางครั้งยังย้อนสนอง
บ้างก็ลับมิหวนล้วนครรลอง
มิเป็นสองคือใจได้ผูกพัน
๐ อันความสุขคนเรายากเคล้ายิ่ง
ด้วยทุกสิ่งเย้ายวนล้วนสุขสันต์
เปรียบสุรีย์แสงจันทร์นั้นเปลี่ยนกัน
ทั้งกลางวันกลางคืนอย่าฝืนปอง
๐ เธอช่างงามยามเป็นดังเช่นมนุษย์
สวยบริสุทธิ์ฟากฟ้ายามมาสนอง
แต่พอถึงเวลาคราไตร่ตรอง
มิเรืองรองดุจดาวคราวล่วงโรย
๐ ฉันยกภาพให้เห็นเด่นประจักษ์
สิ่งที่รักเมื่อถึงกึ่งสิ่งโหย
เธอและฉันมิไช่กุหลาบโปรย
ย่อมถูกโบยธรรมชาติปราศสิ่งงาม
๐ ยามฉันหนุ่มนับว่ามิมาสอง
อีกทั้งครองใบหน้าหาเกรงขาม
ยิ่งทั้งหลายประจักษ์รักใคร่ตาม
พอฉันทรามรูปร่างดังภาพครอง.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
17 ธันวาคม 2554 13:56 น.
แก้วประเสริฐ
๐ ระเด่น ๐
๐ นุชนาถนวลอนงค์บรรจงลักษณ์
งามเพ็ญพักตร์อุทานประสานศิลป์
พิศภาพเขียนหลายหลากมากศิลปิน
ยามยลจินต์หลงเพ้อละเมอไป
๐ ไฉนงามนักเพียงแลแม้เหลือบมอง
เงาเส้นทองภาพลายคล้ายสดใส
เปล่งสีสรรกลมกลืนชื่นห้วงใน
สร้างภาพไว้สัตว์ป่านานาพันธุ์
๐ มวลกินรีรำยรำงามระหงส์
พฤกษ์ไพรพงหิมพานต์นั้นเสกสรร
มองวานรโหนยอดไม้โลมพรรณ
เทพคนธรรพ์บรรเลงเพลงดนตรี
๐ กรินทร์เปล่งสีหนาทประกาศก้อง
เสียงรับร้องสีหราชวผ่านคชสีห์
พญาลอเริงเร้าคล้ายเคล้าไมตรี
ล้วนเปรมปรีดิ์มัคคลีผลยลกาล
๐ ยามเพ่งพิศจิตกวัดจัดเกษมศรี
ผ่านห้วงฤดีอนงค์บรรจงประสาน
เทพยดาต่างเคล้าชมบ่มดวงมาลย์
ภายในผ่านสุรีย์แสงแห่งภาพงาม
๐ ยิ่งยามยลป่นห้วงดวงใจเพ้อ
ให้ละเมอความหลังครั้งถูกหยาม
ความทุกข์ยากข้นแค้นแสนประนาม
เปรียบไฟลามภายในให้ช้ำใจ
๐ อันความรักยิ่งแล้วใยแคล้วจาก
ยามถูกพรากเปล่งปลั่งดุจดังไสว
ระเด่นดวงห้วงลึกตรึกทรวงใน
ป่วนคล้ายไว้ปราณีตกรีดดวงมาน
๐ หวนรำลึกตรึกภาพฉาบสิ่งไว้
แสนวิไลดุจนางสร้างประสาน
ล้วนนวลนางแหวกว่ายในสายธาร
เหลือบยลผ่านฝันสล้างกระจ่างหทัย.
๐ แก้วประเสริฐ.๐
7 ธันวาคม 2554 21:11 น.
แก้วประเสริฐ
๐ หญิงงาม ๐
๐ งามเพ็ญพักตร์รูปทรงอนงค์พริ้ง
สวยทุกสิ่งเยี่ยงเทพีศรีเฉิดโฉม
ยิ่งยลพิศแสนตรึงคนึงประโลม
สุดจะโน้มคล้ายเพ็ญระเด่นเงา
๐ หากความหวังตรึกไว้ใยพร่ำเพ้อ
ป่วนละเมอมิตรองปองสิ่งเขลา
เขามากเล่ห์ซ่อนเร้นยลเน้นเอา
เพียงหวังเฝ้าคำนึงยากพึงครอง
๐ โบราณกล่าวฝากไว้คล้ายมองแม่
ความแน่แท้เผ่าพันธุ์นั้นทั้งผอง
สวยงามเด่นคลุกเคล้าเฝ้าลำพอง
ยากไตร่ตรองสิ่งผันอันมากมาย
๐ พึงสำเหนียกสาระปะปนก่อน
หวังอาวรณ์รูปโฉมโน้มจนสาย
ห้วงเวลาบ่งสนองครรลองกลาย
หลากชั่วหลายดีเด่นเน้นสุดปอง
๐ กิริยามารยาทประหลาดนัก
หากมิจักคำนึงกลับพึงสนอง
หวังเคียงคู่อวดเขาเคล้าลำพอง
วันหนึ่งต้องพลาดพลั้งมิยั้งใจ
๐ สติปัญญาสร้างไว้อย่าได้บอด
ดุจดังมอดกัดกร่อนตอนสดใส
เมื่อเห็นสิ่งอิงพรากจนจากไกล
แม้นผ่านไปทุกอย่างดั่งสายลม
๐ อันหินสวยเจียรนัยให้ได้เหลี่ยม
ย่อมเน้นเปี่ยมมิพลาดปราศขื่นขม
หากพลาดพลั้งสร้างใจคล้ายใยปม
คงอาจล่มกลางคันพลันหม่นครอง
๐ หญิงปราศงามหาใช่ไร้คุณค่า
แสนเสน่หายามเอ่ยเผยสิ่งสนอง
มิกล่าวพล่อยเน้นคำตามทำนอง
อย่าพึงมองภาพลักษณ์มักจริงใจ.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐