26 พฤศจิกายน 2554 14:28 น.
แก้วประเสริฐ
๐ เรือนแก้ว ๐
๐ ทุกอย่างเผยพรั่งพร้อม เรือนมณี
พลิกผ่านหนึ่งราตรี สุดเศร้า
สายธารแห่งชีวี ผันเปลี่ยน
คงเหลือไว้โศกเคล้า มุ่งหน้าคว้าหวน๐.
๐ ณ.ราตรีหนึ่งวิจิตรชีวิตผัน
กลิ่นผูกพันบุปผาพะว้าหวน
ซึ้งทอทาบชื่นฉ่ำล้ำอบอวล
หวามชื่นชวนตราตรึงคนึงแล
๐ นภาเพ่งคล้ำพิลาสปราศวัชระ
หวังเพียงจะตรึงฝันผ่านกระแส-
ห้วงแห่งจิตนิราศมิอาจแปร
ย้ำเฝ้าแผ่หวนคนึงพึงรัญจวน
๐ วิวัฒน์กาลสู่เวียนเปลี่ยนสุขสันต์
ที่แปรผันพรากรักจักพลัดหวน
กลิ่นหอมเอยเร้าโลมบ่มอบอวล
เคยเสสรวลเปลี่ยนไปให้เจือจาง
๐ มองเรือนแก้วแพรวพร่างกระจ่างซึ้ง
หวนตราตรึงความหลังครั้งถูกสร้าง
อนิจจาเอ๋ยเปลี่ยนเศร้าเฝ้าเลือนลาง
ผ่านม่านว้างเคยแนบแปลบรำพึง
๐ ความอบอุ่นชวนคิดจิตพร่าไว้
แสนไฉไลรำพันครั้นป่วนถึง
แม้เพียงแนวแวววับจับใจตรึง
คิดคำนึงยากกลับลับอบอวล
๐ บุญเจ้าเอ๋ยมีน้อยพลอยเศร้าสร้อย
เคล้าหยดย้อยสับสนปนกำสรวล
ยิ่งคิดไปไหวหวั่นพลันเซซวน
จิตปั่นป่วนห้วงลึกตรึกวอดวาย
๐ พิศหาจันทร์ดาราพาหนีหลบ
สิ่งเคยพบเปล่งปลั่งยังสูรย์หาย
แสงรัศมีทอทาบฉาบปะปราย
ผ่านละลายรำพึงคำนึงครวญ
๐ กลิ่นบุปผาอวลตลบจบฝันสร้าง
คงเวิ้งว้างหมองหม่นปนกำสรวล
เคยสะท้อนแวววับกลับรัญจวน
สุดแสนป่วนเหลียวแลแม้ทางจร
๐ นิราศร้างห่างเหเสน่หา
เรือนแก้วจ๋าจะสร้างดั่งสิงขร
เปรียบมาลีเบ่งบานผ่านมวลภมร
หอมเกสรอวลตลบบรรจบนภา.
( ภาพก่อนจากบ้าน ต่อมาน้ำในบ้านครึ่งเอว อนิจจาเรือนรัก )
๐ แก้วประเสริฐ.๐
21 พฤศจิกายน 2554 16:03 น.
แก้วประเสริฐ
๐ โศกกำสลด ๐
๐ รัศมีเคยแพรวพร่างกระจ่างฟ้า
เดือนดาราหลีกมลายคล้ายจะสูญ
สุริยันต์หลบหลีกปลีกเกื้อกูน
ยากเจือจุนแหล่งหล้าแม้ข้าเอง
๐ แสงกระทบหลบไปในเมฆินทร์
เหมือนสูญสิ้นพิลาสอาจข่มเหง
ทอสิ่งไว้ห้วงลึกตรึกยำเกรง
คงคาเพ่งพร่างพลิ้วละลิ่วไป
๐ อวลละลอกคลื่นม้วนป่วนใจนัก
ฝากห้วงรักเหลียวแลแม้หวั่นไหว
ป่วนละล่องสายธารผ่านแดนไกล
ผ่านเพียงไว้กลิ่นลีลาเคล้าธานินทร์
๐ บินหลาเอยขมิ้นน้อยล่องลอยลับ
ยากหวนนับความหลังทั้งหมดสิ้น
เหลือเพียงชื่อฝากไว้ในห้วงจินต์
มองเฝ้าถิ่นลับมลายคล้ายสายธาร
๐ น้ำใจเอ๋ยเหมือนเงาก็เท่านี้
ฝันที่มีสูญสลายไร้สงสาร
หวนคนึงวิปโยคโศกทรมาน
สิ่งเคยผ่านแลลับกลับสายลม
๐ เจ้ารู้ไหมหัวใจไม่อาจชื่น
ความขมขื่นรำพึงตรึงสิ่งขม
อีกพระแม่คงคาข้าโศกตรม
แสนระบมขมขื่นสะอิ้นทรวง
๐ ลืมเราแล้วหรือไรในความภักดิ์
ห้วงใจรักแปรปรวนล้วนสิ่งหวง
ลีลาวดีฝากไว้คล้ายกลิ่นลวง
ดอกบานดวงครู่เดียวเดี๋ยวริดรอน
๐ โศกกำสลดรันทดจรดม่านน้อย
พลิ้วละห้อยฝากข้าเข้ามาหลอน
เวียนวนจิตสายธารปานตะกอน
ยากถอดถอนสิ่งหลังสร้างวังเวง.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
5 พฤศจิกายน 2554 18:38 น.
แก้วประเสริฐ
๐ ย้ายบ้านน้ำท่วม ๐
๐ แสนรันทนหดหู่อดสูนัก
ย้ายถิ่นพักอาศัยแมกไม้เหลือ
มองบ้านน้อยหลังเก่าเฝ้าจุนเจือ
สร้างแผ่เผื่ออบอุ่นละมุนใจ
๐ น้ำไหลตกฟกช้ำระกำจิต
ยิ่งหวนคิดสิ่งเก่าเฝ้าร้องไห้
น้ำท่วมถิ่นเคยสร้างร้างห่างไกล
ห้วงหทัยหม่นหมองตรอมตรมฤดี
๐ ปีสองสี่แปดห้าคราครั้งหนึ่ง
มิรำพึงยังเด็๋กเล็กหมองศรี
จะมองเห็นน้ำไหลสายวารี
แต่ปีนี้มากมายคล้ายกว่าเดิม
๐ สองสี่ห้าห้าสี่กลับมาแล้ว
เสียงไหลแจ้วกังวานสานสิ่งเสริม
กั้นอย่างไรพังทลายไหลเพิ่มเติม
หลากแต่เพิ่มครึ่งบ้านละลานตา
๐ หวั่นวิตกคนยากลำบากเข็ญ
ทุกข์ลำเค็ญมากมายใฝ่คล้ายหา
เสียงสาดซ่าส์หลั่งรินถิ่นพักพา
เหลือชีวาเสื้อผ้าน้ำตานอง
๐ รอทนสู้สุดท้ายไม่อยากออก
ความช้ำชอกเช่นนี้ที่หม่นหมอง
นำหมาแมวเหลือนกที่ปกครอง
เสียงนกก้องฝูงปลามาคอยใจ
๐ นกปลาเอ๋ยหาใช่ไร้จากเจ้า
มิอาจเอาไปด้วยช่วยเหลือได้
เพียงเท่าที่นำมาพร้อมพาไป
เจ้าจากไกลจนข้าจะมาครอง
๐ มองดูน้ำหลากหลายภายในจิต
ฟ้าลิขิตเหลือล้ำซ้ำเติมผอง
โอ้วาสนาของข้าใยมาปอง
เสียงร่ำร้องหดหู่อดสู่ใจ
๐ สร้างลำบากยากเข็ญเด่นเหลือนัก
หันประจักษ์ข่มไว้ให้สดใส
สติปัญญามีไว้คล้ายหนีไป
น้ำมากมายข้ายากจะฝ่าทน
๐ หันมองบ้านสุดท้ายเมื่อไหร่กลับ
ฟืนไฟดับจิตใจให้สับสน
เหลือชีวิตเสื้อผ้าฝ่าเศร้าปน
สร้างหมองหม่นนกปลาข้าจำเป็น
๐ ยากนำพาเจ้าไปไม่ทันแล้ว
เขาเร่งแว่วเตือนภัยที่ได้เห็น
หัวอกข้าปวดนักยากเยือกเย็น
ผ่านลำเค็ญหวนกลับจะปรับปรุง.
(แม้นมิอยากจะจากเจ้าความปวดร้าวเฝ้าสับสน)
๐ แก้วประเสริฐ. ๐