27 มิถุนายน 2553 15:28 น.
แก้วประเสริฐ
ลานกวีธรรม
ลานกวีธรรมนำน้อมย้อมจิตมนุษย์
ใสบริสุทธิ์มลทินสิ้นทั้งผอง
ด้วยสัจธรรมพุทธะล้ำหมายปอง
ปราศละอองกิเลสเคล้าคลุมใจ
ดุจโพธิ์ทองคลุมครอบรอบเย็นเยือก
ล้วนบอกเลือกสิ่งสว่างทางสดใส
คลายพ้นทุกข์ปลูกฝังกระจ่างใน
สร้างสิ่งไว้ให้มลายสลายมลทิน
เปรียบต้นไม้พฤกษาดารดาษ
กิ่งนั้นพาดใบผลปะปนสิ้น
ถึงเวลาเปลี่ยนไปเป็นอาจินต์
แล้วล่วงรินหลุดพ้นหล่นพสุธา
สิ่งแปรผันเวียนวนระคนเคล้า
เช่นกายเราตบแต่งแห่งหรรษา
เพื่อหยุดยั้งมัวหมองสนองเวลา
คงต้องคว้าผิดหวังยังหมายปอง
อันเกิดแก่เจ็บตายในธรรมชาติ
เป็นบ่วงบาศคล้องไว้ให้สนอง
แต่ยังหลงมัวเมาเข้าครอบครอง
สิ่งเรืองรองในจิตผลิตทำลาย
ต้องวนเวียนเวรกรรมที่ทำสร้าง
ยากจะล้างคืนกลับก็นับสาย
หากมิเลิกวางสิ่งแนบอิงกาย
ทั้งจิตใจหมายมุ่งสู่แสงธรรม
พระพุทธองค์ตรัสไว้ในทางทุกข์
หวังสร้างสุขศาสนาอย่ามาถลำ
ฝากมวลธรรมนำพ้นทางระกำ
ปราศสิ่งช้ำเวียนวนพ้นเกิดตาย
อริยสัจจ์สี่ประการประสานจิต
หมายใจสถิตปฏิบัติขจัดสิ่งสาย
ลานกวีธรรมสู่สร้างวางสิ่งวาย
เพื่อมุ่งหมายมั่นคงตรงนิพพาน.
* แก้วประเสริฐ. *
18 มิถุนายน 2553 15:40 น.
แก้วประเสริฐ
ธรรมวิบัติ
ตอนบวชพระพรรษาใฝ่หารู้
หาทางสู่ขจัดสิ่งแอบอิงแฝง
มวลธรรมสู่ใจไว้มิให้แคลง
ลดร้อนแรงตัณหาค้นคว้าทาง
อ่านธรรมวินัยเลิศประเสริฐยิ่ง
ธรรมบทอิงสรรพสิ่งขจัดสิ่งขวาง
ไตรปิฎกเจ็ดคัมภีร์แนววาง
หาสู่สร้างลดละเลิกเบิกหทัย
ตลอดคำสอนครูอาจารย์สรรเลิศ
เป็นบ่อเกิดกำหนดที่สดใส
เริ่มสมาธิจิตใจฝันใฝ่ไป
มวลสติไซร้มิคลาดปราศมลทิน
เช้าตรู่ตื่นไหว้พระบิณฑบาต
จิตมองลาดพสุธาไม่หาสิน
เพ่งอาหารออกไปอย่าใฝ่กิน
ให้ปลายลิ้นหมดรสปรากฏจิต
ตกบ่ายคล้อยเรียนธรรมนวกะภูมิ
เพื่อส่องสุมปัญญาเข้ามาสถิต
ที่บัญญัติวินัยใฝ่ใจคิด
เข้าประดิษฐ์ห้วงหทัยให้เบิกบาน
ครั้นเย็นลงปลงอาบัติขจัดสิ่งโกรธ
ก้าวเข้าโบสถ์ไหว้พระละประสาน
เป็นสมาธิด้วยเสียงเผดียงกาล
สืบสันดานคุณธรรมย้อมนำใจ
พอเสร็จสรรพกราบพระใฝ่ละสิ่ง
ที่แอบอิงซ่อนเร้นบ่วงเน้นไสว
ฝึกสมาธิรวมจิตพิชิตชัย
ใจรวมไว้โมกขธรรมย้อมนำเรา
ออกจากโบสถ์เดินหน้าเข้าป่าช้า
แผ่เมตตาสรรพสัตว์ขจัดสิ่งเขลา
เดินทางกลับกุฏิด้วยสติเบา
พิจารณาเอารอบข้างสร้างกายตน
ตลอดเวลาผ่านมาน่าพิศวง
เกือบทุกองค์แก่พรรษาพาสับสน
บ้างชวนเราหลีกธรรมนำวกวน
หลีกเลี่ยงพ้นหลบธรรมนำอ้างอิง
สร้างเกิดก่ออาบัติวิรัชยิ่ง
ชอบแอบอิงไม่ผิดธรรมสู่สิ่ง
นำขิงดองขบเคี้ยวลดเลี้ยวจริง
คือยายิ่งหลบอ้างหนีทางธรรม.
* แก้วประเสริฐ. *
15 มิถุนายน 2553 15:24 น.
แก้วประเสริฐ
รัตติกาล
ณ ราตรีหนึ่งพึงพบสบอัปสร
เอวองค์อรพิลาสล้ำเฉิดฉาย
สโมสรนารีพฤกษากราย
มณีพรายจำรัสพิพัฒน์อนงค์
ระบำเริงบันเทิงดนตรีซ้อง
ระนาดก้องเป็นเอกเฉกประสงค์
ขลุ่ยปีกลองฆ้องซ่านสราญจำนง
เยื้องย่างองค์เริงเร้าเคล้าอรชร
นัยน์ตาจ้องเหลิงรมย์ภิรมย์สวาสดิ์
ดุจภาพวาดฉากฟ้าดาราสลอน
สายลมพลิ้วก้านกิ่งพฤกษาจร
เสนาะซ้อนคลอรับประทับใจ
ม่านหมอกเมฆเคลียร่างกลางลานพฤกษ์
วาบหวามตรึกพลิกผวนล้วนชวนไสว
แสงนวลแขแผ่พลิ้วละลิ่วไกว
ภูษาไล้นวลอนงค์หลงหวั่นหวิว
แต่ละองค์ประทุมมาศเด่นเร้า
เอวองค์เย้าประดิษฐ์จนจิตสยิว
สานเสนาะไพเราะคว้างวางปลิว
นางโลดลิ่วพลิ้วดนตรีคลอวิไล
รัตติกาลผ่านสำเนียงเผดียงซ่าน
วิเวกหวานพฤกษาคลอสู่ไสว
เปรียบวิมานชั้นฟ้ามาเกรียงไกร
พสุธาไล้เริงลานซ่านพนาพง
โอ้อกเอ๋ยสวาทนี้ยากพลีแล้ว
หวามเจื่อนแจ้วเริงรำย้ำประสงค์
ยิ่งเพ่งพิศป่วนจิตยวนนวลอนงค์
แต่ละองค์หาหญิงใดเปรียบปาน
วาสนามาสบความล้ำเลิศ
ช่างงามเพริศพริ้มพรายไล้สมาน
สอดคล้องเคล้าเนารับประดับกาล
ดนตรีซ่านพลิ้วนางยากร้างจร.
* แก้วประเสริฐ. *
10 มิถุนายน 2553 13:54 น.
แก้วประเสริฐ
อื้อฮือ
คิดหลีกปวงแห่งฤดีแม่ศรีสมร
ยามบังอรเอ่ยวจีแสนที่ไสว
ล้วนลึกซึ้งบาดจิตจนคิดไป
โอ้เหตุไฉนสุดตวัดลิ้นจัดมา
นั่นก็ชายชาติเชื้อเนื้อนาอยู่
ใคร่อดสูมากอนันต์สุดสรรค์หา
ซ่านรสชาติเก่าใหม่ที่ให้คณา
พลิกวาจาสู่เสนาะฉอเลาะจินต์
ดุจอิสตรีนิยมโคมไฟเขียว
ที่ใฝ่เปรี้ยวสิ่งคิดหวังติดหิน
พล่ามมธุรสวาจาเปี่ยมราคิน
คำคมถวิลที่ซึ้งหวังคลึงพนอ
มิหวนคิดสิ่งใดในโลกนี้
ซ่านก็มีขมปนระคนหนอ
ได้แต่หว่านวจีไว้คงไม่พอ
มีปมก่อปนทุกข์ยากสุขใจ
อันน้ำใจเช่นนี้ปรีดิ์เปรมนัก
หรือประจักษ์กายีสุดที่ไฉน
แม้นซ่อนเร้นยาพิษสถิตใน
แต่เหตุไรพลิกผันจนสั่นจิต
คิดว่าตัวสวยเด่นแล้วเน้นหรือ
จึงยึดถือในตนระคนสถิต
ทั้งเย้ยฟ้าท้าดินจนสิ้นคิด
สุดวิปริตเชยชมภิรมย์ปราย
สร้างมายามากเล่ห์เฉไฉเหลือ
โอบเอื้อเฟื้อภายในคิดใฝ่สลาย
ยกตนเองข่มท่านสุขสันต์มลาย
ซ่อนเร้นพรายวางตัวมั่วทุกทิศ
อนิจจงสลายอนิจจานารีสมร
มาดอรชรสุดซ่านแต่หว่านพิษ
ดินยังเกรงฟ้าขามนงงามจริต
ยั่วประดิษฐ์ร้อยเล่ห์เพทุบาย.
* แก้วประเสริฐ.*
7 มิถุนายน 2553 15:18 น.
แก้วประเสริฐ
นี่หรือน้ำใจ
๐ปนเปสิ่งคละกลิ้ง อิงแอบ
วนวกคลุ้งกรุ่นแนบ ฝากไว้
หลากคำเล่ห์ยลแยบ เนาสู่ จริงนา
แสบสิ่งฤาชอบไซร้ จากห้วงดวงสมร.ฯ
๐ปนเปสิ่งคละกลิ้ง ฝากอิงแอบยลแยบเหลือ
วนวกคลุ้งกรุ่นเจือ แนบฝากไว้มิสำราญฯ
๐หลากคำเล่ห์ยลแยบ เนาสู่แปลบฝังลึกห้วง
ฝากสิ่งฤาชอบปวง ที่ผันแปรแม่ดวงสมรฯ
๐คำหวานสุดพล่านรัก จะประจักษ์สู่คำพล่าน
ร้อยเล่ห์ของดวงมาลย์ หลงลมร้อยเฉไฉกลฯ
๐อึงคะนึงสุดกล่าว ปนเปเศร้าเคล้าคิดถึง
บ่วงมัดสุดตราตรึง พบแต่ความปวดร้าวใจฯ
๐รักเล่ห์หรือร้อยลวง ชายหญิงตวงเก็บซ่อนไว้
หาญหักกลับเซไป เหลือสท้านผ่านอารมณ์ฯ
๐นี่หรือน้ำใจคน ลวงล่อจนหวานขมซึ้ง
สนามรักเคยตราตรึง เปลี่ยนแปรผ่านห้วงกมลฯ
๐ฉันเลวเกินกว่าคบ วกเวียนพบจะขาดผึง
อีกบ้ากว่าจะกลึง จะปวดร้าวเคล้าระทมฯ
๐อย่าสนเลยดีกว่า มาคบหาสู่ภัยตน
เขาเกลียดเกินกว่าคน หนีห่างไว้จะได้ดีฯ
๐จงหนีสุดไกลฟ้า ด้วยลีลาพญาหงส์
มังกรจะปลดปลง อึงคะนึงสะท้านภพฯ
๐สิ่งหวานจงใคร่คิด มากจะปลิดน้ำใจคน
ลวงเล่ห์ร้อยเล่ห์กล ผ่านสิ่งซึ้งจะเศร้าใจฯ
๐น้ำใจคนยากกล่าว มักสร้างข่าวเรืองวิไล
หมกเก็บสิ่งนอกใน แล้วยกอ้างแต่ความดีฯ
๐จงนิ่งแล้วอิงคิด ไตร่ตรองจิตแล้วรีบหนี
ห่างคนประเภทนี้ ปลดฟุ้งซ่านสราญรมย์. :-
* แก้วประเสริฐ.*