10 เมษายน 2553 17:40 น.
แก้วประเสริฐ
น้ำตาลหวาน
น้องเทวีศรีสมรอมรสวรรค์
น้ำตาลหวานตรึงซ่านซึ้งสู่ฝัน
งามเลอเลิศปานแก้วแวววาวพลัน
วิลาวัลย์ผ่านสล้างกระจ่างอารมณ์
หอมระรินกลิ่นฟ้าลัดดาสรวง
ยามพุ่มพวงพลอยชิดสนิทสนม
ก่อเกิดสิ่งอเนกอนันต์พลันภิรมย์
ไร้สิ่งขมรสซ่านหวานแนบทรวง
ดุจน้ำผึ้งเดือนห้าคราบรรจบ
สวยเลิศลบศรีลักษณ์แม้นจักหวง
ปานสตรีสรวงเทพเทวีมณีปวง
ฉวีพุ่มพวงแก้วสีพราวมณีพราย
งามเพริศพริ้งเจิดจรัสประภัสสร
สวยอรชรย้อนเยื่องประเทืองไสว
ดุจมณีสีประพาฬปานไฉไล
มัดห้วงหทัยสิ่งขาวพราวนัยนา
เทพเทวัญต่างแนบแอบอิงขวัญ
วิลาวัลย์แสนป่วนล้วนยากหา
ขอเพียงแนบเคล้าคลึงตรึงอุรา
หวังกัลยาเอ่ยโอษฐ์ที่โปรดปราน
หอมเจ้าเอยสิ่งหอมหวานซึ้งห้วง
ดุจดั่งบ่วงมัดถวิลจินต์ประสาน
เพียงแต่เหม่อเฝ้ามองปองวิมาน
มิอาจผ่านลิ้นซ่านหว่านห้วงใจ
กลิ่นหอมหวนป่วนจิตติดนาสา
ลมโชยมาสูดดมชมพราวใส
เพียงแค่นี้ก็สุขแล้วแพร้วหทัย
มิอาจใกล้ซาบซึ้งตรึงทรวงใน
บุปผาเอยงามแล้วยังแผ่วพล่าน
ป่วนวิมานอัมรินถวิลสงสัย
มิอาจทาบแวววาวพราววิไล
น้ำตาลไหวหวานซึ้งตรึงเทวัญ.
* แก้วประเสริฐ. *
8 เมษายน 2553 13:13 น.
แก้วประเสริฐ
ทางแสงดาว
อากาศร้อนราตรีที่แสนเศร้า
สิ่งรุมเร้าร้อนรนจนสับส่าย
มองหาเดือนเลือนลับใจกลับกลาย
คนบ้าหมายใฝ่ปองจนหมองตรม
เดินเวียนวนร้อนรุ่มกลุ้มอกผ่าว
สิ่งปวดร้าวแฝงไว้ให้สับสน
ระคนหมองอุราเคล้ามาปน
วุ่นร้อนรนยากกล่าวเฝ้ารำคาญ
กลิ่นราตรีบุปผามาอวลอบ
ยามกระทบนาสาพาประสาน
หอมจรุงปรุงปลอบดอกไม้กานต์
อดชื่นบานแผ่วถวิลระรินทรวง
แหงนมองฟ้านภาสล้างกระจ่างแสง
ดาราแฝงประกายพรายสุดสรวง
ระยิบระยับจับไสวหลายดวง
พุ่มเป็นพวงเรืองแสงแฝงทางเดิน
เป็นมวลแห่งทางดาวพราวพุ่มไสว
ชื่นไฉไลสาวหนึ่งพึงสรรเสริญ
ฝากแอบอิงมิห่างกลางแนวเนิน
มุ่งเพลิดเพลินบรรเทาร้าวระทม
งามจริงหนอนวลเอยรำเพยสวรรค์
ดาราวัลย์พรายฉวีที่สร้างผสม
ฝากเลิศหล้าแฝงหมายมาใฝ่ชม
มุ่งหมายบ่มทางไว้ในแสงดาว
ปานประหนึ่งอัปสรร่อนจากฟ้า
สู่พสุธาหลอกชายในกลิ่นสาว
ให้รื่นรสหอมหวนชวนสกาว
มาคอยเฝ้าเหม่อแลชะแง้มอง
คนบ้าบอบ๊องแลแม้ชะเง้อ
แต่กลับเจอดาวฟ้านภาสนอง
แดงเขียวเหลืองแวววับขับแสงทอง
วาวเนืองนองเป็นทางระหว่างพราว.
* แก้วประเสริฐ. *
5 เมษายน 2553 18:27 น.
แก้วประเสริฐ
ฝันกระเจิง
สิ้นแล้วหรือสิ่งฝันอันบรรเจิด
ก่อนเลอเลิศความคิดติดหรรษา
สูญเสียแล้วทุกอย่างวางจินตนา
ปล่อยเวลาเคว้งคว้างอ้างว้างเรา
เหลือแต่เพียงสัจจะที่ข้าถือ
แทบหลุดมือพลัดถิ่นสิ้นโง่เขลา
หลากเหลี่ยมมุมหักไว้ให้มึนเมา
ตาลอยเศร้าเหม่อจ้องของดวงตา
สิ่งฝากไว้ดั่งลมชโลมจิต
ส่วนลิขิตฝากฝันอันเสน่หา
ถูกทลายดุจน้ำค้างกลางนภา
แฝงดอกหญ้าพบรวีสิ้นสีจร
ปิดมุมไว้ในรสเหลี่ยมลบหรือ
สิ่งยึดถือจางลงคงมาหลอน
พลิกผันจากในสิ่งอิงจางจร
เหลือแต่ขอนผุเก่าเฝ้าโรยลา
ฉันยึดถือในตัวไม่กลัวแล้ว
จะลบแนวสิ่งฝันด้นดั้นหา
อดีตผ่านจะทิ้งไปไม่รจนา
ที่นำพาหลีกหลบไม่คบคน
มุ่งหาทางเหินห่างสู่จางมณี
ดุจระวีสิ้นแสงแฝงสับสน
สิ่งที่คิดฝากไว้ในห้วงกมล
จะสิ้นพ้นเมฆดำเฉกอำลา
ต่อไปนี้นานทีจะมีเห็น
สู่ยากเข็ญอับปางอย่ากังขา
ฝันเจือจางลงแล้วแผ่วลงมา
สุดวาสนาคืนกลับต่อยับเยิน
ฝันกระเจิงเหลิงไปสู่โลกนี้
ด้วยยอมพลีใจกายให้เกิดเขิน
ที่เคยพรายใยไว้ไกลเหลือเกิน
สิ้นทางเดินหนอเราเศร้าหัวใจ.
* แก้วประเสริฐ. *
2 เมษายน 2553 14:32 น.
แก้วประเสริฐ
ลำน้ำน่าน
ยามลมพัดขยับสายประกายพลิ้ว
แลระลิ่วทอพรายเหลื่อมลายไสว
เคี้ยวคดน้ำวกเว้าแสงพราวไกล
ระยิบขจายท้องคุ้งทอดจรุงชม
ตะวันทอแสงทองละอองพริ้ง
มวลทุกสิ่งรายเรียงดุจเคียงผสม
หอมระรื่นมธุรสเวียนจรดดม
กลิ่นรื่นรมย์สายน้ำเลิศล้ำยาว
เลี้ยวลดเรียบชายฝั่งเปรียบฝังแก้ว
สลับสีแววสวยพุ่มดุจกลุ่มสาว
เยินเย้าหยอกเป็นผองดุจฟองเงา
ทอเคียงเคล้าแสงทองรวีส่องมณี
โอ้น้ำน่านเพริศพริ้งแลอิงไสว
แลแพรวพรายผิวน้ำแลย้ำฉวี
ที่ทอดไหวเคลื่อนปนแห่งชลธี
บุปผาที่หอมล่องแห่งท้องธาร
งามจริงหนอแม่น้ำยามพร่ำแจ้ว
หวามพริ้งแผ่วพฤกษาล้วนมาผสาน
เป็นดนตรีขับเสนาะไพเราะกานต์
ล้วนฟองซ่านทบฝั่งประดังพราว
ลำน้ำเอยไฉนล้ำราวย่ำสวรรค์
ลำน้ำน่านเพริศพราวดั่งราวสาว
ที่เพียบพร้อมกุลสตรีแสงสีเนา
งามพริ้งเพรามีเสน่ห์ปราศเล่ห์ลวง
ยามเมียงมองใฝ่ฝันรำพันพร่ำ
งามเลิศล้ำเมืองแมนดุจแดนสรวง
ขาวพริ้งพราวผิวผ่องละอองยวง
ยามไหลล่วงแว่วเสียงเยี่ยงดนตรี
ลำน้ำน่านคิดถึงรำพึงหวน
เฝ้ารัญจวนชวนหาแม่มารศรี
งามขาวผ่องทอทาบที่อาบมณี
ส่งแสงสีพลิ้วพร่างกระจ่างเชย.
* แก้วประเสริฐ. *