14 พฤษภาคม 2552 23:27 น.
แก้วประเสริฐ
** ลารักหักอาลัย **
อยากมีรักสักครั้งยังแสนยาก
ทนลำบากยากเข็ญเน้นสนอง
หวังมุ่งยังเปลี่ยนเวียนครรลอง
สู้หมายปองเหลือไว้เพียงได้เงา
ครั้นติดตามใกล้ชิดยังผิดหวัง
แต่ก็ยังเพียรรอเพื่อขอเฝ้า
แม้นรู้ว่าสิ้นหวังยังมุ่งเอา
จะโง่เขลาอย่างไรไม่นำพา
หวังนำเอาสุภาษิตคิดทำ
ตื้อเข้าย้ำนำทางสร้างสรรค์หา
ปากเป็นเอกเฉกเช่นเน้นนำมา
สร้างปัญญาคิดค้นจนแทบพัง
หมดหนทางเสียแล้วแก้วตาเอ๋ย
สิ่งที่เคยฝากไว้ให้หมดหวัง
สูญทุกสิ่งสิ้นแล้วแนวภวังค์
รักมนต์ขลังสร้างไว้อาลัยครวญ
ขอลาก่อนแม้นหวังยังมิพราก
สู้หันจากสิ่งคิดปลิดกำสรวล
ผันสิ่งล้วนที่เศร้าเคล้ารัญจวน
สูญเฝ้าหวนเคยหวังดังสายลม
จิบไวท์เก่าดีกว่ามิลาพราก
แม้นลำบากหวานชื่นระรื่นขม
รินหลั่งไหลฉ่ำหอมย้อมอารมณ์
แสนอภิรมย์ปราศรักหักอาลัย
ร้องเพลงเก่าเคล้าครวญขอบฟ้ากว้าง
ความอ้างว้างรสเสน่ห์เซอาศัย
ทิ้งความช้ำน้ำองุ่นกรุ่นดวงหทัย
สล้างวลัยสลัดสบั้นพลันเมามึน
ประคองกอดพฤกษาผกาดมกลิ่น
แม้นหมดสิ้นสิ่งหวังครั้งขมขื่น
ดื่มไวท์ไปไร้หมองครองยั่งยืน
หวานชุ่มชื่นลารักฝากเสียงเพลง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
9 พฤษภาคม 2552 22:04 น.
แก้วประเสริฐ
** นวลแข **
พราวระเด่นเน้นโพยมโลมสวาท
ยลพิลาสเพริศพราวคราวสบไสว
เพ็ญพักตร์แขตลึงแลแม้อยู่ไกล
แสนไฉไลกลมสล้างกลางนภา
อยากคว้าเจ้าเพียงแลชะแง้เห็น
ตรึงตราเด่นเน้นฤทัยสุดไขว่หา
งามมณีรัตน์ประโลมโฉมกัลยา
เหมือนดาราเพียงรำพึงตลึงแล
อกเอ๋ยหนอพอพิศติดนวลน้อง
คิดหวังปองสู่สร้างกลางกระแส
นภาเปลี่ยนเวียนสลับกับดวงแด
สบพ่ายแพ้แสงนวลชวนหมองมัว
โถแขลอยเลื่อนลับกับเมฆน้อย
แสนละห้อยสิ่งหวังจนพังสลัว
แปรเปลี่ยนงามงันงกตกใจกลัว
พร่ำระรัวเหมือนเก่าเฝ้าเสียดาย
โอ้แสงพิไลเคยสล้างกลางเวหาส
คลุมพิลาสเรือนร่างกลางโฉมฉาย
ม่านสลัวหมุนคว้างกลางเมฆคลาย
พระพายสลายประหนึ่งซึ้งนวลชม
ความผันแปรฟื้นกลับระยับย้อย
ดาราน้อยหวนสลับประดับสม
ส่งแสงนวลยวนเย้าเคล้าอารมณ์
แขภิรมย์บรรเจิดไสวไร้เมฆินทร์
งามจริงหนอราตรีที่แสนสวัสดิ์
สิ่งประหวัดเผยกลับนับหวนถวิล
จินต์กระจ่างสว่างแล้วโฉมยุพิน
ยามหมดสิ้นรันทดหมดจดหทัย
ประกายเปล่งแสงสีดั่งมณีรัตน์
ประไพพัทธ์วัฒนาคราสดใส
เพริศพริ้งแพรวไพพรรณกำนัลใจ
แสนไฉไลเพียงแลแม้ยากครอง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
4 พฤษภาคม 2552 12:38 น.
แก้วประเสริฐ
** รำพึงคำนึงหวน **
เสียงไผ่พลิ้วหวิวหวามท่ามทรวงซึ้ง
ดนตรีตรึงพึงพินิจอดหมองซ่าน
ใบไม้ปลิวผ่านหน้าคราหวนกานท์
อกสะท้านวกวนจนเขียนกลอน
ว่าจะหยุดมิอาจคาดหวังคิด
แต่ดวงจิตแผ่ห้วงเป็นบ่วงหลอน
กระจายจนมิอาจปราศขั้นตอน
สิ่งรุ่มร้อนหมองหม่นปนสิ่งคลาย
สิ่งเคยหวังหมกมุ่นกรุ่นความหลัง
แสงไฟพลังหรี่แล้วแนวเทียนสลาย
รอวันดับมลายสิ้นจินต์ใจกาย
แสงภายในเหี่ยวแห้งแฝงอาดูร
ดั่งต้นไม้เติบใหญ่แผ่ไพศาล
ด้วยผ่านกาลเวลาคราแสงสูรย์
จะล่วงลับหลีกเร้นเด่นเกื้อกูน
ยังต้องสูญสิ้นหวังมิยั่งยืน
ความหมุนเวียนเปลี่ยนไปในโลกกว้าง
ผันพลิกพลางแปรคลายกลายขมขื่น
ทั้งรักชังคลุกเคล้าเปรียบเฝ้ายืน
จนต้องฝืนยามกาลผ่านครรลอง
จะเหลือสิ่งใดเล่าเฝ้าสล้าง
ผ่านแม้นทางมุ่งหมายกลายเป็นสอง
ดั่งพฤกษาหวงใบต้องคลายปอง
ลอยละล่องหลุดต้นจนล่วงโรย
เฝ้าหมุนเวียนเปลี่ยนสลับประดับร่าง
ในท่ามกลางของใจจนให้โหย
ป่านฉะนี้สิ่งหวังดังถูกโปรย
มิอาจโกยหวนกลับนับเกิดมา
นี่แหละหนอความจริงอิงโลกไว้
สิ่งที่ได้มลายสูญหนุนคว้าหา
ยังต้องดับสิ้นมลายสลายปัญญา
เหลือนำมาดีชั่วพัวพันตาม.
*** แก้วประเสริฐ. ***