หวิววาบหวาม ลมผ่านพลิ้วซึมหทัยภายในซ่าน วับแวววามพล่านซึ้งตรึงใจฉัน ฉัพพรรณรังสีพริ้มแสงแห่งพรรณ สะท้อนอนันต์ผ่านฤดีรัตติกาล วาระหวานไฉไลหทัยหวาม ระยับงามมวลแฝงแห่งเฉิดฉาน เสียงขับขานสานเสนาะไพเราะนาน ทอทาบอนันต์แสงน้ำยามจับจันทร์ สะท้านห้วงดวงใจให้ตรึงหวิว ผิวขาวปลิวละอองปองเสกสรร บังเกิดผ่านแสนคนึงตลึงกานต์ วาบหวานผ่านวังหนึ่งพึงเชยชม พบนางฟ้าพิลาสประหลาดหนอ งามลออพราวพรรณสวรรค์เสกสม ยามอรชรย่างเยื้องเมลืองอารมณ์ แสนภิรมย์หวาดหวั่นครั้นปราณี หวนย้อนกลับครานี้ยากมีแล้ว เหลือแต่แว่วคลื่นลมบ่มแสงสี พล่านแฝงวาวขาวนวลป่วนชีวี เปลี่ยวฤดีพล่ามไปฤทัยครวญ นรกหรือสวรรค์นำมาคราประชด แม้นบรรพตเทียบวังยังกำสรวล แสงแห่งจันทราแนบแอบสิ่งยวน สร้างปั่นป่วนหวนซึ้งรำพึงนาง มาดเนิ่นนานผ่านแล้วอนิจจาเอ๋ย เคยชิดเชยซาบทรวงล่วงจนสาง ยืนคอยจนทะเลเห่ครวญคราง สุดเปลี่ยวว้างฝากห้วงดวงใจเรา หลับตาพริ้มลิ้มรสประกายแผ่ว ที่เพริศแพร้วงามซึ้งตรึงร่างเขา งามแย้มยวนพักตร์อิ่มยิ้มใจเบา เพียงเหลือเงาฝากซึ้งซ่านตรึงใจ. *** แก้วประเสริฐ. ***
พรายพิศวาส เสียงคีตกาลสานเสนาะไพเราะเสียง วิเวกเคียงพฤกษ์ไผ่คล้ายขับขาน อวลอบหอมย้อมกลิ่นรัตติกาล สู่ซาบซ่านดนตรีศรีพฤกษ์พนา นกแสกร้องแว่วก้องคะนองป่า สองนัยน์ตาเค้าแมวส่องค้นหา กึ่งราตรีหอน้อยพลอยครวญมา อยู่กลางป่าวังเวงเพลงล่องลอย ชะเง้อมองสองตาพาเบิกกว้าง ต้องเบิ่งค้างเพ่งพิศคิดเลี่ยงถอย ห้วงหนึ่งอยากใคร่รู้หวังสู่คอย ลบร่องรอยหมายแลชะแง้มอง หญิงชายงามยิ่งนักประจักษ์เทพ เฝ้าพึงเสพย์ภิรมย์สมสิ่งสนอง มิเหมือนเราสาวบ้านผ่านสิ่งปอง มวลละอองหยากไย่มากมายนัก บุรุษหนุ่มแต่งกายคล้ายหน่อเชื้อ มวยผมเอื้อเกล้าสูงเป็นพุ่มขยัก เผดียงสาวงามอรชรอ่อนช้อยนัก แสนประจักษ์อาภรณ์ซ่อนซ่านใจ พริ้มพักตร์มลโกสุมพุ่มพวงอร่าม ซึ้งวาบหวามอรอนงค์หลงสดใส ล้วนตาแลมองหมายคล้ายซ่านใน หวามวิไลทรวดทรงบรรจงขจาย ท่ามกลางเขาพฤกษ์ไพรกลายฉะนี้ ล้วนเคยที่พวกพ้องท่องเที่ยวหลาย รัตติกาลพลันแทนแสนพลิกกลาย หลากผีพรายมวลเทพอเนกภิรมย์ แว่วคลอเคล้าพิศวาสบาดสิ่งสรวล สู่เสียงครวญครางซ่านผ่านเสพย์สม พลันถอยกลับต้องหวนป่วนชื่นชม ซึ้งหวิวพรมเพลิงสวาทพิลาสหวาม มาคนเดียวเปลี่ยวฤทัยให้วาบหวิว กลางพฤกษ์ทิวเขาไพรให้เกรงขาม แม่นางไม้หรือพรายเยี่ยมกรายงาม บรรจงหยามก่อภาพฉาบห้วงหทัย. *** แก้วประเสริฐ. ***
สะอื้นนางครวญ ...๏หวามหวิวซาบซ่านซึ้ง นางครวญ เพ็ญพักตร์น้องเนื้อนวล ร่ำไห้ ใจคงป่วนพลิกหวน ผันสู่ รักแฮ ฤาสิ่งมิอาจได้ พลาดซึ้งตรึงฤทัย ฯ กุหลาบแดงทาบข้าง วางแนบ เด่นเฮย สรรค์สิ่งซึ้งเคียงแอบ บ่วงน้อง ซุกเร้นซ่อนจนแปลบ สุดป่วน นวลแฮ หวานล่มบ่มร่ำร้อง สั่นพลิ้วพร่างขจาย ฯ เสียงสะอื้นซ่านสล้าง ลอยลม แว่วผ่านห้วงอกตรม หม่นไหม้ นางป่วนล้วนคงขม หมองยิ่ง ครวญเฮย พักตร์แม่แม้นงามไซร้ เทียบล้ำแมนสรวง ฯ ไยจึ่งเป็นดั่งนี้ แม่นาง งามเอย ม่านรักคงขัดขวาง จากฟ้า สิ่งสิ้นหยุดจัดวาง ต่อสิ่ง รักแฮ ทิ้งพรากมิอาจคว้า ม่านล้ำฤาสนอง ฯ หอมหวนชวนสิ่งซึ้ง ปลอบใจ เย้าสิ่งหยอกฤทัย จากเจ้า ตะละแม่เหตุไฉน ปิดม่าน- ตาเฮย รักมากจึ่งหมองเศร้า ผ่านแล้วมาลี ฯ รักมากยามซ่านพลิ้ว เจือจาง ผ่านนา ยามสุดสิ้นเบาบาง หล่นฟ้า เหลือไว้แต่อับปาง มากต่อ ใจเอย แสนสุดจะเหนื่อยล้า หมดแล้วบ่วงถวิล ฯ สงสารเสียงสะอื้น ลมลอย น้ำหยาดตาหวังคอย รักแท้ หลั่งเพียงหยดฝังรอย ลบสิ่ง ผูกแฮ ก้มพักตร์หมดใจแล้ สู่ซึ้งห้วงหทัย ฯ มาดแม้นงามดั่งฟ้า โลมดิน ถวิลแฮ ยังพลาดจนสิ้นจินต์ หมดแล้ว เศร้าทรวงต่อชีวิน ควรคิด คนึงนา ให้รักอย่าหมายแพร้ว หว่านซึ้งพึงครวญ. ๚ะ๛ *** แก้วประเสริฐ. *** (ภาพนี้ขออนุญาตแล้ว จำบ่ได้ว่าของใคร)
ขมิ้นบินหลา ตะวันรอนยอแสงแฝงหวนซึ้ง สิ่งตราตรึงพฤกษ์ไพรในแนวสณฑ์ จวนจะค่ำแล้วหนอรอ..นฤมล อกปั่นปนซาบซ่านฟุ้งพล่านหทัย ทิวเทือกเขาบรรทัดช่างมัดห้วง สุดแสนห่วงกานดาจะหาไหน หวิวลมผ่านโศกเศร้าเคล้าสู่ใน ดุจดวงใจละล่องท่องเมฆินทร์ มองคอนน้อยคอยรักปักใจซ่าน เคยขับขานว่างเปล่าใจเฝ้าถวิล บินหลาเอ๋ยฝันเจ้าเฝ้าหวั่นจินต์ แสนจะสิ้นหนทางร้างลิดรอน บินกู่ร้องก้องเรียกซ่านสุดเสียง ปราศสำเนียงค้นหาฝ่าสิงขร จวนจะค่ำแล้วรอหนอบังอร สุรีย์ย้อนแสงส่องสาดผ่องนภา ทะยานสู่ท้องฟ้าสายตาส่อง เหม่อค้นมองขมิ้นน้อยละห้อยหา ป่านฉะนี้ไยลับไม่กลับมา ยอดเสน่หาจวนครึ้มซึมหัวใจ ถลาลงค้นหาฝ่าพุ่มไพรสณฑ์ ห้วงดวงกมลโหยหาน้ำตาไหล ขมิ้นเอ๋ยเจ้าอยู่ไหนไยหนีไกล หรือลืมไพรบินหลาทิ้งคาคอน ต่อไปนี้ใครเล่าเฝ้าคุยด้วย ปรึกษาช่วยหมดสิ้นจินต์สังหรณ์ เหลือเพียงคอนว่างเปล่าเฝ้าอาวรณ์ ห้วงสะท้อนรินหลั่งพรั่งน้ำตา วิเวกแว่วสำเนียงเสียงเค้าแมว คางค้าวแผ่วโฉบฉวัดจัดมุ่งหา เขาเริงร่าเบิกบานซ่านไพรพนา โอ้บินหลาหงอยเหงาเฝ้าเคียงคอน. *** แก้วประเสริฐ. ***
ฟุ้งซ่านรัญจวน ยามป่วยไข้ปั่นป่วนให้หวนคิด สิ่งวิจิตรสะสมบ่มหรรษา ท่องเที่ยวไปป่าเขาลำเนาพนา เพื่อทัศนาแมกไม้พฤกษ์ไพรวัลย์ เดินโดดเดี่ยวคนเดียวเปลี่ยวใจเหงา ทิ้งหมู่เหล่าหนีเสียงเลี่ยงเสกสรร เลาะลดเลี้ยวผ่านทางขวางกีดกัน แว่วเสียงนั้นซ่านซึ้งติดตรึงหทัย ผ่านมวลไผ่ขับขานสานเสนาะ แสนไพเราะลมพลิ้วละลิ่วไสว อ้อมหนทางขรุขระผละพุ่มไพร อวลอบไว้หอมกรุ่นละมุนบาน ซ่านสิ่งซึ้งสำเนียงแว่วเคียงแผ่ว เวิ้งว้างแนววนเวียนเพียรใฝ่สาน หินหลากสีน้อยใหญ่ให้ตระการ จิตใจพล่านเลาะเลี้ยวเที่ยวใฝ่ปอง เดินเอื่อยเฉื่อยค้นหาฝ่าโขดหิน เลาะผายินสิ่งพลิ้วละลิ่วสนอง พบสายธารน้ำไหลให้คะนอง ใจผุดผ่องสำราญเบิกบานฤทัย เจอแล้วหนอสิ่งหวังตั้งใจมุ่ง หมายใฝ่ผดุงวิเวกเฉกสดใส ณ ท่ามกลางหินผาพฤกษาไพร เสียงสั่นไหวสดับซึ้งตรึงห้วงจินต์ นั่งลงตรงโขดหินถิ่นแมกไม้ มองน้ำไหลกระฉอกกระแสสินธุ์ บ้างลดเลี้ยวทบหินละอองริน เลาะเลี้ยวถิ่นพฤกษาพนาครอง ก่อกำเนิดแวววับขับแสงส่อง ที่ลอดช่องแมกไม้พลิ้วไหวสนอง เกิดเป็นรุ้งพวยพุ่งสลับละออง ช่างผุดผ่องวิไลคล้ายแมนสรวง อดคำนึงหญิงหนึ่งพึงแสนรัก สื่อใจรักกันได้คล้ายใจหวง มีแต่เพียงคารมบ่มใยยวง จนเกิดบ่วงฝังลึกจนตรึกซม หากมาดแม้นเคียงคู่สู่สถานนี้ คงจะมีความสุขคลุกเสกสม ต่างบรรเลงเพลงกานท์อภิรมย์ รื่นเริงรมย์ต่อสถานวิมานแมน โอ้อกเอ๋ยเดียวดายในไพรพฤกษ์ สายธารผนึกโรยล่วงมิหวงแหน ดุจดังเขาทิ้งเราเฝ้าต่างแดน ให้โลดแล่นเดียวดายในโลกา. *** แก้วประเสริฐ. ***